T ~ R ~ A ~ V ~ E ~ L ~ M ~ A ~ N ~ I ~ A
|
||||
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ณ Kyoto จุดเริ่มต้นมาจากกระทู้ของเราเองในพันทิปตามนี้ค่ะ //pantip.com/topic/31341879 จากนั้นเราก็มาขยายความต่อใน Blog โดยตอนที่แล้วเป็นการพาไปเที่ยวโอซาก้า คราวนี้จะพาไปเที่ยวเกียวโตกันนะคะ รีวิวเราไม่ลงรายละเอียดนะ มีรีวิวอื่นๆ ลงเยอะแล้ว ของเราอย่าจะให้เห็นภาพว่าไปที่ไหนเป็นอย่างไร แต่ถ้ามีคำถามก็ยินดีตอบนะคะ เหมือนเคยค่ะ จะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นทั้งทีเราไม่มีตวามรู้อะไรเลยค่ะ รู้จักแค่ว่าจะไปเกียวโตต้องไปวัดทองกับวัดน้ำใส แล้วที่เหลือล่ะ ?? เนื่องจากช่วงที่เราไปนั้นเป็นช่วงใบไม้แดง ก็ต้องหาข้อมูลว่าเขาไปดูใบไม้แดงที่ไหนกัน ข้อมูลหลักๆ ที่ได้ก็จาก Pantip นี่ล่ะค่ะ จากกระทู้ติวเตอร์ตู่ เพราะมีกระทู้รีวิวเรื่องญี่ปุ่นเยอะสุดแล้ว ของอีกท่านที่รีวิวเรื่องเกียวโตไว้อย่างละเอียดมากๆ คือ รีวิวของคุณ Kungtalay เสียดายของคุณ Kungtalay เป็นช่วงฤดูใบไม่ผลิ ซึ่งไม่ตรงกับช่วงที่เราจะไป แต่ก็ได้ข้อมูลที่น่าสนใจมาเยอะมาก นอกจากนี้เวปหลักที่เราใช้ในการหาข้อมูลได้แก่ //www.japan-guide.com ละเอียดครบถ้วนทุกอย่างเลยค่ะ กลุ่มเราเป็นประเภทเอ้อละเหย สถานที่นึงเราใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ชม. ค่ะ มีซอกมุมไหนให้เดินเล่นได้บ้างก็จะไปเกือบครบ วันหนึงเที่ยวได้เต็มที่สูงสุดไม่เกิน 3 ที่ มาดูกันว่า 4 วันในเกียวโตเราไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ไหนมาบ้าง 1. ที่แรกเลยค่ะ ที่ Arashiyama ช่วงที่ไปคนเยอะมากค่ะ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวของคนญี่ปุ่น เยอะจนไม่สนุก กะจะขึ้นรถไฟสายโรแมนติก ก็ไม่ได้ขึ้น จะเข้าวัด Tenryuji ก็ไม่ได้เข้า คิวยาวมากกกก กินข้าวนี่รอคิวไม่ต่ำกว่าชั่วโมง เลยไม่ค่อยประทับใจที่นี่เท่าไหร่ค่ะ แรกๆ ยังเป็นภาพวิวงามๆ ก่อนนะคะ ![]() ![]() ใบไม้แดงหน้าวัดวัด Tenryuji ![]() คนเยอะมาก ![]() ![]() 2. Eikando Temple วัดนี้ค่าเข้าแพงมากค่ะ 1000 เยน แพงที่สุดแล้ว แต่สีของใบไม้วัดนี้ดึงดูดให้เข้าไปชมตั้งแต่เดินผ่านหน้าวัด เข้าไปแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ สวยมากๆ ยิ่งเดินยิ่งมีจุดที่สวยขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่เสียดายค่าเข้าไปชมเลยค่ะ ดึงดูดมาตั้งกะปากทางเข้าวัดเลย ![]() เข้าไปแล้วยิ่งสวย ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() วัดนี้มีชื่อเสียงเรื่องพระพุทธรูปหันข้างค่ะ ข้างในห้ามถ่ายรูป ![]() มาดูจุดชมวิวบนเขาดูบ้าง ![]() 3. Nanzenji Temple วัดนี้อยู่ติดกับวัด Eikando เลยค่ะ คืออิ่มใจจากใบไม่แดงที่ Eikando มาแล้วเลยไม่อยากไปไหนอีก ที่วัด Nanzenji เก็บค่าเข้าโหดมาก มีหลายส่วนและเก็บค่าเข้าในแต่ละส่วน - Sanmon entrance gate 500 เยน - Hojo 500 เยน - Konchi-in Temple 400 เยน - Tenjuan Temple 400 เยน - Nanzenin 300 เยน สรุปไม่ได้เข้าสักอันถ่ายรูปอยู่แต่ด้านหน้า จุดนี้คือ Sanmon Gate ค่ะ ขึ้นไปด้านบน 500 เยน ![]() เดินผ่าน Sanmon Gate มา ก็จะมีวิวดอกไม้แดงสวยๆ ![]() เพื่อนเราเข้าไป Hojo ค่ะ แต่เราไม่ได้เข้าไป ถึงจุดนี้แล้วก็เดินออกมา นั่งเล่นรอเพื่อน 4. Higashiyama เป็นย่านเมืองเก่าให้เดินช้อปปิ้งอยู่ตรงทางขึ้น Kiyomizudera (วัดน้ำใส) มีขนมและของขายเยอะมาก มีร้านเช่ากิโมโนและก็มีคนใส่เดินเล่นกันเต็มไปหมด ![]() เจอเกอิชาด้วย ![]() 5. Kiyomizudera (วัดน้ำใส) ค่าเข้าถูกมาก กลางวัน 300 เยน กลางคืน 400 เยน เขาจะเปิดให้เข้ากลางคืนเฉพาะกลางเดือนเม.ย. และกลางเดือน พ.ย. แค่นั้น ไปถึงก็ไปยืนถ่ายรูปมุมมหาชนค่ะ ใบไม้แดงม๊ากกก ก่อนไปมีคำถามในใจว่าไปวัดน้ำใสไปตอนไหนถึงจะดี หาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ สุดท้ายจับไปไว้ช่วงบ่ายแล้วก็ไม่ผิดหวังเพราะแสงสาดเข้าพอดี ฉะนั้นแนะนำว่าไปวัดน้ำใสไปช่วงบ่ายนะคะ ![]() รูปด้านบนถ่ายจากจุดถ่ายรูปตรงนี้ค่ะ ![]() สาวๆ ใส่ชุดกิโมโนเดินถ่ายรูปเล่น น่ารัก ![]() ส่วนตอนกลางคืนไม่ต้องรีบไปค่ะ เขาเปิดให้เข้า 6 โมง ครึ่ง แต่คนไปยืนรอตั้งกะ 5 โมงเย็น เราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย กลัวไม่ได้เข้า แต่พอเที่ยวเสร็จเดินกลับออกมาสักทุ่มนึง ไม่มีคนเท่าไหร่แล้ว แนะนำอย่าไปตอนเปิด ให้ไปสายๆ หน่อยดีกว่าค่ะ คนรอขึ้นวัดตอนกลางคืน ![]() ตื่นตาตื่นใจ ![]() ![]() 6. Kinkakuji (วัดทอง) อันนี้เหมือนเป็นไฮไลท์ของเกียวโตสำหรับเรานะ คือถ้ามากรุงเทพฯ ก็ต้องไปวัดพระแก้ว ถ้าไปถึงเกียวโตก็ต้องไปวัดทอง ค่าเข้า 400 เยน อันนี้ก็มีคำถามในใจเหมือนวัดน้ำใสว่าไปช่วงเวลาไหนถึงจะดี สุดท้ายจับไปไว้ตอนเช้า แล้วก็ไม่ผิดหวังอีกเช่นกัน แดดส่องมาที่สีทองพอดีค่ะ ฉะนั้นวัดทองนี่แนะนำให้ไปก่อนเที่ยงค่ะ สวนทางเดินก่อนเข้าวัด กดแบบไม่ได้ตั้งใจ กลายเป็นรูปที่ชอบมากๆ รูปนึงเลยทีเดียว ![]() ผ่านด่านซื้อตั๋วไปแล้วจะเจอกับตัววัดที่คุ้นตา กดมาหลายรูปมากกก ![]() 7. Enkoji Temple เป็นวัดที่อยู่นอกเส้นทางมาก เพราะอยู่นอกเขตตั๋วรถเมล์ 500 เยน แต่พอดีวันสุดท้ายที่เกียวโต เราซื้อ KTP ไว้เลยนั่งรถไฟไป ขอบอกว่าไปแล้วไม่ผิดหวัดเลย ชอบมากถึงมากที่สุด สวยงามจริงๆ ค่ะ ตัววัดจะไกลจากสถานีรถไฟนิดนึงแล้วเดินขึ้นเขาตลอด แต่พอเห็นวิวแล้วคุ้มเหนื่อยเลยค่ะ ค่าเข้า 500 เยน แต่วิวที่ได้เกินราคาค่ะ สังเกตว่าป้ายวัดด้านหน้าส่วนใหญ่ไม่มีภาษาอังกฤษบอกนะคะ ไปถึงแล้วก็จะงงๆ ว่าใช้วัดที่เราจะไปหรือเปล่า ต้องไปถามเอาตรงช่องซื้อตั๋วน่ะค่ะ หน้าวัด ![]() ตอนเดินเข้าไปก็ยังสงสัยว่าถูกวัดไหมเนี่ย แต่ไม่รู้ล่ะสวย ขอมาดูหน่อย ![]() มีสวนเซนหน้าวัด เล็กๆ แต่สวย ![]() พอเข้ามาเห็นสีใบไม้แล้ว หายสงสัย ถูกวัดแน่นอน ![]() ![]() ![]() ปีนเขาไปดูวิวหลังวัด ![]() 8. Fushimi Inari Shrine อันนี้เห็นหลายๆ คนไปแต่เราไปแล้วเฉยๆ เนื่องจากเคยเห็นภาพเสาแดงเรียงรายมาจากหลายๆ ท่านแล้ว ก็คืออย่างที่เห็นในรูป ข้อดีของที่นี่คือไม่ต้องเสียค่าเข้าชม แต่ให้ระวังเรื่องเวลารถเมล์นิดนึง พอดีเรานั่งรถเมล์ไป พอกลับลงมาแล้วพบว่ามีรถผ่านชั่วโมงละคัน รอรถกันนานเลยค่ะ ต้องวางแผนเรื่องเวลาดีๆ ![]() ![]() 4 วัน ได้เท่านี้จริงๆ ค่ะ มีบางวันฝนตกด้วย แผนที่ตั้งไว้นี่ล้มกระดานแล้ววางแผนใหม่เฉพาะหน้าทุกวันตามสภาพอากาศค่ะ เราไม่ได้เรียงลำดับให้ว่าวันไหนไปไหน เพราะแผนการเดินทางเราค่อนข้างมั่วค่ะ คงไม่แนะนำให้เดินทางตามแบบที่เราไป อย่างที่บอกปรับตามสภาพอากาศ 555 แล้วสุดท้ายก็ไปไม่ครบตามที่ตั้งใจไว้ อีกที่นึงที่อยากไปมากๆ ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี นี้ก็คือ Tofukuji Temple ค่ะ แต่ไม่เป็นไรจะได้มีข้ออ้างกลับไปใหม่ 555 (ภาพจาก //www.japan-guide.com/e/e3930.html) ![]() วันที่เหลือเราจัดไป Uji กับ Nara แยกวันไปนะคะ จริงๆ ตามแผนจะไปเยี่ยมแมวทามะที่ Wakayama ด้วย สุดท้ายต้องตัดออก ไม่ทันจริงๆ เราใช้วิธีเดินทางโดยซื้อ KTP การไป Uji ถ้าใช้บัตร KTP แนะนำให้ไปจากเกียวโตค่ะ เพราะถ้าไปเริ่มที่โอซาก้า ต้องต่อรถประมาณ 5 ต่อ แถมใช้เวลานานมาก จากเกียวโตต่อรถ 2 ที ใช้เวลาประมาณครึ่ง ชม. ค่ะ Uji เป็นเมืองแห่งชาเขียวค่ะ เป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ วันที่ไปเงียบมากจริงๆ ไปถึง Uji ตั้งใจจะไป Byodoin Temple ค่ะ ดันปิดซ่อมในส่วน Phoenix Hall เปิดอีกทีมีนา ปี 2014 เลยไม่ได้เข้าไปค่ะ เงียบจริงๆ ![]() ![]() เดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึง Koshoji Temple เลยเข้าไปชมค่ะ ค่าเข้าฟรี วัดนี้มีชื่อเสียงเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ โดยเฉพาะทางเดินเข้าวัดที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิล โค้งเข้าหากันจนเป็นอุโมงค์ มาชมภาพกันค่ะ ![]() ![]() ส่วนตัววัดจะเหมือนบ้านญี่ปุ่นโบราณเชื่มต่อกันหลายๆ หลัง เดินเล่นรอบๆ เพลินดีค่ะ ![]() มาถึง Uji ทั้งที ต้องขอขิมชาเขียวนิดนึงค่ะ ![]() ![]() ที่สุดท้ายที่ไปปิดทริปคันไซเราคือเมือง Nara ค่ะ เรานั่ง KTP ไป เริ่มต้นที่สถานี Osaka-Namba ไปลงที่สถานี Kintetsunara แต่ถ้าใครใช้ JR ต้องไปลงที่สถานี Nara ค่ะ ใช้เวลา ประมาณ 40 นาที Nara เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของ ปท. ญี่ปุ่น ที่ Nara มีที่อยากไปที่เดียวคือไปไหว้พระใหญ่ที่วัด Todaiji แล้วก็ได้ไปเห็นความเก่าแก่และใหญ่โตของวัดค่ะ น่าทึ่งจริงๆ ค่าเข้าวัด 500 เยนค่ะ ![]() ![]() ![]() ใบไม้แดงที่ Nara ก็สวยไม่แพ้ที่อื่นนะคะ ![]() ![]() ที่พัก ที่เกียวโตเรานอนที่ Guest House Sanjojuku ที่นี่จะให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน นอกฟูกญี่ปุ่นบนเสื่อทาทามิ แต่ Facility อื่นๆ ก็แชร์กันไป มีอยู่แค่ 4 ห้อง ช่วงที่ไปพักมีแต่คนญี่ปุ่นมาพักเงียบมาก อยู่กันแบบสงบ ที่ชอบมาคือใกล้ป้ายรถเมล์มาก เดิน 3 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ ![]() และที่ Khaosan Kyoto Guesthouse อันนี้ก็คือ Guest House เลย คนเยอะ เข้าออกวุ่นวายมาก แต่ทำเลสุดยอด อยู่หลังไดมารูเลย ไม่ได้ถ่ายรูปด้านในไว้เลยค่ะ เพราะไปถึงดึก ออกแต่เช้า แล้ววันนั้นก้เหนื่อยมาก มีแต่รูปด้านหน้ามาให้ชมกัน ![]() ขอสรุปว่าที่พักทุกที่ก็มีข้อดี ข้อเสียของตัวเอง คงต้องขึ้นอยู่กับแผนท่องเที่ยวของแต่ละท่านว่าเป็นยังไง ส่วนตัวแล้วพบว่าห้องพักที่โอซาก้ามีคุณภาพและราคาถูกกว่าห้องพักที่เกียวโต แต่ถ้าพักอยู่โอซาก้าทุกวันแล้วใช้วิธีเดินทางไปเที่ยวเกียวโตแบบที่หลายๆ ท่านทำ สำหรับเราไม่ไหวอ่ะค่ะ เหนื่อยไป เราเลือกที่จะย้ายมาอยู่เกียวโตดีกว่า โดยสรุปแล้วเราว่าพักที่ไหนก็ได้ในราคาและทำเลที่คุณพอใจ เพราะที่ญี่ปุ่นที่พักคุณภาพโอเคจริงๆ แม้แต่ Guest house ห้องและผลิตภัณฑ์ที่เขาให้ใช้ เช่น ยาสระผม หรือ ครีมอาบน้ำ คุณภาพดีมากค่ะ ขอนิดเดียวให้ใกล้สถานีรถไฟหรือป้ายรถเมล์เป็นพอ อาหารการกิน ที่เด่นๆ มีเอกลักษณ์ต้องยกให้ที่ Arashiyama ทั้งของคาว และหวาน ที่เมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องเต้าหู้นะคะ ใครไปลองไปทานดู ![]() มีบุฟเฟ่ต์ด้วยแต่ไม่ได้ทาน คนเยอะอ่ะ ![]() อีกร้านเป็นร้านดังแถว Gion อยู่ตรงข้ามสวน Yasaka พอดี ตอนแรกไปตอนกลางคืน เขาบอกจองเต็มหมดแล้ว เลยกลับไปตอนกลางวันใหม่ ลูกชายเจ้าของร้านพูดไทยได้ด้วย มีที่นั่งอยู่แค่ 6 โต๊ะเองค่ะ อาหารแนะนำคือปลาซาบะสด เวลากินทางร้านแนะนำว่าห้ามจิ้มโชยุ ให้กิน เพียวๆ เลย พอกินแล้วแบบว่าลิ้นไม่ถึงอ่ะ T.T แต่ตอนออกจากร้านมานี่ คิวยาวมาก ![]() ที่เหลือก็เป็นเฟรนไชส์ต่างๆ ![]() มีร้านนึงอยู่หน้า Guest House ที่ไปพัก ราคาอาหารเช้า 200 เยน ถูกมาก ![]() "ขนม-ของฝาก" ต้องออกตัวก่อนว่าเป็นคนซื้อของไม่เก่งและไม่ค่อยแต่งหน้า ฉะนั้นแบรนที่ญี่ปุ่นที่รู้จักดังๆ ก็มีแต่ Shiseido อันนี้ไม่ได้ Sr นะ ตอนอยู่เมืองไทยก็ไม่เคยใช้ยี่ห้อนี้มาก่อน แต่เพราะโรงแรมที่ไปอยู่เขาเอาพวกสบู่ แชมพู ยี่ห้อนี้มาให้ใช้ ยอมรับว่าใช้แล้วของเขาคุณภาพดีจริงๆ เลยต้องไปตามหาซื้อกลับมาใช้ที่เมืองไทย แล้วของมันถูกจริงๆ ยาสระผมแบบรีฟิว ถุงละ 300-400 เยน พระเจ้าถุงละร้อยบาท ![]() หรืออย่างโฟมล้างหน้า Perfect Whip ที่ฮิตๆ กันมารู้ทีหลังว่าเป็นของ Shiseido เหมือนกัน หลอดละ 200 กว่าเยน (ไม่ถึงร้อยบาท) ![]() แท่งนี้ซื้อมาได้ 188 เยนค่ะ ไม่ถึง 60 บาท ![]() (ภาพทั้งหมดจากกูเกิล นะคะ) ส่วนพวกขนม เคยอ่านรีวิวของหลายๆ ท่านเที่ยวไปเที่ยวแถบคันไซแล้วว่า Kitkat ต้องซื้อที่เกียวโต (แต่ Kitkat ชาเขียวนี่ไม่ต้องหาเลยค่า ขาดตลาดอย่างรุนแรง เจอที่สนามบินแต่ราคาแพงมาก) ขนมกรุบกรอบพวกถั่ว หรือเซมเบ้ ให้ซื้อที่นารา เป็นจริงตามนั้นค่ะ เราเป็นคนนึงที่ไม่เชื่อและไปตามหาซื้อ Kitkat ในโอซาก้า ไม่มีร้านไหนถูกเท่าร้านขายยาที่เกียวโตเลยค่ะ (จริงๆ ก็ถูกกว่า ไม่เยอะ 20-30 เยน แต่มันรู้ราคาแล้วเลยซื้อที่แพงกว่าไม่ลง) สรุปเลยไม่ได้ Kitkat มาสักถุง 555 แต่ถ้าคิดอะไรไม่ออกขนมที่สนามบินเลยค่ะ Royce หรือ ไดฟุกุ ที่สนามบิน ราคาไม่แพง Package สวยเหมาะเป็นของฝาก ชิมมาแล้ว เราได้ ไดฟุกุหอมและนุ่มมาในราคา 500 เยนค่ะ นุ่มสูสีกับร้านดังที่ Nara ได้เลยค่ะ สรุปสุดท้ายทริปของเรา 7 วัน คิดคร่าวๆ แบบบวกๆ แล้วนะ ตั๋ว 11000 บาท ที่พัก 7 คืน เฉลี่ยคืนละ 1300/คน 9100 บาท ค่ากินถูกแพงเฉลี่ยกันไป วันละ 1000 บาท/คน 8000 บาท ค่าตั๋วรถ รวมทั้งซื้อเดี่ยวๆ พาส และตั๋ววัน ประมาณ 4000 บาท รวมเป็น 32100 บาท ไม่รวมขนมจุกจิกและของฝากนะคะ ใบไม้แดง สวยเหมือนกันนะคะเนี่ย ^^
โดย: Angletaire
![]() หวัดดีค่ะ น้องแตร ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะคะ
โดย: Bpearl IP: 27.130.107.234 วันที่: 27 พฤษภาคม 2557 เวลา:21:25:27 น.
|
Bpearl
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ชื่อเปิ้ลค่า ที่มาของ Bpearl ก็มาจากเปิ้ลนี่แหละ ตอนไปต่างประเทศฝรั่งถามชื่ออะไร พอบอกชื่อ Ple..Apple มันขำใหญ่เลย ฝรั่งไม่ค่อยใช้ชื่อผลไม้เป็นชื่อเล่น ก็เลยขอเพี้ยนมาเป็น Pearl แทน ฝรั่งออกเสียงได้ง่ายด้วย ทีนี่ตอนสมัครสมาชิก Pantip มีคนใช้ Login ว่า Pearl แล้ว คิดอะไรไม่ออก ชอบเข้าห้อง Blue Planet เลยเติม B หน้าชื่อตัวเองไปซะเลย คล้องจองกับห้อง BP ไง **เพิ่งสร้าง FB Ple Bpearl ตามไปเป็นเพื่อนกันได้นะคะ** Group Blog Friends Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |