Group Blog
 
 
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
แพะ

วาณิช จรุงกิจอนันต์
ฉบับวันที่ 28/03/46

ผมเพิ่งกลับมาจากจังหวัดกระบี่ ผมและครอบครัวไปเที่ยวจังหวัดกระบี่ในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปีต่อเนื่องมาสิบกว่าปีแล้ว ไปกันเป็นคณะ มากคนบ้างน้อยคนบ้าง แต่น้อยคนก็เป็นสิบขึ้นไป เมื่อก่อนไปอยู่นานเป็นอาทิตย์หรือสิบวัน หลังๆ นี่เวลาไม่ค่อยอำนวยก็ไปอยู่สามสี่วัน สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ไม่ว่าจะเป็นทางบกทางน้ำนั้น แทบจะไม่มีที่ไหนแล้วที่ผมไม่เคยไป และส่วนใหญ่ไปมากกว่าหนึ่งครั้งหรือหลายๆ ครั้ง

ผมไปกระบี่ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแน่นขนัดอย่างทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวฝรั่งยุโรปเยอะหน่อยแต่นักท่องเที่ยวไทยมีน้อย เพิ่งจะไม่กี่ปีมานี้ที่จังหวัดกระบี่มีสนามบิน พอมีสนามบินนักท่องเที่ยวก็อึกทึกคึกคักขึ้นมายิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

สมัยก่อนนักท่องเที่ยวหนักไปทางฝรั่งยุโรป ตอนนี้พวกญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง แห่มากันเพียบ "เดอะบีช" ครับ ส่วนสำคัญที่นำนักท่องเที่ยวย่านเอเชียพวกนี้มาคืออิทธิพลจากหนังเรื่อง "เดอะบีช"

หนังเรื่องนี้ใช้อ่าวมาหยาของจังหวัดกระบี่เป็นโลเกชั่นสำคัญ ที่เราต่อต้านกันจนเขาแทบไม่เป็นอันถ่ายอันทำ

จังหวัดกระบี่เป็นที่ถ่ายทำหนังของฮอลลีวู้ดมาหลายเรื่อง ขณะนี้ก็กำลังถ่ายทำอยู่เรื่องหนึ่ง ดาราแสดงนำคือเฉินหลงหรือแจ๊กกี้ ชาน สร้างฉากใหญ่โตอยู่ในบริเวณโรงแรมกระบี่เมอริไทม์ของคุณพี่พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล เห็นว่าเป็นฉากบริเวณหนึ่งของทัชมาฮาล คงจะตีลังการบราฆ่าฟันกันอยู่แถวนั้นตามสไตล์หนังของเฉินหลง

โรงแรมกระบี่เมอริไทม์นี่สมัยแรกๆ ที่ผมมากระบี่ไปพักครั้งละคืนสองคืนทุกครั้ง แต่ตั้งแต่กระบี่สนามบินนี่เต็มตลอด รวมทั้งหนหลังนี่ด้วย

กระบี่เป็นจังหวัดที่มีทิวทัศน์ทางทะเลสวยที่สุดในประเทศไทย ผมอยากจะพูดอย่างนั้น และจะว่าไปจะเหมาๆ เอาว่าสวยที่สุดในโลกก็น่าจะได้ คุณภาพของน้ำและหาดทรายนั้นหาที่ไหนเทียบยาก ผมเคยไป "ฮาลองเบย์" ของเวียดนามซึ่งเป็นที่ร่ำลือมากในเรื่องความสวยงามของเกาะกลางทะเล ผมก็ว่ากินกระบี่ยาก โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพของน้ำทะเลและหาดทรายนั้นไกลกันแยะ

อย่างที่บอกว่าผมเคยไปเที่ยวมาทุกที่ทุกเกาะทุกหาดที่คนเขาไปกันแล้ว แต่ก็ไม่เคยนึกเบื่อที่จะไปจังหวัดกระบี่ และที่ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อนั้นมีเหตุผลประการสำคัญอยู่ว่าจะได้ไปกินอาหารที่โรงแรมเวียงทอง

ผมเคยเอ่ยถึง "โกกี่" บ่อยๆ ในคอลัมน์นี้ โกกี่คือ คุณสุบิน ฉายาบุระกุล เจ้าของและผู้บริหารโรงแรมเวียงทองซึ่งอยู่ในตัวเมือง ที่พวกผมไปกระบี่กันได้บ่อยๆ และไปกันทุกปีก็เพราะมีโกกี่เป็นคนช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พักที่เที่ยวและที่กิน แต่การกินมื้อที่สำคัญนั้นต้องมากินกันที่ห้องอาหารของโรงแรมเวียงทอง

ลูกสาวผมซึ่งไปกระบี่ด้วยกันเกือบทุกปี ตั้งแต่ยังเล็กๆ บอกในเที่ยวนี้ที่ไปด้วยกันบอกว่ามากระบี่ถ้ายังไม่ได้กินอาหารที่โรงแรมเวียงทองก็เหมือนมาไม่ถึงกระบี่ เป็นคำนิยมที่ออกจะโก้มาก แต่จริงนะครับ ลูกสาวผมเขาอยากไปกินน้ำพริกกุ้งเสียบ อยากไปกินปูดอง อยากกินกล้วยหอมทอดทุเรียนทอด

ไปหนนี้ไปนอนกระบี่กันแค่สองคืน และโกกี่ก็จัดการเรื่องที่พักให้ ไปอยู่ไกลหน่อยแต่อยู่ริมชายหาดซึ่งสวยและบรรยากาศดีมาก คิดกันในคณะว่ายังไงเราก็ต้องมากินอาหารที่โรงแรมเวียงทองสักมื้อหนึ่งให้ได้ก่อนที่จะกลับ ก็มาได้กินในเมื้อเย็นก่อนจะขึ้นเครื่องบินเที่ยวสองทุ่ม

อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งร่วมคณะไปด้วยบอกกับผมหลังจากกินอาหารที่โรงแรมเวียงทองซึ่งโกกี่จัดมา ถามผมว่าทำไมเราจะไม่มาพักที่โรงแรมเวียงทองวะ อาหารมันอร่อยกว่าดีกว่าที่เราไปพักแยะเลย

อาหารเป็นประเด็นสำคัญของการไปเที่ยวอย่างนี้นะครับ ไปเที่ยวอย่างนี้ถ้าอาหารไม่อร่อย รสชาติของการไปเที่ยวก็กร่อยไปแยะ

เนื่องจากเราไปพักไกลออกไปจากตัวเมืองกระบี่ ที่พักดีแต่อาหารไม่เด่น แต่โกกี่ก็แวะไปดูแล เอาอาหารสองอย่างจากโรงแรมไปให้กินในมื้อค่ำหนึ่ง เป็น แพะตุ๋น และ แกงแพะ เป็นเมนูใหม่ของห้องอาหารโรงแรมเวียงทอง อร่อยมาก ติดใจกันทุกคน ผมกินแพะตุ๋นกับแกงแพะเข้าไปคำแรก ก็คิดว่าจะต้องถามสูตรวิธีการทำของเขามาบอกเล่ากัน

ผมไม่เคยเห็นคนไทยคนจีนทั่วไปเลี้ยงแพะนะครับ ตอนเด็กๆ เห็นพวกแขกเขาเลี้ยงเห็นเขาเลี้ยงเห็นเขารีดนม แต่ไม่เคยเห็นว่าเขาจะเอาเนื้อไปทำอาหารอะไร นึกย้อนไปก็นึกไม่ออกว่าเขาเลี้ยงแพะไปเพื่อการไหน อาจจะเป็นเพราะไม่คุ้นเคยกับการเลี้ยงการกินแพะด้วยที่ทำให้คนไทยทั่วๆ ไปตะขิดตะขวงใจกับการกินแพะ

ร้านอาหารที่ขายเนื้อแพะซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแพะตุ๋นก็มีน้อย ผมซื้อกินเป็นครั้งคราวอยู่สองร้าน ร้านชื่อ สวนสน ซึ่งอยู่นางเลิ้งที่หนึ่งและอยู่ใกล้ๆ ปากซอยต้นสนถนนเพลินจิตอีกที่หนึ่งอีกร้านหนึ่งคือร้านอยู่แถวๆ กลางซอยเอกมัย

เวร...นึกชื่อร้านไม่ออก ผมชอบแวะไปกินเกาเหลาเนื้อเครื่องในเขาและซื้อแพะตุ๋นกลับมากินที่บ้าน ร้านหลังสวนง่วนหลีในซอยหลังสวนนั่นก็มีชื่อเรื่องแพะตุ๋น แต่ผมยังไม่เคยลอง

ร้านรวงตามตลาดทั่วไปในเมืองไทยก็ไม่มีเนื้อแพะขายนะครับ แต่เพื่อนก็บอกว่าบางที่มี ผมถามสูตรแพะตุ๋นกับ โกเกียรติ กุ๊กมือหนึ่งของโกกี่ ซึ่งทำอาหารของโรงแรมเวียงทองมานาน ถามว่าผมจะใช้เนื้ออย่างอื่นได้ไหม เป็นต้นว่าขาหมูหรือหมูสามชั้นหรือเนื้อโคขุนอะไรพวกนี้ โกเกียรติก็บอกว่าได้

แพะตุ๋นทำอย่างไร เอาเป็นว่าเนื้อแพะหนึ่งกิโล

โกเกียรติก็บอกว่าเริ่มต้นก็หั่นเนื้อแพะนั้นเป็นชิ้นพอคำ จากนั้นก็ใช้เต้าหู้ยี้แดงหนึ่งช้อนโต๊ะใส่ลงไป ยำมันเข้าด้วยกัน คลุกเคล้าขยำให้เข้ากันดี แล้วใส่ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอยแม็กกี้หน่อยหนึ่ง ขยำเคล้าอีกที หมักไว้หนึ่งชั่วโมง

ขิงหนึ่งแง่งปอกเปลือกซอยและสับละเอียด กระเทียมปริมาณพอกับขิงซอยสับละเอียด ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟ ผัดขิงกับกระเทียมซอยละเอียดนั่น เหลืองหอมดีก็ใส่เนื้อแพะที่หมักไว้ ผัดไปเรื่อยๆ พอแห้งก็เติมน้ำไปเรื่อยๆ เติมน้ำทีละน้อยผัดไปเรื่อยๆ ประมาณว่าสุกสนิทดีก็ตักใส่หม้อ...ตุ๋น

การตุ๋นก็คือใส่น้ำพอท่วมแล้วเคี่ยวไฟอ่อนไปเรื่อยๆ จนหนังแพะนุ่ม

น้ำแพะตุ๋นของโรงแรมเวียงทองนี้จะไม่ได้ท่วมเจิ่งนะครับ แต่จะข้นๆ คือไม่ใช่จะกินได้แบบซดน้ำ ตักกินน้ำไปกับเนื้อทำนองเดียวกับกินกระเพาะปลาหรือหูฉลาม แต่น้ำอาจจะเหลวน้อยกว่าสักหน่อย โกเกียรติบอกว่าน้ำที่ตุ๋นนั้นจะข้นโดยตัวของมันเอง แต่ถ้ามันไม่ข้นพอก็อาจจะผสมแป้งกับน้ำเติมลงไปช่วยได้

การปรุงรสนั้นใช้ซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทรายนิดหน่อย รสจะออกจืดอมเค็มเนียนๆ นะครับ หอมด้วย...แค่วิธีตุ๋นที่ใส่เต้าหู้ยี้ในขิงสับละเอียดนี่ผมว่าก็น่าตื่นเต้นที่จะลองแล้ว ผมยังไม่ได้ลองหรอกครับ ติดสงครามรบอิรักอยู่

อาทิตย์หน้าจะมาต่อ เรื่องแกงแพะและอาหารแนะนำน่าทำอีกบางอย่างของโรงแรมเวียงทอง...จบตรงนี้แล้วรู้สึกเหมือนแพะยังไม่ได้รับบาป
วาณิช จรุงกิจอนันต์
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 04/04/46




แพะยังอยู่หมายความว่ายังอยู่ในเรื่องแพะ ต่อจากศุกร์ที่แล้วนะครับ ก่อนอื่นขอ บอกว่าผมได้ลองทำ แพะตุ๋น สูตรของโรงแรมเวียงทองเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าไม่ได้ใช้แพะ หนแรกใช้ขาหมู หนต่อมาใช้เนื้อ อร่อยดีใช้ได้เลยทีเดียว คุณนายติ่งการันตี

ใช้เนื้อไม่ยุ่งยากเท่าขาหมู เพราะขาหมูนั้นหั่นเป็นชิ้นได้ยากสักหน่อย ถ้าหากว่าจะทำตอนซื้อขาหมูให้เขาสับเป็นท่อนๆ มาก่อน แล่เลาะออกจากกระดูกแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ พอคำ ส่วนที่เป็นคากิหรือข้อตีนของหมูนั้นสับเป็นชิ้นไปทั้งกระดูก

วิธีทำก็ทำแบบเดียวกับทำแพะตุ๋นที่บอกไปแล้วเมื่อตอนก่อน บอกซ้ำให้อีกทีนะครับ

หมักขาหมูที่หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนั้นโดยใส่เต้าหู้ยี้แดงจากเมืองจีนประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะ ขยำเคล้าให้เข้ากันดี จากนั้นใส่ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย แม็กกี้ เหล้าจีน ชอบผงชูรสก็ใส่ลงด้วย หมักไว้สักหนึ่งชั่วโมง

ใช้ขิงหนึ่งแง่ง ขนาดก็ประมาณนิ้วโป้งมือสองนิ้วรวมกัน กระเทียมพอๆ กัน สองอย่างนี้สับละเอียด ตั้งกระทะใส่น้ำมันใส่ขิงและกระเทียมซอยผัดพอหอม ใส่เนื้อขาหมูที่หมักไว้ลงผัด ผัดไปเติมน้ำไป ผัดไปเรื่อยๆ นานๆ จากนั้นก็ถ่ายจากกระทะใส่หม้อ ตุ๋นโดยเติมน้ำใช้ไฟอ่อนเคี่ยวไปนานๆ จนหนังหมูนิ่ม

ใช้แป้งเท้าผสมแป้งมันละลายน้ำเติมเพื่อให้เกิดความข้น

แพะยังเป็นเมนูอร่อยของห้องอาหารโรงแรมเวียงทองที่ตัวเมืองจังหวัดกระบี่อีกอย่างหนึ่ง เรียกว่า แกงแพะ แต่แกงแพะนี้เป็นแกงที่ใช้น้ำพริกอิสลาม ผมก็คิดเหมือนที่ลองทำแพะตุ๋น ก็คือจะใช้ขาหมูแกงแพะน้ำพริกอิสลาม บอกไอเดียให้คุณนายติ่ง แกบอกว่าบาป เอาหมูไปแกงกับน้ำพริกอิสลามได้ยังไง

ก็คงจะต้องใช้เนื้อนะครับ แต่ผมว่าน้ำพริกอิสลามกับขาหมูอาจจะเข้ากันดีก็ได้

น้ำพริกอิสลาม มีขายนะครับ ผมเองก็ตำไม่เป็นแต่เห็นว่ามีเครื่องเทศมาก ตอนที่เขียนนี้ยังไม่ได้ไปหาซื้อมา ก็ยังไม่ได้ลอง แต่จะบอกวิธีทำของโกเกียรติลูกน้องหรือพ่อครัวของโกกี่ให้ไว้ก่อน

เนื้อแพะหนึ่งกิโลหั่นพอคำเตรียมไว้ ผัดเครื่องแกงกับหางกะทิ ลืมถามโกเกียรติมาว่าเครื่องแกงใช้แค่ไหน แต่ปกติผมแกงเนื้อแกงไก่ ถ้าเนื้อหนึ่งกิโลก็จะใช้เครื่องแกงราวสองขีดถึงสองขีดครึ่ง เครื่องแกงหอมดีก็ใส่เนื้อแพะลงไปรวน ทุบตะไคร้ใส่ไปสองต้น ตะไคร้สองต้นนี้เมื่อเสร็จกระบวนการแกงแล้วก็หยิบออก

แกงแพะนี้เป็นแกงแห้งนะครับ รวนแห้งๆ ไปเรื่อยๆ แห้งดีก็ใส่น้ำเพิ่ม รวนไปนานๆ จนหนังแพะนิ่มก็ใช้ได้ แต่ต้องใส่หัวกะทิรวนต่ออีกหน่อย และอันนี้สำคัญ เป็นของที่ต้องเตรียมไว้ก่อน คือมะพร้าวขูดซึ่งนำไปคั่วในกระทะร้อน คั่วจนเกรียมหอมดีก็นำมาตำพอแหลก ก่อนจะยกแกงขึ้นใส่มะพร้าวขูดคั่วนี้ลง ผัดเคล้าให้เข้ากันดี

การปรุงรสนั้นใช้น้ำตาลทราย น้ำปลา เหล้าไทย เหล้าไทยทั้งหลายอย่างแม่โขง แสงโสมอะไรพวกนี้ใช้ปรุงรสได้เหมือนเหล้าจีนนะครับ ถามโกเกียรติว่าทำไมไม่ใช้เหล้าจีน โกเกียรติบอกว่าจะใช้ก็ได้ แต่เกรงว่ากลิ่นจะแรงเกิน

วิธีใส่เหล้าจีนหรือไทยในอาหารนี่ ให้ใช้นิ้วชี้ปิดกลางปากขวดไว้แล้วรินลง ช่วยให้จำกัดปริมาณของเหล้าได้ ใช้เทรินแบบปกติอาจจะพรวดลงไปเกินความต้องการ

จานนี้เจอน้ำพริกอิสลามเมื่อไรผมจะลองแล้วมาบอกเล่าอีกที

เป็นอันว่าหมดเรื่องแพะ แต่แพะในเมืองไทยนั้นคงจะไม่หมดหรอกนะครับ ตำรวจเขาจับได้อยู่เรื่อย

สำนวนไทยเกี่ยวกับคำว่าแพะที่เรียกกันว่า "จับแพะ" ซึ่งหมายถึงจับคนที่ไม่มีความผิดหรือไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาเป็นผู้ต้องหา มาจากสำนวนเดิมที่ว่าแพะรับบาป เมืองไทยเราไม่มีแพะรับบาปหรอกครับ มีที่อินเดียโน่น เขามีประเพณีจับแพะมาบูชายัญ อีกสำนวนหนึ่งเกี่ยวกับแพะก็คือจับแพะชนแกะ มีความหมายง่ายๆ ว่ามั่ว สระแอะเหมือนกัน หน้าตาประเภทเดียวกันก็มั่วเหมาเอาว่าเป็นสิ่งเดียวกัน

ลักษณะบุคคลที่คนไทยเราเปรียบกับแพะนั้นมีสองสำนวน คือเคราแพะกับจมูกแพะ เคราแพะยังได้ยินใช้กันอยู่ จมูกแพะนั้นได้ยินเป็นตอนเด็ก หมายถึงจมูกใหญ่ ไม่ได้ยินสำนวนนี้แล้วได้ยินแต่จมูกชมพู่

กลับมาที่อาหารโรงแรมเวียงทอง ไปมาครั้งที่แล้วนี่ผมได้กินอาหารใหม่หลายอย่าง รวมถึงอาหารเกี่ยวกับแพะที่ว่ามา กั้งผัดกระเทียมพริกไทย เขาไม่เป็นรองใครเลย กั้งตัวใหญ่และเนื้อหวาน น้ำพริกปลาย่างก็ต้องกิน น้ำพริกกุ้งเสียบที่นี่หาที่ไหนเทียบได้ยาก

ของหวานอย่าง ทุเรียนทอดกล้วยหอมทอด นั้นได้กินสักครั้งจะจำไปจนตาย

มีเมนูใหม่อีกอย่างหนึ่งซึ่งผมถามสูตรมาด้วย คือ ปูทะเลผัดมะนาว แต่ก่อนจะถึงปูผัดมะนาวไปอีกปูหนึ่งก่อน คือ ปูผัดน้ำพริกเผา อันนี้ไม่ได้มีที่โรงแรมเวียงทองแต่มีที่ร้าน "ป้าขันทอง" ซึ่งอยู่ในตลาดอำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ผมเคยเล่าถึงปูผัดผงกะหรี่ที่ร้านนี้มาแล้ว ผมเรียกร้านนี้ว่าร้านป้าขันทองตามคุณนายติ่งซึ่งเป็นคนบ้านโพธิ์

วันเสาร์ที่ผ่านมาผมไปงานศพพ่อเพื่อน ชูชาติ หมื่นอินกุล ที่เป็นฝ่ายศิลป์ของมติชนนี่ เพื่อนเผาศพพ่อที่วัดท่าข้ามเขตชลบุรี แต่มันติดกับฉะเชิงเทรา จากวัดก็จะมาที่อำเภอบ้านโพธิ์ได้โดยง่าย ผมก็บอกพวกศิลปากรเดียวกันที่ไปร่วมงานว่าออกจากงานเราไปกินข้าวกันที่อำเภอบ้านโพธิ์

เพื่อนสองคนบอกว่าจะกลับมากินอีกเพราะมาง่าย วิ่งรถมอเตอร์เวย์ไปเมืองชลออกตรงป้ายที่บอกว่าฉะเชิงเทรา วิ่งไปเรื่อยๆ จะเจอไฟจราจรแรก มีป้ายบอกว่าเลี้ยวขวาไปบ้านโพธิ์ เลี้ยวไป วิ่งไปพอข้ามสะพานที่ข้ามแม่น้ำบางปะกง สุดสะพานเลี้ยวขวาก็จะเจออำเภอและตลาด ตลาดบ้านโพธิ์เป็นตลาดโบราณซึ่งมีอยู่ไม่มากแล้ว

ปูผัดน้ำพริกเผาเขาอร่อยมาก และไม่ได้ใช้น้ำพริกเผาแบบที่ใส่ขวดขาย ไม่ได้ผัดแบบร้านทั่วไปผัด เขาใส่ใบกะเพรา ผมเข้าใจว่าเขาจะใส่กระเทียมและพริกอะไรอย่างหนึ่งใส่เนื้อปูสับชิ้น ผัดไปแล้วใส่ไข่ ปรุงรส ใส่ใบกะเพรา

ปูผัดมะนาว โรงแรมเวียงทองนั้นมีวิธีทำที่คล้ายกัน แต่ปูนั้นไม่ได้ผัดสด คือหลังจากทำฆาตกรรมปูแล้วสับเป็นชิ้นก็นำไปนึ่ง นึ่งสุกแล้วพักไว้

จากนั้นนำกระเทียมตำกับพริกขี้หนูลงผัดน้ำมัน หอมดีก็ใส่เนื้อปูและหอมหัวใหญ่ที่ซอยเตรียมไว้ก่อนหน้า ผัดไป ใส่น้ำสต๊อกให้ขลุกขลิก ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว รสของจานนี้จะมีเปรี้ยวนำ ตามด้วยอมหวานอมเค็ม ว่าไปก็คล้ายๆ ต้มยำแห้งนั่นแหละครับ

ใครชอบกินปูลองทำดู เมื่อพูดถึงปู โรงแรมเวียงทองมีเมนู ปูดอง ซึ่งเด่นมาก ปูดองนี่ทำง่ายครับ ถ้ากล้าพอที่จะจับปูเป็นๆ เข้าตู้เย็นช่องแข็ง รสจะเด็ดหรือด้อยอยู่ที่น้ำจิ้มรสจัดที่นำมาราดหลังจากสับปูใส่จาน ผมลืมถามสูตรน้ำจิ้มมา ก็เป็นอะไรแบบว่าพริกกระเทียมตำ ใส่น้ำตาลน้ำมะนาวนั่นแหละ

เรื่องแพะก็เอวังลงด้วยปูประการฉะนี้



Create Date : 29 ธันวาคม 2550
Last Update : 30 ธันวาคม 2550 14:40:16 น. 0 comments
Counter : 1116 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ชมพูพันทิบ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ชมพูพันทิบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.