หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
5 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Something sweet(16)... คุณสมบัติความเป็นพ่อ



บุษบาออกมาจากห้องน้ำแล้วก็แปลกใจ ผู้คนหยุดนิ่งยืนดูอะไรบางอย่าง
หญิงสาวไล่สายตามผู้คนก็พบคำตอบ โทรทัศน์! ในกล่องสี่เหลี่ยมนั้นปรากฏภาพของแบรนดอน ดาเนียล กำลังเปิดแถลงข่าว
บรรลัยเสียแล้ว...บุษบาครางในใจสาวเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะที่ระเด่นมนตรีนั่งในศูนย์อาหาร
สองพ่อลูกมองโทรทัศน์นิ่ง


“พี่บุษบาแบรนดอนได้ออกทีวีด้วยแหละ”
เดียร์วิ่งเข้ามาเกาะมือหล่อน ขณะที่ระเด่นมนตรีมองภาพในโทรทัศน์สีหน้าถมึงทึง
บุษบารู้สึกว่าตัวเองตัวลีบเหลือสองนิ้ว เขารู้เรื่องยุ่งเสียแล้ว นักข่าวในโทรทัศน์ผลัดกันสัมภาษณ์นักร้องหนุ่ม แบรนดอนตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆแต่คนฟังตัวโตที่อยู่ข้างกายหล่อนกลับกัดฟันกรอด หญิงสาวรู้เลยว่าระเด่นมนตรีคงจะเฉ่งหล่อนชุดใหญ่แน่ๆสมาธิจึงไม่มีพอที่จะฟังเนื้อหาในโทรทัศน์


“คุณบุษบา กลับ!”
ระเด่นมนตรีสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่จะรวบถุงของที่ซื้อมาแล้วเดินลิ่วๆนำไป บรรยากาศภายในรถราวกับอยู่ใกล้จุดเดือดของดวงอาทิตย์ แม้เครื่องปรับอากาศจะทรงประสิทธิภาพเพียงใด บุษบาเหงื่อซึมไรผม


ระเด่นมนตรีไม่พูดอะไรได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ โชคดีที่เดียร์เหนื่อยจากการเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้าจนผล็อยหลับคาตักหล่อน เมื่อมาถึงบ้านระเด่นมนตรีเหยียบเบรคจอดทำเอาหล่อนหัวแทบคะมำ


“เฮ้ย! ใครก็ได้ไปตาม วิท สังข์ แล้วก็ลุงสุขมา ด่วน! ถ้าไม่ยอมมา บอกว่าเดี๋ยวกูจะไปลากคอมาเอง ไม่ว่าจะหัวดำหัวหงอกล่ะ”
เขาตะโกนสั่งคนลั่นบ้าน บุษบารีบปลุกเดียร์และเปิดประตูออกจากรถ


“คุณด้วยนะบุษบา ให้เปรมดูเดียร์ไว้แล้วคุณมาพบผมที่ห้องหนังสือด้วย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ดวงตาที่เจ้าของไร่หนุ่มจ้องมายังหล่อนนั้น วาววับ น่ากลัวราวกับสิงโตจะขย้ำเหยื่อ
นี่เป็นหนึ่งในหลายๆครั้งที่บุษบานึกเสียใจ หล่อนไม่น่ามารับงานที่ไร่อสัญแห่งนี้ ไม่ควรเลย...


องค์ประชุมพร้อมในห้องหนังสือ ระเด่นมนตรียืนหน้าบึ้งเท้าสะเอวอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ แม้บุษบาไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้างสรรพสินค้าก็ดูเหมือนทุกคนจะเดาเหตุการณ์ได้อยู่แล้ว
“ฉันไม่สบายไม่กี่วัน เกิดเรื่องขนาดนี้กลับไม่มีใครบอก มันหมายความว่ายังไงกันน่ะฮึ!”
ระเด่นมนตรีตวาดเสียงกร้าว ผู้ชายทุกคนที่อยู่ณที่นี้ใบหน้านิ่งเฉยกันหมด


“เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้ว ยุ่งกับไอ้เจ้าหัวทองนี่มันมีแต่ปัญหา เดี๋ยวนักข่าวก็ขุดคุ้ยกันอีก”
“แต่แบรนดอนเขาก็ให้ข่าวไปแล้วนะครับนายระเด่นว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ส่วนการเข้ามาในไร่เขาก็บอกแค่ว่าดูโลเคชั่นถ่ายมิวสิควีดีโอ”
วิทยากรอธิบายเสียงเรียบ แต่ทว่าก็ไม่อาจหยุดไฟในดวงตาสีน้ำตาลของเจ้านายหนุ่มได้


“แล้วยังไงล่ะ มีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม
หรือว่าต้องรอให้นักข่าวมารอสัมภาษณ์ที่ตีนกระไดบ้านดีฮึ วิท!”
คราวนี้วิทยากรไม่โต้ตอบอะไร ระเด่นมนตรีเข้าสู่โหมดไม่ฟังใครเสียแล้ว
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกฉัน ป่านนี้เจ้าแบรนดอนมันคงเอาเรื่องดีเข้าตัว
เอาเรื่องชั่วให้คนอื่นแล้วล่ะ”
เขาฮึดฮัด


“ไป! ไปโรงแรมที่เจ้าแบรนดอนมันอยู่กัน ไปเจรจาให้รู้เรื่อง”
ระเด่นมนตรีดึงลิ้นชักโต๊ะที่เขายืนอยู่เสียงครืด หยิบวัตถุสีดำบางอย่างขึ้นมา ดำมะเมื่อม ยาว
ขนาดเหมาะมือ
มีปากกระบอก มีด้าม ปืน!
“ไป! วิทไปเตรียมรถ ลุงสุขคอยดูไร่ด้วย ถ้าไอ้พวกไร่นายพลมันมาซ่านักก็เชือดมัน
แล้วจับฝังเป็นปุ๋ยองุ่นเสียเลย”
เขาก้าวยาวๆออกมาจากโต๊ะกลางห้องทั้งลุงสุขทั้งวิทยากรรีบเข้ามารั้งไว้ สังฆาได้แต่ส่ายศรีษะ
บุษบากลืนน้ำลายดังเอื๊อก นี่ขนาดเล่นปืนผาหน้าไม้กันเชียวหรือ


“หยุดก่อนเถอะครับนายระเด่น ไปตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น รังแต่จะเป็นข่าวเปล่าๆ”
ลุงสุขเอาน้ำเย็นเข้าลูบแต่ดูเหมือนไม่ได้ผล เพราะไฟในดวงตาของเจ้านายหนุ่มยังคุโชนไม่หาย
เสียงโทรศัพท์ดังแว่วออกมาจากห้องรับแขก แต่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานทุกคนจึงไม่ได้สนใจ


“ก๊อกๆ”
เปรมเยี่ยมหน้าอย่างขลาดกลัวเข้ามาเมื่อบุษบาเปิดประตูห้องหนังสือให้
“มีโทรศัพท์มาครับ เป็นเสียงฝรั่งพูด ผมเลยบอกให้เขารอก่อน“
สิ้นคำบอกของเปรมระเด่นมนตรีรีบหันกลับไปคว้าโทรศัพท์ที่โต๊ะทันที


“ฮัลโหล ระเด่นมนตรีพูด”
ชายหนุ่มพูดเป็นภาษาอังกฤษเสียงเข้ม ปลายสายเงียบไปอึดใจก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมา
ระเด่นมนตรีกำหูโทรศัพท์แน่น กัดฟันกรอด
“แกต้องการอะไรแบรนดอน แกจะสร้างความวุ่นวายอะไรให้ไร่ฉันอีก”
ชายหนุ่มตะโกนใส่โทรศัพท์ราวกับมันเป็นแบรนดอนตัวจริง


“ไม่ แกไม่ต้องคุยกับใครทั้งนั้นแหละ คุยกับฉันได้เลย ถ้าแกไม่อยากคุยเดี๋ยวฉันจะไปหาแกเอง”
ระเด่นมนตรีกำลังจะวางหูโทรศัพ์ลง วิทยากรรีบแย่งโทรศัพท์มาทันที
“ลุงสุขจับนายระเด่นไว้นะครับ ฮัลโหล”
หนุ่มผมดกตะโกนบอกผู้สูงวัยแล้วกรอกเสียงภาษาอังกฤษลงไปในโทรศัพท์ ระเด่นมนตรีฮึดฮัดเอื้อมมือจะคว้าเอาโทรศัพท์คืน แต่วิทยากรรีบยกโทรศัพท์ออกมาให้ห่าง


“คุณบุษบา แบรนดอนเขาจะคุยกับคุณ”
วิทยากรยื่นโทรศัพท์ให้บุษบา
“ฮัลโหล คุณพี่เลี้ยงเด็ก”
เสียงทุ้มนุ่มของนักร้องหนุ่มทัก
“ขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง”


“ค่ะ”
บุษบาไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกเสียจากการตอบรับสั้นๆง่ายๆ
“บุษบาคุณไม่ต้องคุยอะไรกับมันอีกแล้ว เอาโทรศัพท์มานี่”
ระเด่นมนตรีตวาด จ้องเขม็งมาที่หล่อนและโทรศัพท์


“เอาแล้วไง เจ้านายคุณโกรธเป็นหมาบ้าอีกแล้ว เขาชอบว่าผมไม่มีวุฒิภาวะที่จะดูแลลูก
แล้วคุณดูตอนเขาโกรธสิ ผิดกับผมเสียเมื่อไหร่”
แบรนดอนหัวเราะหึๆอย่างสบายอารมณ์ บุษบาพอจะรู้แล้วว่าแบรนดอนตั้งใจจะยั่วโมโหระเด่นมนตรี
“แบรนดอนคะ ฉันว่าตอนนี้คุณยังไม่ต้องมาที่นี่หรอกค่ะ นายระเด่นกำลังอารมณ์ไม่ดี”


“ทำไมละครับ ผมกำลังอยากคุยกับเขาพอดีเลย
อย่างเช่นเรื่องการฟ้องศาลเรียกสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกของผมคืน”
บุษบาใจหายวาบ รู้อยู่หรอกว่าชาวต่างชาติอย่างเขามักจะใช้กฎหมายเข้าสู้ในการดำเนินการต่างๆ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้
“ในเมื่อการเจรจาไม่ได้ผลก็ต้องใช้วิธีสุดท้าย”
เสียงของนักร้องหนุ่มผมทองทุ้มลึกบ่งบอกถึงการตัดสินใจที่หนักแน่น


“ถ้าคุณลำบากใจที่จะทำงานกับเขา คุณมาทำงานกับผมก็ได้นะ”
แบรนดอนอารี บุษบานิ่งอึ้ง ทันใดนั้นระเด่นมนตรีก็เอื้อมมือมาแย่งโทรศัพท์จากหล่อนไปได้
“แน่จริงมาเจอกันซิวะ ไอ้ลูกหมาเอ้ย! อย่าทำอะไรลับหลัง”
แล้วเขาก็สถบอะไรอีกหลายคำ บุษบารีบคว้าโทรศัพท์มาคืน
ระเด่นมนตรีจึงได้จับแต่สายเกลียวของโทรศัพท์ไว้


“เดี๋ยวนะคะแบรนดอน โทรเข้ามือถือของฉันดีกว่า 081710XXXXเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยล่ะค่ะ”
หลังจากนั้นหญิงสาวจึงปล่อยโทรศัพท์คืนให้ระเด่นมนตรี
“ดิฉันขอตัวนะคะ”
บุษบาสาวเท้ารีบเดินออกจากห้อง


“เดี๋ยวคุณบุษบา เดี๋ยวก่อน คุณคุยอะไรกับมัน”
เสียงระเด่นมนตรีดังตามมาไล่หลัง บุษบาไม่สนใจแล้วหล่อนรีบกลับเข้าห้องล็อคประตูอย่างแน่นหนา สักพักโทรศัพท์มือถือหล่อนก็กรีดร้องขึ้น
“สวัสดีครับ คุณพี่เลี้ยงเด็ก ชื่อคุณนี่เรียกยากจัง คุณมีชื่อเล่นที่ผมพอจะเรียกได้ง่ายๆไหมครับ”


“เบ๊ตตี้ค่ะ เพื่อนชาวต่างชาติมักจะเรียกฉันว่าเบ๊ตตี้”
หล่อนตอบพยายามบังคับเสียงให้เรียบที่สุด
“ครับเบ๊ตตี้ คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าเจ้านายคนปัจจุบันของคุณน่ะบ้า แล้วก็เจ้าอารมณ์ขนาดไหน”
“ฉันว่าก็ไม่น้อยไปกว่าคุณหรอกค่ะ พวกคุณน่ะนิสัยเวลาโมโหเหมือนกันเลย ชอบดึงคนอื่นเข้าไปลำบากด้วย”
นักร้องหนุ่มผมทองหัวเราะหึๆ
“เพราะเขาเป็นอย่างนี้น่ะสิ จินนี่ถึงไม่รัก แต่ก็ช่างเถอะอีกเดี๋ยวเดียร์ก็จะได้มาอยู่กับผมแล้ว”


“การแถลงข่าวที่โรงแรมเป็นยังไงบ้างคะ”
หญิงสาวเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น ในสมองนึกสงสารเดียร์จับใจ
เด็กชายกลายเป็นของยื้อแย่งกันของชายเจ้าอารมณ์สองคน
“ก็ดี ผมรับมือมันได้ไม่ให้เสียมาถึงคุณกับเดียร์หรอกครับ”
บุษบาโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังมิวายกังวลเรื่องที่เขาบอกว่าจะฟ้องศาล
หากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น นักข่าวก็คงจะขุดคุ้ย
คราวนี้เรื่องต่างๆที่ระเด่นมนตรีพยายามปกปิดก็จะเปิดเผยออกมา
ความลับในความรักอันน่าเศร้าของจินตะหรา


“คุณแน่ใจแล้วเหรอคะแบรนดอน ถ้าฟ้องศาลมันก็จะเป็นข่าว”
“ผมก็อยากจะให้วิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายนั่นแหละนะแต่คุณดูเจ้านายคุณสิ เขาเคยยอมเจรจากับผมเสียที่ไหน ยิ่งมีข่าวพวกปาปารัซซี่ถ่ายรูปคุณกับเดียร์ได้อย่างนี้ เขาคงโทษว่าเป็นความผิดของผมตามเคย”
แบรนดอนพูดถูกทุกอย่างจนบุษบาค้านไม่ออก


“แล้วถ้าคุณได้สิทธิ์เลี้ยงดูเดียร์ไปคุณจะพาแกไปอยู่ที่ไหนคะ”
เขาหัวเราะลงคอกับคำถามถูกใจ
“ผมก็จะซื้ออพาร์เม้นท์ใหม่ในนิวยอร์คน่ะสิ ที่ผมมีอยู่นี่มันเล็กเกินไป แต่ถ้าเดียร์ไม่ชินกับความวุ่นวายผมจะซื้อฟาร์มอย่างที่เคยเล่าให้แกฟัง
คุณไม่ต้องห่วงหรอกผมมีเงินเลี้ยงดูลูกชายผมได้น่า”


“แล้วตัวคุณละคะแบรนดอน งานของคุณคอนเสริตของคุณ คุณต้องเดินทางไปทั่วโลกไม่ใช่เหรอ แล้วใครละคะที่จะดูแลเดียร์เวลาคุณไม่อยู่”
ปลายสายเงียบไปอย่างครุ่นคิด บุษบานั้นไม่อยากจะเข้าไปยุ่งในเรื่องครอบครัวของใครนักหรอก
เพียงแต่หล่อนสงสารเด็ก ความอ้างว้างเวลาไร้พ่อแม่นั้นเป็นอย่างไรหล่อนรู้ดี
หญิงสาวอยู่กับมันมาเกือบจะทั้งชีวิต จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ชิน และโหยหาความอบอุ่นจากพวกท่านเสมอ


“เดียร์กำลังโตนะคะ แกต้องการความรักความอบอุ่นแล้วก็ต้นแบบที่ดี ความรักที่ลึกซึ้งที่สุดสำหรับมนุษย์คือความรักของพ่อแม่นะคะ”
“งั้นคุณจะมาทำงานกับผมไหมล่ะ เป็นพี่เลี้ยงเด็กแบบถาวร คุณจะเรียกเงินเดือนสวัสดิการเท่าไหร่ก็ได้
ผมจ่ายไม่อั้น ผมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกชายผม”


“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะแบรนดอน” บุษบาถอนหายใจยาว วุฒิภาวะทางความคิดของนักร้องหนุ่มมีปัญหาอย่างที่ระเด่นมนตรีว่าไว้จริงๆด้วย
“แบรนดอนคะ การเลี้ยงเด็กไม่ใช่แค่เงินนะคะ เด็กไม่ใช่ตุ๊กตา แกต้องการความรัก จากพ่อจากแม่ ฉันเป็นแค่คนอื่นนะคะแบรนดอน ฉันไม่มีสายเลือดเกี่ยวพันกับแกเลย แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรคะว่าฉันจะรักจะหวังดีกับแกจริงๆ”


“ถ้าคุณบอกว่าเด็กต้องการความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ งั้นผมจะพาแกไปทำงานด้วย ส่วนเรื่องโรงเรียนก็จ้างครูประจำตัวสักคนให้มาสอนแก”
บุษบาเอามือตบหน้าผากอย่างจนใจ ความดื้อนี่เป็นพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากพ่อสู่ลูกหรืออย่างไร เดียร์กับแบรนดอนจึงได้ดื้อตาใสกันถึงเพียงนี้


“ไม่ใช่แค่นั้นนะคะแบรนดอน แล้วสังคมของเดียร์ละคะ เพื่อนของแกล่ะ
คุณจะกักแกไว้ในสังคมของคุณไม่ได้นะคะ”
“ตกลงคุณจะเอายังไงน่ะเบ๊ตตี้ โน่นก็ไม่ได้ นี่คุณก็ว่าไม่ด
ี แล้วผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมรับว่าผมดูแลเดียร์ได้”
แบรนดอนชักฉุนเฉียว ทั้งๆที่เขาคิดว่าสาวไทยร่างโย่งคนนี้เป็นพวกของแล้วเชียว


“แบรนดอนคะ ฉันคิดว่าตอนนี้มันยังเร็วเกินไปค่ะกับอะไรหลายๆอย่าง เอาอย่างนี้ไหมคะ
พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันดีไหม มาคุยกันที่นี่ ฉันจะบอกนายระเด่นให้เอารถไปรับคุณ
คราวนี้เราจะได้คุยกันดีๆเสียที”


“อะไรนะ คุณนัดมันมาที่นี่เหรอบุษบา”
ระเด่นมนตรีตวาดลั่นด้วยแรงโทสะ เมื่อหล่อนลงมาจากห้องเพื่อบอกผลการเจรจา ลุงสุข วิทยากรและสังฆายืนดูห่างๆอยู่ในห้องสมุด


“คุณมีสิทธิ์อะไรถึงไปนัดไอ้หัวทองนั่นมาที่นี่”
เขายื่นหน้ามาใกล้หล่อนที่ยืนอยู่อีกฝากหนึ่งของโต๊ะ


“นี่มันเรื่องในครอบครัวผม”
เขาเน้นชัดทีละคำ บุษบาเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ขุ่นใจที่เขาว่าหล่อนน่ะก็ขุ่นใจอยู่หรอก แต่ถ้าหากไม่จัดการอะไรไปสักอย่าง คนที่น่าสงสารที่สุดคือเดียร์
การกระทำครั้งนี้ของหล่อนถือว่าทำบุญให้เด็ก


“เรื่องในครอบครัวของคุณก็จริงอยู่ค่ะ แต่ฉันเห็นแล้วว่าคุณจัดการอะไรด้วยอารมณ์ เอาแต่ปึงปัง ผลเสียน่ะมันจะเกิดกับใครละคะ ถ้าไม่ใช่เดียร์”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งอย่างยอมรับความจริง
“แบรนดอนเขาบอกฉันว่าเขาจะให้ทนายฟ้องเพื่อเรียกร้องสิทธิ์การเลี้ยงดูเดียร์”


“ไอ้ลูกหมาเอ้ย!”
ระเด่นมนตรีสถบเป็นภาษาอังกฤษเสียงลั่นนั่งกระแทกลงบนเก้าอี้ วิทยากร สังฆาและลุงสุขมองหน้ากันเอง
“เท่าที่ฉันคุยกับเขาดู เขาก็ยังไม่มีแผนเรื่องการเลี้ยงดูเดียร์นะคะ”


“ก็เพราะมันไม่มีปัญญานะสิ”
ระเด่นมนตรีเสียงขื่น ยกมือใหญ่ขึ้นลูบใบหน้า สิ่งที่เขากลัวที่สุดกำลังจะเป็นความจริง เขาอยากจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับจินตะหราอยู่หรอก แต่แค่คิดว่าจะให้เจ้านักร้องหนุ่มสำรวยคนนั้นดูแลลูกชายที่เขาเฝ้าฟูมฟักมากับมือ ชายหนุ่มก็ยอมไม่ได้


“พรุ่งนี้เราอาจจะพอคุยกับเขาได้เรื่องการประวิงเวลาในการรับเดียร์ไปเลี้ยงดู เพราะแกยังเล็ก แล้วงานของแบรนดอนก็อยู่ไม่เป็นที่ น่าจะมีทางที่จะรอมชอมกันได้ ขอแค่ให้ใจเย็นๆ”
หญิงสาวกวาดสายตาพลางส่งยิ้มเซียวๆไปให้ชายทุกคน


“แล้วใครจะเจรจาล่ะคุณบุษบา ต้องมีหนังสือสัญญาไหม”
สังฆาถามพลางขยับแว่น
“ยังไม่ต้องหรอกค่ะ ขอแค่ให้เดียร์ได้อยู่ที่นี่ก่อน งานนี้ฉันขอละนะคะอดทนกันหน่อยเพื่อเดียร์ค่ะ แบรนดอนน่ะจริงๆแล้วเขาก็ไม่มีอะไร เขาก็รักเดียร์เหมือนกับที่ทุกคนรักนั่นแหละค่ะ”


“คุณจะเข้าข้างมันหรือยังไงน่ะฮึ บุษบา มันกล่อมอะไรคุณอีกล่ะ”
ระเด่นมนตรีโพล่งขึ้นแววตาเยาะเย้ย เขากลับมาเป็นระเด่นมนตรีที่ชอบจับผิดและถากถางหล่อนอีกแล้ว


“ฉันเป็นผู้ใหญ่พอที่จะตัดสินทุกเรื่องด้วยตัวเองได้ค่ะนายระเด่น ฉันไม่ได้เข้าข้างใคร แต่มองอย่างเป็นกลาง แล้วก็ขอเถอะค่ะนายระเด่น ถ้าคุณไม่พอใจอะไรก็เก็บเอาไว้เสียบ้าง อารมณ์ของคุณน่ะจะทำทุกอย่างพังหมด”
บุษบาว่าเขาอย่างไม่ไว้หน้า จะโดนไล่ออกก็ช่างหล่อนไม่สนใจแล้ว
พรุ่งนี้เจรจากับแบรนดอนเรื่องเดียร์เสร็จก็ถือว่าเสร็จกัน


แม้จะใจเต้นระรัวเร็ว ใบหน้าร้อนผ่าวกับระเด่นมนตรี แต่ส่วนที่เขาเจ้าอารมณ์นี่หล่อนก็ยังรับไม่ได้
หากใจนั้นไซร้เต้นเองได้
ใบหน้านั้นร้อนผ่าวยามมองเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเอง...ก็ต้องหยุดเองได้
แม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องใช้เวลา วัน...เดือน...ปี...หรือว่าตลอดชีวิต


อาหารเย็นที่กว่าจะได้กินก็สามทุ่มเพราะเหตุการณ์ต่างๆประดังประเดเข้ามา ผู้ร่วมโต๊ะมีเพียง ลุงสุข สังฆา
และวิทยากร ระเด่นมนตรียังไม่ยอมออกจากห้องหนังสือ อาหารเย็นที่ลุงทองและเปรมเหลือไว้ให้คือ
แกงส้มถั่วพูปลาทู ผัดผักบุ้ง บุษบาเห็นว่าแต่ละคนเจอเหตุการณ์หนักๆมาแล้วทั้งวัน
อาหารแค่สองอย่างอาจจะไม่พอ จึงเจียวไข่มาเพิ่มด้วย กลิ่นไข่เจียวหอมอบอวลไปทั่วครัว เมื่อยกไข่เจียวจานใหญ่มาสมาชิกในโต๊ะเพิ่มขึ้นอีกสองคน เดียร์และระเด่นมนตรี


“พี่บุษบาฮะ เดียร์หิว ขอกินด้วย”
เด็กชายบอกเสียงแจ้วๆเรียกรอยยิ้มบางๆจากผู้ชายทุกคนในโต๊ะ
หลังจากอาหารคาวบุษบาจึงทำมิลล์เชคให้ทุกคนดื่ม
“คุณบุษบาเดียวมาพบผมที่ห้องหนังสือด้วยนะ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ระเด่นมนตรีบอกขณะที่หล่อนกำลังช่วยวิทยากรเก็บจานชามบนโต๊ะ


“เดี๋ยวผมจะเอาเดียร์เข้านอนเอง”
เจ้าของไร่หนุ่มตัวสูงทิ้งท้ายแล้วอุ้มลูกชายตัวเล็กขึ้นชั้นบนไป


“คุณคิดว่าแบรนดอนจะเอายังไง เรื่องเดียร์”
เขายิงคำถามแรกทันทีเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องหนังสือ ท่าทางของเขาดูเหนื่อยมาก หล่อนและเขาต่างนั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะ


“เขาบอกฉันว่าอยากได้เดียร์ไปดูแลค่ะ แต่ฉันเห็นว่าทางเขาก็ยังไม่พร้อมเหมือนกัน”
หญิงสาวนิ่งไปครู่ก่อนจะเอ่ยต่อ
“เรื่องเงินฉันเห็นว่าทั้งคุณกับแบรนดอนไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เวลาในการดูแลกับสภาพแวดล้อมเท่านั้น”
“คุณคิดว่าเจ้าแบรนดอนมันจะยอมเหรอ”
เขาเน้นเสียงสูง บุษบาฉุนนิดๆทั้งๆที่บอกให้เขาเก็บอารมณ์แล้วแท้ๆเชียว
แต่ก็ยังดีที่ไม่อาละวาดใส่หล่อนมากนัก


“ถ้าคุยกันด้วยเหตุผลแบบผู้ใหญ่ก็คงทำให้เขาคิดอะไรได้บ้างล่ะคะ”
จากนั้นต่างคนต่างเงียบ คำพูดกลืนหายไปในอากาศเสียเฉยๆ บุษบาและระเด่นมนตรีมองตากัน ดวงตาสีน้ำตาลที่เขามองมายังหล่อนนั้นช่างอ่อนหวาน มีมนต์สะกด
หล่อนเคยเคยได้ยินมาบ้างเรื่องอำนาจของดวงตา เพียงแวบเดียวที่สบ ทำให้คนลุ่มหลงคลั่งไคล้ ไม่คิดเลยว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


“ขอบคุณที่คุณทำเพื่อ...ลูกชายผม”
เสียงของระเด่นมนตรีทุ้มนุ่ม บุษบาใจเต้นตึกตัก พยายามบังคับใบหน้าและน้ำเสียงให้นิ่งเฉย
“ไม่เป็นไรค่ะ มีอะไรก็ช่วยๆกันไป บังเอิญเห็นเดียร์แล้วนึกถึงตัวฉันเองสมัยยังเด็ก”
พูดออกไปแล้วก็อยากกัดลิ้นตัวเองนัก หล่อนเป็นอะไรไปนี่ขวยเขินจนวิตกจริตเล่าเรื่องส่วนตัวให้เขาฟังเสียได้


“นั่นสิครับ ตอนที่อ่านประวัติของคุณพ่อแม่คุณเสียตั้งแต่ยังเด็ก มีผู้อุปการะเป็นลุงกับป้า”
“ค่ะ ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ครอบครัวท่านดีกับฉันมาก แต่ยังไงก็ไม่เหมือนพ่อแม่หรอกค่ะ”
บุษบานึกถึงสาเหตุที่หล่อนต้องระเห็จมาอยู่ไร่อสัญแห่งนี้ เลี้ยงไว้ใช้งาน ทำเพื่อผลประโยชน์ ผู้มีพระคุณคิดกับหล่อนมาเช่นนี้ตลอด


“ถ้าอย่างนั้นคนที่ไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิดอย่างผมบางทีอาจจะเลี้ยงเดียร์ได้ไม่ดีพอ”
ระเด่นมนตรีครางเสียงเบา ละสายตาจากหล่อน ทิ้งหลังพิงเก้าอี้


“ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าคุณทำหน้าที่ได้ดีแล้วค่ะ คุณเป็นพ่อที่ดีที่สุดของเดียร์แล้ว”
บุษบาพูดชมจากใจ ระเด่นมนตรีอาจจะเลี้ยงลูกชายเข้มงวดไปบ้าง
แต่บุษบาก็รับรู้ได้ถึงความรักและความเอาใจใส่จากเจ้านายหัวโล้น


“ขอบคุณครับ คุณบุษบา ขอบคุณจริงๆ เอาล่ะผมไม่กวนเวลาคุณแล้ว หลับฝันดีนะครับ
พรุ่งนี้เรามีเรื่องใหญ่ต้องทำด้วยกัน”
ประตูห้องหนังสือปิดลงพร้อมกับอาการใจเต้นระรัวของคนหลังประตูทั้งสอง
ข่มตาหลับแต่ใจกลับกระหวัดคิด


ทำอย่างไรหนอ...เขาจึงจะได้หล่อนมาครอง
หล่อนจะยินดีที่จะอาศัยอยู่ในไร่ไกลปืนเที่ยงกับเขาไหมหนอ
ระเด่นมนตรีครุ่นคิดเรื่องหล่อนสลับกับเรื่องลูกชาย
นี่เป็นอีกคนที่ระเด่นมนตรีกลุ้มใจ แต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือเขากลับไม่คิดจะใช้สุราย้อมใจเลย


เช้าวันต่อมาระเด่นมนตรีให้เปรมพาเดียร์ขี่จักรยานเล่นที่สวนมะม่วง บุษบาทำแซนวิชและบิสก็อตตี้แอลมอนด์มะนาวให้เด็กชายเอาไปกินเป็นของว่างด้วย ส่วนน้ำที่เหลือหล่อนเอามาทำน้ำมะนาวแช่เย็นเตรียมไว้สำหรับแขกคนสำคัญ


ประมาณเก้าโมงเช้าวิทยากรก็ขับรถซีอาร์วีของระเด่นมนตรีมาจอดที่หน้าบ้าน หนุ่มผมดกมือขวาเจ้าของไร่ไปรับแบรนดอนมาจากโรงแรม
“เช้านี้อากาศดีนะเบ๊ตตี้ เหมาะสำหรับการปิกนิก”
เสียงหนุ่มผมทองร่าเริง ระเด่นมนตรีขมวดคิ้ว
“ชื่อเล่นคุณหรือยังไงบุษบา”


“ก็ทำนองนั้นแหละคะ เพื่อนฝรั่งเขาออกเสียงชื่อจริงฉันลำบากก็เลยเรียกกันชื่อนี้”
หล่อนส่งยิ้มอ่อนๆให้ ระเด่นมนตรีพยักหน้ารับรู้
“เพื่อนฝรั่งหัวทองของคุณจะเรียกยังไงแต่ผมก็ชอบชื่อบุษบาของคุณมากกว่า”
เขาเปรยแล้วเดินนำหน้าหล่อนไป ใจนะใจ...เต้นระรัวเร็ว ระเด่นมนตรีเขารู้ความรู้สึกหล่อนหรืออย่างไรจึงมายั่วให้ใจเต้นอยู่ได้


“เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูเดียร์”
แบรนดอนเอ่ยๆออกมาตรงๆเมื่ออยู่ในห้องรับแขก ยามนี้บ้านเต็มไปด้วยบรรดาบอดี้การ์ดชุดดำของสังฆา คนงานถูกกันออกไปหมด เหลือแต่คนที่รู้เรื่องลึกซึ้งเท่านั้น
“จินนี่มีจดหมายมาถึงฉันก่อนเธอจะเสียว่า นายจะคืนลูกให้ฉัน”


ระเด่นมนตรีและสังฆาหันมามองหน้าวิทยากรพร้อมกัน หนุ่มผมดกเคยทำตัวเป็นไส้ศึกส่งจดหมายให้จินตะหราเพราะความสงสาร
“เธอบอกว่านายจะรับปากแล้ว นายสัญญา”
ปลายประโยคหนุ่มผมทองเน้นเสียง ระเด่นมนตรีกำมือแน่นขมกรามเป็นสันนูน


“ค่ะ เรื่องนั้นเราทราบแล้ว”
บุษบารีบคลี่คลายสถานการณ์
“เราเห็นด้วยกับคุณจินนี่ค่ะ เรื่องที่พ่อลูกควรจะได้อยู่ด้วยกัน”
แบรนดอนหันมาทางหล่อนออกอาการดีใจที่ได้พวก


“แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันยังไม่เหมาะ”
หญิงสาวมองหนุ่มผมทองด้วยสายตาอ่อนโยน
“แบรนดอนคะ คุณต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่างานของคุณอยู่ในวงการบันเทิง วงการสื่อ เสี่ยงต่อการเป็นข่าวมากเหลือเกินอย่างกรณีเมื่อวานนี้ ถ้าคุณเอาเดียร์ไปตอนนี้จะยิ่งแย่ นักข่าวจะยิ่งขุดคุ้ยข่าว คนที่จะเสียใจที่สุดคือเดียร์นะคะ คนอื่นจะพูดถึงแม่แกว่าอย่างไรบ้าง”


หนุ่มผมทองเบ้ปากเลี่ยงสายตาจากหญิงสาว เพราะนี่คือเรื่องที่เขากังวลเหมือนกันแต่คิดว่าเงินและอิทธิพลของเขาในวงวารบันเทิงจะจัดการกับปัญหาได้


“อีกอย่างหนึ่งคุณก็ทำงานที่ต้องเดินทางไปรอบโลก คุณน่ะไม่สามารถเอาเดียร์ไปได้ทุกที่หรอกนะคะ”
“หยุดเลยนะเบ๊ตตี้ คุณเป็นพวกของไร่นี้ใช่ไหม มันใช้คุณมากล่อมผม เท่าไหร่ละ ผมจะให้คุณเป็นสิบเท่าเลย มาทำงานกับผมสิ”
นักร้องหนุ่มโวยวายเสียงดังลั่นมือไม้ยกเกะกะไปหมด ระเด่นมนตรีเตรียมจะโผเข้าไปจัดการ
แต่ลุงทองดึงมือไว้ก่อน


“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะแบรนดอน ฉันไม่ได้เป็นพวกของใครทั้งนั้น ที่ฉันพูดเพราะฉันเห็นแก่เดียร์
อย่างที่ฉันเคยบอกคุณ ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่ คำพูดนั้นไม่ใช่ปรัชญาสวยหรูอะไรหรอกนะคะ”
บุษบาสูดลมหายใจเรียกความกล้าเข้าในอก


“ฉันพูดเพราะฉันก็เป็นเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ค่ะ ครอบครัวที่รับฉันไปเลี้ยงดูปฏิบัติต่อฉันอย่างดี เอาใจใส่ทุกอย่าง แต่ในใจฉันมันว่างเปล่า เหนือจากทรัพย์สิน เหนือจากความสะดวกสบาย เหนือความสวยงามจากบ้านใหญ่ ก็คือความรักจากผู้ให้กำเนิด คุณคิดว่าตอนนี้คุณพร้อมที่จะโอบกอดแกทุกเวลา เล่านิทานให้แกฟัง
นั่งฟังแกเล่าเรื่องเพื่อน หัวเราะเวลาแกทำอะไรตลกๆ
คุณพร้อมที่จะทุ่มเทเวลาทั้งหมดของชีวิตเพื่อปั้นคนๆหนึ่งขึ้นมาไหมคะ”


เกิดความเงียบครอบคลุมทั้งห้องรับแขก ผู้ชายทุกคนเบือนหน้าหนีซ่อนความรู้สึกกันหมด


“การเลี้ยงดูคนๆหนึ่งไม่ใช่การเอาชนะกันนะคะ คุณไม่ใช่คนไม่ดี นายระเด่นก็ไม่ใช่คนไม่ดี ทั้งสองรักเดียร์แล้วก็คุณจินนี่เหมือนกัน”
“แต่เขากีดกันไม่ให้ผมพบกับจินนี่”
เสียงนักร้องหนุ่มเครือ อดีตความรักที่แสนเจ็บช้ำกำลังกลับมาในห้วงสำนึกอีกครา


“คุณต้องยอมรับนะคะแบรนดอนว่าโลกของคนธรรมดากับซุปเปอร์สตาร์นั้นต่างกัน
อีกอย่างช่วงนั้นคุณก็มีข่าวเต็มไปหมด คุณจินนี่ตั้งท้องโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน สังคมไทยน่ะซีเรียสกับเรื่องพวกนี้มาก ตอนนั้นพวกคุณกำลังดังถ้ามีข่าวเรื่องนี้ออกไปจะเกิดอะไรขึ้น”
คำพูดของบุษบาคือคำพูดเดียวกับผู้จัดการวงเดอะแครกเกอร์เมื่อรู้เรื่องจินตะหราท้อง


“นายระเด่นเลยต้องเข้ามาเพื่อกู้หน้า ไม่ให้คุณจินนี่เสียเกียรติ แต่นายระเด่นอาจจะทำเกินไปเรื่องกีดกันคุณ แต่เขาก็ทำไปเพราะรักและหวังดีกับทุกคน ตอนนั้นเดียร์คลอดออกมาแล้ว คุณจะให้คุณจินนี่บอกทุกคนเหรอคะว่าเป็นลูกของชายอื่น สังคมเมืองไทยจะตีตราว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แย่ขนาดไหน”
ดวงตาสีอำพันของแบรนดอนรื้นไปด้วยน้ำตา


“เรื่องนี้ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูกหรอกค่ะ ทุกคนต่างรักแล้วก็อยากปกป้องคนสำคัญของตัวเองทั้งนั้น
ทั้งคุณและนายระเด่น ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเถอะค่ะที่ความรักของพวกคุณ การยื้อยุดคนที่รักมาไว้กับตัวเอง ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น เดียร์จะได้มีความสุข ทุกอย่างจบลงด้วยดีไม่เศร้าเหมือนตอนคุณจินนี่”


“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะเบ๊ตตี้ ผมก็เป็นพ่อของเดียร์นะ ผมอยากกอด อยากอยู่กับลูกชายของผมบ้างชดเชยเวลาที่ผมไม่ได้เจอแก”


“ฉันคิดว่าให้เดียร์อยู่ที่นี่ไปสักพักก่อน จนกว่าแกจะโตพอที่จะรู้ความ คุณอยากจะมาเยี่ยมแกก็มา
จะโทรหาก็โทร ระหว่างนั้นก็ทำความคุ้นเคยกับแก แล้วคุณก็คิดว่าจะเอายังไงกับอนาคต จะสร้างอะไรไว้ให้แกบ้าง พวกเราไม่มีใครปฏิเสธหรอกค่ะว่าคุณเป็นพ่อของแก เพียงแต่ต้องรอเวลา สักวันหนึ่งเราจะบอกแกเอง คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะทุกคนที่นี่หวังให้แกมีความสุขทั้งนั้นแหละค่ะ คุณลองเก็บข้อเสนอนี้ไปคิดดูนะคะ”


แบรนดอนเอามือปิดดวงตาไว้ หนุ่มผมทองกำลังร้องไห้ ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ เขาในตอนนี้ยังดูแลเดียร์ไม่ได้ หน้าที่การงานที่ไม่เหมือนใคร ชีวิตที่ต้องเดินทางรอบโลกเป็นประจำ เขาก็เคยเป็นเด็กที่ขาดความรักเหมือนกัน แบรนดอนโตมากับพ่อที่เป็นนักดนตรีในผับ ไม่มีแม่ ความอ้างว้างอย่างที่บุษบาเล่าเขาก็เผชิญมาหมด เขาจึงคิดว่าหากมีลูกเขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกทั้งหมด แล้วเวลานี้เล่า...


“พี่บุษบา”
เสียงเดียร์ร้องลั่นที่หน้าบ้าน หญิงสาวรีบวิ่งออกไปดูทันทีโดยมีหนุ่มๆวิ่งตามหลัง
“แนนซี่มันออกลูกแล้วล่ะ ไปดูด้วยกันเถอะฮะ จะได้ตั้งชื่อให้มันด้วย เอารถกะบะไปเพราะที่โรงเลี้ยงวัวเขาเหลือนมอยู่ถังหนึ่ง เอามาทำไอติมกันนะฮะ”
เด็กชายตัวมอมแมมติดหญ้าแห้ง ใบหน้ายิ้มแป้นสว่างไสว


แนนซี่เป็นชื่อแม่วัวตัวหนึ่งในไร่ ระเด่นมนตรีสูดลมหายใจแล้วมองขึ้นฟ้า
ขณะที่แบรนดอนใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาตัวเองออก


“แบรนดอนมาด้วยเหรอฮะ ไปดูลูกวัวกัน ลูกวัวตัวนี้เป็นของเดียร์นะฮะ เดียร์ช่วยดึงขามันตอนคลอดด้วย อย่างนี้เดียร์ก็มีสิทธิ์ตั้งชื่อวัวเพราะเดียร์ช่วยทำคลอดเดียร์เป็นพ่อมันใช่ไหมฮะ”
เสียงแจ้วๆนั้นหยุดลงเมื่อแบรนดอนคุกเข่าลงกอดร่างเล็กป้อม ระเด่นมนตรีใช้มือใหญ่ยีผมสีน้ำตาลอ่อนบนศรีษะเล็ก


“ใช่แล้วเดียร์ เดียร์มีสิทธิ์ เพราะเดียร์เป็นพ่อ”
ระเด่นมนตรียิ้มให้ลูกชายขณะที่แบรนดอนพึมพำอะไรสักอย่างไม่ได้ศัพท์


เสียงวอดังอยู่แว่วๆสักพักหนึ่งบอดี้การ์ดชุดดำของสังฆาก็เดินมาหาหล่อน
“คุณบุษบาครับยามที่หน้าไร่บอกว่ามีคนมาหาคุณครับ”
“คะ”
บุษบาทวนอย่างแปลกใจ ใครกันที่จะมาหาหล่อนในเวลานี้


“เขาบอกว่าชื่อพฤกษ์ มาจากโรงแรมดารา”
ชื่อนี้หล่อนจำได้อย่างไม่มีวันลืม ลูกชายคนโตของผู้มีพระคุณ! คนที่หล่อนเห็นฉากเลิฟซีนปากต่อปากกับพนักงานต้อนรับหนุ่ม
“เขาบอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยกับคุณครับ”


++++++จบบทที่16




Create Date : 05 มิถุนายน 2552
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 18:59:59 น. 0 comments
Counter : 205 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.