นักลงทุนด้านอสังหาฯ สบช่องดีมานด์โรงแรมขนาดเล็กในกลุ่มคนงานขุดเจาะน้ำมันที่นอร์ทดาโกต้า หลังจากมีการค้นพบแหล่งน้ำมันในรัฐดังกล่าว
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่ถือว่าเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกได้พยายามที่จะลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศโดยการค้นหาแห่งน้ำมันของตัวเอง ซึ่งทำให้ตัวแทนด้านพลังงานนานาชาติมองว่าภายในปี 2563 อเมริกาจะเป็นชาติผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลก
การค้นพบแหล่งน้ำมันเบคเค่นในรัฐนอร์ทดาโกต้า ผนวกกับการนำเทคโนโลยีการขุดเจาะท่อในแนวนอนจะช่วยให้อเมริกาสามารถเปลี่ยนสถานะจากการเป็นผู้นำเข้าน้ำมันแบบเดิมได้เร็วยิ่งขึ้น แหล่งน้ำมันเบคเค่นที่ถูกค้นพบนั้นสามารถผลิตน้ำมันได้วันละมากกว่า 600,000 บาร์เรล ซึ่งถือเป็น 10% ของการผลิตน้ำมันในอเมริการทั้งหมด
การก้าวกระโดดสู่การเป็นผู้ผลิตน้ำมันอย่างยิ่งใหญ่และรวดเร็วนี่เองนำไปสู่การหลั่งไหลเข้ามาของคนงานจำนวนมากสู่นอร์ทดาโกต้า ซึ่งอาจจะมากพอๆกับในช่วงต้นของยุคตื่นทองที่เคยเห็นในแคลิฟอร์เนีย ผิดแต่เพียงคราวนี้ทองที่กำลังพูดถึงนั้นเป็นสีดำ ซึ่งคนงานเหล่านี้มีทั้งทักษะและฝีมืออีกทั้งยังจะได้รับค่าตอบแทนที่สูงอันเป็นผลจากการต้องการเพิ่มกำลังการผลิตนั่นเอง
ทั้งนี้ การเข้ามาของคนงานเป็นจำนวนมากส่งผลกระทบต่อเมืองวิลลิสตัน คนงานกว่า 15,000 คนต้องการที่อยู่อาศัยซึ่งหาได้ยากมากในขณะนี้
พร็อพเพอร์ตี้ ฮอไรซันส์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนผ่านบริษัทลูกในอเมริกาอย่าง นอร์ทดาโกต้า ดีเวลลอปเมนท์ ถือเป็นหน่วยงานแรกๆ ที่พบกับปัญหาและเดินหน้าแก้ไขอย่างรวดเร็ว
“คนงานขุดเจาะน้ำมันหลายพันคนต้องนอนในรถ เต็นท์ หรือบ้านเคลื่อนที่ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บแบบติดลบถือเป็นเรื่องปรกติในตอนนี้ ยิ่งมีรายงานล่าสุดที่ระบุว่าแหล่งน้ำมันเบคเค่นน่าจะมีน้ำมันมากถึง 24,000 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ความต้องการน้ำมันจากทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” นายโรเบิร์ต เกวิน ผู้อำนวยการและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ฮอไรซันส์ กล่าว
การแก้ปัญหาด้านที่อยู่อาศัยของคนงานของบริษัทก็คือการสร้างโรงแรมเล็กๆให้กับคนงานของตนเพื่อที่จะสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น โดยประกอบไปด้วยพื้นที่สาธารณะที่กว้างขวางและครัวพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ซึ่งการสร้างโรงแรมเล็กๆเหล่านี้นำไปสู่โอกาสในการลงทุนแบบใหม่สำหรับลูกค้าของพร็อพเพอร์ตี้ ฮอไรซัน เนื่องจากบริษัทถือเป็นตัวแทนขายเพียงรายเดียวของโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ดีมานด์ที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวส่งผลให้รายได้จากการเช่าเพิ่มขึ้น ทำให้ผลกำไรประจำปีเพิ่มมากขึ้นสำหรับคนที่ลงทุนตั้งแต่ช่วงแรกๆ โดยราคาขายของโรงแรมขนาดเล็กที่พร็อพเพอร์ตี้ ฮอไรซั่นส์ผลิตขึ้นมานั้นจะอยู่ที่ 44,950 เหรียญสหรัฐ (ราว 1.4 ล้านบาท) โดยอัตราการเข้าพักของแขกที่โรงแรมนั้นมีมากกว่า 90% และให้ผลกำไรต่อปีมากถึง 49% หรือการันตีค่าเช่าสุทธิ 25% เป็นเวลา 5 ปี
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
เมกะโปรเจค"เบ็ตเตอร์ซี”เปิดขายในเอเชียครั้งแรกพรุ่งนี้
กูรูฟันอสังหาฯฟันธง In & Out สำหรับปี 2556
เผยโฉมหน้าคนที่รวยที่สุดบนเกาะฮ่องกง