กลับมาเจอกันอีกแล้วค่ากับรายการ BlogGang Hang Girls ซึ่งพวกเราได้ดำเนินรายการกันมาถึง EP.19 แล้วนะ รู้หรือยัง? ในครั้งนี้เราจะชวนเพื่อนๆ ชาวบล็อกแก๊งของเราไปชาร์ตแบตร่างกาย
คลายความเหนื่อยจากการทำงาน ไปสนุกสุดเหวี่ยงกันถึงจังหวัดเพชรบุรีกันเลย
ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนๆ ที่จะไปร่วมทริปกับเรานั้น เป็นผองเพื่อนผู้โชคดีจากกิจกรรม
"เหนื่อยนัก...ไปพักใจกั๊น!!" ที่เพื่อนๆ หลายคนน่าจะคุ้นเคยมาบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
ผู้ร่วมทริปของเราตลอด 2 วัน 1 คืนในครั้งนี้ ได้แก่ คุณสาว (
sawkitty ) คุณโต้ง (
เป็ดสวรรค์ ) คุณบ๋อม (
minporee )
และที่ขาดไม่ได้คือพิธีกรสาวสวยทั้งสามท่านของเราค่า
เมื่อ "ร่างกายต้องการน้ำทะเล!!" ทั้งสามท่านจึงตกลงกันว่าจะไปมันส์กันที่จังหวัดเพชรบุรี
ซึ่งทั้งสามท่านได้เป็นคนวางแผนการเที่ยวเองทั้งหมดด้วยนะ
เราตามไปดูกันดีกว่าค่ะว่าพวกเขาจะพาเราไปเที่ยวไหนกันบ้าง
Let's Go !!!
VIDEO
.
.
.
พวกเราทั้งหมดเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เวลา 08.30 โดยประมาณ ของเช้าวันที่ 5 พ.ค. 61
โดยออกจากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี
"เมื่อคิดถึงเพชรบุรี...ก็ต้องคิดถึงต้นตาล"
เพื่อนๆ หลายท่านน่าจะเคยทราบกันมาบ้างแล้วว่า จังหวัดเพชรบุรีมีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลแห่งใหญ่
เนื่องจากเป็นแหล่งปลูกต้นตาลที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และผลผลิตที่ได้จากต้นตาลก็คือน้ำตาลโตนด
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำขนมหวานเมืองเพชรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันค่ะ
เพราะฉะนั้น สถานที่แรกที่พวกเรามุ่นมั่นที่จะมาให้ได้ คือ "สวนตาลลุงถนอม" นั่นเองค่ะ
สวนตาลลุงถนอม ตั้งอยู่ที่ ต.ถ้ำรงค์ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
ซึ่งทางเข้าอาจจะลึกลับซับซ้อนและคับแคบไปหน่อย แต่บอกเลยว่ามาแล้วคุ้มแน่นอน!!
เพราะสวนตาลแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ ทั้งมีการสาธิตและอธิบายวิธีการที่กว่าจะได้มา
และวิถีการทำตาลของชาวบ้านที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน
สุดท้ายก่อนที่เราจะออกเดินทางกันต่อ ขออนุญาตถ่ายภาพร่วมกับคุณลุงถนอม เจ้าของสวนตาลแห่งนี้
ที่อนุรักษ์สวนตาลไว้ไม่ให้สูญหาย และอยู่คู่เมืองเพชรเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นต่อไปค่ะ
.
.
.
พวกเรามุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเพชรบุรี เพื่อไปกินอีกแล้วค่ะ
ซึ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้ ก็ขอไปเพิ่มความสดชื่นสักหน่อย
โดยพวกเรามาปักหลักกันที่ร้าน "ข้าวแช่แม่นิด" ที่ติดกับริมน้ำเพชรบุรี
ซึ่งขอแอบกระซิบว่านอกจากจะอร่อยแล้ว ราคายังถูกมากกกกกกกกกก!! (ก.ไก่ล้านตัว)
เพราะราคาต่อชุด เพียงแค่ 25 บาทเท่านั้นเอง
1 ชุดสำหรับ 1 ท่าน พร้อมทานแล้วค่า
เครื่องเคียงได้แก่ ไชโป๊วผัดหวาน ลูกกะปิทอด ปลายี่สนผัดหวาน
ซึ่งเมื่อได้รับประทานแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
น้ำหอมๆ เย็นๆ และกลิ่นหอมๆ ของข้าวแช่นี่ชื่นใจจริงๆ
พักเหนื่อยกันก่อนเนอะ แล้วค่อยไปลุยกันต่อค่ะ
.
.
.
ถึงแม้จะหม่ำๆ มาตลอดการเดินทาง แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเที่ยงตรง
กระเพาะอาหารของพวกเราก็เริ่มร้องโครกครากร่ำร้องมาตลอดทาง
ก่อนที่คุณเป็ดสวรรค์จะนำทางเราสู่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ณ หาดเจ้าสำราญ
"ครัวริมเล ปูเป็น"
แม้ว่าบรรยากาศ การตกแต่งภายในร้านจะดูธรรมดาไปหน่อย
แต่อาหารรสชาติไม่ธรรมดาเลยจ้า
คุณภาพของอาหารทะเลถือว่าดีเยี่ยมมาก สดมาก
กินกันเพลินเลยทีเดียว
กินกันยังไม่ทันหมด แต่ทนไม่ไหวขออกไปลุยทราย จุ่มเท้ากับน้ำทะเลสักหน่อย
และแน่นอนว่าฟ้าสวยๆ กับทะเลสีเข้มๆ แบบนี้
มาถ่ายรูปเปลี่ยนรูปโปรไฟล์กัน!!
.
.
.
หลังจากที่เราไปพักผ่อนชิลๆ รับประทานอาหารเติมพลังที่หาดเจ้าสำราญเรียบร้อยแล้ว
ก็แว๊นมาลุยกันต่อกับพื้นที่สีเขียวสุดลูกหูลูกตา ที่ถึงแม้อากาศจะร้อนขนาดไหน เราก็ไม่หวั่น!!
"โครงการศึกษาวิจัย และพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ"
ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
โดยมีเนื้อที่ประมาณ 1,135 ไร่
ซึ่งศึกษาหาวิธีการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับขยะมูลฝอย น้ำเสีย
และการรักษาสภาพป่าชายเลนด้วยวิธีทางธรรมชาติ
ยึดหลักการ "ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ"
โดยใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ บริเวณตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของการเที่ยวที่แห่งนี้ คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน
ซึ่งมีระยะทางประมาน 850 เมตร ตลอดสองข้างทางเดินนั้นจะเต็มไปด้วยต้นโกงกาง ต้นแสม
และผักเบี้ยทะเลที่อยู่บริเวณโดยรอบป่าชายเลน
ในระหว่างการเดินบนสะพานไม้ที่ทอดยาวเพื่อศึกษาธรรมชาติ
ใครที่ช่างสังเกตหรือหูไว อาจได้ยินเสียงดีดคล้ายเสียงดีดนิ้ว
ซึ่งเจ้าของเสียงนี้ คือ "กุ้งดีดขัน" ซึ่งมักดีดตัวอยู่บริเวณโคลนนั่นเอง
นอกจากเพลิดเพลินกับธรรมชาติของต้นไม้ต่างๆแล้ว อาจได้เห็นสัตว์ต่างๆ เช่น ปูแสม ปูก้ามดาบ
หรือแม้กระทั่งนกนานาชนิด ซึ่งแหลมผักเบี้ยนั้นได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 10 แหล่งดูนกที่ดีที่สุดของเมืองไทย
.
.
.
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาเกือบทั้งวันแล้ว ก็ขอมาพักผ่อนพูดคุยกันชิลๆ ณ ที่พักของเรา
"บางตะบูนโฮมสเตย์"
บ้านพักในบรรยากาศริมแม่น้ำเพชรบุรี ติดปากอ่าวบางตะบูน
ซึ่งขอบอกว่าสงบมาก และรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอย่างแท้จริง
ในบางครั้งอาจได้ยินเสียงเรือที่แล่นผ่านไปมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกรำคาญเลย
กลับกัน...มันทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมกับบรรยากาศวิถีชาวบ้านแห่งนี้
พวกเรารีบหามุมเพื่อที่จะพูดคุยกันอีกสักนิด ทำความรู้จักกันอีกสักหน่อย
ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินลาลับไป
คุณสาว : สวัสดีค่ะ ล็อกอิน sawkitty คุณแหม่ม : มาเล่นบล็อกแก๊งกี่ปีแล้วคะ? คุณสาว : ก็ 11 ปีแล้วมั้ง ตั้งแต่วันที่ 21 เดือน 9 ปี 2007 โดยเริ่มเล่นพันทิปห้องแมว แล้วก็มาเล่นบล็อก คุณแหม่ม : แล้วเขียนบล็อกประเภทไหนบ้างคะ? คุณสาว : แรกๆ ก็อยากเล่าเรื่องราวแมวตัวเอง แล้วต่อมาด้วยความที่ตัวเองทำสื่อ ทีนี้ได้เดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆเยอะ ก็เลยอยากจะบันทึกผ่านบล็อกแก๊ง เพราะเห็นคนรีวิวแล้วเราก็สนใจ ก็เลยเริ่มมาเขียนท่องเที่ยว พอเรารีวิวแรกๆ เราก็เริ่มรู้จักทางททท.ตรัง ค่ะ ชื่อพี่วิ แล้วพี่วิเริ่มจับเรื่องบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวในช่วงที่เราเริ่มเล่นประมาณ 3 ปี เราก็เลยเข้าไปกับททท.ตรังค่ะ แล้วเค้าก็เลยเริ่มพาออกทริป จากการบันทึก อยากจะใส่เพลงไป ก็กลายเป็นบล็อกท่องเที่ยวไปโดยปริยาย คุณกุ๊งกิ๊ง : เป็นโดยปริยายที่หนักแน่นมาก เข้มข้นมาก
คุณรจ : ท่านต่อไปเลยค่ะ คุณกุ๊งกิ๊ง : หล่อสุดในนี้ คุณเป็ด : เป็ดสวรรค์ครับ คุณรจ : คุณเป็ดเคยไปเปิดเทปแรกๆ กับพวกเรา เราจำได้ว่าภาพที่ได้มาสวยมาก คุณเป็ด : ก็ยังคงชอบถ่ายรูปเหมือนเดิมครับ
คุณบ๋อม : บ๋อมค่ะ ใช้ชื่อในบล็อกว่า minporee จะอ่านยากนิดหนึ่งเพราะช่วงนั้นสมัยแรกๆ ซีรีย์เกาหลีกำลังฮิต เริ่มเขียนบล็อกจากเป็นบันทึกประจำวันก่อน แบ่งภาพจากที่ตัวเองถ่ายมา และก็เข้าไปติดตามบล็อกของเพื่อนๆ คนอื่น ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ พี่ก๋า ยาวนานมาก 10 ปีแล้ว รู้จักต่อมาก็มาเป็นแก๊งนี้ คุณสาว : พี่หนุ่มกับพี่โจนเหมือนเป็นตัวเชื่อมระหว่างเราสามคน คุณเป็ด : มันเริ่มมาจากการชื่นชอบงานเขียนของกันและกันก่อน เกิดมาจากตรงนี้เลย สมัยก่อนผมจะเขียนไดอารี่ทุกวัน เจออะไรมาผมก็จะบันทึกทุกวันๆ พอเค้าอ่านทุกวันล่ะก็ฮา อยากจะเห็นว่าคนนี้หน้าตาเป็นยังไง คุณแหม่ม : แต่คุณเป็ดจะเขียนแบบห้าวๆ ตลกๆ คุณบ๋อม : เค้าจะวิจารณ์แรงด้วย คุณเป็ด : สมัยก่อนผมก็วิเคราะห์การเมืองด้วย คุณสาว : จริงๆ ตอนนั้นยังไม่รู้จักกันหรอก แต่พอดีมีทริปตรังไปดูเทศกาลหมูย่าง กับถือศีลกินผัก เราก็หาว่าเราจะเอาใครไปตรัง ทางททท.ก็ให้เสนอมา เราก็ติดต่อทางพี่อุ้มสีไป ก็มีย่าดามา ทางพี่หนุ่ย พี่โจนก็มา ก็เลยเริ่มสืบทอดต่อเนื่องกันไป ก็เลยได้รู้จักกัน ด้วยความที่เคยได้ไปเที่ยวกันครั้งหนึ่ง ติดใจเพราะคอเดียวกัน ก็เลยชวนกันมาที่ตรังเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มาแต่งงาน เป็นคู่วิวาห์ใต้สมุทร ก็เลยเชิญเพื่อนในบล็อกแก๊งมาอีก ก็เลยรู้จักกันไปเป็นทอดๆ พอเห็นเรารีวิว เพราะเรารีวิวเน้นตรังมาก คนเห็นก็เลยอยากมา สาวว่าสาวอยู่ตรังไกลก็จริง แต่สาวเจอเพื่อนบล็อกเยอะมาก เพราะว่าไปเที่ยวตรัง คุณกุ๊งกิ๊ง : เป็น PR จังหวัด คุณสาว : บ๋อมเองก็เป็น 1 ในนักท่องเที่ยวของตรังเช่นกัน คุณรจ : แล้วของคุณบ๋อมนี่อยู่จังหวัดอะไรคะ คุณบ๋อม : ร้อยเอ็ดค่ะ คุณรจ : ร้อยเอ็ดกับตรัง ระยะทางไม่ใช่ปัญหาเลย
คุณแหม่ม : แล้วการถ่ายรูปเราต้องไปเรียนรึเปล่าคะ หรือว่าเราจำเอง คุณบ๋อม : เราไม่ได้เล่นกล้องถึงขนาดนั้นค่ะ แต่ชอบถ่ายรูป คุณสาว : ของสาวก็มีคนสอนที่มาจากสายพันทิปเหมือนกัน เหมือนเห็นเราชอบก็สอนเทคนิคเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนกับว่าอะไรที่ได้จากบล็อกแก๊งสำหรับสาวคือเยอะมาก หนึ่งคือมิตรภาพ สองคือได้สิ่งดีๆ ที่เข้ามาเยอะมาก เช่น การเรียนรู้ต่างๆ แล้วก็เรื่องงานก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าในช่วงหลังมีเพื่อนที่ห่างกันไป แต่เพื่อนที่คบกันทุกวันนี้ เปอร์เซ็นเพื่อนบล็อกเยอะกว่าเพื่อนปัจจุบันอีก คุณแหม่ม : แล้วเจอเพื่อนบล็อกที่ดีๆ ทั้งนั้นเลยรึเปล่าคะ คุณสาว : 100% สำหรับสาวนะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราเลือกคบคนด้วยรึเปล่านะ กลุ่มที่หนึ่งคือกลุ่มเพื่อนแมวที่มาจากสายบล็อก คนแรกที่ทักเค้าเลยคือบูดูหวาน สายพันทิป เราไปเจอเค้าในกูเกิล เค้าเป็นคนยะลา ก็ยังคบกันจนถึงทุกวันนี้ คุณเป็ด : บล็อกเนี่ยมันมีเสน่ห์อย่างหนึ่ง สำหรับผมนะ มันคือที่ที่รวมคนที่ชอบอ่านหนังสือ พออ่านเยอะๆ แล้วเนี่ย มันจะอยากเขียน พอเจอกันมันเหมือนเอาความคิดมาวางให้คนอื่นอ่าน เป็นความคิดที่กลั่นกรองแล้วเรียบร้อย คนเขียนบล็อกจะสื่อสารกันด้วยภาษาการเขียนได้ดี เพราะเค้าอ่านมาเยอะ แล้วบางคนจะเริ่มต้นจากการเขียนไดอารี่มาก่อน อย่างผมเขียนไดอารีทุกวันมาตั้งแต่สมัยม.3 คุณสาว : สำหรับสาว สาวคิดว่าบล็อกแก๊งเป็นที่กรองคนอยู่แล้วในระดับหนึ่ง สาวก็เลยไม่ค่อยที่จะกลัวที่จะเจอเพื่อนในบล็อก ออกจะดีใจซะอีกที่เพื่อนติดต่อมาอยากจะมาหาที่ตรัง แล้วก็เพื่อนที่เปิดใจรับมากที่สุดคือเพื่อนจากบล็อกแก๊ง เป็นกลุ่มแรกเลยที่เรารู้สึกว่าเค้าอยากจะเจอเรา
สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในรายการค่ะ
ภาพพระอาทิตย์ตกดิน ที่มองได้จากสะพานที่ยื่นออกมาจากที่พัก
.
.
.
แต่เดี๋ยว!! ช้าก่อนค่ะ!!
การเดินทางของเราในวันนี้ยังไม่จบแค่นี้นะคะ
เนื่องจากเป็นความโชคดีของพวกเรา ที่ทางจังหวัดเพชรบุรีได้มีการจัดงาน 100 ปี หาดเจ้าสำราญพอดี๊พอดี
ภายใต้ชื่องาน "1 ศตวรรษ หาดเจ้าสำราญ"
ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2561 ณ บริเวณสวนภูมิทัศน์ชายทะเลหาดเจ้าสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่ได้ทรงพระเมตตาพระราชทานนามอันเป็นสิ่งมงคลไว้ให้แก่แผ่นดินหาดเจ้าสำราญ
พวกเราจึงไม่พลาดที่จะขอมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานแห่งนี้ค่ะ
ซึ่งภายในงานจะจำลองบรรยากาศทั้งในส่วนของการย้อนยุคและในส่วนของปัจจุบัน
มีการแสดงละครชาตรี ลำตัด หนังตะลุง การสาธิตฝีมือต่างๆ การสาธิตการทำขนมโบราณ และอิ่มอร่อยกับอาหารแบบโบราณ
ภาพสุดท้ายของกิจกรรมในวันนี้ค่ะ
หลังจากกลับถึงที่พัก ก็แยกย้ายกันไปล้มตัวลงนอนเอาแรงสำหรับเที่ยวในวันพรุ่งนี้ต่อค่า
.
.
.
เช้ามืดวันนี้ทางทีมงานขอส่งตัวแทนไปลุยในอ่าวบางตะบูน
พร้อมกับคุณเป็ด คุณสาวและคุณบ๋อม กับภารกิจล่าพระอาทิตย์ขึ้นกันค่ะ
บรรยากาศจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามในรายการได้เลยค่ะ
หลังจากแต่ละท่านจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็พร้อมออกลุยสำหรับวันที่สองกันแล้วค่า
ซึ่งในวันนี้จะเป็นในแบบฟรีสไตล์ ใครอยากแวะที่ไหน บอกพี่ได้เลยจ้า
พร้อมหยุดรถให้ทุกท่านไปถ่ายภาพกันได้ทุกที่
แต่ก่อนออกลุย...ขอถ่ายภาพอำลาที่พักของเรากันก่อน
.
.
.
แวะถ้ำเขาหลวง จ.เพชรบุรี ค่ะ
อาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่เราจะกลับกรุงเทพมหานครกันค่ะ
ยังคงคอนเซปต์กินจุกันอยู่
อำลาทริปด้วยการส่งหัวใจจากพวกเราค่ะ
วันที่สองอาจจะไม่ได้มีจุดหมายที่แน่นอนค่ะ ค่อนข้างฟรีสไตล์กันมาก
จึงทำให้ไม่ค่อยมีภาพมาฝากเพื่อนๆ ชาวบล็อกมากนักค่ะ
แต่เราเชื่อว่าคุณเป็ด คุณสาว และคุณบ๋อม ต้องมีภาพเต็มกล้องกันแน่ๆ
ซึ่งถ้าใครอยากชมภาพและรีวิวแบบละเอียด ต้องติดตามบล็อกทั้งสามท่านให้ได้นะคะ
รับรองจุใจแน่นอน
เป็น 2 วัน 1 คืนที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกันมากขึ้น
และได้เห็นสไตล์การท่องเที่ยว การถ่ายภาพของแต่ละท่าน
อย่าลืมติดตามบล็อกของทั้งสามท่านด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ในกิจกรรมดีๆครั้งถัดไปค่ะ
มีอีกเปล่า จะได้ติดตาม กำลังอ่านเพลิน....ครับ