โลกใบกว้างของคนชอบเขียนหนังสือ อ่านหนังสือ แปลหนังสือ...สอนหนังสือ แถมยังชอบเดินทางไกล เพราะรู้สึกว่าโลกทั้งใบก็เหมือนหนังสือ
|
|||
สักวันหนึ่งดอกไม้จะบาน นิตยสารแพรว 10 มกราคม 2547 คอลัมน์สะพานสายรุ้ง ภาพ ม.ล.จิราธร จิรประวัติ เรื่องปุณยนุช ชุติมา น้องโมสู้กับชีวิตมาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก วันที่แม่จะคลอดน้องโม หมอเตรียมให้คลอดแบบปกติ แต่ถึงเวลาจริงกลับมีรกมาขวางทำให้คลอดไม่ได้จนน็อคอยู่ในท้อง หมอดันน้องโมกลับ แต่น้องโมก็ดิ้นรนจะออกมา หมอจึงให้พยาบาลเข็นเตียงแม่เข้าห้องฉุกเฉิน พอผ่าตัดออกมาได้น้องโมตัวเขียว ไม่หายใจ ต้องอยู่ในแต่ในตู้อ็อกซิเจน แต่พอแม่ฟื้นแล้วรีบเข้ามาดู น้องโมก็ยังแอบยิ้มเป็นกำลังใจให้แม่ เป็นรอยยิ้มบางๆเหมือนดอกตูมที่แย้มบานได้ไม่เต็มที่ รอยยิ้มแรกนั้นเหมือนสัญญาณของความชื่นชมยินดีในชีวิต น้องโมยังยิ้มอยู่เสมอแม้จะต้องพบกับความเจ็บปวดมากมายในเวลาต่อมา น้องโมร้องไห้เก่งพอๆกับยิ้มสวย ตอนแรกแม่นึกว่าเป็นอาการปกติของเด็กแรกเกิด แต่พอพ้นสามเดือนจึงเริ่มเอะใจ น้องโมจะกรีดร้องทุกข์ทรมาน กำมือแน่น เกร็งจนกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นก้อนๆ แม่หาหนังสือมาอ่านจนรู้ว่าเป็นอาการของเด็กสมองพิการเพราะขาดอ็อกซิเจน ซึ่งกล้ามเนื้อจะหดตัว เกร็ง และต่อไปก็จะควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ แม่พาโมไปหาหมอเพื่อทำกิจกรรมบำบัดพัฒนาเด็กช้า ซึ่งหมอก็ได้แต่ช่วยนวดเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อแข็ง พอครบแปดเดือนแม่ยิ่งร้อนใจเพราะเห็นว่าพัฒนาการของน้องโมช้ามาก ชันคอไม่ได้ ไม่มีเสียงอ้อแอ้เรียกแม่ให้ชื่นใจ แม่จึงพาน้องโมไปทำกายภาพบำบัด ที่ไหนเขาว่าดีก็ดั้นด้นไปหา จนน้องโมเริ่มพลิกคว่ำและหยิบของได้ ชันคอขึ้นได้บางครั้งแต่ไม่นานก็คอตกลงไป เห็นลูกคอพับคออ่อนเหมือนก้านดอกไม้ที่ขาดน้ำ แม่ได้แต่น้ำตาไหลอยู่ในใจ จนมีคนแนะนำให้แม่พาน้องโมมาเข้าร่วมกิจกรรมที่มูลนิธิเด็กพิการ เพื่อน้องจะได้เจอใครหลายๆคน เพราะที่นี่มีพ่อแม่มากมายที่พาลูกมาทำกิจกรรมบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการ แรกๆน้องโมยังกลัวคนแปลกหน้า ตัวก็ยังเกร็งอยู่ แม่ปรึกษากับผู้ปกครองที่พาลูกมาด้วยกันและเจ้าหน้าที่ ทุกคนรู้ปัญหาว่านอกจากอาการสมองพิการแล้วน้องโมยังติดแม่มากจนเกินควร จึงพยายามแยกน้องออกจากแม่ให้ไปกับคนอื่นบ้าง บางครั้งให้ฝากไว้กับแม่กุ้ง แม่น้องแบงค์ น้องบาส คุณแม่หัวใจเข้มแข็งที่มีลูกเดินไม่ได้ถึงสองคน บางทีก็แยกไปเล่นกับพี่นนท์ ที่อายุแปดขวบแล้วแต่เพิ่งได้เข้าเรียนชั้นอนุบาลหนึ่ง และพี่ๆน้องๆคนอื่นที่ผู้ปกครองพามาเข้ากิจกรรมที่มูลนิธิ น้องโมเริ่มมีสังคมมากขึ้น กล้าพูดคุย มีพัฒนาการทั้งทางร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม่เองก็มีคนช่วยคิดและให้คำปรึกษา มีพ่อแม่ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้กันและกัน เพื่อให้สามารถอดทนต่อสังคมรอบข้าง ต่อความพิการของลูกและต่อจิตใจตัวเอง ในวันที่ลูกพยายามเดินและล้มลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า จะมีใครสักกี่คนเข้าใจหัวอกของพ่อแม่ที่อยากลุกขึ้นไปเดินแทนลูกแต่ก็ทำไม่ได้ ในสายตาของผู้ปกครองทุกคนที่นี่ ลูกไม่เคยเป็นเด็กผิดปกติ เช่นเดียวกับที่ในหัวใจของแม่น้องโมไม่เคยเป็นเด็กพิการ เพียงแต่โตช้ากว่าคนอื่น แม่จึงพยายามช่วยให้พัฒนาการของน้องโมเป็นไปได้ตามปกติมากที่สุด ตอนนี้น้องโมอยากเดินแล้ว แม่กับเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันหัดให้ยืนเพื่อฝึกเดิน แม่อยากเห็นน้องโมเดินได้สวยๆเหมือนคนอื่น ช่วยเหลือตัวเองได้ ได้เรียนหนังสือเหมือนพี่หมู เด็กรุ่นแรกๆของมูลนิธิฯ เมื่อเล็กๆพี่หมูตัวแข็งเป็นท่อนไม้ กินข้าวเองไม่ได้ จะพูดแต่ละคำก็ต้องฝึกฝนอย่างยากลำบาก ยี่สิบปีผ่านไปพี่หมูมาเยี่ยมน้องๆในชุดนักศึกษาท่ามกลางรอยยิ้มปลื้มของพ่อกับแม่ และน่าจะได้รับปริญญาในเร็วๆนี้ แม่ก็หวังจะให้มีวันนั้นบ้างสำหรับน้องโม ดอกไม้ที่ขาดน้ำตั้งแต่ยังตูม อาจจะเติบโตจนเบ่งบานได้ในวันหนึ่งถ้าทะนุถนอมดูแลอย่างถูกวิธี พ่อแม่ทุกคนที่นี่ก็หวังเพียงว่า หากดวงตะวันยังคงส่องแสงมาถึง...สักวันหนึ่งดอกไม้จะบาน ------------------------------------------------------------มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ มุ่งเน้นการพัฒนาและฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการโดยครอบครัวเป็นหลัก โดยจัดกิจกรรมต่างๆเช่นการนวดไทย การฝึกเคลื่อนไหวแบบโดสะโฮ การทอผ้าซาโอริ และจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมพ่อแม่ รวมทั้งการรณรงค์เผยแพร่ความรู้ในชุมชนและจัดทำสื่อให้ความรู้เพื่อการฟื้นฟูเด็กพิการสู่สังคมบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสยามสแควร์ ชื่อบัญชี มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ เลขที่บัญชี 026-2-49994-4 หรือติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 0-2539-9958 +++++++++++++++++++++++++++++++++++ โพสต์แล้วก็นึกขึ้นได้ เมื่อต้นปีเราเอาพล็อต กว่าดอกไม้จะบานนี่ ไปแต่งเรื่องประวัติศิษย์เก่าดีเด่นคนหนึ่งของรร.ปรินสรอย ลงหนังสือศิษย์เก่าเค้า คือรับ job มาตอนว่างๆรอเรียนอ่ะ (คู่แข่งมงฟอร์ตเองนะ รร.นี้ เด็กเชียงใหม่คงรู้) เพิ่งมารู้เมื่อไม่นานนี้ว่าอจ.เค้าติดใจเรียกให้ไปเขียนอีก คงเพราะพล็อตนี้มันดีแหละ แต่ไม่เอาแล้วดีกว่า เขียนแล้วมันไม่อิน อ่านแล้วตัวเองก็คงไม่ซึ้งเท่าไหร่ ไม่ใช้ศิษย์สำนักนี้ แต่ยังไงก็ปลื้มใจค่ะ ที่ยังมีคนชอบงานเรา |
dararye
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] เกิดเชียงใหม่ ไปเรียนกรุงเทพ พอทำงานก็ชีพจรลงเท้า เดินทางได้สักพัก ก็ชักรู้สึกว่าโลกนี้ที่จริงแล้วไม่มีขอบเขต เริ่มทำบล็อคอย่างจริงจัง เพราะรู้ตัวว่าต้องร่อนเร่ไปอีกไกล เผื่อว่าใครคิดถึงจะได้ตามหากันเจอ ชื่อนี้เป็นนามปากกาเดียวกับใน bookcyber ค่ะ ยิ้มก็อันเดิมนะ >>>> @^__^@ Group Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |