Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 มกราคม 2551
 
All Blogs
 

โรงอาหาร


เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านโน้น มีงานแฮปปี้บุ๊กเดย์ของสำนักพิมพ์มติชนที่ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมแวะไปตอนเย็นวันศุกร์เพราะบังเอิญมีธุระอยู่แถวใกล้ๆ ผมแวะไปที่จุฬาฯน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าคุณนายติ่งสอนอยู่ที่จุฬาฯ ลูกสามคนเรียนสาธิตจุฬาฯ และเรียนมหาวิทยาลัยที่จุฬาฯ ลูกคนโตเรียนจบไปแล้ว อีกสองคนกำลังเรียนอยู่
ที่จุฬาฯมีตลาดนัดวันศุกร์ มีข้าวปลาอาหารและอะไรอื่นๆ มาขาย มีมาหลายปีแล้วละครับ เป็นครั้งที่สองที่ผมไปเดินตลาดนัดวันศุกร์ที่ว่านี่

หลายๆ ปีก่อน คุณนายติ่งเคยซื้อหมูเค็มกลับบ้าน เป็นหมูเค็มที่อร่อยมาก คุณนายบอกว่ามาจากนครปฐม ผมยังจำรสได้จนทุกวันนี้ มันจะอมเค็มๆ มันๆ ชุ่มๆ ผมเข้าใจว่าเขาทอดโดยใช้น้ำมันหมู แต่เขาไม่ได้ลอกหนังหมูออก หนังหมูจะเป็นส่วนเคี้ยวยากเคี้ยวไม่ได้เคี้ยวไม่ไหวผมได้กินแล้วติดใจอยู่นาน ต่อมาหมูเค็มเจ้านี้ก็หายไป ซึ่งมีส่วนสำคัญให้ผมคิดจะทำกินเอง และลองทำ ประกอบกับได้กินหมูเค็มแถวสะพานเหล็กหรือสะพานถ่าน ไม่แน่ใจ เพื่อนซื้อมาให้ ตอนนี้หมูเค็มทำนองนี้เป็นเมนูเอกประจำบ้านผม เพื่อนมากินก็ติดใจถามสูตรกันวุ่นไปผมเคยบอกสูตรไว้แล้ว บอกอีกทีสำหรับคนไม่เคยรู้ หมูสามชั้นนะครับ ต้มสุกดึงหนังออก หั่นเป็นก้อน หมักด้วยน้ำปลาดี ผงชูรสเล็กน้อย แล้วทอดผงชูรสเป็นสิ่งที่เข้ากันดีกับของมันๆ

ศาลาพระเกี้ยวปัจจุบันแตกต่างจากสมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ผมแวะมาหลายครั้ง มาแข่งกลอน ชุมนุมวรรณศิลป์จุฬาฯอยู่ชั้นล่างของศาลาพระเกี้ยว สมัยนั้นเงียบไม่พลุกพล่านอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และไม่มีโรงอาหารอยู่ติดๆ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ผมไปครั้งหลังนี่เป็นตอนเย็น หลังจากเดินดูตลาดวันศุกร์แล้ว รู้สึกหิวก็อยากจะกินก๋วยเตี๋ยวสักชามหนึ่ง คุณนายติ่งก็พาไปที่โรงอาหารซึ่งอยู่ติดเหมือนเป็นตึกเดียวกันกับศาลาพระเกี้ยว

ผมเคยกินมื้อกลางวันที่โรงอาหารในจุฬาฯมาก่อนนะครับ อย่างโรงอาหารคณะอักษรฯ โรงอาหารคณะนิเทศฯ โรงอาหารในจุฬาฯนั้นมีหลายที่และผมไม่รู้ว่ามีที่ไหนบ้าง ไม่รู้ว่าโรงไหนเขาเรียกกันว่าอย่างไร มีอาหารให้เลือกสั่งมากมายหลายอย่างหลายร้านเลยนะครับ เกือบทุกรายการราคาเริ่มต้นที่สิบห้าบาท สิบห้าบาท...ผมใช้เงินสิบห้าบาททำอะไรได้บ้างในทุกวันนี้ ที่ทำได้และทำเป็นประจำคือเป็นเหรียญห้าสามเหรียญ ติดรถไว้ตอนที่จะผ่านด่านทางด่วนใกล้บ้าน เพราะด่านค่าผ่านทางยี่สิบห้าบาทผมเรียนหนังสือมา ชีวิตการเรียนหนังสือของผมก็ผูกพันกับโรงอาหารมาตลอด กินข้าวแกงจานละห้าสิบสตางค์สมัยเรียนอยู่สุพรรณบุรี เข้ากรุงเทพฯก็มากินข้าวแกงโรงอาหารต่อ จานละบาทหกสลึงสองบาทก็จำไม่ได้แน่ ราวๆ นี้แหละครับสิบห้าบาทสมัยนี้ก็คงจะเท่ากับหกสลึงในสมัยผมเรียนอยู่ผมสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ร้านหนึ่งที่โรงอาหารศาลาพระเกี้ยวนั่น แพงกว่าปกติหน่อย คือราคายี่สิบบาท แต่มาชามใหญ่ที่ผมเห็นแล้วก็รู้ว่ากินไม่หมด รสชาติก๋วยเตี๋ยวเนื้อนั้นเชลล์คงไม่มาชิมหรอก แต่ผมยืนยันนะครับว่ามัน "พอแหลกล่าย" เลยทีเดียว ทำเอาผมกินไปเกือบหมดชาม
สมัยผมเรียนหนังสือนั้น ที่พึ่งพิงพึ่งพาในการกินข้าวกลางวันของผมคือที่โรงอาหารเท่านั้น ประการสำคัญคือมันกินติดกินเชื่อได้ สมัยผมเรียนอยู่ศิลปากรนั้น "ป้าแตง" กับ "ไอ้หวา" นี่สนิทกันราวกับเป็นญาติเลยครับ เป็นเจ้าของร้านข้าวแกงสองร้านในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย



ทุกวันนี้นึกย้อนกลับไปยังนึกถึงบุญคุณของทั้งสองท่านนี้อยู่ป้าแตงคงตายแล้ว แต่ไอ้หวาน่าจะยังอยู่ คิดถึงเสมอนะเพื่อน คิดถึงเจ๊ด้วย...ไอ้กบลูกสาวเป็นอย่างไรบ้าง เห็นครั้งสุดท้ายอายุยังไม่ถึงขวบดี
หยกๆ นี้ทุกวันนี้คุณนายติ่งซื้ออาหารจากโรงอาหารที่จุฬาฯกลับมาบ้านอยู่เป็นครั้งคราว อย่างหนึ่งนั้นเป็นอาหารที่ผมชอบมาก คือเป็นปลาทับทิมนึ่ง มีผักนึ่งให้มาด้วย เป็นผักราคาถูกๆ อย่างกะหล่ำปลีและบวบปลาไหลแบบที่ลูกเล็กๆ ยาวๆ ผิวเรียบ แต่ที่สำคัญคือน้ำจิ้ม น้ำจิ้มนี้กินปลานึ่งสุดประเสริฐเลิศลอย ผมชอบมาก กินกับข้าวเปล่าหรือผักนึ่งอะไรโดยไม่ต้องมีปลาก็ได้ครับ อร่อยอย่างยิ่ง อาจจะเป็นเพราะผมชอบน้ำจิ้มอย่างนี้มากกว่าที่คนทั่วไปชอบก็ได้ อันนี้ไม่ทราบ น้ำจิ้มนี้กินเหลือผมไม่เคยทิ้งเลยนะครับ เก็บเข้าตู้เย็นไว้ เก็บเข้าตู้เย็นครั้งแรกนั้นเก็บไว้เพื่อให้แม่หญิงท็อปดูชิมแล้วทำเทียมและเลียนแบบ ไม่กี่วันต่อมาคุณนายติ่งก็มาบอกว่าเห็นเขาทำมาแล้ว ยืนดูเขาทำเลย เขาใช้หอมกระเทียมและพริกชี้ฟ้าย่างบนเตาถ่าน จากนั้นนำไปปั่นในเบรนเดอร์ เปิดเครื่องปั่นแป๊บเดียว ให้พริกหอมกระเทียมนั่นแตกพอหยาบๆมันต้องมีผิวพริกหอมกระเทียมที่ไหม้ๆ ดำๆ ติดมาด้วยนะครับ ถึงจะคลาสสิคปรุงรสด้วยน้ำปลาประมาณหนึ่งส่วน มะนาวประมาณหนึ่งส่วนครึ่งหรือสองส่วนไม่รู้ แต่รสจะออกเปรี้ยว มีเติมผงชูรสด้วยเล็กน้อย ไม่ได้มีอะไรพิสดารเลย ตอนกินครั้งแรกผมก็ว่าน่าจะประมาณทำนองนี้ แต่ไปคิดว่าอาจจะมีน้ำส้มมะขาม ตามที่คุณนายติ่งแกดูมาก็ไม่มี ใช้มะนาวเอารสเปรี้ยวอย่างเดียวนึ่งปลาคราวหน้า น้ำจิ้มสูตรนี้เจอกับผมแน่เวลานึ่งปลานี่ผักอะไรที่จะกินประกอบนึ่งไปด้วยเลยนะครับ กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ดอกกะหล่ำหรือผักกวางตุ้งนี่เข้ากันดีกับปลานิ่งและน้ำจิ้มที่ผมว่านี้มาก ปลานั้นไม่ต้องใช้ปลาทับทิมหรอกครับ ปลานิลนี่แหละ

อยากรู้ว่าน้ำจิ้มนี่เป็นอย่างไร ไปที่โรงอาหารของคณะบัญชีที่จุฬาฯนะครับ ตึกมหิตลาธิเบศฯ คนขายเป็นป้าแก่ๆ อ้วนๆ ผมไม่เคยเห็นไม่เคยไป ใครไปแล้วเขียนมาเล่าสู่ให้ผมรู้บ้าง ร้านนี้ขายอาหารอีสานนะครับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นเป็นชุมชนใหญ่ ผมได้ยินว่ามอเตอร์ไซค์รับส่งเอกสารทำงานเกี่ยวข้องกับจุฬาฯ มาทำงานแล้วชอบที่จะแวะกินอาหารที่โรงอาหารของจุฬาฯ เพราะรสดีราคาถูก เรียกว่าเป็นที่นิยมได้ข่าวว่ามีขับไล่ไสส่งกลุ่มคนพวกนี้ ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยนะครับ ให้โรงอาหารของจุฬาฯเป็นโรงอาหารของประชาชนด้วย ผมว่าน่าจะดีกับจุฬาฯเอง




 

Create Date : 08 มกราคม 2551
0 comments
Last Update : 17 มกราคม 2551 18:26:14 น.
Counter : 1766 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ชมพูพันทิบ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ชมพูพันทิบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.