คนวงในชี้รถไฟฟ้าเพิ่มมูลค่าให้ที่ดิน แนะควรสร้างรถไฟฟ้าใจกลางเมือง และเก็บภาษีจากการเพิ่มราคานำรายได้มาพัฒนาระบบรถไฟฟ้า
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดิน โดยอาศัยกรณีศึกษาที่ดินติดถนนสุขุมวิท บริเวณท้องฟ้าจำลอง กับที่ดินติดถนนพระรามสี่ใกล้แยกกล้วยน้ำไท พบว่าราคาที่ดินแตกต่างกันเพราะการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้า
ดังจะเห็นได้จากราคาที่ดินแปลงกล้วยน้ำไท ที่ไม่มีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 200,000 บาทต่อตารางวาในปี 2537 มาเป็น 265,000 ต่อตารางวาในปี 2555 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 133% ในช่วง 18 ปี ในขณะที่ราคาที่ดินบริเวณท้องฟ้าจำลองนั้นเพิ่มขึ้นถึง 341% ในช่วงเวลาเดียวกันคือจาก 220,000 บาทต่อตารางวาในปี 2537 ปัจจุบันราคาที่ดินในย่านดังกล่าวพุ่งสูงถึง 750,000 บาทต่อตารางวา
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาที่ดินทั้งสองแห่งเปลี่ยนแปลงในอัตราเร่งที่แตกต่างกันมากก็คือการเกิดเปิดให้บริการของรถไฟฟ้านั่นเอง โดยหากพิจารณาอัตราการเพิ่มต่อปีตามหลักดอกเบี้ยทบต้น จะพบว่าราคาที่ดินย่านกล้วยน้ำไทเพิ่มขึ้น 5.03% ต่อปี ในขณะที่ที่ดินบริเวณท้องฟ้าจำลองเพิ่มขึ้น 11.6% ต่อปีเลยทีเดียว
ดร.โสภณยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าที่ดินใจกลางเมืองที่มีรถไฟฟ้านั้นราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่ดินใจกลางเมืองที่ไม่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน ส่วนที่ดินบริเวณชานเมืองส่วนมากราคาเท่าเดิม หรือบางส่วนราคากลับตกต่ำลง
“ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงอาจพิจารณาจัดเก็บภาษีจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่า เช่น ที่ดินท้องฟ้าจำลอง ณ ปี 2550 ราคาตารางวาละ 340,000 บาท แต่เมื่อถึงปี 2555 ราคาเพิ่มเป็น 750,000 บาท รัฐบาลควรเก็บภาษีจากส่วนเกินของทุนเดิม คือ 410,000 บาท โดยอาจจัดเก็บถึง 10-20% ของมูลค่าเพิ่ม เพื่อนำเงินมาพัฒนาสาธารณูปโภคเพิ่มเติมให้กับกรุงเทพฯ ต่อไป” ดร.โสภณ กล่าวทิ้งท้าย
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ