หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 

Something sweet.(15)...ไข้นี้หนาเรียกว่า...ไข้ใจ


“ขอบคุณครับ”
ระเด่นมนตรีบอกเสียงเรียบเมื่อบุษบายกข้าวต้มมาให้ในห้องนอน หญิงสาววางอาหารไว้บนโต๊ะหัวเตียง
“คุณอยู่คุยกับผมก่อนสิคุณบุษบา”
เขารั้งหล่อนไว้ตอนที่เห็นร่างบางสูงโปร่งทำท่าจะเดินออกไป
“นายระเด่นมีอะไรให้ดิฉันรับใช้อีกเหรอคะ”
บุษบาใบหน้านิ่งเฉยยามมองเขา หล่อนอยู่ในสถานะต่ำกว่าเขานี่นะ... ‘รับใช้’ คำนี้แหละเหมาะสมกับหล่อนแล้ว


“แบรนดอนมันมาที่นี่มีธุระอะไร”
ทั้งๆที่เขารู้คำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่อยากจะหาเรื่องคุย ไม่อยากให้บุษบาลงไปเสวนากับผู้ชายทั้งหัวดำหัวทองที่อยู่ด้านล่าง
อยากให้หล่อนอยู่กับเขานานอีกนิด
“เขามาหาเดียร์ค่ะ เอาของเล่นมาให้”
ใจจริงแล้วบุษบาตั้งใจว่าจะไม่บอกเรื่องที่นักร้องหนุ่มเอาเกมเพล์ยสเตชั่นราคาแพงมาให้เดียร์


หล่อนไม่อยากให้เขาว่าแบรนดอน ว่าส่งเสริมให้เด็กติดเกมราคาแพง
อีกอย่างจะเกิดเป็นข้อเปรียบเทียบเพราะแบรนดอนเป็นนักร้องดังระดับโลกมีทรัพย์สินเป็นล้านๆดอลล่าห์
ขณะที่ระเด่นเป็นเพียงเจ้าของไร่แม้ดูจะรวยเช่นเดียวกันแต่ก็เป็นล้านบาทไทย
หล่อนไม่อยากให้เขารู้สึกเสียหน้าที่ไม่ได้ซื้อของเล่นแพงๆดังเช่นคุณพ่อผมทองทำ


“คงจะเป็นของที่ดีแต่แพง ไม่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการอะไรเด็กตามเคยล่ะสิ หมอนั่นจะใช้เงินเลี้ยงลูกหรือยังไง”
เขาค่อนแคะแล้วลุกจากท่านอนบนเตียงมานั่งห้อยขาเตรียมจะจัดการกับข้าวต้มที่หล่อนนำมาให้
“แต่ก็อย่างนี้แหละพวกอเมริกันเจ้าปัญหา ชอบยัดเยียดความคิดตัวเองให้คนอื่น”
บุษบาเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ลูกครึ่งอังกฤษตัวโตหัวโล้นอย่างระเด่นมนตรีนี่ท่าทางสมองกับวาจาจะมีปัญหาเหมือนกัน
ไม่ว่ายามดีหรือป่วยไข้ ...เขาก็ยังปากจัดชอบค่อนแคะคนอื่นอยู่เรื่อย


“ฉันไม่ได้บอกให้เดียร์รับของเล่นจากคุณแบรนดอนหรอกค่ะ ของที่เขาซื้อมาเป็นเกมเพล์ยสเตชั่น ไม่เหมาะกับเด็กเล็กเท่าไหร่
เขาก็เข้าใจดีนี่คะ ไม่ได้พยายามยัดเยียดอะไรเลย”
ชายหนุ่มชะงักมือจากการตักข้าวต้มเข้าปากแล้วก็ยิ้มมุมปาก หล่อนรับมือกับนักร้องหนุ่มได้ดีเกินคาด
ถ้าเป็นเขาป่านนี้เกมนั่นคงได้นอนแอ้งแม้งอยู่ในถังขยะแน่


กว่าที่หนุ่มๆหัวทองและหัวดำหน้าขาวจะกลับไปก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ หมอจัตวาถูกโรงพยาบาลโทรตามเพราะมีคนไข้เคสด่วนพิเศษ
ส่วนแบรนดอนก็จำต้องกลับไปเพราะมีงานถ่ายมิวสิควีดีโอช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตก
“แล้วฉันจะมาใหม่นะ”
หนุ่มผมทองบอกกับหล่อนและเดียร์ เด็กชายยิ้มแป้นให้เขา สายตาเวลาที่มองดูเด็กน้อยนั้นอ่อนโยนไม่ผิดกับสายตาที่ระเด่นมนตรีมองคนตัว เล็ก
สายตาของคนเป็นพ่อมองดูเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง


“ผมจะต้องขึ้นไปถ่ายมิวสิควีดีโอแล้วก็ทำรายการที่เขาใหญ่ รายการเดอะแครกเกอร์ออนทราเวล
ไว้ใช้ประกอบในการแสดงคอนเสริต
อาจจะไม่ได้มาหาเดียร์สักสองสามวัน”
แบรนดอนบอกเมื่อบุษบาเดินมาส่งเขาที่รถ
“คุณเป็นนักร้องดังงานคงจะยุ่งสินะคะ”
เขายิ้มบางๆแต่ดูหล่อเหลาเสียเหลือเกิน มิน่าล่ะ...พิณสุดาถึงได้กรี๊ดกร๊าดเป็นหนักหนา


“ไม่หรอก มันก็เป็นช่วงๆน่ะครับ”
คำตอบของเขากลับทำให้บุษบาใจกระหวัดนึกถึงคำบอกเล่าของระเด่นมนตรี
เรื่องข่าวคาวกับผู้หญิงของนักร้องหนุ่มยามทำงานจนทำให้จินตะหราเศร้าอยู่บ่อยๆ
“ปรกติเวลาไม่ทำงานบ้านของคุณอยู่ที่ไหนคะ”
“บ้านเดิมผมอยู่ซีแอทเติล แต่เดียวนี้โดยมากจะพักอยู่ในนิวยอร์คทำงานเพลงบ้าง ออกคอนเสริตบ้าง ถ้าเดียร์ชอบที่นี่ผมจะซื้อบ้านที่นี่ไว้”
บุษบาฟังแล้วก็นึกภาพแต่ละเมืองที่เขาเล่า เมืองใหญ่ ผู้คนเยอะ


แบรนดอนเป็นนักร้องดังต้องทำงานเพลง มีคอนเสริต เวลาของเขาเป็นเงินเป็นทอง แล้วถ้าหากเขาได้เดียร์ไปเลี้ยงดูล่ะ
ชีวิตของเด็กน้อยจะเป็นอย่างไร ทรัพย์สินที่มากมายไม่อาจจะทดแทนอ้อมกอดและความรักจากพ่อแม่ การตามติดชีวิตครอบครัวคนดังของสื่อ
ผู้คนรายล้อมที่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ


ทันใดนั้นความคิดของหญิงสาวก็หยุดลง นี่หล่อนคิดเหมือนระเด่นมนตรีเสียแล้วหรือนี่ ...กังวลเกินเหตุ
ลูกของดารานักร้องระดับโลกบางคนเติบโตมาเป็นเด็กดีก็มี หล่อนไม่ควรจะไปคิดแทนคนอื่น สงสัยหล่อนคงจะถูกระเด่นมนตรีเป่าหูมากเกินไป
เรื่องที่น่ากังวลมันคงไม่เกิดขึ้นหรอก
...แต่บุษบาก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดในเช้าวันต่อมา


“มีนักข่าวจะขอเข้ามาในไร่ครับ”
เสียงวอดังแว่วขึ้นแต่เช้าตรู่ สังฆาและวิทยากรที่หน้าฟกช้ำบวมปูด ยืนคุยกันหน้าเครียดอยู่ที่ระเบียงบ้าน สักพักลุงสุขจึงตามมาสมทบ


“วันนี้ข้าวเช้าเป็นอะไรครับคุณบุษบา”
ลุงสุขเตร่เข้ามาถามหล่อนที่กำลังแกะกุ้งให้ลุงทองอยู่
“ข้าวผัดหยางโจวค่ะ ลุงทองแกได้กุ้งมาเยอะเมื่อวานเลยเอามาทำอะไรกินเสียเลย แกบอกกลัวของจะเสียก่อนค่ะ”
ชายสูงวัยพยักหน้าน้อยๆก่อนที่จะออกจากห้องครัวไปประชุมรวมพลกับสังฆาและวิทยากรที่ห้องหนังสือ


บรรยากาศในไร่เช้านี้แปลกๆ ผู้ชายในไร่มากินข้าวเช้าน้อยกว่าที่คิด และแบ่งมากินเป็นกลุ่มๆ
บางทีก็มาสองสามคนยกหม้อใส่ข้าวผัดจัดแจงเอาจานชามขึ้นรถกระบะไป
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเปรม ทำไมวันนี้ดูแปลกๆ นายระเด่นแกสั่งให้ใครทำอะไรเหรอ”
หล่อนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอับดุลหมายเลขสองเฉกเช่นเปรม เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าในครัวมีเพียงหล่อนและเจ้าตัว
แล้วเด็กหนุ่มก็ป้องปากกระซิบ


“พวกยามหน้าไร่บอกว่ามีคนพยายามจะเข้ามาในไร่ เป็นพวกนักข่าว คุณสังข์กับคุณวิทไม่ให้เข้ามา แต่ก็ยังมีบางพวกที่ตื้อ
คนงานไร่เราเลยต้องไปเฝ้าไว้ทุกจุด เผื่อนักข่าวแอบเข้ามาแล้วมันจะยิ่งวุ่น”
บุษบานิ่วหน้า นักข่าว ...จะมาที่ไร่อสัญทำไมกัน
“ยังไม่มีใครบอกนายระเด่นเลยครับคุณบุษบาเพราะกลัวแกลงมาจัดการเอง ถ้าแกลงมือเมื่อไหร่แล้วล่ะก็...ราบพนาสูญ”
หญิงสาวฟังแล้วนึกถึงช้างตกมันที่พังป่าราบเป็นแถบๆ ถ้าพิจารณาจากนิสัยของคนหัวโล้นแล้วล่ะก็ ...คำพูดนี้มีสิทธิ์น่าจะเป็นจริงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์


“นายระเด่นน่ะเวลาดีก็ดีใจหาย เวลาร้ายก็ร้ายสุดๆไม่อย่างนั้นจะงัดข้อกับพวกไร่นายพลมาได้ตลอดรึ”
นี่เป็นครั้งที่เท่าแล้วนะที่หล่อนได้ยินชื่อไร่นายพลจากปากของคนไร่นี้ ที่ไร่นั้นคงจะป่าเถื่อนมากเพราะพิณสุดายังเกือบจะถูกลวนลาม
แต่หล่อนคิดว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นมิเช่นนั้นคนไร่อสัญกับไร่นายพลคงไม่บาดหมางใจกันขนาดนี้
บุษบาทำข้าวต้มไว้ให้ระเด่นมนตรีแต่ให้เปรมเป็นคนเอาไปให้ หญิงสาวไม่อยากไปนั่งเฝ้าเขาเพราะรู้สึกทั้งด้อยค่าในความเป็นลูกจ้างที่ ต้องทำตามที่เขาสั่ง
...และอาการใจเต้นยามเขามองมา


ยามหลับละเมอเขากอดแนบชิด กระซิบออดอ้อนไม่ให้หล่อนหนีไปไหน
ยามตื่นเขามักจะเยาะเย้ยถากถาง มองหล่อนอย่างจับผิด
คนหัวโล้นตัวโตทำดีให้ใจหล่อนเต้นระรัวแล้วก็กระชากให้ใจไหววูบ
บุษบากลัวเหลือเกิน เพราะทุกอย่างที่เขาทำกับหล่อน ...ช่างล้วนเกี่ยวแต่กับหัวใจ
แล้วอะไรเล่าที่สนิทแนบแน่นกับหัวใจ หากไม่ใช่ความรัก...


คำตอบเรื่องนักข่าวเกิดขึ้นเมื่อพิณสุดาโทรมา
“ในอินเตอร์เน็ตเขาลงกันว่าแบรนดอนแอบมามีลูกซ่อนไว้ที่ปากช่อง เป็นหญิงสาวปริศนาในไร่แห่งหนึ่ง มีพยานเห็นด้วยว่าไปกินข้าวด้วยกัน
ในข่าวบอกว่าแบรนดอนเอาอกเอาใจเด็กลูกครึ่งกับสาวปริศนาคนนั้นมาก มันเป็นยังไงน่ะฮึ บุษบา เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ!”
นั่นคงเป็นตอนที่แบรนดอนพาหล่อนและเดียร์ไปขับรถเล่น...ในแบบของเขา
“ตอนนี้นะนักข่าวบันเทิงน่ะเช็คข่าวกันให้วุ่น ป่านนี้คงยกโขยงไปที่ปากช่องแล้วมั้ง”


บุษบาจำต้องเล่าความจริงให้เพื่อนสนิทฟัง เว้นเสียแต่ความลับเรื่องพ่อจริงและพ่อกำมะลอของเดียร์
เพราะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวนายจ้าง หล่อนไม่อยากจะทำตัวเป็นคนวงในกับครอบครัวนี้จนเกินไป


“ต๊าย! น่าอิจฉาจังเลยนะบุษบา ได้ไปกินข้าวกับนักร้องสุดฮ็อต เขาเป็นยังไงบ้าง หล่อเหมือนในทีวีไหม เสียงเพราะหรือเปล่า
อย่าลืมขอลายเซ็นมาให้ฉันด้วยนะ”
เพื่อนสาวผิวคล้ำสั่งมาเสียยาวยืด กว่าจะจบสายก็ปาไปประมาณสามสิบนาที บุษบาขึ้นไปหาเดียร์ที่ห้องนอน
วันนี้หล่อนให้เด็กชายตื่นสายได้เพราะเมื่อวานเดียร์ขี่จักรยานจน เหนื่อย แต่ทว่าเมื่อเข้าไปในห้องคนตัวป้อมก็พบกับระเด่นมนตรีที่นั่งคุยกับลูกชายบน เตียงอยู่


“พี่บุษบา”
เดียร์วิ่งปร๋อมาหาหล่อนทันทีเมื่อเห็นร่างโปร่งบาง
“แด๊ดดี้บอกว่าจะพาเดียร์ไปเที่ยวในเมืองด้วยแหละ ในเมืองโคราช”
หล่อนหันไปมองคนโดนพาดพิง ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นทำนองว่าจริง
“นายระเด่นยังป่วยอยู่นะคะ”


“หายแล้วล่ะครับ ได้พักเต็มๆวันหนึ่งแล้ว เบาตัวหัวโล่งขึ้นเยอะ ไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้วเลยจะเข้าเมืองเสียหน่อย คุณไปด้วยกันสิ
ผมดูเดียร์ไม่ไหวหรอก เจ้านี่ชอบไปเล่นสวนน้ำที่เดอะมอลล์”
เสียงเขาทุ้มนุ่มไม่มีอาการแปลกๆของคนเป็นไข้ให้เห็น แต่ที่บุษบาไม่รู้เลยคือเดียร์เล่าเรื่องเมื่อวานนี้ให้เขาฟังเสียทุกเม็ด


‘แบรนดอนกับพี่บุษบาชอบมองตากันแปลกๆ บางทีก็พูดเบ๊า...เบา จนเดียร์ไม่ได้ยินว่าพูดอะไร
แบรนดอนกับหมอที่มารักษาแด๊ดดี้ชอบกับข้าวที่พี่บุษบาทำเหมือนเดียร์เลย หมอยังพูดเลยว่าถ้าได้แม่ศรีเรือนอย่างนี้ก็ดีน่ะสิ’
สายลับตัวน้อยรายงานผู้บังคับบัญชาหัวโล้นเสียงแจ้วๆ คนฟังอยู่นิ่วหน้าแล้วนิ่วหน้าอีก
‘ว่าแต่แด๊ดดี้ครับคำว่าแม่ศรีเรือนแปลว่าอะไรครับ เดียร์เห็นพี่บุษบายิ้มเฉยๆไม่ตอบอะไรเลยหมอเลย ศรีเรือนนี่มันสีอะไรเหรอครับ’
เดียร์ถามผู้เป็นพ่อตาแป๋ว


ระเด่นมนตรีนั้นใจเดือดๆปุดๆนึกเข่นเขี้ยวหมอจัตวาหน้าขาว เขาขอแค่ให้มาเป็นไม้กันหมาแค่วันเดียว
นี่เล่นถึงขนาดจะขอเป็นแม่ศรีเรือนกันเชียวหรือ ถ้าเขาป่วยเป็นอาทิตย์ไม่ใช่ว่าหมอนั่นจะเตรียมขันหมากมาสู่ขอเลยรึ
‘แม่ศรีเรือนแปลว่าผู้หญิงที่ทำกับข้าวเก่ง’
คำตอบเป็นกลางๆแต่เด็กก็ยังทำหน้างงอยู่ดี
‘แล้วแตกต่างจากแม่ครัวตรงไหนฮะแด๊ดดี้ ทำไมไม่เรียกว่าแม่ครัว’
ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนให้ลูกชาย มือใหญ่คร้ามแดดนั้นยกมาลูบศรีษะเล็ก


‘แตกต่างกันสิลูก แม่ศรีเรือนคือคนที่ทำกับข้าวให้เรากินด้วยความรัก เอาใจใส่เรื่องของเรา จะกินยังไง จะเจ็บป่วยแบบไหน
เขาคือคนที่คิดถึงเรามากๆ เป็นสิ่งที่ทำด้วยใจไม่ใช่การจ้าง เขาเป็นคนที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต’
‘งั้นเดียร์ขอให้พี่บุษบาเป็นแม่ศรีเรือนของเดียร์นะครับ แด๊ดดี๊’
เด็กชายบอกความต้องการตามประสาซื่อ ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วแล้วหัวเราะหึๆ
‘ไม่ได้หรอกเดียร์ คุณบุษบาเขาต้องไปเป็นแม่ศรีเรือนของคนอื่น’
คนอื่น...ที่ว่านั้นเขาหวังเสียเหลือเกินว่าจะเป็นตนเอง
‘พอเดียร์โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เดียร์ค่อยหาแม่ศรีเรือนที่อายุใกล้เคียงกัน ผู้หญิงที่เดียร์จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
...ผู้หญิงที่จะทำอาหารให้เดียร์กินแค่คนเดียว’


“ฉันว่าอย่าเพิ่งดีกว่าค่ะนายระเด่น เดี๋ยวค่อยเข้าไปในเมืองวันหลังก็ได้”
บุษบาเหงื่อตกในใจ หล่อนต้องรั้งเขาไว้ให้ได้ ขืนระเด่นมนตรีรู้เรื่องนักข่าวแล้วจะยิ่งแย่ ทั้งแบรนดอนทั้งหล่อนคงโดนเขาโกรธหนัก
นอกประตูไร่ตอนนี้นักข่าวคงแห่มากันเต็ม
“ไม่เป็นไร ผมสบายดีแล้ว บังเอิญมีของที่อยากซื้อด้วย”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆวันนี้เขาอารมณ์ดีที่หายป่วยเร็ว


ยิ่งได้ฟังเรื่อง ‘แม่ศรีเรือน’จากปากลูกชายแล้วยิ่งทำให้เขาอยากจะทำคะแนนให้หล่อนประทับใจเขามากขึ้นอีกนิด
พาไปเที่ยวซื้อของดูหนังในตัวเมืองโคราชน่าจะดี แม้จะไกลไปนิด แต่มีร้านอาหารน่านั่งและบรรยากาศดีๆเยอะ
บุษบากำลังสองจิตสองใจอยู่ว่าจะหาดึงระเด่นมนตรีไว้อย่างไรดี
เสียงรถยนต์ก็ดังขึ้นที่หน้าบ้านพร้อมกับเสียงผู้ชายเอะอะโวยวาย
“เอ่อ...สงสัยลุงสุขกลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปคุยกับลุงสุขก่อนนะคะ บังเอิญฝากแกซื้อของไว้ค่ะ”
เพียงเท่านั้นบุษบาก็วิ่งตามรถที่เป็นเสียงระฆังช่วยไปที่หน้าบ้านทันที ลุงสุขและวิทยากรยืนคุยบางอย่างกันอยู่
พอหันมาเห็นหล่อนทั้งสองก็แยกออกจากกัน


“เป็นยังไงบ้างคะ เรื่องนักข่าว”
อับดุลหมายเลขหนึ่งประจำไร่อย่างวิทยากรเลิกคิ้ว แล้วยิ้มอ่อนๆให้
“เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้แบรนดอนกำลังจัดแถลงข่าวขึ้นในโรงแรม นักข่าวเลยไปที่โน่นกันหมด”
หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แล้วที่นี่ละครับเป็นอย่างไรบ้าง...นายระเด่น”
หนุ่มผมดกปรายตาไปที่ห้องชั้นบน ห้องของเจ้าของไร่
“ยังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
หล่อนส่ายศรีษะเบาๆ


“ฉันยังไม่กล้าบอก นี่ก็ยังตกใจอยู่ที่แกบอกว่าจะไปในเมืองโคราช กำลังคิดว่าจะทำยังไงไม่ให้แกไปล้งเล้งเอากับแบรนดอน พวกคุณก็มาพอดี
ยังไงก็ให้ลุงลุขไปบอกแกหน่อยนะคะ สถานการณ์อย่างนี้คงออกไปไหนไม่ได้”
วิทยากรโคลงศรีษะแล้วหัวเราะหึๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้างก็ดีนะครับ ตั้งแต่คุณบุษบามาอยู่ที่นี่ก็เห็นแต่อยู่กับไร่แล้วก็เมืองปากช่อง
ไปเที่ยวในตัวเมืองโคราชเถอะครับมีอะไรสวยๆงามๆให้ดูเยอะ”
แต่กระนั้นบุษบาก็ยังค้านอยู่ดี ทว่าเมื่อกลับมาในบ้านก็พบกับเดียร์และระเด่นมนตรีที่แต่งตัวพร้อมจะออกไปข้างนอกกันแล้ว


“พี่บุษบาเปลี่ยนชุดสิฮะ เราจะได้ไปเที่ยวกัน แด๊ดดี๊สัญญาว่าจะพาไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วย”
เด็กชายวิ่งมาเกาะมือหล่อน ระเด่นมนตรีกอดอกพยักหน้าเป็นทำนองว่า...ไปเปลี่ยนชุดเสียดีๆ


บุษบาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวลายดอกไม้เล็กๆแขนสั้น ผมรวบเป็นหางม้า กางเกงสามส่วนตัวเก่ง หล่อนมีเสื้อผ้าจำพวกกางเกงและกระโปรงน้อยชิ้น
เพราะว่าตัวสูงจึงหาเสื้อผ้าใส่ลำบาก
ที่พอจะซื้อหาได้ก็ราคาแพงเหลือใจเพราะเป็นยี่ห้อของต่างประเทศ นานๆทีจึงจะซื้อเสียทีหนึ่ง โชคดีอย่างหนึ่งที่หล่อนทำงานโรงแรมมีชุดยูนิฟอร์มให้ใส่
หากหญิงสาวทำงานงานออฟฟิซปรกติแล้วล่ะก็...คงต้องหมดค่าเสื้อผ้าไปเยอะ


“ไปเที่ยวกับนายระเด่นให้สนุกนะครับ เดี๋ยวเรื่องในไร่กับคนนอกไร่เดี๋ยวพวกผมจัดการกันเอง”
วิทยากรมากระซิบตอนที่หล่อนลงมาจากห้อง ระเด่นมนตรีและเดียร์รออยู่ที่รถ
“ในตัวเมืองโคราชมีร้านขายอุปกรณ์เบอเกอรี่ดีๆเยอะครับ คุณบุษบาไปชอปปิ้งอุปกรณ์ทำขนมอร่อยๆเผื่อพวกผมด้วยนะครับ”
หนุ่มผมดกยิ้มล้อเลียน


ถนนมิตรภาพช่วงกลางวันโล่งกว่าที่คิดระเด่นมนตรีขับรถเร็วเหมือนเคย เดียร์ชี้ให้หล่อนดูทัศนียภาพตามรายทางเช่น เขื่อนลำตะคอง
สวนสาธารณชาติชาย ชุณหะวัณ
หรือวัดหลวงพ่อโต โดยมีระเด่นมนตรีอธิบายเป็นลูกคู่
ชายหนุ่มอารมณ์ดีมากจนบุษบานึกแขยง


หากเขารู้ความจริงว่าเมื่อเช้ามีนักข่าวมาอยู่หน้าไร่ด้วยเรื่องของแบรนดอนและเดียร์
เขาคงจะอาละวาดแบบ...ราบพนาสูญ ตามที่เปรมเล่ามาแน่ๆ ระเด่นมนตรีน่าจะอายุมากกว่าหล่อนอยู่หลายปี แต่เหตุใดอารมณ์ของเขาจึงได้ร้อนแรงนัก
เจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด ไม่ยอมลงให้ใคร หรือว่าเพราะเขาทำงานกลางแจ้งกับแสงแดดร้อนจ้ากระนั้นหรือ อารมณ์ของเขาจึงร้อนแรงเหมือนดวงอาทิตย์
พร้อมจะเผาคนที่เจ้าตัวไม่พอใจ


เมื่อถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ในตัวเมืองโคราช สองพ่อลูกจูงมือกันเดินนำโดยมีหล่อนคิดอะไรเพลินๆเดินตาม
การเดินอยู่หลังทำให้บุษบาได้พิจารณาเขาอย่างละเอียด
ระเด่นมนตรีตัวสูง ไหล่กว้าง ศรีษะของเขาตอนนี้ไม่โล้นเสียทีเดียว เรียกว่าเกรียนมากกว่า ผมงอกขึ้นมาแล้ว วันนี้ชายหนุ่มใส่เสื้อลายสก๊อตสีแดงขาว
กางเกงยีนส์ รองเท้าบูท ถ้าห้อยหมวกไว้ที่คอและพกปืนที่เอวสักหน่อยล่ะก็ใช่เลย...คาวบอยเท็กซัส


เดียร์คุยอะไรแจ้วๆ
เด็กชายพูดสลับกันทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
ระเด่นมนตรีเอียงคอฟังลูกชายพูดบ้าง หัวเราะหึๆบ้าง ภาพนี้น่าจะเป็นภาพครอบครัวสุขสันต์ที่สมบรูณ์หากเติมผู้เป็นแม่เข้าไปด้วย


“คุณบุษบา”
“คะ”
หล่อนหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียก ระเด่นมนตรีโน้มตัวมาใกล้หล่อน
“คิดอะไรใจลอยอยู่น่ะคุณ ห้างมันกว้างนะเดี๋ยวหลง ผมไม่อยากจะประกาศหาผู้ใหญ่หายหรอกนะ”
เขาบอกยิ้มๆ บุษบาหน้าชานิดๆ เอาเข้าแล้วไหมล่ะ ...ไม่ทันไรหล่อนก็ทำให้เขาหาเรื่องมาว่าจนได้
“ขอโทษค่ะ”


“มาเดินด้วยกันซิ เรียงหน้ากระดานจะได้ไม่หลง”
เรียงหน้ากระดาน! ถ้าใครมองมาคงเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อแม่ลูก
“พี่บุษบา เดียร์อยากไปเล่นสวนสนุก”
เด็กชายวิ่งมาเกาะมือหล่อน
“พี่บุษบาไปเล่นกับเดียร์หน่อยนะฮะ แด๊ดดี้อนุญาตแล้ว”
ไม่เกาะมือเปล่า เด็กชายยังดึงหล่อนไปตามทางที่ต้องการอีกด้วย ซึ่งการทำเช่นนี้ทำให้ระเด่นมนตรีกลายเป็นคนเดินตามแทน


เดียร์เล่นของเล่นหลายอย่างจนเหนื่อย สักพักระเด่นมนตรีจึงพาทั้งหมดไปทานอาหารญี่ปุ่น
ระเด่นมนตรีสั่งปลาซาบะย่างกับข้าวและไข่ตุ๋นมาให้เด็กชายเพราะไม่ยากให้กินอาหารดิบ
ชายหนุ่มกลัวว่ากระเพาะของลูกชายจะไม่คุ้นกับอาหารจำพวกปลาดิบแล้วอาจทำให้ท้องเสีย แต่กระนั้นก็มีปัญหาอย่างอื่น
เดียร์กินอาหารหกเลอะเทอะเพราะเด็กชายไม่คุ้นกับชุดช้อนส้อมในร้านอาหารที่ทั้งใหญ่และหนักเกินมือเด็กเล็ก


“พี่บุษบาอาหารกินยากจัง เดียร์ขอชอปสติคได้ไหม”
เด็กชายร้องหาตะเกียบเป็นภาษาอังกฤษ
“ช้อนมันหนักจังเลยฮะ”
บุษบาอมยิ้มแล้วรีบดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดอาหารที่หก
“อย่าเลยครับ ชอปสติคทานยากกว่านี้อีก เอาอย่างนี้ดีไหมครับ เดี๋ยวพี่บุษบาป้อนให้ดีกว่า”
พูดจบหญิงสาวก็มองหน้าระเด่นมนตรีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“ที่ครั้งนี้พี่ป้อนเดียร์ก็เพราะอาหารทานยากนะครับ ครั้งต่อไปเดียร์ต้องทานเองนะ”
เด็กชายรับครับ ฝ่ายผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ปรามว่าหล่อนเอาใจลูกชายเขาจนเสียนิสัย บุษบาจึงเริ่มตักอาหารป้อนคนตัวเล็ก


ระเด่นมนตรีมองภาพลูกชายเคี้ยวอาหารญี่ปุ่นตุ้ยๆ นิ้วป้อมนั้นชี้อาหารที่ต้องการ บุษบาตักมาป้อนอย่างอ่อนโยน
ชายหนุ่มรู้สึกว่านี่คือภาพครอบครัวที่สมบรูณ์แบบ
สิ่งที่เขาโหยหามานาน เรียบง่ายแต่อบอุ่นเข้าไปในหัวใจ บุษบาไม่ได้เป็นคนสวยจัดวิลิศมาหรา ไม่อ่อนหวานช่างออดอ้อนเหมือนนางเอกในละคร
หล่อนเป็นตัวของตัวเอง มีเสน่ห์ยามเดินเหิน เจรจาด้วยถ้อยคำไพเราะเข้ากับทุกคนได้ดี มีรสมือในการทำอาหาร
บุษบาสมบรูณ์แบบเท่าที่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะเป็นได้


ระเด่นมนตรีทอดถอนลมหายใจอยู่ภายในอก ความรักของเขาครั้งที่รักนาเดียลานั้นเต็มไปด้วยความร้อนแรง
อยากเอาชนะ และลุ่มหลง ต่อมาครั้งของจินตะหราเต็มไปด้วยความสงสาร เขาหวังว่าผู้หญิงหัวอ่อนไม่มีพิษมีภัยอย่างจินตะหรา
คงจะเข็ดผู้ชายเจ้าชู้ไร้ความรับผิดชอบอย่างแบรนดอน แล้วมาเริ่มต้นใหม่กับเขา ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
จินตะหรากลับโหยหานักร้องหนุ่มผมทองมากขึ้น


เขาเพียรพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้หล่อนตัดใจ จินตะหราฝันถึงชีวิตแม่บ้านในฟาร์มแบบต่างประเทศ เขาก็ซื้อเตาอบให้
แม้ว่าหล่อนจะทำขนมแค่สองสามครั้ง อยากดูทีวีช่องเคเบิ้ลเขาก็อุตส่าห์ติดให้ อยากเล่นอินเตอร์เน็ตไปหาคู่สายโทรศัพท์มาเพิ่มให้
กระนั้นจินตะหราก็ยังคร่ำครวญถึงหนุ่มผมทองจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต


‘จินนี่แค่รักเขาเท่านั้นค่ะพี่ระเด่น เหตุผลมีแค่นี้เอง’
คำสารภาพซื่อๆยามเขาถามสาเหตุของอาการรักนักร้องหนุ่มผมทองเสียมากมายของจินตะหรา
ทำไมนะผู้หญิงที่เขาพึงใจจึงมีชายอื่นมาครอบครองใจไว้ก่อนเสมอ ...แล้วกับคนตรงหน้านี่เล่า


ของหวานหลังมื้ออาหารเป็นไอศรีมชาเขียว เดียร์เปลี่ยนมาตักกินด้วยตัวเองได้แล้ว
“อร่อยจัง เย็นดี ถ้าได้กินอย่างนี้ทุกวันก็ดีสิเนอะพี่บุษบา”
เด็กชายพยักเพยิดมือก็ตักไอศรีมเข้าปากไม่หยุด
“พี่บุษบาทำขนมเก่งแล้วพี่บุษบาทำไอติมได้ไหมครับ”
“ได้สิครับ แต่ต้องดูอุปกรณ์ก่อน”
หญิงสาวตอบยิ้มๆ


“แด๊ดดี้ครับขอตังค์ให้พี่บุษบาหน่อยสิครับ เดียร์จะให้พี่บุษบาทำไอติมให้กินที่ไร่”
เดียร์อ้อนผู้เป็นพ่อ ระเด่นมนตรียกมือใหญ่ขึ้นขยี้ผมลูกชายอย่างมันเขี้ยว
“คิดแต่เรื่องกินนะเรา กินจนจะอ้วนเป็นหมูเสียแล้ว อ้วนอย่างนี้เดียวม้ามันก็ไม่ยอมให้ขี่หรอก”
ร่างป้อมย่นจมูกแต่มือก็ยังตักไอศรีมเข้าปากอยู่


“ก็พี่บุษบาทำอาหารอร่อยนี่ ไม่จืดเหมือนลุงทอง แถมมีขนมด้วย ถ้าเป็นแด๊ดดี้ แด๊ดดี้อยู่ใกล้คนทำอาหารอร่อยแล้วแด๊ดดี้จะไม่ยอมกินเลยเหรอ”
ลูกชายย้อนเข้าให้ ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะหึๆ
“ถ้าแด๊ดดี้ไม่อยากกิน เดียร์กินคนเดียวก็ได้” เดียร์หันมาทางร่างสูงโปร่งที่นั่งใกล้


“ พี่บุษบาครับตอนนี้พี่บุษบาเป็นแม่ศรีเรือนของใครแล้วหรือยังครับ”
“คะ”
หญิงสาวงงกับคำถาม
“แม่ศรีเรือนแปลว่าผู้หญิงที่จะทำอาหารให้เรากินคนเดียวไปตลอดชีวิต ถ้าพี่บุษบายังไม่ได้เป็นแม่ศรีเรือนของใคร เดียร์จองนะครับ”
เด็กชายบอกตาแป๋ว บุษบาใบหน้าร้อนขึ้นมากะทันหัน ใครนะ...ใครกันที่ไปสอนเด็กผิดๆอย่างนี้


“เดียร์พูดอย่างนั้นกับผู้หญิงมันไม่ดีนะครับ”
ระเด่นมนตรีแกล้งปรามเบาๆทั้งที่ในใจนั้นเต้นตึกตัก เขาก็อยากรู้คำตอบเหมือนกันว่ามีใครนั้น’จอง‘หัวใจหล่อนไว้แล้วหรือยัง


“พี่บุษบาเขามีสิทธิ์เลือกนะครับ ไปโมเมอย่างนั้นมันไม่ดี เดี๋ยวแฟนเขาว่าเอา”
สายตานั้นทอดมองลูกชายแต่หูชายหนุ่มผึ่งเต็มที่รอฟังปฏิกิริยาโต้ตอบจากหล่อน
“แล้วพี่บุษบามีแฟนแล้วเหรอฮะ”
ลูกชายเขายิงคำถามตรงประเด็น บุษบาอึกอักชักจะคุมใจให้นิ่งไว้ไม่อยู่ ตาแป๋วใสแจ๋วของเจ้านายตัวน้อยจ้องอยู่ขณะที่ฝั่งตรงข้ามก็เป็นเจ้านายตัว ใหญ่
“ยังหรอกค่ะ”
“งั้นเดียร์จองนะฮะ สัญญา”
นิ้วก้อยกลมป้อมยกงอขึ้นชูเป็นสัญลักษณ์ของคำสัญญา


“คุณไม่น่าไปสัญญาอะไรกับแกเลย”
ระเด่นมนตรีเปรยขึ้นเบาๆหลังจากออกจากร้านอาหาร เด็กชายอยู่ที่ชั้นของเล่น กำลังเลือกของแววตาแพรวพราว
“คะ”
“เรื่องแม่ศรีเรือน เรื่องแฟน แกยังเด็กเชื่ออะไรง่าย”
เจ้านายหนุ่มหมายความว่าอย่างไรหรือ ...เขากำลังจะกล่าวหาว่าหล่อนหลอกอะไรลูกชายเขาอีก
“บอกแกไปตามตรงก็ได้ว่าคุณมีคนรักแล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่มีความสามารถเรื่องอาหารอย่างคุณคงไม่มาอยู่ที่ไร่ของผม”
อ้อ...เขาระแวงหล่อนเรื่องนี้นี่เอง


“คนเราถ้าจะเปลี่ยนสถานที่ทำงานก็ด้วยเหตุผลบางอย่างค่ะกรณีของดิฉัน ความรักไม่เกี่ยว เพราะดิฉันยังไม่มีแฟน”
แม้จะใจหวิวกับฉากเลิฟซีนแบบชายกับชายของลูกชายคนโตเจ้าของโรงแรมที่พึงใจก็ตาม คำตอบทำเอาคนยืนข้างใจพองโต
“ทำไมอย่างนั้นละครับ คุณออกจะเป็นคนสวย”
บุษบานิ่วหน้าจ้องเขาเขม็ง’คนสวย’เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้ประชดหรือเยาะเย้ย แต่ยังไม่น่าไว้ใจกับคำพูดแปลกๆจากเขา


“ขอบคุณที่ชมค่ะ ฉันไม่ใช่คนสวยอย่างที่คุณว่าหรอกค่ะ ยิ่งทำงานอยู่ในครัว มีแค่เตาอบกับแป้งสาลี ที่เหลือก็คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น เลยสนิทกันเสียจนมีมีใครคิดอะไรเกินเลย”
อีกประการหนึ่งที่บุษบาไม่ได้บอกออกไปก็คือเรื่องความสูง หล่อนสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยไปโข ผู้ชายทั่วไปจึงไม่กล้ามาจีบเพราะกลัวการเปรียบเทียบ
ที่พอจะมีมาบ้างสักพักก็ขอลาเพราะบุษบานั้นเห็นงานสำคัญเป็นอันดับหนึ่งจนไม่มีเวลาให้เรื่องความรัก
หล่อนยังไม่มีใคร...หล่อนยังไม่มีใคร เสียงในใจของระเด่นมนตรีก้องดังไปมา ถ้าเช่นนั้นเขาก็มีสิทธิ์


เดียร์เลือกของเล่นสองสามอย่างหลังจากนั้นทั้งหมดจึงไปซื้อของกันในซุปเปอร์มาเก็ต บุษบาซื้อผลไม้ต่างประเทสหลายอย่างเช่นกีวี
ลูกพรุน และลูกแพร หล่อนตั้งใจจะเก็บเอาไว้ทำขนม ขณะที่ระเด่นมนตรีกำลังจ่ายเงินค่าสินค้าอยู่นั้น
หล่อนก็นึกได้ว่าตนเองลืมซื้อของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง


บุษบาจึงให้เขาและเดียร์ออกไปนั่งรอที่ศูนย์อาหารก่อน สักพักหล่อนจึงตามออกไป ระเด่นมนตรีนั่งคุยหัวเราะคิกคักอยู่กับเดียร์เขาอุ้มลูกชายนั่งตัก
หญิงสาวไม่เคยเห็นระเด่นมนตรีหัวเราะหรือแสดงท่าทีรื่นเริงเลย แต่วันนี้เวลาเขายิ้มช่างมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ดวงตาเขาแพรวพราว
เดียร์ผละจากตักของเขามาวิ่งวนรอบเก้าอี้ที่เขานั่ง เด็กชายทำท่าเต้นมูนวอร์คถอยหลังทำเอาคนเดินผ่านมาผ่านไปมองยิ้มๆ
ระเด่นมนตรีปรบมือเสียงดังลั่นให้ลูกชายพลอยทำให้ทุกคนปรบมือตามไปด้วย


“ลูกชายผมครับ ลูกชายผม”
ระเด่นมนตรีอวดหัวเราะร่าเริง เดียร์เต้นเสร็จก็มาเกาะขาเขาชายหนุ่มจึงยกลูกชายขึ้นนั่งอยู่บนบ่า บุษบามองภาพนั้นแล้วใจเต้นตึกตัก
ใบหน้าร้อนผ่าว กายรู้สึกรุมๆคล้ายกับจะเป็นไข้ หญิงสาวราวกับเห็นประกายระยิบระยับพร่างพราวโปรยอยู่เหนือกายระเด่นมนตรี


เขาหล่อทรงเสน่ห์ราวกับเทพบุตร นี่ประสาทตาหล่อนเพี้ยนไปตามความร้อนของใบหน้า หรือว่าความเร็วของการเต้นในหัวใจกระนั้นหรือ...
ไม่หรอกบุษบารู้ดีว่านี่คืออาการไข้ชนิดหนึ่ง ไข้นี้หนาเรียกว่า...ไข้ใจ อาการเริ่มต้นของคนตกหลุมรัก
ไม่ได้การ! หล่อนจะออกไปพบเขาและเดียร์ในสภาพหน้าแดงเช่นนี้ไม่ได้ ห้องน้ำจึงเป็นตัวช่วยในการปรับอารมณ์ที่ดี


แต่บุษบาไม่รู้เลยว่าในโทรทัศน์ของศูนย์อาหารกำลังฉายภาพบางอย่าง
...แบรนดอน ดาเนียล แห่งวงเดอะแครกเกอร์จัดแถลงข่าวฉาว ผู้หญิงปริศนา เด็ก และการเข้าออกยังไร่อสัญ


+++++++++++++++++++++จบบทที่15




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2552
0 comments
Last Update : 11 พฤษภาคม 2552 20:00:31 น.
Counter : 373 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.