|
Something sweet บทที่ 11...ดอกไม้ของนายระเด่น
*ใบเซียมซีที่ 11 ที่สิบเอ็ดเสร็จตัวไม่มัวหมอง เหมือนจันทร์ส่องผ่องใสในเวหา ขี่เมฆลอยถอยพรากจากนภา ดูท้องฟ้าโชติช่วงเพราะดวงจันทร์ ผลสนองต้องตามความประพฤติ ที่คนยึดปางก่อนมาผ่อนผัน ผลอันงามตามมีพอดีกัน ภายหน้านั้นเห็นดีจริงยิ่งอุดม ความเดินแท้ไม่ลูกแสนถูกจิต สิ่งที่คิดบำเพ็ญเป็นเสร็จสม ถามถึงคู่ร่วมใจว่าได้ชม ตามนิยมกาเมประเวณี ทั้งพวกพ้องน้องที่ลูกหนี้จบ จะต้องพบแท้เที่ยงไม่เลี่ยงหนี สิ่งที่เป็นลาภดีงามตามที่มี ความคดีสู้ได้ไม่แพ้เอย ฯ
ระเด่นมนตรีพับกระดาษผลเซียมซีไว้ในกระเป๋าสตางค์ ชายหนุ่มยิ้ม ผลออกมาดีเกินคาด สัญญาณเริ่มต้นที่ดี บางทีคำสาปเรื่องผู้หญิงของเขาอาจจะคลาย บุษบาขาแพลงจึงต้องอยู่ในบ้าน ชายหนุ่มให้วิทยาการโทรตามหมอในเมืองปากช่องมาดูอาการโดยระบุ “ หมอคนอื่น เป็นผู้หญิงยิ่งดี แต่อย่าเป็นหมอจัตวา “ ชายหนุ่มแสดงอาการหวงก้างแบบไม่ปิดบังจนคนผมดกลอบยิ้ม พี่ชายมีอาการเยี่ยงนี้แล้วน้องชายเฉกเช่นสังฆานั่นเล่า คนขาหักแสดงอาการมองคุณโรสผู้มาใหม่ไม่วางตา
“ เดี๋ยวให้คนของผมพาคุณโรสไปส่งที่โรงแรมก็ได้นายระเด่น “ สังฆาอาสา ชายหนุ่มจะให้คนของเขาไปตามสืบด้วยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร “ ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอแค่ส่งคนไปดูรถให้หน่อยเท่านั้น น้ำมันหมด เติมน้ำมันก็คงไปได้แล้วล่ะคะ “ โรสยิ้มให้พอเป็นพิธี แม้หล่อนจะไม่นิยมผู้ชาย เรื่องมารยาทที่ดีก็ใช่จะละเลยไปเสียทีเดียว
“ พี่บุษบาคะ ว่างๆช่วยสอนโรสทำขนมหน่อยสิคะ โรสอยากทำเป็นบ้างเอาขนมเล็กๆน้อยๆก็ได้ จะได้เอาไปคุยว่ามีเชฟใหญ่สอนสูตรให้ “ ปากบางๆนั้นฉอเลาะ จนสังฆานึกแปลกใจ เขาแค่ขาหัก ใบหน้าส่วนบนก็ยังหล่ออยู่ แต่สาวเจ้าดูเหมือนจะไม่สนใจเลย อะไรๆก็พี่บุษบา เขาไม่ตรงสเปคหล่อนบ้างหรือไร?
กว่าคุณโรสจะกลับไปได้ก็ประมาณเก้าโมงเช้า หญิงสาวเหมือนเด็กๆช่างพูดช่างอ้อนและน่ารักสดใส ผู้หญิงอย่างนี้แหละที่บุษบาอยากเป็น ผู้หญิงที่สมเป็นผู้หญิง รูปร่างบอบบาง อ่อนหวานสมเป็นดอกไม้ของโลก ไม่ใช่สูงโย่งโก๊ะหน้านิ่งเหมือนหล่อน บุษบาคิดว่าตัวเองมีอะไรสักอย่างที่แปลกๆ ความอ่อนหวาน ออดอ้อน แบบผู้หญิงหล่อนไม่รู้ว่าทำหายตกไปที่ไหน หญิงสาวขาดสิ่งพวกนี้ไป
หล่อนไม่เคยคบกับชายหนุ่มคนใดทั้งไทยและฝรั่ง ด้วยคิดถึงเรื่องผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเป็นหลัก บุษบาในวัยเป็นเด็กสาวจึงตั้งหน้าตั้งตาเรียน จนผู้มีพระคุณส่งไปเมืองนอกและหล่อนเลือกเรียนการทำขนมแทนที่จะเป็นบริหาร ทุกอย่างจะไม่สำเร็จถ้าลูกชายคนโตของผู้มีพระคุณไม่ช่วยพูดให้ หล่อนจึงปลื้มเขามาก เมื่อรู้ว่าเขาไม่พึงใจในผู้หญิงหล่อนจึงช็อคเล็กๆแต่ก็ยังรักษาหน้าของผู้ มีพระคุณโดยที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่กับพิณสุดา
เพื่อนสาวผิวคล้ำกลับไปเมื่อช่วงประมาณสิบโมง หล่อนและเพื่อนกอดกันกลม ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอกันอีก “ แล้วฉันจะโทรมานะ “ พิณสุดาน้ำตารื้นหน่อยๆ
ช่วงบ่ายหมอที่มาดูอาการของหล่อนเป็นผู้หญิง แต่ทว่าพ่วงจัตวามาด้วยอีกหนึ่ง “ ผมเอารูปที่ถ่ายเมื่อคืนนี้มาให้ครับ “ หมอหนุ่มหน้าขาวยิ้มร่า ยื่นอัลบัมรูปให้ รูปถ่ายตอนที่ประกวด ทุกภาพถ่ายออกมาอย่างสวยสด จนหล่อนไม่คิดว่าคนในรูปภาพเป็นคนเดียวกับตนเอง “ แล้วคนเจ็บในงานเป็นยังไงบ้างคะ “ ในหล่อนกระหวัดถึงเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้น
“ ไม่เป็นไรมากหรอกครับ ไม่มีคนเจ็บหนักมาก ตอนนี้ทยอยออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ ส่วนเรื่องการสืบสวนน่ะให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แล้วก็นี่ครับ “ จัตวายื่นช่อกุหลาบสีแดงสดให้หล่อน “ ยินดีด้วยนะครับที่ได้ตำแหน่งนางงามประจำอำเภอ “ หล่อนรับดอกไม้มาอย่างงงๆ ข่าวแพร่ไปจากไหนนี่ สงสัยจากพอลล่าแน่ๆ
ระเด่นมนตรีรับฟังเรื่องทุกอย่างอย่างเงียบๆแต่คิ้วกระตุกเป็นระยะๆ “ แด๊ดดี้ หมอหน้าขาวชวนพี่บุษบาไปดินเนอร์ด้วยแหละ เขาจะมากินข้าวบ้านเราเหรอฮะ “ เสียงสายลับตัวน้อยรายงานแจ้วๆ ทั้งเรื่องรูปภาพ ทั้งเรื่องดอกไม้ มิเสียแรงที่เขาล่อหลอกให้เดียร์ทำตัวเป็นอัศวินปกป้องผู้หญิงอ่อนแอเช่น บุษบา
“ พี่บุษบายิ้มด้วยแหละ หมอบอกว่าจะมาดูอาการใหม่ “ เด็กชายพูดไปเรื่อยๆโดยที่ชายหนุ่มไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหมอที่เอ่ยถึงคือคนไหน คู่แข่งเยอะเสียจริง แม้ว่าคำอธิษฐานเสี่ยงเซียมซีจะได้หมายเลขสิบเอ็ด แต่ก็เป็นแค่สัญญาณบอก ที่เหลือก็ต้องลงมือเอง แต่เขาจะทำอย่างไรดีล่ะ บังเอิญไร่ชายหนุ่มไม่ได้ปลูกกุหลาบไว้เสียด้วย ฝ่ายนั้นให้ดอกไม้ไปแล้ว ชายหนุ่มจะยอมแพ้ได้อย่างไร
“ เฮ้ย! พวกเอ็ง แถวนี้มีดอกไม้อะไรแปลกๆหรือเปล่าวะ เผื่อลูกฉันจะเอาไว้ถ่ายรูปให้พวกเด็กฝรั่งที่เป็นเพื่อนดู “ ระเด่นมนตรีแกล้งถามคนงาน คนงานจึงชี้ไปที่สระใหญ่กลางไร่ “ ถ้าดอกไม้แปลกๆล่ะก็โน่นเลยจ้ะ นายระเด่น แถวโน้นมีเยอะ “ ชายหนุ่มจึงไปตามทางที่บอกและเขาก็พบดอกไม้ที่ว่านั่นพอดี ดอกไม้สีเหลืองเล็ก
“ พี่บุษบา “ เดียร์วิ่งหอบดอกไม้ทั่กๆเข้ามาในห้องนั่งเล่น หล่อนกำลังอ่านหนังสือจิตวิทยาเด็กอยู่ หมอจัตวาและหมอผู้หญิงอีกคนกลับไปแล้ว “ เดียร์ไปเอาดอกไม้มาจากไหนครับ ช่อใหญ่เลย “ ดอกไม้ที่เด็กชายหอบอยู่เป็นดอกไม้สีเหลืองเล็ก ใบเล็กฝอยคล้ายกับใบมะขาม
“ แด๊ดดี๊ให้เอามาให้ครับ “ เด็กชายตอบตามประสาซื่อ ดวงตานั้นใสแจ๋ว อ้อมแขนเล็กทำเป็นจังหวะขึ้นลงให้หล่อนรับไป บุษบานิ่วหน้า ระเด่นมนตรีนะหรือให้ดอกไม้หล่อน แล้วดอกสีเหลืองนี่คือดอกอะไรหล่อนไม่รู้จัก คำตอบมาเฉลยตอนที่เปรมกับลุงทองเห็นเจ้าดอกไม้นั่น…
“ โอ้โห! วันนี้มีน้ำพริกเหรอลุง “ คนงานหนุ่มๆอุทานเมื่อเห็นน้ำพริกและผักเคียงในถาดใหญ่ “ เออ วันนี้บังเอิญได้ดอกโสนกำใหญ่มา นายระเด่นแกไปเก็บมาให้ ข้าเลยอารมณ์ดีตำน้ำพริก เจียวไข่ แล้วก็ทำแกงจืดวุ้นเส้น “ ลุงทองหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ขณะที่คนเก็บดอกไม้มานิ่วหน้าอารมณ์เดือดหน่อยๆ
“ ขอบคุณนะคะนายระเด่นที่อุตส่าห์เก็บดอกโสนมาให้เป็นกับข้าวเย็น ถ้าฉันไม่ได้รู้จากเปรมกับลุงทองคงไม่รู้หรอกคะว่ามันกินได้ “ บุษบายิ้มให้เขา ในใจตีความหมายไปว่าเขาคงจะประชดหล่อนจากคราวยำกระถินอ่อน ชายหนุ่มทำหน้าปั้นยาก เขาผิดเองที่ไปเก็บดอกไม้กินได้มา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดอกอะไร แต่พอเห็นหล่อนกินกับน้ำพริกท่าทางมีความสุขก็น่าจะถือว่า…ผ่าน
“ หวานจังเลย น้องเดียร์ลองดูหน่อยสิครับ “ หล่อนชี้ชวนคนตัวเล็กให้ทานด้วย สังฆา วิทยากร และลุงสุข แอบยิ้ม ที่หนุ่มสาวเข้าใจเรื่องดอกโสนไปคนละทาง เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันระเด่นมนตรีจะได้ไม่เสียฟอร์มเรื่องดอกไม้
วันต่อมาระเด่นมนตรีแกล้งไปไร่ให้ช้าลง โดยให้วิทยากรกับลุงสุขล่วงหน้าไปก่อน “ เดียร์ไปขี่ม้ากันไหม “ ชายหนุ่มชวนลูกชาย เดียร์ยิ้มแป้นวิ่งมาเกาะขาประจบ “ คุณไปด้วยสิ จะได้ไปดูม้าของเรา วิทมันพาคุณไปดูผ่านๆใช่ไหม? คราวนี้คุณจะได้เข้าไปข้างใน “ ชายหนุ่มเปรยลอยๆ หญิงสาวแลดูข้อเท้าที่พันผ้าของตนเอง ยังไม่ทันอ้าปากปฏิเสธ เขาก็อุ้มหล่อนไปที่รถจี๊ปเสียแล้ว
“ คุณไปด้วยจะได้ช่วยผมดูลูก อีกอย่างเดียร์อยากอวดม้าด้วยจริงไหม? “ ชายหนุ่มพยักเพยิดไปทางร่างเล็ก เด็กชายร้องพยักหน้าแล้วรีบวิ่งนำออกไป บุษบาหน้าร้อนขึ้นมาเฉยๆ ครั้งที่สองแล้วที่เขาอุ้มหล่อนไว้เช่นนี้ เป็นเหตุจำเป็น…เหตุจำเป็น หล่อนเฝ้าย้ำกับตัวเอง แต่กระนั้นเสียงตึกตักของหัวใจก็ยังได้ยินอยู่เต็มสองหู
เดียร์ไล่ชื่อม้าแต่ละตัวให้ฟัง เด็กชายจำได้และบรรยายลักษณะนิสัยของพวกมันได้หมด “ ตัวนี้ชื่อโจอี้ มันขี้ตกใจ วิ่งเร็ว นี่ชื่อ บิ๊ค มันตัวใหญ่กินจุ “ เด็กชายชี้ไปที่ม้าในคอก ม้าตัวโตสีน้ำตาลและม้าสีขาวหายใจดังฟืดฟาด “ ตัวนี้ชื่อวินดี้ วิ่งเร็ว ม้าของแด๊ดดี๊ “ เด็กชายชี้ไปที่ม้าสีดำสนิทมีสามเหลี่ยมคล้ายรูปกริชอยู่กลางหน้าผาก
“ มันเจ้าอารมณ์ขี้หงุดหงิด ไม่มีใครเอาอยู่นอกจากแด๊ดดี๊ “ ร่างป้อมอธิบายตาใสแจ๋ว ม้ากับเจ้าของช่างนิสัยตรงกันเสียจริง ฝ่ายเจ้าของเดินไปหาม้าคู่บารมีแล้วจูงมันออกมา “ ไปขี่ม้ากันไหมครับ “ หล่อนเลิกคิ้ว เขาถามผิดหรือเปล่า ถ้าจะชวนเดียร์ไปขี่ม้าก็ไม่ควรมีคำว่า'ครับ'
“ คุณนั่นแหละ “ ไม่พูดเปล่าแต่เขายังยกหล่อนนั่งไพล่บนหลังเจ้าวินดี้ม้าสีดำ “ นั่งดีๆสิ “ เขาดุเมื่อหล่อนทำหน้าตาตื่นและยุกยิกจะลงจากม้า “ เดียร์พ่อให้ขี่เจ้าป้อมได้ แต่ต้องมีคนจูง “ ชายหนุ่มหันไปเรียกคนงานคนหนึ่งเข้ามาใกล้ สั่งงานสองสามอย่าง สักพักคนงานก็จูงมาแกลบตัวเล็กตัวหนึ่งมาให้เด็กชาย
“ อย่าดื้อ แล้วก็อย่าเล่นพิเรนทร์นะเดียร์ ไม่งั้นจะโดนทำโทษ “ ชายหนุ่มขู่ เด็กชายตาเป็นประกายยิ้มแก้มแทบปริ ระเด่นมนตรีขึ้นม้า สองแขนโอบรอบตัวหล่อนไว้พร้อมกับกำบังเหียรควบคุม บุษบาเขยิบหนีแต่กลับถูกเขาดุอีกรอบ “ นั่งดีๆสิคุณ อย่ายุกยิก ม้าน่ะเป็นสัตว์ขี้ตื่น ขืนคุณทำอย่างนี้มันก็ตกใจวิ่งเตลิดไปหรอก “ “ เอาฉันลงเถอะค่ะ ฉันขาเจ็บอยู่จะเกะกะเปล่าๆ “ หญิงสาวขอร้องแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ชายหนุ่มควบม้าวิ่งเร็วไปเรื่อยๆ “ ไม่เป็นไร ผมจะพาไปดูอะไรดีๆ “
“ คุณสังฆาครับ คุณโรสมาครับ “ ชายหนุ่มหูผึ่งทันทีเมื่อคนของเขารายงาน “ ตอนนี้พวกยามหน้าไร่กักตัวอยู่ จะให้เข้ามาไหมครับ “ เขามาที่ไร่นี้บ่อยจนคนในไร่คุณเคย และรับรู้ว่าเขาเป็นเจ้านายคนหนึ่งที่มีอำนาจสั่งการเทียบเท่าระเด่นมนตรี ข่าวสารส์ในไร่ถ้าทุกคนรู้เขาก็ต้องรู้ด้วย
“ ให้เข้ามาได้ เอ๊ย! แต่เดี๋ยวก่อน คุณโรสเขาบอกไหมว่ามาหาใคร “ “ เธอบอกว่าจะมาหาคุณบุษบาครับ “ นั่นประไร! คำตอบของบอดี้การ์ดเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆด้วย “ งั้นให้เธอเข้ามาได้ ถ้าเธอถามว่าคุณบุษบาอยู่ไหน บอกว่าอยู่สวนมะม่วง “ ชายหนุ่มสั่งการคนของเขา แล้วให้บอดี้การ์ดขับรถพาไปตั้นเต็นท์รอหญิงสาวที่นั่นทันที สัญชาตญาณเขาบอกว่าโรสจะไปที่นั่นแน่ แล้วก็จริงเสียด้วย
รถมินิคูเปอร์แล่นมาด้วยความเร็วเข้ามาในสวนมะม่วง โรสในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อเชิ้ตเข้ารูปเปิดประตูรถลงมาหันรีหันขวาง คนที่หน้าประตูบอกว่าบุษบาอยู่ที่นี่ หล่อนไม่เห็นแม้แต่เงา เห็นเพียงตาแว่นขาหักใส่เฝือกอันโตนั่งอยู่ในเต็นท์สีขาว กลางสวนมะม่วง “ ฉันมาหาคุณบุษบาน่ะค่ะ เห็นคนที่หน้าประตูบอกว่าอยู่ที่นี่ “ หล่อนยิ้มให้พอเป็นพิธี สังฆาแกล้งเลิกคิ้วประหลาดใจ
“ อ้อ! ถ้าเป็นคุณบุษบาละก็เดี๋ยวก็คงมานะครับ เพราะว่าเธอบอกว่าจะมาดูสวนมะม่วง “ หนุ่มแว่นโกหกคำโต คนของเขารายงานแล้วว่าพี่ชายเขาพาบุษบาไปขี่ม้าอีกฝั่งหนึ่งของไร่
“ เชิญนั่งก่อนสิครับ เดี๋ยวพวกเขาก็คงมา “ ชายหนุ่มยิ้มให้ ยิ้มหล่อที่กระชากใจสาวๆ แต่คนตรงหน้าไม่ได้มีอาการม้วนต้วนอายอะไรเลย กลับทำหน้าเฉยๆ หญิงสาวเสไปมองบริเวณรอบกาย สวนมะม่วงกินเนื้อที่หลายสิบไร่ ไร่อสัญแห่งนี้ช่างปลูกอะไรจับฉ่ายเสียจริง หล่อนลองเลียบเคียงถามเรื่องไร่อสัญจากคนในโรงแรม กิติศัพท์เรื่องไร่ที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้หญิงนี่ช่างฉ่าวโฉ่
ไม่รู้ว่าบุษบาทนอยู่ได้เช่นไร เชฟขนมหวานประวัติดีๆเฉกเช่นบุษบาน่าจะมีอนาคตไกลกว่านี้ บางทีหล่อนอาจจะใช้เส้นของบิดามารดาฝากให้ได้ แม้จะต้องแลกกับการโดนบ่นเรื่องการหมั้นบ้าบอคอแตกนั่นก็ตาม คู่หมั้นตั้งแต่เด็ก หล่อนนึกขื่นในใจ คู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้า นี่เป็นการคลุมถุงชนชัดๆ สมัยไหนแล้วนะพ่อแม่หล่อน ผู้ชายมีแต่พวกแย่ๆ ชอบทำร้ายผู้หญิง สกปรก แถมเจ้าชู้ อยู่ด้วยกันไปมีแต่ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายต้องอดทน ดูอย่างมารดาหล่อนนั่นไง หน้าชื่นอกตรมเวลาที่บิดาของหล่อนมีข่าวเรื่องผู้หญิง
“ ทานมะม่วงก่อนไหมครับ “ คนของเขายกจานมะม่วงที่ฝานแล้วมาให้ มีทั้งมะม่วงสุกและดิบ ที่ไร่อสัญนี้ใช้วิธีการให้มะม่วงออกผลนอกฤดู เขาเพิ่งใช้ให้คนของเขาไปปอกเฉือนมะม่วงมาเพื่อหล่อนโดยเฉพาะ ผู้หญิงกับของเปรี้ยวๆประเภทหมักดอง มักไปด้วยกันได้เสมอ โรสส่ายศรีษะปฏิเสธ ในใจนึกหงุดหงิดที่บุษบาไม่มาเสียที
“ ลองหน่อยสิครับ มะม่วงพวกนี้เห็นว่าคุณบุษบาจะลองเอาไปทำมูสมะม่วง เลยจะลองหาว่ามะม่วงพันธุ์ไหน รสชาติดีที่สุด “ สังฆาล่อหลอก โรสหูผึ่งหันมาสนใจทันที
“ คุณบุษบาให้ผมช่วยชิม แต่บังเอิญผมไม่ถนัดเสียด้วยสิ ถ้าชิมแล้วได้มะม่วงรสชาติดี เอาไปทำมูสมะม่วงแล้วอร่อยคุณบุษบาคงดีใจ “ ชายหนุ่มแกล้งเปรย อาการของคนตรงหน้าแสดงได้ชัดเลยว่า ตกหลุมพรางของเขาเสียแล้ว ชายหนุ่มนั่งอมยิ้มมองดูร่างบางใช้ส้อมจิ้มมะม่วงไปมาเพื่อชิมรส
ระเด่นมนตรีพาบุษบามาที่สระใหญ่กลางไร่ หล่อนเคยเห็นสระแห่งนี้ไกลๆตอนที่วิทยากรพาชมไร่ สระแห่งนี้น้ำใสแจ๋ว และมีต้นก้ามปูใหญ่สูงตระหง่านปลูกอยู่ ลมเย็นๆพัดโชยมาเอื่อยๆ ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวลงจากหลังม้า บรรยากาศดีจนหล่อนเกือบจะเคลิบเคลิ้ม แต่ทว่า
“ คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมเหรอคะ “ หล่อนถามออกมาดื้อๆเล่นเอาระเด่นมนตรีคิดหนัก บุษบานี่เป็นผู้หญิงประเภทไหนกันนะ หล่อนไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งบื้อกันแน่ ผู้ชายเขาพาผู้หญิงมาอยู่ด้วยกันสองต่อสองจะมาทำอะไรกันเล่า…
“ ผมพามาดูสถานที่สำคัญในไร่ “ ไอ้บ้าเอ๊ย!..เขาบริภาษตัวเองในใจ ว่าหล่อนบื้อแล้ว เขานี่บื้อยิ่งกว่า วิชาจีบสาวของเขาสมัยเรียนนี่มันลงหม้อหมดไปแล้วหรืออย่างไร ใจนะใจเต้นตึกตัก แต่ปากกลับพูดไปอีกอย่าง ระหว่างที่ระเด่นมนตรีกำลังคิดอยู่ว่าจะเดินเกมอย่างไรต่อบุษบาก็เห็นสิ่ง หนึ่งหนึ่งจึงทึกทักโมเมเอาเอง
“ อ้าว! นั่นดอกโสนใช่ไหมคะนายระเด่น นายระเด่นพาฉันมาเอาดอกโสนใช่ไหมคะ “ หญิงสาวชี้ไปที่เจ้าดอกไม้กินได้สีเหลืองๆ “ มีเยอะด้วยค่ะนายระเด่น เอาไปจิ้มน้ำพริกอีกดีไหมคะ อร่อยดี “ “ คุณชอบมันเหรอ “ ชายหนุ่มมองตรงไปที่หล่อน แต่เจ้าตัวกลับสนใจดอกโสนริมสระ
“ ค่ะ มันอร่อยดี สวย กินได้ แล้วก็หวาน “ บุษบาหันมายิ้มหวานให้เขาอย่างจริงใจ สำเร็จ! ระเด่นมนตรีหัวใจพองโต หล่อนชอบ ยิ้มให้เขาด้วย ยิ้มหวานน่ารักที่สุด ชายหนุ่มอยากใส่ปุ๋ยดอกโสนให้บานสะพรั่งรอบสระ แล้วเขาจะเก็บไปให้หล่อนทุกวัน ถ้าหล่อนชอบ และจะยิ้มหวานให้เขาเช่นนี้อีกล่ะก็…
ชายหนุ่มขับรถจี๊ปอย่างอารมณ์ดีพาบุษบาและเดียร์กลับเรือนใหญ่ หลังรถจี๊ปเต็มไปด้วยดอกโสนและผักบุ้งที่เขาลงทุนยื้อเก็บจนเกือบตกสระ “ ขอบคุณนะคะ ที่ๆคุณพาไปน่ะวิเศษที่สุดเลย “ บุษบายิ้มอีกแล้ว ในใจคิดว่าสระน้ำนั่นเป็นขุมทรัพย์ทีเดียววันหลังหล่อนจะให้เปรมพาไป คงมีผักหญ้าที่กินได้อีกเยอะ บริเวณหน้าเรือนมีรถมินิคูเปอร์จอดอยู่ เมื่อเข้าไปก็พบกับโรสที่นั่งหน้าตูมอยู่ในห้องรับแขก
“ พี่บุษบา “ โรสวิ่งมาเกาะแขน หล่อนทำหน้างง โรสมาได้อย่างไรนี่? แล้วทำไมสังฆาถึงได้หน้ายิ้มไม่หุบเช่นนั้น “ พี่บุษบาไปไหนมาคะ โรสรออยู่ที่สวนมะม่วงตั้งนาน “ สาวร่างเล็กกว่าตัดพ้อ ดวงตาวิบวับปราดไปทางคนขาหัก ที่หลอกล่อให้หล่อนนั่งรอจนเย็น
“ พี่บุษบากับแด๊ดดี๊ไปเก็บดอกไม้กันฮะ “ สายลับตัวจ้อยรายงานพร้อมชูดอกโสนเป็นหลักฐาน โรสนิ่วหน้า ส่งสายตำหนิไปทางสังฆา “ ก็ไหน…”
“ คุณบุษบาครับ เราเก็บมะม่วงมาให้แล้วนะครับ ที่คุณบอกจะทำมูสมะม่วง “ สังฆาแทรกขึ้นก่อนที่โรสจะพูดจบ “ คนของผมเอามะม่วงสุกไปไว้ในครัวให้แล้ว เลือกแต่ที่เป็นน้ำดอกไม้เลยนะครับ คุณทำมูสมะม่วงได้เลย “ ชายหนุ่มบอกยิ้มๆบุษบาทำหน้าเหรอหรา หล่อนไม่ได้ขอนี่… “ มูสมะม่วง คืออะไรเหรอฮะอาสังข์ “ เดียร์ถามแจ้วๆในสมองน้อยๆคิดว่าคงเป็นขนม แต่จะเป็นขนมแบบไหนล่ะ
“ แมงโก้มูสยังไงล่ะเดียร์ อยากกินไหม นายะระเด่นล่ะอยากชิมหรือเปล่า “ สองพ่อลูกมองหน้าแล้วมีความเห็นตรงกัน “ อยาก “
“ คุณโรสเป็นอะไรหรือเปล่าคะทำไมทำหน้ายุ่งๆ “ บุษบาทักตอนที่โรสช่วยหั่นมะม่วงเป็นชิ้นเล็กๆ “ เปล่าค่ะ “ หญิงสาวเลี่ยงที่จะไม่บอก ถึงความเจ้าเล่ห์ ของสังฆาที่หล่อนเรียกเขาในใจว่าตาสังคัง หลอกล่อให้หล่อนกินมะม่วงจนเย็นย่ำ ก่อนที่จะบอกหน้าตาเฉย ว่าบุษบาไปกับระเด่นมนตรี หลังจากนั้นเขาจึงพาหล่อนกลับมาที่เรือนใหญ่ เจ็บใจ หล่อนเจ็บใจจริงๆ อีตาผู้ชายเจ้าเล่ห์ หล่อนไปทำความแค้นอะไรให้หรือไรถึงมาหลอกกันอยู่ได้
เสียงโรสกับบุษบาคุยกระหนุงกระหนิงกันอยู่ในครัว สังฆาเงี่ยหูฟังโดยตลอด เกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะนี่ วันนี้เขาพยายามโปรยเสน่ห์ใส่โรสเต็มที่ แต่ดูเหมือนคุณเธอจะไม่สนในเอาเสียเลย อะไรๆก็พี่บุษบาอย่างเดียว เขาว่าเสน่ห์เขาก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม รูปร่างหน้าตาถ้าไม่นับเรื่องขาหักก็ยังหล่อดูดีอยู่เสมอ แล้วทำไมโรสจึงไม่สนใจเขาล่ะ…สเปคของหล่อนเป็นอย่างไรกันแน่
“ พี่บุษบาเดียร์ช่วยทำแมงโก้มูสด้วยนะครับ “ ร่างป้อมเดินหน้าแฉล้มมาในครัว ระเด่นมนตรีกับสังฆายกหน้าที่สายลับสืบข่าวบทสนทนาของสองสาวให้เดียร์ หน้าที่ใช้ช้อนส้อมยีเนื้อมะม่วงจึงเป็นของเด็กชาย ส่วนผสมของมูสมะม่วงไม่ยาก มีมะม่วงสุก น้ำตาลทราย วิปปิ้งครีมหรือจะใช้ครีมสดแทนก็ได้ น้ำเปล่า เจลาติน
หล่อนเอามะม่วงน้ำดอกไม้ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กแยกไว้สองส่วน ส่วนหนึ่งปั่นในเครื่องปั่น และอีกส่วนหนึ่งใช้ช้อนส้อมยีเพื่อให้คนทานรับรู้รสสัมผัสของมะม่วง จากนั้นจึงโรยผงเจลาตินลงในน้ำ ปล่อยไว้ให้อุ้มน้ำสักครู่ เทมะม่วงใส่หม้อตามด้วยน้ำตาลทรา และน้ำที่ใส่เจลาตินไว้ ตั้งไฟอ่อน ๆ คนส่วนผสมให้ละลายหมด ปิดเตาพักให้ส่วนผสมเย็น
บุษบาเอาครีมสดที่เคยทำไว้ออกมาจากตู้เย็นหลังจากนั้นจึงนำมาผสมกับส่วนผสมในหม้อ เมื่อผสมกันดีแล้วจึงเทใส่พิมพ์ ปรกติมูสตามโรงแรมจะใส่แก้วของหวานเล็กๆเพื่อความสวยงามเวลาเซ็ทตัว กรณีนี้หล่อนเลือกใช้แก้วใสแบบแก้วน้ำดื่มปรกติ ประเภทเอาสะดวกเข้าว่า เพราะคุณเจ้านายสั่งกะทันหัน ของหวานมื้อนี้จึงเป็นแบบโฮมเมดตามมีตามเกิดเต็มที่ เมื่อเทใส่พิมพ์แล้วจึงนำไปแช่ในช่องฟรีซตู้เย็นประมาณหนึ่งชั่วโมง
ระหว่างนั้นหล่อนก็ทำเจลลี่ทอปปิ้ง ส่วนผสมเหมือนเดิม มะม่วงสุก น้ำตาลทราย น้ำเปล่า เจลลาติน หั่นมะม่วงเป็นชิ้นใหญ่กว่าคราวแรกนิดหน่อย แยกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งใช้ส้อมยี อีกส่วนปั่นรวมกับน้ำเปล่า ใส่น้ำตาลทรายและเจลาตินลงไป จากนั้นเอาไปตั้งไฟคน ๆ ให้เจลาตินและน้ำตาลทรายละลาย หลังจากนั้นรอส่วนผสมเย็น แล้วก็เอาไปราดบนมูสที่แช่เย็นไว้ แช่ต่อให้ครบหนึ่งชั่วโมงจนเจลลี่แข็งตัว
“ ว๊าว! “ เดียร์กับโรสอุทานพร้อมกันเมื่อเห็นของหวานตรงหน้า สีเหลืองสวย รสชาติเปรี้ยวหวานมัน ละมุนลิ้น “ อร่อยจังเลยครับ พี่บุษบา “ เด็กชายชมเปาะ สังฆาทึ่งกับผู้หญิงตัวสูงคนนี้ ขนาดเขาสั่งแก้เก้อไป หล่อนยังทำใด้ขนาดนี้ เสน่ห์ปลายจวักคำนี้ช่างเหมาะกับหล่อนจริงๆ
“ พี่บุษบาลองทานมูสแก้วนี้ของโรสสิคะ โรสลองหั่นเจลลี่ท็อปปิ้งเป็นรูปดอกไม้ด้วยแหละ “ หญิงสาวตักมูสมะม่วงมาจอปาก บุษบากลัวจะเสียมารยาทจึงต้องอ้าปากรับ “ อ้าม อย่างนั้นแหละค่ะ เป็นยังไงคะอร่อยไหม “ เสียงนั้นออดอ้อนดวงตาระยิบระยับ จนระเด่นมนตรีกับสังฆา สองพี่น้องนึกแปล๊บอยู่ในใจ 'คุณโรสคนนี้มีอะไรแปลกๆ'
หลังจากอาหารมื้อเย็นผ่านไปแล้ว ช่วงค่ำเดียร์ร้องลั่นบ้านเมื่อเจ้าปีโป้หายไป หล่อนต้องให้ระเด่นมนตรีโทรถามคนทำความสะอาดจากเรือนคนงานว่า มีตุ๊กตาตัวโปรดของเด็กชายติดไปหรือไม่ “ ปีโป้หายอ่ะพี่บุษบา ปีโป้หายไป ปีโป้ของมามี๊ “ เด็กชายซบหน้าน้ำตาอยู่กับอกของหล่อน บุษบาลูบหัวด้วยความสงสาร
เด็กชายคงจะเสียใจกับการสูญเสียมารดาไปตั้งแต่ครั้งยังเด็กมากจึงยึดติดกับของๆมารดามาก สักพักระเด่นมนตรีวิ่งกลับมพร้อมกับเจ้าปีโป้ เด็กชายรับไปกอดอย่างดีใจ หญิงสาวจึงพาร่างป้อมเข้านอนได้ “ เดียร์เป็นยังไงมั่ง “ ระเด่นมนตรียืนรอถามหล่อนที่หน้าห้อง สีหน้าของเขากังวลอย่างเห็นได้ชัด “ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แกหลับไปแล้ว แล้วนี่ไปเจอเจ้าปีโป้ที่ไหนเหรอคะ “ หล่อนยิ้มบางๆให้เขา
“ คนที่มาทำความสะอาดเผลอหยิบติดไปกับเสื้อผ้าที่จะส่งซักด้วยน่ะ เขาเห็นว่ามันสกปรกก็เลยจะซักให้ “ ชายหนุ่มมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายเมื่อพูดถึงสิ่งใดที่เกี่ยวกับอดีตภรรยา ผู้หญิงในอดีตที่ยากจะลืมเลือน “ งั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะคะ “ “ ครับ ราตรีสวัสดิ์ “ เขากล่าวลาหล่อนเช่นกัน ชายหนุ่มยืนมองจนประตูห้องหล่อนปิดสนิท ถอนหายใจยาว
เขาไม่ยากให้หล่อนมารับรู้เรื่องความซับซ้อนของครอบครัวเขาเลย อดีตที่ยังไม่ได้รับการสะสาง เรื่องที่เขาเป็นต้นเหตุหลายๆอย่าง สิ่งที่ดีที่สุด…ที่ใครคนหนึ่งมอบให้อีกคน…มันอาจจะกลายเป็นยาพิษสำหรับคนๆนั้นก็ได้ เขาเคยพลาดเพราะความใจร้อน คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คิด…แต่ผลของบางอย่าง อาจจะเป็นตราบาปชั่วชีวิต
“ บุษบาข่าวใหญ่ล่ะเธอ “ พิณสุดากริ๊งกร๊างมาบอกในบ่ายวันหนึ่ง เพื่อนทำเสียงรื่นเริงมีความสุขมาก “ วงThe cracker มาพักที่โรงแรมเราล่ะ “ เพื่อนผิวคล้ำกล่าวถึงวงดนตรีร็อคจากฝั่งอเมริกาที่มีนักร้องนำรูปหล่อชื่อแบรนดอน พิณสุดาออกมาการคลั่งไคล้อย่างออกหน้าออกตา “ แล้วไงล่ะพิณ โรงแรมเราก็มีนักร้องต่างชาติมาพักออกบ่อยนี่ “ หล่อนตอบเพื่อนไปเบาๆ แต่ท่าทางฝั่งปลายสายไม่เบาอารมณ์เลย
“ ไม่ใช่แค่นั้นนะ แบรนดอนน่ะเขาจะไปถ่ายทำมิวสิควีดีโอใหม่ที่ปากช่องด้วย บุษบาเธอต้องช่วยฉันนะ ตามไปถ่ายรูปแบรนดอนให้หน่อย ฉันลางานไม่ได้ นะนะ “ เพื่อนร้องขอเสียงจะเป็นจะตายมาในสาย หล่อนต้องตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าต้องขอดูสถานการณ์ก่อนเพราะขาก็ยังแพลงและ ต้องดูว่ามีใครในไร่ที่จะว่างขับรถพาหล่อนออกไปนอกไร่ได้บ้าง
“ พี่บุษบาฝากปีโป้ไว้หน่อย “ เดียร์ยื่นเจ้าปีโป้อันแสนมอซอให้หล่อนก่อนที่จะไปเข้าห้องน้ำ ตั้งแต่เกิดกรณีตุ๊กตาสุดรักหายไป เด็กชายถือมันไว้ติดตัวตลอด คงเป็นอาการเหมือนเด็กชอบดูดนิ้วหรือไม่ก็ติดผ้าห่ม บุษบาลูบๆคลำๆเจ้าปีโป้เล่น นิ้วหล่อนรู้สึกเหมือนโดนอะไรแข็งๆเป็นแท่งซ่อนอยู่ในตัวตุ๊กตา
“ ไม่ ไม่ ปฏิเสธไปซะ “ เสียงระเด่นมนตรีตะโกนลั่นๆมาจากหน้าบ้าน “ วิท แกปฏิเสธ มันไปซะ อย่าให้มันมาเหยียบที่นี่ “ “ แต่ทางอำเภอเขาขอมานะนายระเด่น “ เสียงวิทยากรทุ้มนุ่ม ชายหนุ่มคงต้องใจเย็นมากที่จะรับมือกับอารมณ์แปรปรวนของเขา
“ แกก็หาข้ออ้างปฏิเสธไปซิ อะไรก็ได้ ทำยังไงก็ได้ให้มันอย่ามาใกล้ไร่นี้ ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันจะฆ่ามันซะ “ บุษบาเอามือทาบอก อะไรกันอีกล่ะนี่ ระเด่นมนตรีแค้นเคืองใครถึงขนาดจะฆ่า ผู้คนไร่นี้มันยังไงกันนะ คราวสังฆากับวิทยากรก็ทีหนึ่งแล้ว นี่ยังมาระเด่นมนตรีอีก ทำไมช่างคิดอะไรป่าเถื่อนกันเสียจริง
++++++จบบทที่11
*ใบเซียมซีที่11เอามาจากที่นี่ค่ะ //www.promdeva.com/HoraItemDetail.asp?ItemID=623
Create Date : 30 เมษายน 2552 |
Last Update : 30 เมษายน 2552 1:54:10 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1272 Pageviews. |
|
|
|
โดย: innam IP: 203.130.132.85 วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:16:23:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
และจะติดตามต่อไปคะ