โลกใบกว้างของคนชอบเขียนหนังสือ อ่านหนังสือ แปลหนังสือ...สอนหนังสือ แถมยังชอบเดินทางไกล เพราะรู้สึกว่าโลกทั้งใบก็เหมือนหนังสือ
|
|||
ไม่ลืมไม่เลือนเหมือนเดือนคู่ฟ้า ขึ้นเนื้อเพลงนี้เป็น status ใน facebook ไม่ได้มีความในใจที่ตรงกันแต่อย่างใดนะคะ (ในช่วงนี้) แต่บังเอิญได้ cd เพลงที่ทำเลียนแบบแผ่นเสียงแต่เดิมทุกประการ ทั้งปกหน้า ปกหลัง และเพลงข้างในค่ะ อ้อ ซื้อมาจากหอศิลป์ กทม.นะคะ เคยได้ยินเพลงนี้แว่วๆมาหลายครั้ง แต่พอมาได้ฟังฉบับดั้งเดิม มันอึ้งน่ะค่ะ ตอนนี้ขึ้นแท่นเป็นเพลงโปรดไปแล้ว แต่ได้ยังไงเนาะ คนยุคนั้น "ไหนว่าไม่ลืม ไม่ลืมไม่เลือนเหมือนเดือนคู่ฟ้า ไม่ทันแสงเดือนจะเลือนหรี่คล้อย ไม่ทันเมฆน้อยจะคล้อยผ่านตา ไม่ทันตะวันลับฟ้าก็ลืม" ตอนเปิดเพลงนี้ คุณน้าบอกว่า ยุคก่อน เค้าจะแต่งเพลงแก้กันแบบนี้แหละ เคยฟังที่เป็นของผุ้ชาย แว่วๆเหมือนกันค่ะ (แหม เกิดไม่ทันสักยุคแหละ แหะๆ) จำได้ว่า เค้าจะร้องคล้ายๆกันว่า "ไหนว่าไม่ลืม ไม่ลืมไม่เลือนเหมือนเดือนคู่ฟ้า ไม่ทันสายัญตะวันเคลื่อนคล้อย ไม่ทันเมฆน้อยจะลอยผ่านตา.." พอมาแต่งแก้ ก็เปลี่ยนตะวันเป็นเดือน แล้วแต่งได้เนียนมากเลยค่ะ เหมือนตั้งใจจะเปรียบแบบนี้มาแต่แรกเลย การเลือกใช้คำก็ละเมียดละไมไพเราะมาก ..ไม่ทันแสงเดือนจะเลือนหรี่คล้อย" แต่งกันได้ยังไงเนี่ย?? ท่อนแรกก็ว่าชอบแล้ว แต่ท่อนต่อมา (เพิ่งได้ฟังชัดๆครั้งแรก) ฟังทีแรกเหมือนจะธรรมดาค่ะ.. "ไหนว่าไม่ลืม... ไม่ลืมไม่เลือนชั่วเดือนและปี ไม่จริงเหมือนคำพูดเลยสักครั้ง ไม่จริงเหมือนดังพูดเลยสักที ไม่ทันถึงปีแล้วพี่ก็ลืม" วรรคที่ซ้ำกันนั่น ตอนแรกเราก็งงว่า เอ เค้าขี้เกียจแต่งหรือเปล่านะ? 55 แต่ฟังๆไป เออ ยิ่งฟังก็ยิ่งเพราะแฮะ เค้าเกลาไว้พอดิบพอดี เลือกไว้แล้วว่าตรงนี้ต้องย้ำค่ะว่า "ไม่จริงเหมือนคำพูดเลยสักครั้ง ไม่จริงเหมือนดังพูดเลยสักที" คือถ้าเป็นคำพูดก็ต้องพูดซ้ำๆค่ะว่า ไม่จริง ไม่จริ๊ง ไม่จริง พวกผู้ชายนี่ไม่เคยพูดจริงเลยนะเธอ เอาล่ะค่ะ ไม่พูดมากละ ฟังกันดีกว่า เราเองก็ว่าจะหัดร้องเพลงนี้ไว้โชว์เวลาคุณแม่รับแขกผู้ใหญ่ ไปก่อนนะคะ ^^ ปล.เชื่อไหม บางทีเราพูดกับท่านๆทั้งหลายเรื่องการบ้านการเมืองไม่รู้เรื่องหรอก แต่ถ้ารเองเพลงเก่าๆได้ หรือรู้จักหนังสือดีๆ ท่านจะมองเอ็นดูเรมากเลย เป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งเวลาเข้าสังคมค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ข่าวมันเครียดมากจนเราดูน้อยลง แถมไม่กล้าวิจารณ์ด้วย |
dararye
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] เกิดเชียงใหม่ ไปเรียนกรุงเทพ พอทำงานก็ชีพจรลงเท้า เดินทางได้สักพัก ก็ชักรู้สึกว่าโลกนี้ที่จริงแล้วไม่มีขอบเขต เริ่มทำบล็อคอย่างจริงจัง เพราะรู้ตัวว่าต้องร่อนเร่ไปอีกไกล เผื่อว่าใครคิดถึงจะได้ตามหากันเจอ ชื่อนี้เป็นนามปากกาเดียวกับใน bookcyber ค่ะ ยิ้มก็อันเดิมนะ >>>> @^__^@ Group Blog
All Blog Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |