: : กุหลาบ : รัก และ ด็อกโรส : รื่นรมย์และเจ็บปวด : :
แม้จะล่วงเลยเทศกาลแห่งความรักมานานแล้ว แต่เรื่องของดอกกุหลาบกับความรักก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเทศกาลมิใช่หรือ ... เราสมมติวันเวลาขึ้นมาเพื่อกำหนดเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างให้เป็นที่รู้กัน แต่ในทุกๆ วัน กุหลาบก็ยังแย้มกลีบ ความรักก็ยังคงผลิบาน จะพูดถึงเรื่องกุหลาบกับความรักกันวันไหนๆ ก็น่าจะได้ ...
แม้ว่าเราจะไม่ได้ชื่นชอบกุหลาบเป็นพิเศษ (บางทีอาจมีแอบหมั่นไส้ ค่าที่เธอเป็นดอกไม้หรูหรามีราคา เราชอบดอกหญ้า ดอกไม้ป่ามากกว่า) ถึงกระนั้นยามที่ได้มีโอกาสตะลอนไปไหนๆ แล้วเจอดอกกุหลาบ ก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปดอกไม้นี้ไว้มากมาย ความสวยงามของกุหลาบ ดูแล้วก็ชื่นใจ สบายตา เพลินอารมณ์นับว่าเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่มีรูปลักษณ์สะสวยงดงามในแนว "สวยมีสกุล" ...
ความหมายของดอกกุหลาบ ในเชิง 'ภาษาดอกไม้' เท่าที่เคยรู้ๆ กัน คงไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับ "ความรัก" แต่ในหนังสือเก่าที่ชื่อว่า The Language of Flowers illustrated by Kate Greenaway (1978, Frederick Warne & Co.,Ltd., London) มีนิยามของดอกกุหลาบไว้มากมายหลากหลายชนิดและสีสัน ชื่อกุหลาบบางชนิด เราก็ไม่รู้จักหรอก รู้จักแต่กุหลาบพื้นๆ นี่เอง ...
Rose .........................Love. Rose, Austrian ...........Thou art all that is lovely. Rose, Bridal ............... Happy love. Rose, Burgundy ...........Unconscious beauty. Rose, Cabbage ............ Ambassador of love. Rose, Campion ............ Only deserve my love. Rose, Carolina ............. Love is dangerous. Rose, China ................. Beauty always new. Rose, Christmas ............ Tranquillize my anxiety. Rose, Daily .................. Thy smile I aspire to. Rose, Damask ............. Brilliant complexion. Rose, Deep Red ............. Bashful shame. Rose, Dog ...................... Pleasure and pain. Rose, Guelder .............. Winter. Age. Rose, Hundred-Leaved ...... Pride. Rose, Japan ................ Beauty is your only attraction. Rose, Maiden Blush ............ If you love me, you will find it out. Rose, Multiflora .............. Grace. Rose, Mundi ................... Variety. Rose, Musk ..................... Capricious beauty. Rose, Musk, Cluster ........... Charming. Rose, single ................... Simplicity. Rose, Thornless .............. Early attachment. Rose, Unique ................. Call me not beautiful. Rose, White .................. I am worthy of you. Rose, White (withered)........ Transient impressions. Rose, Yellow ................ Decrease of love. Jealousy. Rose, York and Lancaster.. War. Rose, Full-blown, placed over two Buds ... Secrecy. Rose, White and Red together ..... Unity. Roses, Crown of ........ Reward of virtue. Rosebud, Red............. Pure and lovely. Rosebud, White ............ Girlhood. Rosebud, Moss ............. Confession of love.
: : My Rose Pictures : :
คราวนี้มาดูภาพดอกกุหลาบของเราบ้าง เป็นการเก็บภาพมาจากสวนคิวเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นรูปแรกที่มาจากทุ่งหญ้าริมทางที่เมืองกราสเมียร์ เมืองเล็กๆ ในแคว้นแลงคาเชอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม "เลค ดิสทริค" ...
...กุหลาบป่าพุ่มนี้สีชมพูเข้มอมม่วง สดสวยจับตาจริงๆ กลีบดอกซ้อนกันแน่น เริ่มจะโรยแล้ว...
..กุหลาบ ณ สวนพฤกษศาสตร์คิว สีชมพูอมครีมเหลืองอ่อน ... สวยหวานชวนให้หลงรัก
..กอนี้เป็นสีชมพูฟูฟ่่อง สดใสแบบซื่อๆ ดีจัง เห็นแล้วนึกถึงขนมสายไหม หรือกระโปรงชีฟองบานฟูๆ ของตุ๊กตาแบกะดิน..
..กุหลาบนี้แปลกดี มีกลีบชั้นเดียวบานๆ ตอนแรกเรายังคิดว่าไม่ใช่กุหลาบ นึกว่าเป็นดอกไม้อื่นเสียอีก แต่มารู้ภายหลังว่าเป็นกุหลาบชนิดหนึ่ง คิดว่าชื่อ "ด็อก โรส" (Dog Rose)..
: : ประวัติกุหลาบป่า : :
Picture by courtesy of //www.rose-gardening-made-easy.com กุหลาบป่า (Wild rose) ในยุคโบราณ เป็นที่มาของกุหลาบสมัยใหม่ที่เพาะปลูกกันแพร่หลายทั่วไปทุกวันนี้ นักโบราณคดีที่ได้ทำการสำรวจสิ่งมีชีวิตในยุคก่อนประวัติศาสตร์บอกว่า เริ่มมีการค้นพบกุหลาบป่าในยุคเทอเชียรี่ (Tertiary Period) ประมาณ 70 ล้านปีก่อน กุหลาบจึงเป็นพฤกษพันธุ์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมาก กล่าวได้ว่า บรรพบุรุษของกุหลาบเกิดขึ้นก่อนวิวัฒนาการของมนุษย์เสียอีก ...
ประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้บอกให้เรารู้ว่า มีพุ่มกุหลาบป่าเติบโตอยู่ตามเนินเขาในเกาะครีต ประเทศกรีซมานานนับพันๆ ปีก่อนการประสูติของพระเยซูคริสต์ ส่วนชนชาติแรกๆ ที่นำกุหลาบมาใช้ประโยชน์ ได้แก่ ชาวจีนและชาวอียิปต์ หลักฐานคือภาพของกุหลาบที่มีอยู่ในหลุมศพของชาวอียิปต์โบราณ นอกจากนี้ ที่สวนลอยแห่งบาบิโลน (The Hanging Garden of Babylon) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ก็ยังมีการปลูกต้นกุหลาบด้วย ในยุคกลางของโลกตะวันตก พระและหมอมักจะปลูกกุหลาบป่าไว้เพื่อนำส่วนประกอบมาใช้เป็นยา หลังจากยุคโบราณ กุหลาบป่าก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งปราสาทราชวัง และบ้านพักของผู้ลากมากดีในยุโรป : : เรื่องของ 'ด็อก โรส' : :
ด็อก โรส (Dog Rose) เป็นกุหลาบป่าท้องถิ่นชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในป่าโปร่ง ป่าละเมาะ และสุมทุมพุ่มพฤกษ์ ในอังกฤษพบได้ทั่วไปรวมทั้งที่สกอตแลนด์ (เราอ่านคู่มือดอกไม้ป่าบริเทน เลยไม่ได้ดูว่าที่ทวีปหรือประเทศอื่นๆ จะมีหรือไม่) ชื่อพฤกษศาสตร์ของ ด็อก โรส คือ โรซา คานินา (Rosa canina) บางทีคนในโลกตะวันตกก็เรียกกับว่า ด็อกเบอร์รี่ (dogberry) ว่ากันว่าสาเหตุที่ดอกไม้ที่น่าสงสารนี้ถูกเรียกว่า "กุหลาบน้องตูบ" มีหลายที่มา เช่น เป็นการสื่้อถึงสถานภาพการเป็นพืชดอกไร้คุณค่าเมื่อเทียบกับกุหลาบสมัยใหม่ที่มีการปรับปรุงพันธุ์จนดูสวยเก๋ระเหิดระหง หรืออาจจะเป็นเพราะการที่พืชชนิดนี้มีสรรพคุณในการรักษาอาการถูกสุนัขกัดได้ด้วย ...
ด็อก โรส เป็นหนึ่งในดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการมาถึงของฤดูร้อน (ในโลกตะวันตก คือประมาณเดือนมิถุนายนของทุกปี) ทุกๆ ปี ด็อกโรสจะเริ่มออกดอกบานในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน และจะบานสะพรั่งเรื่อยไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ...
สำหรับผู้ที่หลงใหลความงามแบบใสซื่อของดอกไม้ป่า (อย่างเราเป็นต้น) ด็อก โรส ไม่น่าจะเป็นพืชดอกไร้ค่าเลย ในอังกฤษ ด็อก โรส เป็นพืชโตเร็ว พุ่มสูงและกว้างประมาณสามเมตร ลำต้นอ่อนโค้งไปมา แต่ก็ไม่ใช่ไม้เลื้อย ด็อก โรส โตได้ในดินหลากหลายชนิด รวมทั้งดินเหนียวด้วย แต่ถ้าจะให้ดี ก็ไม่ควรเป็นที่ที่ชุ่มชื้นเกินไป หรือแห้งแล้งเกินไป ขอให้มีแสงรำไรพอเหมาะ ใบของด็อก โรสก็คล้ายกุหลาบทั่วไป คือมีขอบหยักๆ แหลมๆ หากขยี้ใบจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ... เช่นเดียวกับกุหลาบทั่วไป ด็อก โรส บานในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม กลีบดอกบอบบางมี 5 กลีบ มีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพูอ่อน ชมพูเข้ม ยามผลิดอกบาน ด็อก โรส มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เชิญชวนให้เหล่าภมรทั้งผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงภู่พากันบินวนเวียนมายังสวนของคุณเพื่อเชยชมดอกไม้น่ารักเหล่านี้ ...
เมื่อดอกร่วง ผลของด็อก โรสก็จะปรากฎให้เห็นประมาณเดือนตุลาคมถึงธันวาคม เป็นผลทรงรีสีแดงเข้มอมส้ม ในฤดูหนาวอันเยือกเย็น ผลของด็อก โรส มักจะถูกฉกชิงไปไม่เหลือติดต้น ด้วยฝีมือของเหล่านกที่หิวโหยและต้องผจญกับอากาศอันเหน็บหนาวนั่นเอง ... การปลูกกุหลาบป่าอย่างด็อก โรส ควรปลูกในดินที่มีความชุ่มชื้นพอเหมาะ ระบายน้ำได้ดี ถ้าเป็นดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์และมีสารอินทรีย์ก็ยิ่งดี กำลังดี ด้วยความเป็นพืชแข็งแรง เลี้ยงง่าย โตไว และทนต่อโรคพืช ทั้งยังสดสวยสว่างไสว นักนิยมดอกไม้ป่าในอังกฤษจึงแนะนำให้ปลูกด็อก โรส ไว้ในสวนของคุณ เพื่อสร้างบรรยากาศของสวนดอกไม้ป่าอันน่าอภิรมย์
: : 'ด็อก โรส' วันวานถึงวันนี้ : :
..Picture by courtesy of "The Language of Flowers" Book by Shiela Pickles..
ด็อก โรส เป็นหนึ่งในพรรณไม้ที่ผู้คนในโลกตะวันตกรู้จักกันดีมาแต่ครั้งโบราณกาล และยังเห็นมีการปลูกกันอยู่ในสวนแถบยุโรปจนทุกวันนี้ ความหมายของด็อก โรส ในเชิง 'ภาษาดอกไม้' คือ ความรื่นรมย์ใจและความเจ็บปวด อันมีที่มาจากความคิดที่ว่า เมื่อใครไปพบความหอมหวานของด็อก โรสที่ผลิบานอยู่ในทุ่งหญ้าป่าเขา ก็จะเกิดความรู้สึกรื่นรมย์ใจยิ่งนัก แต่แล้วใครก็ตามที่คิดจะเด็ดดอกกุหลาบป่าแสนงามนี้ ก็จะต้องได้พบกับความเจ็บปวดเมื่อถูกหนามแหลมทิ่มแทง ...
วิลเลี่ยม เชคสเปียร์ กวีในยุคศตวรรษที่ 16 คุ้นเคยกับกุหลาบป่าที่มีนามว่าด็อก โรสนี้เป็นอย่างดี เขาได้แต่งบทประพันธ์ไว้หลายตอนที่เอ่ยถึงด็อก โรส ซึ่งในเวลานั้นเขาเรียกว่า 'Canker Rose' ... จอร์ช เฮอร์เบิร์ต (George Herbert) กวีในศตวรรษที่ 17 ก็ได้เขียนไว้ในบทกวีชื่อ 'Providence' ว่า 'A Rose, besides his beauty, is a cure' มีความหมายว่า ดอกกุหลาบนี้นอกจากจะงดงามแล้วยังเป็นยารักษาโรคได้ด้วย ... นอกจากนี้ สุภาพสตรีอังกฤษในยุคเอลิซาบีธาน ยังนำผลของด็อก โรส ที่เรียกว่า โรสฮิปส์ มาทำเป็นทาร์ตและแยมอีกด้วย ส่วนน้ำเชื่อมโรสฮิปส์ ก็นำมาให้เด็กๆ รับประทานเป็นยาบำรุง ...
: : รู้จัก 'ด็อก โรส' เพิ่มอีกนิด... : :
ลำต้นแข็งแรงแต่อ่อนโค้งไปมาของด็อก โรส สามารถใช้แทนรั้วลวดหนามเพื่อป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดีได้ด้วย
กลีบดอกของด็อก โรส นำมาทำเป็นแยมที่มีกลิ่นหอมหวานชื่นใจได้
ใบของด็อก โรส เมื่อนำมาตากแห้งและบด ชงในน้ำร้อน ทำเป็นชาชงดื่ม มีกลิ่นหอมสดชื่น รสชาติฝาดๆ เล็กน้อย
ด็อก โรส เป็นดอกไม้ประจำแคว้นแฮมเชอร์ (Hampshire)
เมล็ดในผลของด็อก โรส จะต้องผ่านฤดูกาลอันหนาวเย็นถึงสองคราว กว่าจะงอกเป็นต้นอ่อนได้
ในสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ด็อก โรส เป็นดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของราชสำนัก
: : สรรพคุณทางยาของ 'ด็อก โรส' : :
Picture by courtesy of //www.english-country-garden.com
เป็นความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณกันว่า รากของด็อก โรสช่วยรักษาแผลจากรอยกัดของสุนัขบ้าได้ (อันเป็นที่มาของชื่อดอกไม้ชนิดนี้นั่นเอง)
ผลของด็อก โรส (rose hips) อุดมไปด้วยวิตามินซี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จึงนิยมนำผลของด็อก โรสมาทำเป็นน้ำเชื่อมโรสฮิป (rose hip syrup) สำหรับให้เด็กๆ รับประทาน เพื่อทดแทนผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างส้มซึ่งเป็นของหายากในช่วงเวลาดังกล่าว
ในปัจจุบัน มีการทำวิจัยพบว่า ด็อก โรส เป็นพืชที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
: : ภูตพฤกษา กุหลาบ และกุหลาบป่า : :
เรื่องดอกไม้ของเราจะไม่มีวันจบถ้าไม่มีภาพของ 'ภูตพฤกษา' (Flower Fairies) ประจำพรรณพืชชนิดนั้นๆ มาอวดโฉม ... จะว่าไปแล้ว เรื่องดอกไม้ที่เรารวบรวมเสาะหาข้อมูลมาเขียนแต่ละเรื่อง ก็ต้องมีแรงดลใจมาจาก 'ภูตพฤกษา' ทั้งหลายแหล่ ที่เชื่อกันว่าเป็นเทพยดาหรือนางฟ้าที่พิทักษ์รักษาต้นไม้แต่ละชนิด มีมากมายก่ายกองเชียวละ น่าเสียดายที่เป็นพืชพรรณของตะวันตกทั้งนั้น พืชไทยๆ ก็คงจะมีเทพารักษ์ รุกขเทวดา หรือนางไม้อยู่ประจำต้นไม้แต่ละชนิดเหมือนกันกระมัง
เรายังไม่สามารถหาเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูตพฤกษาได้ ก็เลยคงจะต้องขอลงเฉพาะรูปที่สวยน่ารักของภูตเหล่านี้ไว้ เป็นอันส่งท้ายเรื่อง ...
..ภูตพฤกษาแห่งกุหลาบ (Rose Fairy).. The illustration of Cicely Mary Barker
..ภูตพฤกษาแห่งกุหลาบป่า (Wild Rose Fairy) The illustration of Cicely Mary Barker
: : บันทึกวันสีส้ม : : ..25 มีนาคม 2553 ... 21.35 น. ..
ช่วงวันสองวันนี้ ถูกงานตะลุมบอนอย่างหนัก ถึงจะไม่ได้มีใครมาชี้นิ้วสั่งงาน แต่ก็เหมือนกับเราต้องรู้หน้าที่ รู้ว่าอะไรต้องรีบทำให้เสร็จ แต่กระนั้นก็ยังอาการแย่ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกลับมาทำงานต่อที่บ้าน แถมวันเสาร์นี้ยังจะลาพักร้อนไปอมก๋อยอีกต่างหาก ... ที่น่าเจ็บใจคือ คอมฯ ตัวใหม่ของเรา มีอาการพิลึกๆ เวลาทำงานรูป ไม่ว่าใช้โฟโตช็อปหรือโฟโตสเคป มันไม่ยอมให้เซฟรูปที่เราทำงานพวกปรับขนาด หรือแต่งรูปไป (รูปงานทั้งนั้นละ) บอกว่าเราไม่ได้รับอนุญาตให้เซฟรูปไว้ที่นี่ แล้วจะให้ไปเซฟที่ไหนก็ไม่บอก ... บ้าบอจริงๆ โทร. ไปถามช่างก็ไม่ได้ความ โทร. ไปถามไมโครซอฟท์ก็บอกปัดให้ไปติดต่อ HP เอาเอง ... ทุกวันนี้เพื่อแก้ปัญหางานรูป เลยต้องเป็นบ้าหอบฟาง พกแม็คบุ๊คไปทำงานด้วยเพราะมีโฟโตช็อปที่ไม่เคยงอแงเวลาทำรูป เซ็งมั่กๆ เฮ้อๆๆๆๆ... ..ขอบอกร่ำลาไปอมก๋อยเลยละกันนะคะ ... ชอกช้ำระกำใจหยั่งงี้ ขอไปเข้าป่าเข้าดงให้หายเซ็งดีกว่าละเน้อ แล้วจะกินผักกาดจอเผื่อเพื่อนๆ นะเจ้า..
: : บันทึกวันสีแดง : : ..28 มีนาคม 2553 ... 21.35 น. ..
มาอยู่อมก๋อยได้สองวันแล้วค่ะ ตอนแรกก็หวั่นๆ เหมือนกันว่าจะเจออากาศร้อนอบอ้าวมากไหม แล้วควันไฟที่ลอยอยู่ในภูเขาแถบเชียงใหม่นี่อีกล่ะ ... ปรากฎว่าพอมาถึงเมื่อวาน อมก๋อยก็ไม่ได้ร้อนมากมายเลย มีลมเย็นๆ พัดโชยเย็นสบายตลอดวัน แดดร้อนบ้างแต่ก็ไม่ได้ร้อนเปรี้ยงๆ มีเมฆครึ้มผ่านมาเป็นบางช่วง อันเป็นผลมาจากการทำฝนหลวงนั่นเอง ทำให้บรรเทาอาการหมอกควันคลุมเมืองไปได้เยอะ ...
ส่วนยามกลางคืน ปรากฏว่าอุณหภูมิที่อมก๋อยนี่ลดต่ำลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ คือกลางวันประมาณสามสิบองศาเซนติเกรด กลางคืนก็ราวๆ สิบกว่าองศาเซนติเกรด ต้องห่มผ้านอนขดเป็นกุ้งเลย ตื่นเช้ามาเจอหมอกขาวบางๆ ลอยปกคลุมไปทั่ว ได้ถ่ายรูปหยดน้ำค้างตามใบไม้ใบหญ้าไว้บ้างเหมือนกัน ส่วนสหายสี่ขาคือบีเจกับครัวซองต์ก็มาเป็นเพื่อนเดินเล่นถ่ายรูปเช่นเคย ส่วนสองสหายบางแก้วชื่อข้าวเม่า-ข้าวฟ่าง ไม่อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าของนำไปให้คนอื่นเลี้ยงที่บ้านทุ่งจำเริงโน้น ...
ณ เวลานี้เราก็เลยมานั่งที่เฉลียงริมน้ำของบ้าน "กาสะลอง" ฟังเสียงนกร้อง แซมเสียงธารน้ำไหล เพลินใจดีจริง ... อากาศไม่ร้อนเลย ตกเย็นลงๆ ก็จะมีลมเย็นอ่อนๆ พัดมาเรื่อยๆ นี่คนข้างๆ กับสมาชิกตัวเล็กอื่นๆ พากันนอนหลับไปเป็นแถวๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีแอร์เลย ... บรรยากาศและคุณภาพอากาศช่างแตกต่างจากในกรุงเทพฯ ลิบลับ ... เราไม่ง่วงเลยขอแว้บมาบันทึกในบล็อกสักหน่อย ส่วนเรื่องจากการเดินทางเดี๋ยวกลับไปค่อยเอารูปมาลงกับเขียนบรรยายว่าไปไหนมาไหนมามั่ง แต่วันนี้คงต้องขอไปทำโปสการ์ดทำมือก่อนดีกว่า ทำเสร็จจะได้เขียนส่งมิตรรักแฟนเพลงทั้งหลายให้ประทับตราไปรษณีย์อมก๋อยอีกละ พรุ่งนี้สายๆ เราก็จะไปเชียงใหม่แล้ว พักเชียงใหม่อีกคืน แล้วกลับกรุงเทพฯ ค่ำๆ วันอังคารนู้น...
: : บันทึกวันสีเหลือง : : ..29 มีนาคม 2553 ... 20.05 น. ..
วันนี้เป็นวันทำงานที่เราไม่ได้ไปทำงาน มาเอ้อระเหยอยู่เชียงใหม่นี่เอง สำหรับเราเองไม่น่าแปลกใจ แต่คนข้างๆ นี่ซิ หาโอกาสเลือกวันลาได้ยากเย็น แถมจะส่งใบลาก็ทุลักทุเล ต้องให้ฝ่ายบุคคลที่ดูแลผู้บริหารภาคพื้นเอเชียเป็นผู้ดำเนินการให้นายใหญ่อนุมัติ การลาพักร้อน หรือการหยุดพักจากการทำงานเป็นครั้งคราวบ้าง เราว่าน่าจะเป็นผลดีต่อสุขภาพกายและใจของคนทำงาน เพราะได้ออกมาห่างไกลจากเมืองใหญ่ที่ใช้ชีวิตจำเจกับงานประจำ ถึงจะรักงานรัปผิดชอบงานแค่ไหน คนเราก็ไม่ใช่เครื่องจักรนี่เนอะ ก็ต้องมีหยุดพักบ้างละ และคนข้างๆ กับเราก็เห็นตรงกันว่า เราตัดสินใจไม่ผิดเลยที่พาเด็กๆ มาอมก๋อย (เป็นหลัก คือสามคืนสองวัน) พ่วงท้ายด้วยเมืองเชียงใหม่อีกวันครึ่งก่อนกลับ เพราะทำให้เด็กๆ ได้สัมผัสธรรมชาติและบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลออกไปในขุนเขา ได้มีโอกาสนั่งรถโฟร์วีลข้ามภูเขาไปหลายสิบลูกเพื่อให้ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของชาวดอย ด้วยความที่เวลากระชั้นชิดเลยไม่ทันได้เขียนโปสการ์ดและส่งลงตู้ที่อมก๋อยอย่างที่ตั้งใจ ขอยกยอดมาส่งตู้ที่สถานีรถไฟเชียงใหม่นี่ละเน้อ พรุ่งนี้ก็จะกลับคืนสู่นาครแล้วซิเรา กลับไปวิ่งไล่กวดงานแกะดินพอกหางหมูกันต่อไป สงกรานต์ก็คงไม่ได้ไปไหน ต้องอยู่โยงเฝ้าบ้านเพราะแม่บ้านขอลากลับบ้าน ... ไม่เป็นไร ได้เห็นกรุงเทพฯ เงียบๆ มั่งก็คงดีเหมือนกัน ..สุขสันต์วันจันทร์นะคะ..
Create Date : 23 มีนาคม 2553 |
Last Update : 29 มีนาคม 2553 20:19:26 น. |
|
40 comments
|
Counter : 6644 Pageviews. |
|
|
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!
GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him