เรื่องเล่าจากต่างแดน
<<
มิถุนายน 2552
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 มิถุนายน 2552
 
 

I am not maid exchange ตอนที่สิบสี่

และแล้วเมื่อฉันได้กำลังใจมีแรงฮึดสู้แล้ว
(แรงมาเป็นร้อยแล้วคราวนี้ ถึงไหนถึงกัน
นึกถึงสมัยแข่งกีฬา กินข้าวเหนียวหนึ่งปั้น วิ่งได้เป็นพันไมล์
แต่วิ่งไป จุกไป แหะ ๆ) เพราะงั้นวันต่อมาฉันก็ต้อง
ดูเด็กแบบอยู่ครบเลยสี่คน เข้างาน (หรืองานเข้า)
ตอนเช้า แปดโมง เดินแบบหางชู ขาตั้ง เฮ้ย ไม่ใช่หมา
เดินแบบมั่นใจเต็มร้อยไปถึงก็พูดจาทักทาย
ตอนเช้าตามธรรมเนียม แล้วจัดเตรียมหาอาหารให้กินไปตามระเบียบ
ปกติแม่เขาก็จะลงมาช่วยตอนเช้า แต่พอฉันมาเขาก็จะหายหน้าไปเลย
(จะมาช่วยอีกทีก็ตอนจะรีแมช (เปลี่ยนครอบครัว) )
ตอนเช้านี้ก็จะมีแค่สาม เพราะเจ้าลิงน้อย (ตัวโต) ไปโรงเรียนแล้ว
(รอดไป) แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าเด็กรู้ว่าพ่อแม่อยู่บ้าน
นอนอยู่ข้างบน เด็กก็จะพยายามหาทางขึ้นไปหาพ่อแม่
(โดยปกติ ตารางทำงานของออแพร์
เขาจะให้ทำงานตอนที่พ่อแม่ออกไปทำงานแล้ว
แต่บ้านนี้ให้มาทำตั้งแต่ตอนที่ยังนอนอยู่ เหอะ ๆ)
ฉันบอกว่าให้กินอาหารนะ แม่ต้องทำงาน
พ่อก็จะต้องเตรียมตัวไปทำงาน เด็กก็ไม่ฟัง วิ่งวุ่นทั่วห้องครัว
(เพราะว่าห้องครัวจะขึ้นไปข้างบน เขาล็อคไว้)
แล้วก็แหกปากร้องไห้เสียงดัง โดยพร้อมเพรียง
ทั้งเจ้าอ้วนและเจ้าผอม (ทีตอนอย่างนี้มาสามัคคีกัน)
ร้องมามี้ มามี้ มามี้ (แม่จ๋า แม่จ๋า) ไม่รู้จะร้องทำไม
แม่เขาทนไม่ไหวก็ต้องลงมาถามว่าเกิดอะไร
เด็กก็จะเปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก บอกแม่พร้อมทั้งสำออยใหญ่เลยว่า
เจ็บตรงนั้นตรงนี้ ช่วยจูบให้หน่อย (โอ๊ย ไปเจ็บมาตอนไหน
อย่างจะร้องเพลงถามจริง ๆ แค่ขาชนเก้าอี้)
ปลอบกันสักพักก็หายไป ลืมบอกไปว่า แม่บ้านนี้เขาจะทำงานที่บ้าน
โดยใช้ห้องใต้ล่างคาข้างบน เป็นห้องทำงาน
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความลำบากในการทำงานของฉัน
จากนั้นฉันก็พาเด็กกินข้าว เสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้า
อันนี้ต้องรบกับเจ้าอ้วนอย่างที่เคยบอกไปแล้วเ
จ้าอ้วนไม่เคยยอมให้แต่งตัวได้ง่าย ทั้งร้องไห้ ทั้งวิ่งหนี
ฉันก็ตามจับมา ร้องก็ไม่สนใจแล้ว คราวนี้ให้มันรู้กันไป
ฉันก็จับล็อคขาเอาขาฉันล็อคขาเด็กไว้ (พยายามนึกภาพตาม)
แล้วเอามือจับแขน แต่ต้องแรง ๆ คือต้องให้เจ็บหน่อย ๆ
แต่อย่างมากไป ไม่ดี ไม่ดี แหะ ๆ (ประเภทชอบซาดิสต์อยู่แล้ว ฮ่า ๆ ๆ
ล้อเล่นนะค่ะ) เจ้าอ้วนก็ร้องเอาท์ (อ้าวอะไร อากาศออกจะหนาว
ไม่ใช่อบอ้าว) ฉันคิดในใจเจ็บก็อยู่เฉย ๆ ดิ ไม่พอยังแหกปากร้อง
ไม่จบร้องจนในที่สุดฉันก็สามารถเปลี่ยนได้
แต่หมดแรงข้าวเหนียวกันไปเลย (ตอนเช้ากินข้าวเหนียวกับไข่ต้มมา
ที่กระท่อมรุ่นพี่ทิ้งหวดนึ่งข้าวเหนียวไว้ให้ใช้ก่อน)
ตอนหลังฉันก็ได้ค้นพบวิธีการปราบเจ้าอ้วน
ไม่ให้ร้องอีกต่อไป แถมใส่เสื้อผ้าอย่างง่ายดายด้วย
จากนั้นฉันก็เล่นกับเด็กสามคน นางฟ้าน้อยไม่เคยมีปัญหา
เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้พี่ ๆ แกล้ง เพราะเจ้าอ้วน
เจ้าผอมชอบมาเล่นกับน้องแต่เล่นแรง ฉันก็พาเด็กเล่น
เป่ากบ เต้นยาง ดีดข้อมือ ว่าไปนั้น ไม่มีสักอย่าง
ที่นี่เขามีของเล่นให้ลูกเขาเล่นเยอะ
ของเล่นมีแต่พัฒนาสมองทั้งนั้น เหมือนจริงทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นชุดก่อสร้าง ชุดเครื่องครัว คอมพิวเตอร์เด็ก ฯลฯ
สารพัดจะสรรหามา พวกนี้ได้มาตอนเทศกาลคริสตมาสทั้งนั้น
(เรื่องเทศกาลคริสตมาสค่อยติดตามกันต่อไปนะค่ะ)
จากนั้นพอสาย ๆ ก็เอานางฟ้าน้อยใส่รถเข็น
เอาเจ้าสองคนออกไปเล่นที่สนามหญ้า
ออกมาข้างนอกบ้านจะดีหน่อย มีเครื่องทุ่นแรงเพียบ (ของเล่น)
แล้วก็เด็กจะได้ผ่อนคลายด้วย (รวมทั้งตัวฉัน แหะ ๆ)
ห่างจากบ้านพอสมควร (อันนี้จะอยู่ไม่ไกลจากกระท๋อมน้อยของฉัน)
ตรงนั้นจะเรียกว่า สวิงเซต ภาษาไทยเรียก สนามเด็กเล่น
แบบมีชิงช้า ที่สไลด์ บ้านหลังเล็ก ๆ (ของเด็ก) บ้านของคนอเมริกัน
เขาจะมีแทบทุกบ้าน ใหญ่ เล็ก ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าพ่อแม่ แหะ ๆ
ฉันก็ลำบากเหมือนกัน เพราะต้องคอยควบคุมให้เจ้าอ้วนเจ้าผอม
ออกไปกับฉัน (เพราะว่าไม่อยากไป)
ในขณะที่มือก็ต้องเข็นรถที่มีนางฟ้าน้อยนั่งอยู่
ก็ลากกันไปจนถึงสนามหญ้า (แต่ไม่ถึงจุดหมาย สนามเด็กเล่นซักที)
พอไปถึงสนามเด็กเล่น (ส่วนตัว) ไม่ว่าจะเล่นอะไร
สักพักเดี๋ยวเจ้าสองคนก็ตีกัน ร้องไห้จะกลับบ้าน อะไรแบบนี้
ฉันก็เอาหล่ะ แพ้เด็กไม่ได้ เสียงดังเลย ดังจริง ๆ นะ
ประเภทครูไหวใจร้ายเลย ถ้าใครทะเลาะกันอีกจะไม่ให้
กินขนมหลังอาหารเที่ยง เด็กก็เงียบไปสักพัก
คงจะงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ทำไมเสียงดังได้วันนี้
แต่สักพักก็เอาอีก เป็นอยู่อย่างนั้น
สุดท้ายฉันทำได้แค่คอยแยกเท่านั้น
พอประมาณใกล้เที่ยงก็พาเด็กกลับมาบ้าน
จำได้ว่าแม่เขาจะไปข้างนอก (เสร็จแน่เจ้าเด็กแสบ เฮ้ย เจ้าเด็กแฝด)
ฉันก็จัดการหาอาหารให้ทาน เสร็จก็เอาน้องเล็กไปนอนก่อน
(นอนกลางวัน) หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อีก
ตีกันอีก คราวนี้ เหอะ ๆ ๆ รอโอกาสนี้หล่ะ
แม่ไม่อยู่บ้าน (มาใหม่ ๆ ยังไม่กล้าทำโทษเด็ก เกรงใจแม่เขา แหะ ๆ)
ฉันก็เอาเลย จับไปขังไว้ในห้อง (ห้องน้ำ)
เด็กก็แหกปากร้อง เราก็ทะเลาะกันทำไม
บอกแล้วว่าอย่าทะเลาะกัน สักพักก็เงียบ ออกมา
คราวนี้เด็กเริ่มเกร็ง ๆ กลัวฉันขึ้นมาบ้างแล้ว (เห็นฤทธิ์ยัง
ใช่ว่าจะใจดีตลอดไปนะ) พอฉันเริ่มเสียงดังบอกว่าจะขังไว้ในห้องนะ
ก็เลยเริ่มเชื่อฟัง (อันนี้ใช้ได้แค่สองเดือนแรก)
พอแม่เขากลับมาก็ถามว่าเป็นไงบ้าง ฉันก็บอกไปว่าเรียบร้อยดี
แต่เด็กบ้านนี้เวลาถูกทำโทษแล้วไม่เคยเอาไปบอกพ่อแม่นะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อันนี้อาจเพราะกลัวว่าจะโดนรอบสอง
หรือประสาซื่อไม่รู้ แต่เจ้าตัวโตอย่าวางใจ
เพราะว่าเธอโตแล้ว รายนั้นแสบสุด ๆ เป็นคู่ปราบตลอดกาลของฉัน
แม้แต่วินาทีก่อนจะจากกัน ยังไม่เว้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ
จากเหตุการณ์วันนั้นก็พอทำให้เจ้าอ้วน และเจ้าผอม
พอจะฟังฉันขึ้นมาบ้าง แต่มันก็แค่ช่วงสองเดือน
ก่อนเดือนที่สาม เดือนที่ฉันจะระเบิดและรีแมช
(เปลี่ยนครอบครัว)กันไป เพราะมันทนไม่ไหวจริง ๆ

ข้อคิดวันนี้สำหรับออแพร์ ถ้าจะเอาเด็กให้อยู่
อย่าไปกลัวเด็ก เราต้องเหนือเด็ก อย่าให้เด็กเหนือเรา
เราต้องเป็นนายเด็ก ไม่ใช่เด็กเป็นนายเรา ฮ่า ๆ ๆ ๆ
(เสียงหัวเราะแบบนางมารซะแล้ว)

คำเตือน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากบุตรหลานของท่าน
อ่านควรจะมีผู้ใหญ่ คอยแนะนำ เหอะ ๆ ไปดีกว่า
ส่วนเรื่องราวจะเป็นไงต่อ จากนั้นจะปราบเจ้าตัวโตได้ไหม หรือเกิดปัญหาอะไรอีกบ้างระหว่างฉันกับโฮสต้องมาติดตามอ่านต่อนะจ๊ะ จบตอน




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2552
2 comments
Last Update : 27 มิถุนายน 2552 10:23:23 น.
Counter : 476 Pageviews.

 

ตามอ่านมาตลอดเลยนะจ๊ะ อ่านมันส์ดีอ่ะ มาเขียนต่อไวไวนะ

 

โดย: Hommey IP: 125.27.85.10 27 มิถุนายน 2552 15:39:27 น.  

 

ติดตามอ่านอยู่นะคะ

 

โดย: somphoenix 27 มิถุนายน 2552 23:33:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

ถนนที่ทอดยาว
Location :
Toronto, ON Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จากเด็กบ้านนอกเดินทางสู่เมืองนอก กับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในต่างแดน และเรื่องเล่าชีวิตจริงคนที่อยู่ในต่างประเทศ ที่มองดูว่าสวยงาม นั่นจริงเหรอ
[Add ถนนที่ทอดยาว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com