วันฟ้าใส และ ภูเขาไฟ.....ที่อังกฤษ ต่อ...4 (Cotswold-Oxford-Stratford Upon Avon)

ประทับใจ Cotswold มากๆ กับบรรยากาศ ความเก่าแก่ และกลิ่นไอของความเป็น English Country อย่างแท้จริง
วันนี้จะเป็นวันที่ยาวนานมากๆ เพราะเที่ยวเยอะมาก เที่ยวจนไม่มีเวลากินข้าวเลย ต้องซื้อแซนวิสแล้วเดินรับประทานเอา เพราะกลัวไม่ทัน
ตามหัวเรื่องเลยค่ะ วันนี้เราจะไปกันที่ Cotswold Oxford Stratford-Upon-Avon

วันนี้ออกจาก Cardiff ตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อน 7 โมงอีก ทานมื้อเช้ากันในรถ เนื่องจากวันนี้เรามีแผนที่ค่อนข้างแน่น โดยจะต้องขับรถไปนอนที่ Manchester และจะต้องแวะเที่ยว 3 ที่หลักๆ ระหว่างทาง คือ Cotswold Oxford และ Stratford
ในใจนั้นให้น้ำหนักกับ Stratford มาก จินตนาการว่าคงจะยิ่งใหญ่เนื่องจากชื่อเสียงของเชคสเปียร์ ส่วน Cotswold นั้น แทบไม่รู้จัก แล้วแถวนั้นก็มีหลายหมู่บ้าน ไม่รู้ไปที่ไหนดี ก็เลยเลือกไปกันที่ Bibury เนื่องจากเป็นหมู่บ้านเดียวที่มีรูปอยู่ในหนังสือ Great Britain กะว่าเที่ยวสัก 1 หมู่บ้านแล้วเข้า Oxford คงเหมือนๆ กับ Castle Combe เมื่อวานแหละ



ที่ Bibury อากาศดีมาก โรแมนติกมากๆ เพื่อนในกลุ่มบอกว่ารู้สึกว่าละครเรื่องรัตนาวดี เคยมาถ่ายที่นี่ด้วย หน้าโรงแรมนี้ (ถ้าข้อมูลผิดพลาดมาแก้ได้นะคะ)



ที่ Bibury มีชื่อเสียงเรื่อง Arlington Row เป็นหมู่บ้านที่ทำด้วยหิน ไล่เรียงกันขึ้นไป



ภาพนี้ของเพื่อน เหมือนกับในหนังสือ Great britain เลย



รูปทรงของบ้านจะค่อนข้างกะทัดรัด ประตูหน้าต่างจะเล็กๆ ลองเทียบกับความสูงของคนไทยที่สูงประมาณ 160 ซม. สูงเท่าประตูเขาเลย ไม่รู้ฝรั่งตัวสูงๆ เดินเข้าบ้านกันยังไง



นอกจากนี้ Bibury ยังมีชื่อเสียงในเรื่อง ปลา Trout มี Trout Farm อยู่
อันนี้เป็นใน Shop ที่ขายปลา Trout และของที่ระลึก เสียดายไปแต่เช้าตรู่เลยไม่มีโอกาสได้ลองปลา Trout ที่นี่



อันนี้เป็นห้องน้ำที่ Bibury ต้องหยอดเหรียญ 20 เพนนี



หลังจากติดใจในความงามของ Bibury เลยเปลี่ยนแผนกันเดี๋ยวนั้น ขอแวะอีกสักหมู่บ้านละกันน่า ใกล้ๆ ดูจาก GPS แล้ว 15 นาทีเอง ก็เลยตัดสินใจว่าลองแวะที่หมู่บ้าน Northleach ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ใกล้กับ Bibury ที่สุด



Northleach เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มี Hi-light เท่าไร พวกเราใช้วิธีเที่ยวแบบขับรถผ่าน แล้วก็แวะถ่ายรูประหว่างทาง ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 15 นาที



เท่าที่เห็นหลังป้ายชื่อเมืองจะเป็น Town Center มีแค่นี้จริงๆ แล้วก็จุดที่พวกเราเห็นว่าสวยที่สุดก็น่าจะเป็นนาฬิกาอันที่ยื่นออกมาจากบ้านหิน อันนี้คิดเอาเองไม่มีหนังสือแนะนำ



เนื่องจากใช้เวลากับ Northleach ไปไม่มาก เลยคิดว่าขอลองดูอีกสักหมู่บ้าน อันนี้เป็นภาพถนนระหว่างเดินทาง



และแล้วเลขก็มาออกที่ Bourton on the water
เวลาเลือกนี่เลือกกับแบบมั่วมาก ไม่มีตรรกใดๆ
แต่ก็ประทับใจกับทุกหมู่บ้านที่เลือกมา
แต่ละหมู่บ้านมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันเลย



หมู่บ้านนี้ก็น่ารัก อีกแล้ว เป็นหมู่บ้านที่ทัวร์ไทยไปลงหลายคณะเลย เดินอยู่มีแต่เสียงคนไทย งงมาก
Bourton เป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้นมากว่า 2 หมู่บ้านข้างบน มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านตัวเมือง เป็นเมืองที่มีร้านขนมและน้ำชาเยอะมาก Scone ที่นี่ก็แสนถูก ประมาณ 3 ปอนด์กว่า



Bourton เป็นอีกเมืองที่น่ารัก ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด คือสามารถยืนถ่ายได้ทุกมุมเลย โดยเฉพาะสะพานนี่เห็นคนไทยหลายคณะไปยืนถ่าย



ขอแถมร้านขนมอีกสักร้าน



ใช้เวลาที่ Bourton กันพอสมควรเลยทีเดียว ตอนนี้ชักติดลมบนกับ Cotswold แล้ว ไม่สนใจที่อื่นแล้ว อยากเห็น Cotwold ให้ทั่วๆ เลยเลือกไปอีกสักหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งก็คือ Stow on the Wold



Stow ป้นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ใหญ่กว่า 3 หมู่บ้านข้างบนอีก พวกเราใช้เวลาเดินสำรวจรอบเมืองกันนานเลยทีเดียว เป็นเมืองที่มีโรงแรม ร้านค้า ร้านขนมอยู่กระจายเต็มไปหมด



อีกสักภาพ คุณลุงกับบ้านหินและน้องหมา



ชอบร้านค้าที่ประดับด้วยดอกไม้หน้าร้าน



จอดรถอยู่หน้าสวนนี่ ได้ยินคนท้องถิ่นเขาคุยกันว่าแท่นไม้ในรูปนี่คือกิโยติน แต่ปัจจุบันตั้งไว้ให้คนชม คงไม่สามารถประหารคนด้วยกิโยตินอันนี้แล้ว เพราะมีดไม่คม (อันนี้คิดเอาเอง) ก็ไม้มันผุซะ



หลงไหลได้ปลื้มอยู่ที่ Cotswold ซะครึ่งค่อนวัน ตอนนี้เริ่มวิตกว่าตายล่ะแล้วอีก 2 ที่ที่เหลือล่ะ ตอนนี้ก็รีบบึ่งไป Oxford ก่อนเลย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ



หลังจากเพลิดเพลินอยู่นอกเมืองมาซะนาน พอมาถึง Oxford แล้วอีกอารมณ์นึงเลย เป็นเมืองธุรกิจมากๆ ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ ต้องปรับตัวกันยกใหญ่ ดูความวุ่นวายได้จากภาพ



เดินมาถึงเขตมหาวิทยาลัย ผู้คนเริ่มบางตาลงมาหน่อย บรรยากาศขลังมากๆ เหมือนเมืองพ่อมดจริงๆ เลย



เดินอยู่ใน Oxford แบบงงๆ ไม่มีจุดหมาย เปิดตำรา Great Britain อีกแล้ว แต่ก็ยังหลง ต้องถามพ่อหนุ่ม Oxford แถวนั้นดู ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี เลยลงมติกันว่า ชาว Oxford นี่ หล่อ สวย รวย เก่ง หุ่นดี (เหมือนนายแบบ นางแบบกันทุกคน) แล้วยังมีน้ำใจอีก



ลืมบอกว่าเที่ยว Oxford ควรพกตำราไปเอง เพราะแวะไปที่ Info แล้ว ไม่มีข้อมูลฟรีให้เลย ทุกอย่างเสียตังค์หมด แม้แต่แผนที่เมือง

อันนี้เป็นสะพานที่ปรากฎอยู่ในหนังสือ ชื่อสะพานว่า bridge of Sighs ชื่อและรูปร่างเหมือนสะพานในเวนิซ สร้างตั้งแต่ปี 1914 เป็นสะพานเชื่อมตึกเรียนเก่าและใหม่ ของ Hertford College



อันนี้ชื่อ Radcliffe Camera เป็นตึกทรงกลม สร้างตั้งแต่ปี 1748 เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงอาจารย์ท่านนึง ชื่อว่า Dr. John Radcliffe แต่ก่อนใช้เป็นห้องสมุด ปัจจุบันไว้เป็นที่สำหรับอ่านหนังสือ



เดินไปเรื่อยๆ ก็มาเจอตึกนี้ the Divinity School สร้างในปี 1488 จุดเด่นคือเพดานโค้งที่มีถึง 455 โค้ง เห็นเขาบอกว่าที่นี่เป็นฉากนึงในหนังเรื่อง Harry Porter ด้วย เป้นฉากที่ดับเบิลดอร์เปิดประตูเข้ามาในโบสถ์ไหนสักที่ จำรายละเอียดไม่ได้ อันนี้เสียตังค์ค่าเข้าคนละ 1 ปอนด์



ถ่ายเบี้ยวไปหน่อยเสียดายจัง อันนี้มุมประตู
ไม่น่ามีเจ้าหน้าที่มานั่งในนี้เลย



แล้วก็มาถึง Hi light ของ Oxford ก็คือ Christ Church เสียค่าเข้าคนละ 6 ปอนด์ ในภาพเป็นฉากโรงอาหารที่โรงเรียนของ Harry Porter ปัจจุบันก็ยังเป็นที่ทานอาหารของนักเรียนในงาน College Balls



โรงอาหารเล็กกว่าที่คิดไว้มาก ฉากในหนังคงตัดต่อเพิ่มอีกเยอะ



ใน Christ Church นอกจากมีโรงอาหารของ Harry แล้วยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายที่ เช่น โบสถ์สำหรับสวดมนต์ ทำพิธีมิซซา เสียดายมือสั่น ภาพสั่นหมดเลย ได้แต่ภาพกระจกมา



อันนี้เป็น Christ Church ด้านนอก



เสร็จจาก Oxford เกือบบ่าย 3 ข้าวกลางวันแทบไม่ได้กิน ก็รีบไปต่อกันที่ Stratford Upon Avon ตอนแรก คิดว่าใช้เวลาแค่ 1 ชม. ปรากฎว่ากะเวลาผิด ต้องใช้เวลา 2 ชม. กว่า ซึ่งกว่าจะถึงก็ 5 โมงกว่า ที่เที่ยวปิดหมดแล้ว เงียบมาก



อันนี้เป็นบ้านเชคสเปียร์ เก่ามากๆๆๆ



อย่างที่บอกตั้งความหวังไว้กับ Stratford มาก เป็นอีกที่ที่ผิดหวังมากเช่นกัน หรือเพราะไม่ได้เข้าบ้านไม่รู้ คือนอกจากบ้านเชคเปียร์แล้วไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นเลย แล้วก็มีถนน Shopping ที่ใหญ่พอควร นัก Shop ทั้งหลายน่าจะชอบ อันนี้หลังบ้านเชคสเปียร์



เดินมาหน่อยเจอร้านนี้ ขายของ Sex Shop ซะนี่



ผิดหวังจากเชคสเปียร์ไปดูบ้านเมียเชคเปียร์กันดีกว่า ชื่อ Ann อยู่ห่างกันประมาณ 15 นาที



บ้านเป็นเอกลักษณ์มาก ทรงทิวดอร์ ก็สวยดี แต่ไปถึงเย็นมากแล้ว ปิดเรียบร้อย อดเข้า



อีกมุมนึง สรุปใช้เวลากับ 2 บ้านรวมกันไม่ถึงชั่วโมง



จากนั้นเรามีภารกิจหนักต้องดิ่งรถตรงเข้า Manchester เพื่อไปนอนที่นั่น จาก stratford ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. กว่า ก็เลยซิ่งยาว ได้ดูพระอาทิตย์ตกระหว่างทาง



ไปถึงที่พักก็เกือบ 4 ทุ่ม เหนื่อยกันมาก เพื่อนยังขับรถวนรอบเมือง Manchester ให้ดู 1 รอบก่อนเข้าที่พัก เป็นเมืองใหญ่โตมากๆ น้องๆ London เลยไม่น่าเชื่อ จากนั้นก็แวะซื้ออาหารเย็นใน Super ได้ Mcdonald มา 1 ชิ้น ทานเสร็จก็พักผ่อนยาวเลย
ที่พักชื่อ Luther King house อยู่ออกมานอกเมืองสัก 10 นาที ดีตรงที่มีที่จอด ราคาไม่แพง ห้อง 4 คน ห้องน้ำในตัว 50 ปอนด์ ได้มาจาก //www.booking.com มีอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ให้ด้วย แต่เป็นพวกขนมปัง แฮม ไส้กรอก ผลไม้ โยเกริ์ต ข้อเสียคือ ห้องอยู่ชั้นบน (ชั้น 3) ต้องลากกระเป๋าขึ้นบันไดแสนแคบ และมีปัญหาเรื่องห้องน้ำที่ชักโครกไม่ดี ต้องวิ่งลงมาทำธุระข้างล่างแทน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าดี เมื่อเทียบกับ Hostle ในเมืองคิดหัวละ 15 ปอนด์ ส่วน Travelodge ในเมืองคิดค่าที่จอด 12 ปอนด์

จบการเดินทางวันนี้เป็นวันที่ยาวนานจริงๆ

Create Date : 24 กรกฎาคม 2553 Last Update : 24 กรกฎาคม 2553 20:53:09 น. Counter : 6818 Pageviews.		6 comments
Share Tweet