Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
" November's Tears " ( บทที่ 24 )




บทที่ 24







คนขายมองผมและมอเตอร์ไซค์ที่ขับมา..ผมหนาวๆ ร้อนๆ เขาคิดอะไรอยู่!



“คันที่ใช้อยู่ก็เหมาะกับคุณดีแล้ว..” ที่แท้พ่อค้าสนใจรถมากกว่าคน..ผม..โล่งเลย “จะถามหา NSR 150 ไปทำไม..มันตัวใหญ่ไม่เข้ากับคุณหรอก”

“ผมอยากได้เพราะจะใช้วิ่งทางไกล” หวังดีกับผมเกิน

“งั้นนี่เลย..” ชี้ให้ผมดูคันดำแดงที่ตกแต่งไว้สวยงาม “ทางไกลเติมน้ำมันเต็มถัง ขี่ซัก 90 กม.ต่อชั่วโมง ได้ระยะทางประมาณ 250 กม. แต่ถ้าเร่ง 120 ขึ้นไปต้องเติมอีกถัง”

“ก็โอเค..แต่คันนี้มันเท่ห์ไปหน่อย”

“อ้าว!..”

“ผมจะไปลุยป่า..” กวาดตาทั่วร้าน “มีมือสองที่สมรรถภาพดีบ้างไหม..” “ครับ..” เพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้เป็นราชศักดิ์เกษม และกำลังกึ่งขอร้องให้ได้สิ่งที่ต้องการ..มือสองสภาพเยี่ยม

“จะมีหรือ..” พ่อค้าเกาหัว ผมพลอยนึกคันหัวอีกคน “พอดี!..” ร้องออกมา

“มีใช่ไหม?..” ผมดีใจ

“ไม่มี..”

“อ้าว!..” เป็นผมร้องบ้าง..อะไรของเค้า

“พอดีของผมอยากเปลี่ยนใหม่..เครื่องเยี่ยมแต่ตัวถังไม่ค่อยหรู..ใช้งานจริงไม่ได้มีไว้ขี่อวดสาวก็เลยดูโทรม”



ต่อรองเจรจากันสักพัก NSR 150 สีดำเทาก็เป็นของผม

ไม่ใช่มีเงินไม่พอ..ผมให้มัดจำครึ่งหนึ่งเพราะพรุ่งนี้ถึงจะมารับรถ..จากร้านขายมอเตอร์ไซค์ ผมขับหาร้านขายอุปกรณ์เดินป่าซึ่งหายาก มีอยู่แต่ในห้างสรรพสินค้าเป็นส่วนใหญ่..แต่ก็พบจนได้ เป็นเต็นท์ขายเสื้อผ้าเครื่องใช้ทหารพราน

ได้เป้ใบโต..กระติกน้ำ หม้อกระทะ ถ้วย มีด เข็มขัด เสื้อ กางเกง รองเท้าบูท และกระโจมนอนเล็กหนึ่งหลัง..เท่านี้ก็มากสำหรับสองมือหนึ่งเอวหนึ่งหลังที่จะแบกขน..ลองทำท่าดูแล้วพอไปได้

ผมย้อนไปฝากสัมภาระไว้ที่ร้านมอเตอร์ไซค์

“อาจจะพรุ่งนี้หรือมะรืนผมถึงมารับของ และชำระค่ามอเตอร์ไซค์ที่เหลือ”

“ไม่เป็นไรครับ..” พ่อค้ารับคำ..แต่ “เอ..”

“วันนี้ต้องรีบไปเข้าฉากที่กองถ่าย..” ผมสะกิดใจว่ากำลังถูกสงสัย “พรุ่งนี้จะไปถ่ายฉากเดินป่ากันครับ” ไม่รู้ที่ผมโกหกจะได้ผลหรือเปล่า

“อ๋อ!..มิน่า..” มือกุมหน้าผาก “ผมว่าเคยเห็นคุณในหนังสือพิมพ์..ที่แท้พระเอกมาเอง”

“อย่างนี้ละครับ กิจการภาพยนตร์บ้านเรา ไม่ทันสมัย..พระเอกยังต้องทำหลายอย่างนอกจากแสดง..” ผมก็เป็นไปได้เหมือนกัน “ดีนะที่เบิกค่าใช้จ่ายได้”

ผมรีบออกจากร้านมอเตอร์ไซค์..โล่งไปอีกหนึ่งเปลาะ แต่พรุ่งนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไร




บ่ายมากแล้วที่ปั้มน้ำมันเดิม..เด็กปั้มมองมาอย่างสงสัย..คิดในแง่ดี เขาคงค่อนในใจที่ไอ้หนุ่มคนนี้ เติมน้ำมันก็ไม่ แต่เข้าห้องน้ำปั้มทั้งเช้าเย็น..อย่างนั้นมั้ง!

คนที่กำลังสงสัยอีกคนคือคนขับรถ..แทนที่จะได้รับคำสั่งจากผมตรงๆ อย่างเคย วันนี้กลับได้รับโทรฯ สั่งจากผม

“ฉันจะกลับบ้าน..แวะปั้มเมื่อเช้าให้ด้วย ลืมนาฬิกาข้อมือไว้ที่ห้องน้ำ จำไม่ได้ด้วยว่าห้องไหนต้องลงไปดูเอง” ที่แท้นาฬิกาอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผมที่ได้รับโทรศัพท์จากผมให้ออกมาจากห้องพักไปขึ้นรถ..ต้องไม่ลืมเดินตัวงุ้มๆ ดึงหมวกบังหน้าเท่าที่จะทำได้

.ห้องน้ำปั้มกลิ่นไม่ค่อยจะโสภานัก โดยเฉพาะห้องปลดทุกข์ที่เข้าไปแอบอยู่..สักพักมีเสียงเดินเข้ามา..ไวจริง!..ด้วยความรอบคอบผมแง้มประตูดู..ชิ!..เด็กปั้ม..ทำทีเปิดก๊อกน้ำ แต่ตามองสำรวจไปทั่ว เมื่อไม่เห็นอะไรนอกจากขาสองข้างของผมที่รีบถอยมานั่งชักโครก จึงออกไป..ไอ้นี่ไม่เบา



ในที่สุดราชศักดิ์เกษมก็เหลือเพียงคนเดียว

“พบนาฬิกาไหมขอรับ?..” ช่างสังเกตเกิน..มันยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง

“ไม่พบ..สงสัยถูกหยิบไปแล้วมั้ง” ก็ดีไปอย่างที่ผมสะเพร่าลืมใส่นาฬิกาออกจากห้องน้ำ..ดูสมเหตุสมผล นาฬิกาหรูจะอยู่รอดได้อย่างไรในห้องน้ำสาธารณะ

“หายปวดท้องแล้วหรือขอรับ เดินตัวตรง”

“ยัง!..” คุ้มร่างลงหน่อยไม่ให้ผิดสังเกต “ปวดๆ หายๆ..กลับบ้าน!..” เสียงเข้ม..รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับผิด

รถของราชศักดิ์เกษมออกจากปั้มน้ำมันพร้อมสายตาดับเบิ้ลสงสัยของเด็กปั้ม




แม่ไม่ซักถาม ไม่สงสัยอะไรเมื่อเห็นสีหน้าของผม

“ผมหิวข้าวครับ..” ไม่ได้แก้ตัวที่สีหน้าไม่ดี..วันนี้ทั้งวันแทบไม่ได้กินอะไร

“ราชศักดิ์เกษมรอที่โต๊ะอาหารก่อนนะ เดี๋ยวแม่จัดการให้” แม่ยิ้ม ดีใจที่ผมไม่มีอะไรผิดปกติ..คงรับรู้กระแสหม่นหมองในใจผมบ้างเหมือนกัน

ผมกินอาหารได้มากกว่าทุกวัน เพราะหิว เพราะสังหรณ์ใจว่าอาจเป็นมื้อสุดท้ายที่ได้กินจากฝีมือแม่..น้ำตาซึม

“เผ็ดหรือ Titee ? “ แม่ส่งแก้วน้ำให้

“เปล่าครับ..” น้ำตายิ่งไหลเมื่อได้เห็นความอาทร “ผมซุ่มซ่ามทำน้ำแกงกระเด็นเข้าตา”

ยิ่งแม่กุลีกุจอหยิบผ้าให้เช็ด ผมยิ่งน้ำตานอง “ผมขึ้นไปล้างหน้านะแม่..อิ่มพอดี..” กอดแม่ “มื้อนี้อร่อยมากครับ”

ผมแทบวิ่งขึ้นบันได..ปล่อยโฮทันทีที่เข้าห้อง..พรุ่งนี้แล้วที่ผมต้องจากแม่ จากพ่อ จากบ้าน..ไปไหน ไปพบอะไร ดีหรือร้าย..ยังไม่รู้เลย

ดอกจำปาหลวงเหี่ยวเฉาอยู่ข้างเตียง..ผมเป็นคนหักกิ่งมา..ถ้าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นตามความเชื่อ ก็เป็นเพราะผมทำตัวผมเอง ไม่ใช่ใคร



อีกเรื่อง..จะว่าไม่สำคัญ แต่ถ้าไม่มี ชีวิตผมคงเคว้งคว้างยิ่งกว่าที่เป็น

เฟส..ช่องทางระบายความในใจ


แม้ไม่มีอะไรในนั้น ผมก็พิมพ์ข้อความลงไป

“เมื่อเช้าชงกาแฟ..ผมทำอย่างนี้..เทนมสดหนึ่งกล่องใส่ถ้วย+น้ำตาล+กาแฟ แล้วนำเข้าไมโครเวฟที่เชื่อมต่อกับปลั๊กเสริมแท่งยาวที่มีไฟแดงๆ โชว์อยู่ขณะใช้งาน..เมื่อร้อนได้ที่..พอดีผมเพิ่งล้างมือ ยังเปียกน้ำอยู่..คิดบ้าๆ ว่าถ้าเอานิ้วเปียกกดปุ่มสวิชจะเป็นอย่างไร..กดทันที..”

“เปรี๊ยะ!..ไฟดับ..ผมเด้งผึงลงบนพื้น..หูอื้อตาลาย..ปลายนิ้วเป็นรูพรุน..หายบ้าไปเลย..”

“ที่นี่หนาวหรือยังครับ..รักและคิดถึง..ตี๋น้อย..”


ผมไม่หวังจะได้รับคำตอบจากอนุชิต..ชินแล้วกับการเฉยเมยของเขา..เป็นผมหรอกที่ตื้ออยู่..ทำอย่างไรได้..คิดไม่ออกเลยถ้าไม่มีเฟส ไม่มีอนุชิต ชีวิตที่ย่ำแย่ของผมจะเป็นอย่างไร

“ติ๊ง!..” เลขหนึ่งสีแดง

“โปร บีๆ มือถือตัดนะคับ คงยังไม่ได้ต่อ คงไม่ได้ออนเฟสไปสองสามวันอะคับ โน๊ตบุ๊คเพื่อนก็ยืมไปทำโปรเจคอีก อย่าคิดมากอีกละถ้าไม่ได้ตอบ ^_^”

“อ่อเรื่องไฟฟ้าอันตรายนะคับสิ่งที่เรามองไม่เห็น ดีที่มีเซฟตี้ ปลายนิ้วพรุนเเสดงว่าไม่ใช่น้อยระวังหน่อยคาฟ มีสติหน่อยอย่าประมาท”


แม้ข้อความแรกฟังเหมือนเวทนา..ข้อความที่สองเหมือนตำหนิ สั่งสอน..แต่ผมก็ดีใจ..รู้ดีว่าแค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับการพิมพ์ตอบของอนุชิต ที่เคยบอกว่าอ่านลำบากพิมพ์ยากบนมือถือ

พิมพ์ตอบไปในความว่างเปล่า

“รับทราบครับ..มีอีกวิธีหนึ่ง..”

ผมส่งไปแค่นั้น เผื่ออนุชิตจะถามกลับว่าอะไร..แต่..ไม่มี..



ยังไม่ดึกนัก..ผมอยากออกไปเก็บบรรยากาศแถวบ้านไว้เป็นความทรงจำ..ดีละ!..ผมจะใช้สิทธิ์ของชายราชศักดิ์เกษมเป็นครั้งสุดท้าย

“อยากออกไปหาอะไรกินที่ตลาดกลางคืน” ผมโทรฯ สั่งคนขับรถ..ไม่แน่ใจว่าจะบอกใครดี..ทุกทีที่ถูกควบคุม พวกเขามาเอง

“ท่านชายราชศักดิ์เกษม!..” ไม่แน่ใจว่ารับคำหรือเอือมระอา “ขอรับ..”

ผมไม่ได้เตรียมตัวอะไร ตั้งใจไปทั้งชุดอยู่กับบ้านอย่างนั้น



ว่าจะไม่สนใจ..ว่าจะตัดใจ..แต่แล้ว

“ผมกำลังนั่งรอผู้คุม..คนคุม..ออกไปหาอะไรกินที่ตลาด..น่าเบื่อนะครับ..ดีที่เวลาอยู่บ้านเขาไว้ใจ..แต่ถ้าจะออกข้างนอกโดยเฉพาะกลางคืนต้องบอกเขาก่อน..”

“ผมไม่ได้นึกอยากกินอะไรหรอก แค่เหงา แค่เบื่อ..ผมเพิ่งรู้..ชีวิตเจ้าชายเจ้าหญิงนี่มันไม่สุขสบายเท่าคนธรรมดา..นี้ขนาดผมยังไม่เป็นเต็มขั้น..ถ้าถึงวันนั้น ผมจะมีอิสระเขียนคุยกับอนุชิตหรือเปล่า ไม่รู้เลย..”

“คิดอีกที..บางทีผมอาจขึ้นเหนือเข้าเวียตนาม..ความสามารถด้านศิลปะผมมีพอตัว รูปร่างหน้าตาเป็นส่วนประกอบคงพอทำมาหากินได้ (ไม่ใช่ขายตัวนะครับ..ผมไม่..ถ้าทำผมเป็นเจ้าชายไปแล้ว)..”

“พออยู่ตัวรู้ลู่ทางผมจะเลยขึ้นไปอีก..เข้าเมืองจีนไปตั้งหลักที่นั่น (แค่นี้พอเป็นชาวต่างชาติของอนุชิตได้หรือยัง..ถ้ายังผมจะดิ้นรนจนถึงญี่ปุ่นให้ได้)..”

“คิดเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย วนๆ เวียนๆ อยู่กับอนุชิต..สังหรณ์ใจว่าจะตายก่อนที่จะได้พบคนที่ผมรักคนนี้..ไม่เป็นไร รอชาติหน้าก็ได้ถ้าอนุชิตรักผมเหมือนกัน..”

“อย่าถือสาเลยนะครับ..เขียนมาจากรากฐานความรักและคิดถึงอย่างแท้จริง..ทั้งๆ รู้ว่าไม่มีความหวังแต่อย่างใด..อย่างน้อยขณะกำลังเขียนก็มีความสุขมากๆ ครับ..คงแค่นี้สำหรับผมกระมัง..รักอนุชิตครับ..ตี๋น้อย..”



มีเสียงรถเข้ามาในบ้าน..เหมือนมาหลายคัน

ผมไม่ทันคิดอะไร ออกจากห้อง จะลงไปข้างล่าง..แต่ต้องหยุดกึกที่หัวบันได..ท่านอนุชานั่งคุยอยู่กับพ่อที่โถงกลางบ้าน..คนคุ้มกันสี่คนยืนคุมเชิงหน้าประตู


เฮ๊ย!..อะไรกันนักหนา ผมก็ทำตามขั้นตอนแล้วนี่นา..หรือมาเพราะรู้ว่าผมแหกกฎเมื่อตอนกลางวัน





Create Date : 13 มกราคม 2555
Last Update : 17 มกราคม 2555 6:16:41 น. 0 comments
Counter : 689 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.