หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

Something sweet(19)... เผากรุงดา(ห)รา


“บุษบา ไปกินข้าวกลางวันกันเถอะจ้ะ”
พฤกษ์ยิ้มเผล่อยู่ตอนที่บุษบากลับเข้าไปในห้องทำงานใกล้กับครัวเบอเกอรี่
หล่อนได้มันกลับคืนมาโดยที่ลูกน้องเก่าไม่โวยวายเลยซักแอะ


“พี่พฤกษ์โทร.มาก็ได้ค่ะ ไม่น่าลงมาเองเลย”
หญิงสาวหมายถึงการลงมาจากชั้นผู้บริหาร มายังฝ่ายอาหารของชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไรหรอก พี่มาดูเธอทำงานด้วยว่าเป็นยังไง ลำบากมากไหม”
ผลพลอยได้จากการมาครั้งนี้คือได้คุยสายกับระเด่นมนตรี คนที่ทำให้บุษบาหวั่นไหว


“ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ”
ร่างสูงโปร่งในชุดเชฟสีขาวเดินไปที่โต๊ะทำงาน รีบจัดการเอกสารที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จโดยเร็ว พฤกษ์มองภาพนั้นแล้วยิ้ม
บุษบายังคงเป็นบุษบาคนเดิมที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เขาจำได้ว่าบุษบามาอยู่บ้านเขาถาวรในวันที่ฝนตก
‘ต่อไปน้องจะมาอยู่กับเรานะจ๊ะ พฤกษ์ เผ่า’
คุณผกาแม่ยิ้มละไม บุษบาในวัยเด็กนั้นขี้อายและเดินตามเขาต้อยๆ พฤกษ์รับรู้เพียงแต่ว่าพ่อของบุษบาเป็นคนสนิทของพ่อเขา
ก่อนที่จะเสียชีวิตพร้อมกับภรรยาด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในรถคันนั้นบุษบารอดคนเดียว หญิงสาวจึงเปรียบเสมือนน้องน้อยของบ้าน


ตอนที่รู้ว่าคุณผกาและคุณพนาจะให้บุษบาแต่งงานกับเผ่าพงษ์นั้น ใจหนึ่งพฤกษ์ก็ค้านเพราะกลัวนิสัยแปลกๆของน้องชาย
แต่อีกใจก็ดีใจ หล่อนจะได้ไม่ไปไหนไกล อยู่ใกล้สายตา พฤกษ์นั้นมีความลับที่บอกใครไม่ได้เรื่องชีวิตรัก
...เขาไม่มีความปรารถนาในตัวผู้หญิงเลย คนที่ทำให้เขาใจเต้นได้มีแต่เพียงผู้ชาย ตอนนี้คู่รักลับๆของเขาคือพนักงานต้อนรับรูปงามของโรงแรม
เพราะฉะนั้นพฤกษ์จึงไม่ค้านเรื่องเผ่าพงษ์กับบุษบาในตอนแรก อย่างไรก็เป็นชายกับหญิง อยู่ด้วยกันไปเดี๋ยวก็มีทายาท
แม้ตอนนี้น้องชายจะรอลงอาญาจากศาลและต้องพบจิตแพทย์เพื่อบำบัดก็ตามที พฤกษ์คิดว่าถ้าเป็นบุษบาคงจะยินดีมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเขา


“บุษบา! เธอดูนี่”
พิณสุดาเดินเข้ามาในห้องทำงานในช่วงบ่าย เพื่อนรีบกางหนังสือพิมพ์ที่ถือมาด้วยให้ดู หนังสือพิมพ์หน้าสังคม
เนื้อหาข่าวเป็นการแซวและซุบซิบผู้คนในแวดวงไฮโซ
‘วันก่อนเห็นคุณพฤกษ์และคุณบุษบา เจ้าของโรงแรมดารามารับแขกในงานแต่งอย่างน่าชื่นตาบาน
ทำเอาแขกในงานคิดว่าคู่นี้เป็นบ่าวสาวเสียเอง เอ...หรือว่าที่คุณบุษบาหายไปพักใหญ่ๆนี่ทำให้คุณพฤกษ์รู้ใจตัวเองหนอ ...คริคริ’
บุษบาอ้าปากค้าง เมื่อไล่สายตามาเห็นรูปประกอบที่เป็นภาพหล่อนกับพฤกษ์มองตากันตอนไวน์แดงหกใส่
หล่อนรีบคว้าโทรศัพท์ภายในติดต่อหาพฤกษ์ทันที


“พี่เห็นข่าวแล้ว”
เสียงปลายสายเจือแววรื่นรมย์ไม่ทุกข์ร้อน
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะบุษบา นักข่าวก็เขียนไปอย่างนั้นเอง”
คำพูดที่เข้าใจไปคนละความหมาย พฤกษ์เห็นหล่อนเหมือนน้องสาว ขณะที่บุษบารู้ว่าเขาไม่สนใจผู้หญิง
“เป็นเรื่องดีเสียอีกที่จะได้ประชาสัมพันธ์โรงแรมของเรา”
ชายหนุ่มนึกขอบคุณข่าวนี้เพราะมีการเอ่ยชื่อโรงแรมดาราด้วย ไม่เสียเงินค่าโฆษณาแถมยังเป็นข่าวรักๆใคร่ๆทำให้คนสนใจ
“เดี๋ยวมันก็ซาไปเองล่ะจ้ะ”


แต่บุษบานึกกังวลใจอยู่ลึกๆถึงคนที่อยู่ปากช่อง กลัวว่าเขาจะเห็นข่าวแล้วเข้าใจผิด ยิ่งเจ้าอารมณ์อยู่ด้วย
“บุษบา ...บุษบา คุณพฤกษ์ว่ายังไงมั่ง”
พิณสุดาปลุกหล่อนจากภวังค์ สาวร่างสูงโปร่งเห็นมายิ้มเจื่อนๆกับเพื่อน
“พี่พฤกษ์รู้แล้วว่าเป็นการเข้าใจผิด ให้คิดเสียว่าเป็นการประชาสัมพันธ์โรงแรม”
เพื่อนผิวคล้ำรูปร่างอวบอัดกลอกตาอย่างอ่อนใจ พฤกษ์หาประโยชน์จากบุษบาอีกแล้ว
“แต่เธอเสียชื่อนะ”


“ไม่เป็นไรหรอกพิณ เรากับพี่พฤกษ์เป็นพี่น้องกันนะ ตอนนี้ถ้ามีอะไรที่ช่วยได้เกี่ยวกับโรงแรมก็ช่วยๆกันไป”
บุษบาบอกพลางยิ้มอ่อนๆ พิณสุดาถอนหายใจแผ่วเบา เชฟขนมหวานมองโลกในแง่ดีเสมอโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม
“แล้วประชุมกับคนที่จะมาลงทุนกับเราพรุ่งนี้ล่ะ เธอจะต้องเข้าประชุมด้วยไหม”
สาวผิวคล้ำหมายถึงการประชุมกับนักลงทุนต่างชาติที่มีท่าทีสนใจจะร่วมทุนกับโรงแรมดารา


“อือ...พี่พฤกษ์บอกให้เข้าประชุมด้วย”
มีกลุ่มชาวต่างชาติสองสามกลุ่มที่สนใจจะมาลงทุนกับโรงแรมแห่งนี้ พฤกษ์ค่อนข้างเลือกกลุ่มที่ไม่ได้มีกิจการโรงแรมโดยตรง
เขากลัวการเข้ามาเทคโอเวอร์ที่สุด โรงแรมดาราแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นคุณพนา พฤกษ์จึงรักโรงแรมแห่งนี้มาก
“แล้วจะแต่งตัวยังไงน่ะฮึพรุ่งนี้ อย่าบอกนะว่าจะใส่ชุดเชฟ”
“อ้าว!ทำไมล่ะ?”
หล่อนกวาดตาดูชุดเชฟของตนเอง
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย นี่มันยูนิฟอร์มของอาชีพฉันอยู่แล้วนะ”


“บ้าน่ะสิ แม่บุษบา ชุดนี้น่ะเอาไว้ใส่ประชุมภายในโรงแรมได้ แต่คราวนี้เป็นคนจากบริษัทข้างนอกนะ”
เพื่อนค้าน
“เชฟทุกคนเขาก็ใส่ชุดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”
กระนั้นบุษบาก็ยังยืนยันเรื่องยูนิฟอร์มประจำอาชีพอยู่ดี
“ไม่เอาหรอกบุษบา เป็นผู้หญิงหัดแต่งตัวเสียบ้างสิ เธอเป็นนางงามประจำอำเภอเชียวนะ”
พิณสุดาหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกถึงงานประกวดนางงามอันแสนโกลาหลเมื่อยามอยู่ไร่อสัญ


“ไม่รู้แหละ เย็นนี้หลังเลิกงานเดี๋ยวเราไปซื้อของด้วยกัน ตั้งแต่เธอกลับมาจากไร่เราก็ไม่ได้ไปเที่ยวกันเลยนะ”
สาวผิวคล้ำเอ่ยชวน บุษบาหยิบปฏิทินตารางนัดของตนเองที่วางอยู่ใกล้คอมพิวเตอร์มาดูสักครู่ ก่อนที่จะตอบตกลง
ใจคิดว่านานๆทีจะได้คุยตามประสาผู้หญิงกับเพื่อนบ้าง


“บุษบาเธอพอจะสอนคนที่ไม่มีพื้นฐานการทำขนมเลย ทำขนมได้ไหม”
จู่ๆพิณสุดาก็ถาม ยามที่ทั้งสองเดินห่างจากเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้ามาแล้ว เพื่อนคะยั้นคะยอให้บุษบาซื้อมาสองสามชิ้น
“ก็พอไหวอยู่นะ แต่ต้องดูจุดประสงค์การเรียนก่อน ทำไม...จะให้ฉันไปสอนใครเหรอ”
สาวผิวคล้ำลังเลสักครู่ก่อนจะตอบ
“คือ...ฉันไปสัญญาว่าจะทำขนมให้ลูกพี่ลูกน้องกินน่ะ ถ้าเขาสอบได้คะแนนดี ทีแรกพูดท้าไปเท่านั้นไม่คิดว่าจะต้องทำจริง”
พิณสุดาบ่นอุบอิบ เพราะปากพาไปแท้ๆเชียวหล่อนถึงต้องบากหน้ามารบกวนเพื่อนอย่างนี้


“แล้วเขาชอบกินอะไรล่ะ อายุกี่ขวบ?”
บุษบาถามแล้วหัวเราะเบาๆ
“ก็ยังไม่โตเท่าไรหรอกนะ ยังเล่นปืนของเด็กเล่นอยู่เลย”
พิณสุดาหมายถึงนิสัยแล้วก็งานอดิเรกของคนที่กล่าวถึง
“อะไรก็ได้ที่กินง่ายๆไม่ท้องเสีย เหมาะสำหรับคนลิ้นจระเข้ ยิ่งได้ปริมาณเยอะๆยิ่งดี ฉันไม่มีเตาอบหรือเครื่องตีไข่นวดแป้งหรอกนะ”


ขนมที่บุษบาสอนพิณสุดาก็คือบลูเบอรี่ชีสพาย
“ว้าย! บุษบาก็บอกแล้วยังไงว่าฉันไม่มีเตาอบ”
เพื่อนร้องค้านตอนได้ยินชื่อขนมประเภทพายๆ
“ไม่หรอกน่าพิณ วิธีการง่ายก็กว่านั้นเยอะ”
บุษบาพาพิณสุดาไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต วัตถุดิบในการทำประกอบด้วย เครกเกอร์เปล่าๆถุงใหญ่ เนยเค็ม *ครีมชีส นมข้นหวาน
แยมบลูเบอรี่ มะนาว หล่อนจะหยิบครีมสดมาด้วยแต่พิณสุดาไม่ยอมเพราะกลัวอ้วน


“ไม่ต้องเอาของดีๆแพงๆหรอกบุษบาอย่างตาเอ้ย! ญาติฉันคนนั้นน่ะส่วนผสมแค่นี้ก็พอแล้ว”
พูดถึงคนที่จะทำขนมให้กินทีไรสาวผิวคล้ำก็มีน้ำโหทุกที


“ก่อนอื่นนะพิณ เธอต้องทุบแครกเกอร์ทั้งหมดให้ละเอียดก่อน”
เชฟสาวหาถุงพลาสติกสะอาดๆมาใส่แครกเกอร์ที่รวมกันแล้ว ครัวที่คอนโดของพิณสุดานั้นเล็กกะทัดรัด
เครื่องครัวมีอยู่พร้อมสรรพแต่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่ค่อยได้ใช้
“ทุบให้ละเอียดเป็นผงเลยนะ”
ว่าแล้วหล่อนก็หันมาตัดเนยเค็มเป็นสี่ส่วน


“สอนฉันสิบุษบา ไม่ใช่เธอทำเอง”
เพื่อนแหว หญิงสาวจึงยิ้มเก้อๆหล่อนนี่จริงๆเลยเชียว อยู่กับขนมแล้วจะเผลอลืมตัวทุกที
“เนยเค็มต้องแบ่งเป็นสี่ส่วนนะพิณ สามส่วนเราจะใช้ อีกส่วนหนึ่งก็เก็บไว้ใช้ครั้งต่อไป”
บุษบาหยิบเนยที่หั่นสามส่วนลงไปไว้ในชาม แล้วเอาใส่เตาไมโครเวฟ
“ต้องอุ่นละลายเนยประมาณสี่สิบวินาทีในเตาไมโครเวฟ”
สาวร่างโย่งปากก็บอกไปมือก็กดตั้งเวลาไมโครเวฟ แป๊บเดียวเสียงไมโครเวฟก็ดังติ๊ง!


“เสร็จแล้วก็เอามาวางไว้ในอุณหภูมิห้องให้เย็น ต่อไปถึงตาแครกเกอร์ของเธอแล้ว”
พิณสุดาทุบแครกเกอร์ไปสักพัก บุษบาก็ให้เทส่วนที่ทุบลงในชาม
“ค่อยๆคนแครกเกอร์ผสมเนยที่ละลายลงไป แต่อย่าใส่หมดนะ เหลือไว้ทาพิมพ์พายด้วย”
หล่อนหมายถึงพิมพ์ถาดอลูมิเนียมฟอล์ยที่ซื้อมา
“ค่อยๆคนแล้วก็ผสมเนยอย่าให้ตัวพายเหลว เอาแค่ให้พอเซ็ทตัวได้เหมือนทรายเปียกๆ”


พิณสุดารู้สึกเหมือนอยู่ในรายการสอนทำอาหาร ที่ครูตัวเป็นๆมายืนอยู่ตรงหน้า ทั้งสอนแล้วก็จับมือทำเลยทีเดียว
“จากนั้นก็ทาเนยที่เหลือไว้ลงในถาดอลูมิเนียมฟอล์ย ทาบางๆนะอย่าเอาให้โชกเดี๋ยวพายจะเซ็ทตัวยาก
แค่พอให้แซะออกจากพิมพ์ไม่ลำบากก็พอ แล้วก็กรุแครกเกอร์ที่ผสมแล้วลงในถาด”
“ต้องหนาขนาดไหนล่ะ”
เพื่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นนักเรียนชั่วคราวกำลังใช้ช้อนส้อมกดแครกเกอร์ป่นไปทั่วถาด


“เอาแค่ให้รู้สึกว่ามันแน่นก็พอแล้วล่ะ จากนั้นก็เอาไปแช่ช่องฟรีซตู้เย็นประมาณสี่สิบนาที”
หลังจากที่เอาตัวพายแช่ตู้เย็นแล้ว บุษบาและพิณสุดาก็หันมาบีบมะนาวใส่ถ้วยใบเล็ก
“ขั้นตอนต่อไปก็ตีครีมชีสให้ขึ้นขึ้นฟู แล้วก็ค่อยๆใส่น้ำมะนาวกับนมข้นหวานตามลงไป ตามปริมาณที่เราชอบ
แต่ระวังอย่าให้ส่วนผสมที่ตีไว้เหลวจนเกินไป”
พิณสุดาได้แต่ดูเพื่อนร่างโย่งที่หยิบตะกร้อตีไข่มาตีครีมชีส


“ถ้าครีมชีสหนืดขนาดนี้”
บุษบายกตะกร้อตีขึ้น ครีมชีสหนืดมากหยดลงชามอย่างช้าๆ
“ถือว่าใช้ได้ เอาล่ะพิณไปเอาแป้งพายออกมาได้แล้ว”
ทั้งสองช่วยกันละเลงครีมชีสที่ตีเรียบร้อยลงบนแป้งพายที่เซ็ตตัวแล้ว ก่อนที่จะเอาแช่ตู้เย็นอีกประมาณสี่สิบนาที


“แล้วหลังจากนั้นเราจะทำอะไรต่อ”
เพื่อนถามขณะที่ช่วยกันทำความสะอาดครัวเล็กในคอนโด
“เอาแยมบลูเบอรี่โปะ แช่ตู้เย็นอีกหน่อยก็เป็นอันจบ”
“ง่ายขนาดนั้นเชียว”
เจ้าของห้องร้องอย่างทึ่งๆ


“ฮื่อ ไม่ยากหรอก ปรกติขนมนี้เอาไว้ทำหลอกเด็กด้วยซ้ำ ช่วยทุบแครกเกอร์คนละไม้คนละมือ ยิ่งตอนที่ใช้ครีมสดมาบีบแต่งหน้าบนแยมนี่ก็ยิ่งสนุก”
พูดถึงเด็กแล้วบุษบาก็นึกถึงคนตัวเล็กที่ไร่อสัญขึ้นมาครามครัน ป่านนี้จะเป็นอย่างไรหนอ
ขากลับจากคอนโดพิณสุดาหญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูตั้งใจจะโทร.หาระเด่นมนตรี แต่เจ้ากรรมแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือกลับหมด
เมื่อมาถึงบ้านของพฤกษ์บุษบาก็เหนื่อยล้ากับการจราจรจนต้องไปอาบน้ำให้สดชื่น


“คุณพฤกษ์โทร.มาหาคุณบุษบาค่ะ คุณเขาบอกว่าโทร.เบอร์มือถือไม่ติด”
คนรับใช้มาเคาะประตูห้องบอก หล่อนจึงรับโทรศัพท์ของเขาที่โอนเข้าห้องมาให้
ทั้งสองคุยเรื่องงานกันอยู่นานหลังจากนั้นก็บอกว่าพรุ่งนี้ให้บุษบาพาผู้สนใจร่วมทุนชมส่วนต่างๆของโรงแรมด้วย
เพราะฝ่ายประชามสัมพันธ์และการตลาดจะต้องไปประชุมที่สมาคมโรงแรมไทย
บุษบาจึงโทร.คุยกับพิณสุดาเรื่องการแต่งตัวกับแต่งหน้ารับแขกในวันพรุ่งนี้จนดึก จึงคิดว่าจะติดต่อระเด่นมนตรีในวันถัดไป


เช้าวันต่อมาบุษบาทำผมมัดสูง สวมสูทสีเทาติดเข็มกลัดดอกไม้สีแดงที่หน้าอก กระโปรงสีเดียวกันกับสูทยาวคลุมเข่า
เวลาเยี้ยงกรายรอยผ่าข้างของกระโปรงจะเผยให้เห็นลูกไม้สีดำที่ซ่อนอยู่ที่ขอบชายกระโปรง
‘ฉันไม่ชอบกระโปรงตัวนี้เลยนะพิณ มันเซ็กซี่ไป’
บุษบาที่ตื่นมาแต่เช้าพร้อมกับการแต่งหน้าอย่างประณีตของพิณสุดาบ่น เมื่อเพื่อนรื้อตู้เสื้อผ้าจนเจอกระโปรงตัวนี้


‘พี่พฤกษ์ ซื้อมาให้จากอังกฤษ สวยอยู่หรอกแต่ไม่เหมาะกับเรา’
แรกทีเดียวหล่อนดีใจนักที่พฤกษ์ซื้อมาฝาก เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับเขา
พยายามจะใส่ดูแต่ส่องกระจกอย่างไรก็ได้แต่ถอดถอนใจว่าไม่เหมาะกับตัวเองเลย
‘เอาน่าฉันมีวิธี เจ้พอลล่าสอนวิธีแต่งหน้าขั้นเทพให้ฉันแล้ว’
เพื่อนหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี


บุษบาพากลุ่มผู้ร่วมทุนเดินชมโรงแรมไปเรื่อยๆจนกลับมาที่ล็อบบี้
หนึ่งในนั้นบอกว่าเป็นลูกค้าขาประจำร้านอาหารเพื่อนร่วมชั้นชาวต่างชาติของหล่อนด้วย
การพูดคุยจึงเป็นกันเองทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส บุษบารู้สึกเหมือนได้สถานที่ยืนกลับมา
วันนี้หล่อนสวมรองเท้าส้นสูง ...กับชายไทยหล่อนจะดูสูงมากๆยืนคู่กันแล้วแปลก
ขณะที่กับชาวต่างชาติสูงใหญ่หล่อนจะดูกลมกลืน ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้ชายไทยจะมองข้ามบุษบาไปเพราะความสูง
ยิ่งนิสัยนิ่งเงียบ ไม่ชอบเอาใจใครยิ่งแล้วใหญ่


หนึ่งในเหตุผลที่หล่อนเคยชอบพฤกษ์ก็เพราะว่าเขารูปร่างสูงใหญ่กว่าหล่อน
เมื่อคิดได้ดังนั้นใจก็กระหวัดไปถึงอีกคนหนึ่ง ระเด่นมนตรีก็รูปร่างสูงเช่นกัน บึกบึนและแข็งแกร่งยิ่งนัก
คิดดังนั้นแล้วบุษบาก็ใบหน้าร้อนผ่าว หล่อนคิดถึงเขาด้วยจิตเสน่หา คิดถึงแววตาระยิบระยับยามออดอ้อน
บุษบาจะกลายเป็นผู้หญิงร้อนรักหน้าไม่อายเสียหรือไร...


“คุณโอเคนะครับ”
ชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มผู้ร่วมทุนชาวต่างชาติ ยื่นหน้ามาใกล้ถามเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อเห็นหล่อนหน้าแดงนิดๆ
“ค่ะ ฉันโอเค”
บุษบารีบปรับสีหน้าให้กลายเป็นยิ้มแย้ม แล้วพากลุ่มชาวต่างชาติขึ้นลิฟท์ผู้บริหารไป


“คุณบุษบามีคนโทร.มาหา โอเปอเรเตอร์ลีฟเมสเซสไว้ให้ที่โต๊ะนะครับ”
ลูกน้องบอกยามที่หล่อนกลับมาดูงานที่ครัวเบเกอรี่
‘กรุณาโทร.หาผมด้วย’
นี่คือข้อความที่ฝากไว้จากระเด่นมนตรี!


ร่างนั้นผอมลงนิดหน่อยใบหน้าเคร่งครึม มีไรหนวดจางๆที่เหนือริมฝีปาก ระเด่นมนตรีใส่เสื้อลายสก๊อตกางเกงยีนส์
แต่เขาดูมีอำนาจที่สุดในร้านอาหารแห่งนี้โดยไม่ต้องพึ่งเสื้อผ้าราคาแพง เพียงแววตาคมกล้าสีบรั่นดีก็สยบผู้คนให้อยู่แทบเท้าได้แล้ว
ชายหนุ่มนัดหล่อนให้มาเจอที่ร้านอาหารในโรงแรมเมื่อยามเย็น
“ขอบคุณที่กรุณาสละเวลามานะครับคุณบุษบา”
เขาทัก หล่อนรู้สึกเหมือนเห็นระเด่นมนตรีคนที่เจอกันในวันแรกที่เหยียบย่างไปที่ไร่อสัญ หยิ่งยโส ไม่ไว้หน้าใคร


“นายระเด่นมีอะไรหรือเปล่าคะ โทร.มาหาฉันก่อนก็ได้”
แต่กระนั้นบุษบาก็ยังใจเต้นอยู่ เมื่อคนที่คิดถึงมานั่งอยู่ตรงหน้านี่แล้ว
“ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ยังครับ คุณช่วยแนะนำอาหารหน่อยสิ ที่นี่เป็นโรงแรมของคุณไม่ใช่เหรอ”
เสียงเขาเย็นชา บุษบาไม่ได้ติดใจอะไรคิดว่าเขาโกรธที่ไม่ได้ติดต่อไป มือขาวลออจึงเริ่มเปิดรายการอาหารและเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่ม


**พระวิโยคโศกเศร้าเปล่าเปลี่ยว ดังมาเดียวลิ่วโลดตลึงหลง
จนสายถือที่พระหัตถ์ก็พลัดลง จึงค่อยคงคืนสมประดีกาล
กระจ่างแจ้งแสงเทียนโคมส่อง เหมือนเมื่อน้องเสี่ยงเทียนอธิษบาน
ลมพัดเพลิงดับอันธกาล ประมาณเหมือนต้องค้างคาวดับไฟ
กลิ่นลำดวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า ที่คลึงเคล้าชมชิดยังคิดได้
เดือนดับลับเมฆมืดไป เหมือนมืดมิดในวิหารคีรี
แว่วเสียงสำเนียงดุเหว่า เหมือนเสียงน้องร้องทูลมะเดหวี
วังเวงใจในเวลาราตรี จนแสงทองส่องศรีสว่างฟ้า


ระเด่นมนตรีมองคนที่นั่งตรงหน้าด้วยความปวดร้าว หล่อนพร่างพราวเฉิดฉายอยู่ในสถานที่อันสวยงาม
‘คุณระเด่นมนตรีครับผมขอพูดตรงๆ คุณเลิกติดต่อกับบุษบาเสียเถอะครับ’
เสียงทุ้มนุ่มของพฤกษ์ยังวนเวียนก้องในหัว
‘เรื่องของคุณและบุษบาผมเกรงว่าสุดท้ายมันจะกลายเป็นเรื่องเศร้า’
นั่นเป็นครั้งแรกที่เจ้าของไร่อสัญนึกอยากจะชกใบหน้าหล่อๆของพฤกษ์
นอกจากมารับโทรศัพท์ในห้องทำงานบุษบาแล้ว ยังทำตัวเป็นหมอดูทำนานทายทักอีก


‘ผมว่านั่นเป็นการตัดสินใจของผมและคุณบุษบา คนอื่นไม่เกี่ยว’
เสียงสายจากกรุงเทพฯหัวเราะหึๆ
‘คุณนี่เหมือนอย่างที่บุษบาเล่าเลย เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง’
‘ผมต้องการจะคุยกับคุณบุษบา ถ้าเธอไม่อยู่ผมจะวางสายแล้ว’
อย่างไรเสียพฤกษ์ก็เป็นคนที่บุษบานับถือ ระเด่นมนตรีจึงเลือกที่จะเลี่ยงการปะทะคารมเสีย เขาไม่อยากให้บุษบาไม่สบายใจ


‘คุณกับบุษบาไม่เหมาะสมกัน’
พฤกษ์กล่าวเสียงเรียบนิ่ง
‘โลกของคุณและเขาเป็นโลกคนละใบกัน น้องสาวผมไปอยู่ในไร่อย่างนั้นไม่ได้’
‘คุณไม่ใช่คุณบุษบานะคุณพฤกษ์ อย่าตัดสินคนอื่นจากมุมมองของตัวเอง’
เขากัดฟันกรอดมือกำโทรศัพท์มือถือแน่น
‘ไม่ใช่การตัดสิน แต่นั่นมันคือสิ่งที่ควรจะเป็นต่างหาก คุณเป็นใคร...อยู่กับบุษบาไม่กี่เดือน ผมต่างหากที่อยู่กับเขามานาน รู้ใจเขาดีที่สุด’
ปลายเสียงเน้นหนักแสดงถึงความเหนือกว่า
‘โลกของบุษบาคือโลกของการทำขนม เขามีความสุขเวลาทำงาน’


‘ถ้าเขาต้องการทำงานผมก็จะสร้างโรงงานขนมให้เขาก็ได้ ขอแค่เขาบอกมาคำเดียว
จริงอยู่ผมอาจจะไม่ร่ำรวยหรูหราแบบพวกคุณแต่ผมจะไม่ให้คุณบุษบาลำบาก’
พฤกษ์เงียบไปครู่
‘แล้วเขารักคุณหรือเปล่าละครับคุณระเด่นมนตรี บุษบาเขาบอกว่ารักคุณหรือเปล่า เขารักโรงแรมดารา ที่นี่เป็นบ้านของเขา
เราเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณนะเป็นคนอื่น...’
หลังจากนั้นโทรศัพท์มือถือก็พัง


ชายหนุ่มแล่นมากรุงเทพฯในวันนั้นท่ามกลางความแปลกใจของคนในครอบครัวที่กรุงเทพฯ
‘ลมอะไรพัดมาล่ะพ่อระเด่นมนตรี’
แม่เขาแซวอย่างอารมณ์ดี ระเด่นมนตรีไปหาบุษบาที่โรงแรม พนักงานแจ้งว่าหล่อนกลับบ้านไปแล้ว
แม้จะพยายามโทร.หาแต่หล่อนก็ไม่รับสาย อกของระเด่นมนตรีเหมือนจะระเบิด นอนไม่หลับทั้งคืน ชายหนุ่มคิดที่จะพาหล่อนไปจากที่นี่โดยไว
มิฉะนั้นลางสังหรณ์บอกว่าเขาจะสูญเสียหล่อนไปตลอดกาล


เมื่อเช้าระเด่นมนตรีมาที่โรงแรมดาราอีกรอบก็พบบุษบาอีกครั้ง
ปรกติระเด่นมนตรีเป็นมั่นใจในตนเอง เขาไม่เคยหวั่นไหวกับคำพูดใคร แต่เมื่อพบกับบุษบาที่แต่งตัวสวย กระโปรงสั้นเซ็กซี่
การเจรจาพาทีกับชาวต่างชาติอย่างคุ้นเคย ความหึงหวงรุนแรงแล่นเป็นริ้วๆ ...หล่อนยิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่เขา
บุษบากลืนเป็นส่วนหนึ่งแห่งความเฉิดฉายหรูหราของโรงแรมดาราแห่งนี้ หล่อนไม่ใช่‘คุณบุษบา’ของเขาคนเดียวอีกต่อไป


“คุณกลับไร่อสัญกับผมเถอะนะบุษบา”
คนฟังเลิกคิ้วตกตะลึงกับคำชวนที่อุกอาจนั้น
“ที่นี่พี่ชายคุณเขาดูแลได้ คุณออกไปจากที่นี่เพราะมีปัญหากับเขาไม่ใช่เหรอ”
คนของสังฆาเอารายงานประวัติโดยละเอียดของหล่อนมาให้เขาแล้ว รูปความสนิทสนมระหว่างพี่น้องบางรูปทำให้นึกฉุนในใจ
เกาะแขนโอบไหล่ทั้งๆที่ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆยิ่งสาเหตุการมาเจอเขาที่ไร่อสัญมีคำว่า‘แต่งงาน’รวมอยู่ด้วย ระเด่นมนตรีก็ยิ่งไหวหวั่น


“กลับไปกับผมเถอะครับคุณบุษบา ผมอยากให้คุณไปอยู่ที่ไร่มากกว่า เรา...จะแต่งงานกัน”
โลกหยุดหมุน สรรพสิ่งเงียบงันทันทีเมื่อระเด่นมนตรีพูดจบลง เขากำลังขอหล่อนแต่งงาน! ในใจของบุษบาร่ำร้อง...
“ผมรักคุณนะครับ”
คำนั้นย้ำจากริมฝีปากหนาของคนตัวใหญ่ แต่งงานกับชายที่พึงใจ ...บุษบารู้สึกว่าร่างกายเหมือนลอยอยู่ในอากาศ
“คุณบุษบา”


“ฉันว่ามันเร็วไปค่ะนายระเด่น”
หญิงสาวได้สติตอบเขาเสียงแหบแห้ง ใจนั้นเต้นระรัวราวกับจะระเบิดออกจากอก
“หลายๆอย่างยังไม่เรียบร้อย ทั้ง...โรงแรม...ทั้งเรื่องของเดียร์ ทั้ง...”
บุษบารู้สึกลนลานเป็นครั้งแรก ปากบางพร่ำบ่นถึงปัญหาร้อยแปด ในสมองตอนนี้ยุ่งเหยิงตีกันไปหมด ทั้งดีใจทั้งสับสน
“ช่างมันปะไร เดี๋ยวผมจะแก้ปัญหาให้ เรื่องโรงแรมนี้ผมจะหาทางช่วย”
ใช่!ระเด่นมนตรีจะทำแน่หากจะทำให้บุษบาห่างจากโรงแรมนี้ ห่างจากพฤกษ์! กลับไปอยู่กับเขา


“ฉันต้องช่วยพี่พฤกษ์ทำงานที่นี่ก่อนค่ะ พี่พฤกษ์มีโครงการให้ฉันรับผิดชอบอีกหลายรายการ พี่พฤกษ์...”
“คุณบุษบา!”
เขาขึ้นเสียงดังอย่างเหลืออด อะไรๆหล่อนก็พูดถึงแต่‘พี่พฤกษ์’ร่างสูงนึกหน้าพี่ชายนอกไส้ของหล่อนออกเลย
พฤกษ์คงมองเขาอย่างเยาะเย้ยแน่
“คุณเลิกพูดถึงคนอื่นได้แล้ว ผมกำลังขอคุณแต่งงาน ขอให้คุณมาอยู่ที่ไร่ของผม พี่ชายคุณไม่เกี่ยว”


“แต่...”
บุษบาใบหน้าแดงก่ำ แล้วเปลี่ยนเป็นลังเลไม่เข้าใจการกระทำของเขา
“ฉันขอเวลาหน่อยได้ไหมคะนายระเด่น ฉันอยากจะสะสางงานที่โรงแรมให้เสร็จ มีหลายอย่างที่ฉันต้องทำ”
เขานิ่งไปครู่ก่อนที่จะเอ่ย
“คุณบุษบาผมถามจริงๆเถอะครับ ระหว่างผมกับโรงแรมดาราแห่งนี้คุณจะเลือกอะไร”
“หมายความว่ายังไงคะนายระเด่น”
“ผมก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ ระหว่างโรงแรมนี่กับผมคุณจะเลือกใคร”


“นายระเด่นคะของบางอย่างก็เปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่ของพี่พฤกษ์ท่านมีพระคุณกับฉัน
แล้วตอนที่ลำบากฉันจะทิ้งที่นี่ ทิ้งพวกท่านไปได้อย่างไร”
หล่อนพยายามอธิบาย
“แต่เขาก็ทิ้งคุณตอนที่คุณทำไม่ได้ดังใจพวกเขานี่นา บุษบาคุณทิ้งบุญคุณจอมปลอมนั่นเสียเถอะ ไปกับผม”
“นายระเด่นอย่ามาว่าคุณลุงคุณป้าอย่างนี้นะคะ”
หญิงสาวเสียงเกรี้ยวกราดนิดๆ
“ท่านเป็นผู้มีพระคุณของฉัน”


“บุษบาคุณไม่ควรเอาชีวิตมาผูกไว้ที่นี่ ไปกับผมเถอะบุษบา”
มือเขาเอื้อมมาจับที่มือหล่อน ความอุ่นร้อนราวกับจะแผ่ขยายเข้าครอบครองหัวใจ
“ผมรักคุณนะครับคุณบุษบา”
คำพูดนั้นกลับมาหวานหู บุษบาตาฝาดไปหรือเปล่าที่เห็นประกายระยับปิ๊งๆบนร่างเขา
“นายระเด่นคะ รอฉันอีกนิดได้ไหม ฉันอยากทำสิ่งที่ควรทำให้เสร็จ”
“ผมคิดว่าสิ่งที่คุณควรทำคืออกไปจากที่นี่กับผม วันนี้!”
เสียงเขาเข้ม ใจคิดว่าจะเป็นจะตายอย่างไรก็ต้องพาบุษบากลับไร่อสัญให้ได้


“นายระเด่นคะเข้าใจฉันหน่อย”
หล่อนอ้อนวอน เขาบดกรามสะกดอารมณ์ที่จะไม่อาละวาดหรือไม่ก็จับคนตรงหน้าเขย่าจนตัวโคลง
หล่อนช่างเป็นผู้หญิงดื้อด้านเสียจริง เขาอุตส่าห์มาขอแต่งงานแล้วเชียวนะ
“คุณบุษบาระหว่างผมและโรงแรมคุณจะเลือกใคร”
“นายระเด่นคะ”
สาวสูงโปร่งปรามเขา เพราะรู้สึกว่าแววตาคนตรงข้ามนั้นช่างน่ากลัวเหมือนตอนที่เกิดเรื่องแบรนดอนกับเดียร์


“เลือกมาคุณบุษบา! ระหว่างบุญคุณของที่นี่กับผมคุณจะเลือกใคร แต่คุณรู้ไว้อย่างหนึ่งนะว่าผมยินดีจ่ายค่าล้างบุญคุณโรงแรมบ้าๆนี่กับคุณ”
บุษบาไม่เชื่อหูตนเองกับเสียงที่ระเด่นมนตรีเกรี้ยวกราด
“ผมรักคุณนะครับบุษบา ถ้าคุณยอมไปกับผม ทุกบาททุกสตางค์ที่ของบุญคุณผมจะชดใช้ให้หมด”
หล่อนอ้าปากค้าง เขาทำราวกับกำลังตกลงซื้อขายอะไรบางอย่าง นี่ใช่ความรักแน่หรือ...
“คุณบุษบาผมยินดีทำเพื่อคุณ”
น้ำเสียงของเขากลับมาออดอ้อนอีกครั้ง วินาทีนั้นบุษบาจึงคิดได้ว่าคนที่พูดคำว่ารักมาตลอดคือเขา


“คุณไม่ได้รักฉันหรอกค่ะ นายระเด่น คุณรักตัวเองต่างหาก”
คิ้วเขาขมวดดวงตาวาวโรจน์
“คุณบอกแต่ว่ารักฉัน อยากให้ฉันไปอยู่ด้วย คุณพูดอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่จะให้ตัวเองสมหวังมีความสุข
คุณต้องการจะให้ฉันทำตามที่คุณต้องการทุกอย่างหรือยังไง”
“บุษบาไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่อยากปกป้องคุณ”


“แล้วคุณเคยถามความรู้สึกของฉันบ้างไหม คุณฟังใครบ้างหรือเปล่า ฉันก็มีเหตุผลของฉัน”
ทั้งเขาและหล่อนต่างเงียบงัน
“คุณไม่เคยฟังใครเลย ใจร้อน เอาแต่อารมณ์ คราวคุณจินตะหราก็ทีหนึ่ง คราวเดียร์กับแบรนดอนก็อีก แล้วคราวนี้ก็มาเป็นฉัน”
เสียงหล่อนสั่นโดยไม่รู้ตัว
“คุณระเด่นมนตรี ฉันไม่เคยคิดเลยว่านอกจากชื่อคุณจะเหมือนพระเอกในวรรณดีแล้ว นิสัยคุณก็ยังเหมือนด้วย
คุณจะเอาแต่ได้ เจ้าอารมณ์ บังคับให้แต่คนอื่นทำตาม ไม่ยอมรับเหตุผลของใครเลย ฉันไม่ใช่บุษบาในเรื่องอิเหนา ฉันจะไม่ไปกับคุณเด็ดขาด!”
สายตาที่หล่อนมองเขานั้นแข็งกร้าว หล่อนชิงชังเขาเสียแล้ว คำบริภาษที่คล้ายกับแม่เขาและจินตะหราเคยพูด


“ครับคุณบุษบาผมก็ไม่ใช่ระเด่นมนตรีในเรื่องอิเหนา เพราะถ้าผมเป็นเขาจริงๆละก็ ผมจะเผาโรงแรมนี่ซะแล้วก็ลักตัวคุณมา”
บุษบาเม้มปากขัดเคืองกับคนตรงหน้า ทำไมหนอเขาช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยคิดแต่จะทำลาย คิดแต่จะทำให้ได้สิ่งตัวเองต้องการมาไว้ในมือ
เหมือนอิเหนาที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่ไม่ได้ดังใจก็เท่านั้น
“อิเหนาก็ผู้ชาย ผมก็ผู้ชาย พวกเราน่ะบางทีก็ทำอะไรโง่ๆเพื่อให้คนที่รักมาอยู่ใกล้ คุณบุษบาครับกลับไร่อสัญกับผมเถอะ ผมขอร้อง
คุณจะให้ผมทรมานเพราะคิดถึงคุณไปถึงไหน”
มือบางผลักมือเขาออก บุษบากำลังตัดสินใจครั้งยากเย็นของชีวิต


“นายระเด่นคะสำหรับคุณไร่อสัญคืออะไร มีความสำคัญขนาดไหน”
“คุณบุษบามันเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นของผม”
“ใช่ค่ะ นั่นคือคำพูดที่ฉันบอกคุณเมื่อกี้นี้ บางอย่างมันเปรียบเทียบกันไม่ได้”
เขานิ่งรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“คุณก็มีของสำคัญที่ต้องปกป้อง ฉันก็มีเหมือนกัน ขอโทษค่ะนายระเด่นฉันกลับไปไร่อสัญกับคุณไม่ได้”


“คุณจะอยู่ที่นี่ทำไมละบุษบา”
เสียงเขาดังขึ้นเรื่อยๆหลายโต๊ะเริ่มหันมาเมียงมอง
“ที่นี่ไม่ใช่ของคุณ ถ้าคุณอยากได้โรงแรมผมจะสร้างใหม่ให้ ขอเพียงคุณไปกับผม เราจะแต่งงานกัน”
“ไม่ค่ะ”
หญิงสาวส่ายศรีษะช้าๆ
“คุณไม่เข้าใจอะไรเลย คุณไม่เข้าใจ แล้วศักดิ์ศรีของฉันละคะ ศีลธรรมเล็กๆที่ชื่อว่าความรับผิดชอบ
การรู้จักบุญคุณล่ะคุณจะให้ฉันทำยังไง”
อากาศในร้านอาหารเย็นเฉียบ หนาวสะท้านไปถึงหัวใจของทั้งสอง


“ถ้าไร่อสัญสำคัญกับคุณมาก โรงแรมดาราก็สำคัญกับฉันมากเช่นเดียวกันค่ะ
ขอโทษด้วยนะคะนายระเด่น ฉันคงไม่สามารถแต่งงานกับคุณได้”
เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจระเด่นมนตรี บุษบาปฏิเสธเขา
“คุณจะหัวแข็งอยู่กับภาพลวงตาของโรงแรมนี่ไปถึงไหนน่ะฮึบุษบา!”
“ฉันรักที่นี่ พอๆกับที่คุณรักไร่อสัญ”


“แล้วผมล่ะคุณบุษบา คุณเคยรักผมบ้างหรือเปล่า”
ชายหนุ่มคราง จริงสินะเขาบอกรักหล่อนตลอดแต่บุษบาไม่เคยเอ่ยคำว่ารักเลย ...หรือแม้แต่คำว่าชอบ
“ขอโทษค่ะ นายระเด่น ฉันไม่เคยรักนายระเด่นเลย”
หล่อนกลืนความจริงในใจลงคอ ความรักที่มีให้เขา
“โกหก! คุณรักผม ผมรู้! แววตาที่คุณมองผม ความห่วงใยที่คุณมีให้ แม้แต่จูบ....ในคืนนั้น”
เขายื่นหน้ามาใกล้พร้อมกับคำพูดท้ายประโยคที่แผ่วเบา


“คืนนั้นคุณเมา คุณบังคับฉัน เหมือนทุกๆครั้ง”
เสียงหล่อนเริ่มขาดหายพร้อมเริ่มร้อนผ่าวที่ขอบตา
“นายระเด่นคะที่คุณถามว่าฉันรักคุณหรือเปล่า ฉันเสียใจที่ต้องตอบว่า ฉันไม่ได้รักคุณค่ะ!”


ภาพทุกอย่างเหมือนภาพสโลวโมชั่น บุษบาเห็นเขามีสีหน้าเจ็บปวดมาก ระเด่นมนตรีเอ่ยคำลาพร้อมกับก้าวยาวๆออกไป
บริกรยกเครื่องดื่มที่สั่งมาเสริฟ ควันอุ่นร้อนของสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้า เรียกร้องให้หล่อนต้องยกมันขึ้นมาดื่ม
หล่อนรู้สึกราวกับว่าใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีปฏิเสธรักของคนที่หล่อนรัก
การกระทำที่ขัดแย้งกับหัวใจ หญิงสาวคิดว่าดีแล้ว...ดีแล้ว หล่อนไม่อาจอยู่กับคนที่เอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้งอย่างเขาได้
สักวันทั้งเขาและหล่อนจะลืมมัน เขาและหล่อนแค่เป็นเพียงคนที่ผ่านมาพบกันที่ไร่อสัญ ใกล้กันจนเกิดจิตปฏิพัทธ์
ความรักที่เกิดเร็วมักจางหายไปเร็วด้วย ตามธรรมดาของโลก


บุษบาจิบเครื่องดื่มไปเรื่อยๆรสเครื่องดื่มที่รับรู้นั้น
หวานเมื่อสัมผัสในตอนแรกแล้วก็กลับเป็นขมเมื่อถึงโคนลิ้น ขณะเดียวกันก็มีความมันละมุนเชี่ยวกรากในปาก
กลิ่นหอมที่ไหลลื่นจากชิวหาสู่นาสิก อาหารชนิดนี้ทำมาจากพืชที่มีชื่อทางพฤกษศาสตร์คือTheobroma Cacao
ชื่อ Theobroma ในภาษากรีกแปลว่าอาหารของพระเจ้า ...รสนี้คือช็อคโกแลต
ดำเข้มขมปร่า แต่แปลกที่บุษบาได้รสเค็มของเกลือด้วย ก่อนที่จะพบว่าน้ำตาตนเองได้ไหลพรากออกมา


+++++++จบ+++++++


*ครีมชีส(Cream Cheese) ทำจากนมวัว เป็นชีสประเภทหนึ่งที่มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อเป็นครีมเนียน นิยมมาใช้เป็นส่วนผสมของชีสเค้ก
**พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตอน อิเหนาคิดลักตัวบุษบา


+++++++++++++++++


ขอขอบพระคุณในการติดตาม

จโกระ&ลาชา


อาทิตย์หน้าจะเปิดวิกยี่เกเล่นภาคใหม่ Something bitter
รับประกันว่าเรื่องรักหวานๆแน่นอนจ้ะ


ขอบคุณที่เข้ามายลคนเขียนหน้ามลจะยินดีถ้าคุณคอมเม้นท์





 

Create Date : 29 มิถุนายน 2552
2 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 15:19:59 น.
Counter : 372 Pageviews.

 

แวะมาทักทายคุณชมจันทร์ของตูนค่ะ

 

โดย: ปณาลี 29 มิถุนายน 2552 22:46:07 น.  

 

สนุกค่ะ ติดตามตลอด ทุกเรื่องที่คุณแต่ง ชอบทุกเรื่องค่ะ

 

โดย: เอ๋ IP: 203.114.122.27 30 มิถุนายน 2552 15:02:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.