บทที่ 14 การปรากฎตัวของรักตปักษ์
บทที่ 14 การปรากฎตัวของรักตปักษ์

หลังมื้ออาหารเย็นชลธิชาก็รีบปราดลงจากเรือนพักหลังย่อม เร่งฝีเท้าไปตามขอบฝั่งโขงในยามราตรียังดีที่แสงเดือนแสงดาวบนฟ้ายังพอส่องแสงนำทางให้หญิงสาวได้

สีหน้าและแววตาของเก็จลดาที่มองเธอมันทำให้ชลธิชาไม่สบายใจเอาเสียเลย หากไม่ได้ปรับความเข้าใจกันเธอก็คงไม่มีความสุขแน่

สองตาของหญิงสาวหรี่มองสตรีร่างสมส่วนที่ยืนอยู่ริมฝั่ง อาภรณ์สีดำทึบอันหม่นหมองทำให้มองเห็นไม่ชัดนัก ชลธิชาค่อยๆ สืบเท้าเข้าไปใกล้จนกระทั่งแน่ใจว่าเธอคือเก็จลดาไม่ผิดแน่

ดวงตาสีดำสนิทแหงนมองดวงจันทร์ที่ทอแสงบนฟากฟ้า ลมเย็นหวีดหวิวยามดึกพัดหอบเอาไอน้ำจากกลางสายธารกว้างใหญ่ปะทะสองร่างที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

“ดา...” คำเดียวที่หลุดออกจากปากได้ดึงให้เก็จลดาหันขวับมา ความจริงเธอรู้อยู่แล้วว่ามีคนอยู่ใกล้เพียงแต่ทำเป็นไม่สนใจเท่านั้นเอง

ดวงตาสีดำสนิทอันทรงอำนาจเพ่งมองวงหน้าเนียนละเอียดของชลธิชา “มีเรื่องอะไร?” เอ่ยถามผู้เป็นเพื่อนก่อนเชิดหน้าขึ้นสูง

“ฉันอยากอธิบาย...”

“อธิบายอะไรชล...เธอมีอะไรต้องอธิบายงั้นเหรอ?”

“ที่พวกฉันมาที่นี่โดยไม่ได้บอกเธอ มันคงทำให้เธอโกรธ” ชลธิชาลากเสียงค้าง

“ไม่หรอก...ฉันไม่ได้โกรธเธอเรื่องนี้...” น้ำเสียงของเก็จลดาฟังดูเย็นเยียบและแข็งกระด้างเหมือนแววตาที่จ้องมองฝั่งตรงข้าม คำพูดของคนเป็นเพื่อนทำให้ชลธิชาได้แต่ยืนนิ่ง... เธอรู้อยู่เต็มอกว่าเก็จลดาคิดเช่นไรกับศรัณย์ แต่...เขาคือคนรักของเธอนะ !

“เธอไม่คู่ควรกับศรัณย์...ชลธิชา” สิ่งที่ได้ยินทำให้หญิงสาวอ้าปากค้าง ร่างอรชรที่อยู่ในอาภรณ์สีดำสนิทก้าวเข้ามาหาอย่างรวดเร็วจนถึงตัว

“ฉันกับศรัณย์...เรามีบางอย่างที่เหมือนกัน แต่เธอไม่...” เก็จลดายกยิ้ม ดวงตาสีดำสนิทจ้องลึกลงไปยังสองตาที่ไหวระริกของชลธิชา “ออกไปจากชีวิตเค้าซะ...”

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น...เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดอย่างนี้นะเก็จลดา เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด” คำตอบกลับที่ได้ยินทำให้ความโกรธที่กำลังแผดเผาหัวใจของเก็จลดาลุกโชนขึ้นไปอีก มือเรียวยกขึ้นสูงหมายจะฟาดลงยังใบหน้าของอีกฝ่ายแต่ทว่าสุ้มเสียงห้าวห้าวหาญที่ดังขึ้นก็ทำให้เธอหยุดชะงักเสียก่อน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ...” ศรัณย์ร้องก้องมาแต่ไกลก่อนวิ่งดุ่มๆ เข้ามาหาคนรักและยึดร่างเธอไว้ สองตาเขียวคล้ำจ้องหน้าเก็จลดาด้วยความไม่พอใจ

“เธอจะทำอะไรเก็จลดา...” มือที่ยังนิ่งค้างอยู่กลางอากาศค่อยๆ ลดลงต่ำในขณะที่สองตาได้แต่เพ่งมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ยืนปกป้องคนรักไว้อย่างหวงแหน

ความปวดร้าวแล่นปราดขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ ความห่วงใยแม้เพียงนิดศรัณย์ก็ไม่เคยมีให้เธอแต่เธอก็ยังอุตส่าห์เฝ้าหวัง เฝ้าคิด เฝ้าปรารถนาว่าเขาอาจจะมีใจให้เธอบ้างในสักวัน...

เธอควรจะตาสว่างและตัดใจจากเขาได้สักที... ในเมื่อเขาไม่ได้คิดกับเธอมากไปกว่าเพื่อนคนนึงเลย

เก็จลดาค่อยๆ ถอยหลังทีละก้าว หากสายตายังคงครอบครองวงหน้าคร้ามคมของชายหนุ่มอยู่อย่างนั้น หยดน้ำตาใสๆ รินไหลลงอาบเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง ภาพวันคืนเก่าๆ ในสมัยอดีตค่อยๆ ปรากฎในมโนจิต เธอทำได้เพียงแค่แอบรักเขาโดยที่ไม่อาจจะแสดงความรู้ที่แท้จริงให้ใครได้รับรู้ การรักใครสักคนโดยที่เขาไม่เห็นคุณค่าในรักของเรามันช่างเป็นทุกข์ยิ่งนัก... คงต้องให้ตายจากกันไปเสียกระมังเธอถึงจะลืมเขาได้...


ญาดาวีคอยมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนทั้งสามของเธออยู่ห่างๆ เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์จบลงด้วยดีจึงตรงเข้าสู่ห้องพักและกดสายไปหาใครบางคนที่เธอกำลังคิดถึง

“สวัสดีค่ะคุณวายุ...” ทันทีที่ได้ยินเสียงชายหนุ่มทักกลับมาก็ทำให้ริมฝีปากเรียวสวยคลายยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาจะรู้บ้างรึเปล่าว่าเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่นี่มากมายแต่ทว่าญาดาวีกลับรู้สึกอุ่นใจคล้ายว่ามีเขาอยู่เคียงข้างกายอยู่ทุกเวลา

“ทุกอย่างเรียบร้อยใช่มั้ยครับ?” คำถามของเขาทำให้หญิงสาวเบิกตากกว้างด้วยความตกใจ

“คุณรู้เรื่องเหรอคะ?” ชายหนุ่มไม่ยอมตอบคำถามหากแต่ว่าได้แต่คลายยิ้มบางๆ โดยที่หญิงสาวไม่มีทางเห็น

“ช่างเถอะครับ...ว่าแต่ที่โทร.มาหาผมนี่มีเรื่องอะไรให้ช่วยใช่มั้ยครับ?”

“แหม...วีก็แค่...” จะบอกไปว่ากำลังคิดถึงเขาก็ไม่กล้าพูดออกไปซะอย่างนั้น ได้พบกันแค่สองสามครั้งแต่หัวใจมันกลับรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก “เอ่อ...คือว่าตอนนี้วีมาที่บ้านคุณน้ากลิ่นจันทร์น่ะคะ แล้วก็ได้ทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ที่แท้คุณน้ากลิ่นจันทร์ก็เป็นเพื่อนกับคุณป้าพิมพ์ดาวจริงๆ ด้วย เรื่องที่คุณวายุเล่าให้ชั้นฟังก็เป็นเรื่องจริงทุกอย่าง...”

“ครับ...” ชายหนุ่มตอบรับอ่อนโยน

“แต่...ญาติของน้ากลิ่นจันทร์บอกว่า ในอดีต...คุณเป็นสมุนของรักตปักษ์...” คำพูดของญาดาวีทำให้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของชายหนุ่มค่อยๆ จางหายไป ไม่มีใครสามารถกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตชาติได้แน่... เขาเคยเป็นสมุนของรักตปักษ์ มันคือความจริง

“คุณวี...” เขาเรียกหญิงสาวเบาๆ จนญาดาวีต้องย่นคิ้ว “คุณเชื่อเรื่องอดีตชาติมั้ยครับ?” คำถามของเขาทำให้หญิงสาวเผลอหัวเราะเบาๆ

“แต่ก่อนอาจจะไม่ แต่มาตอนนี้ชั้นได้เจอเรื่องราวไม่คาดฝันมากมาย...มันทำให้ชั้นอดที่จะเชื่อเรื่องเหนือจินตนาการอื่นๆไม่ได้ค่ะ” ญาดาวีตอบตามความคิดก่อนที่วายุจะสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะเริ่มเรื่อง

“ในอดีตชาติ ผมเกิดเป็นครุฑและเคยเป็นสมุนของรักตปักษ์ตามที่คุณว่า แต่ต่อมาผมขอตอนตัวจากรักตปักษ์...” ญาดาวีถึงกับนิ่งค้างไปพักใหญ่ก่อนจะเรียกสติคืนกลับมาได้เพราะเสียงเรียกของวายุ

“แล้ว...เราสองคนมาเกี่ยวข้องกันได้ยังไง ทำไมคุณถึงบอกให้ชั้นคอยช่วยเหลือชลธิชา ทำไมคุณถึงเชื่อว่าชั้นจะช่วยพวกเค้าได้...”

“คุณเคยกำเนิดเป็นนาคในตระกูลวิรูปักษ์...นาคสีทองที่ทรงฤทธานุภาพ” คำพูดของชายหนุ่มช้าชัดจนคนฟังถึงกับขนลุกซู่ “เบื้องบนส่งคุณลงมาอารักขาหญิงสาวผู้นำพามณีนาคสวาทสีเขียวมรกต ซึ่งก็คือคุณกลิ่นจันทร์ ซึ่งต่อมาตระกูลนิลนาคก็ได้ครอบครองมณีนาคสวาท...”

“แล้วเราสองคน...” หญิงสาวเอ่ยถามติดๆ ขัดๆ พวงแก้มเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“เราสองคนจะรักกันได้ยังไงใช่มั้ยครับ?... ผมเป็นครุฑ แล้วคุณเป็นนาค...” วายุยิ้มเรียบๆ ก่อนระบายลมหายใจออกเบาๆ “ช่างมันเถอะครับ มันก็แค่เรื่องในอดีต ผมไม่อยากพูดถึงมัน...” ญาดาวีสัมผัสได้ถึงความหดหู่ใจในน้ำเสียงของชายหนุ่ม

“แล้วตอนนี้ตระกูลรักตปักษ์ยังคงคิดที่จะทำร้ายน้ากลิ่นจันทร์กับศรัณย์อยู่รึเปล่าคะ” คำถามของญาดาวีทำให้สองตาของวายุต้องเบิกโพลง ศรุตาผู้เป็นน้องสาวในอดีตชาติของเขายังคงอยู่เคียงข้างตรีดาวไม่ยอมห่างกาย ไหนจะได้มนุษย์สาวนามว่าศราวินคอยเป็นหูเป็นตาให้อีก เห็นทีว่านิลนาคคงจะต้องเผชิญกับการต่อสู้กับรักตปักษ์อีกครั้งเป็นแน่

“ใช่ครับ... พวกเขากำลังตามหาตัวคุณกลิ่นจันทร์อยู่ วานคุณช่วยบอกคุณกลิ่นจันทร์ว่าให้ระวังสตรีในอาภรณ์สีแดงให้ดี ระยะนี้พยายามอย่าออกไปไหนไกล ตราบใดที่รักตปักษ์ยังไม่รู้ที่พำนักของพวกเขาก็ยังไม่มีอะไรต้องน่าห่วง”

“ค่ะ...ชั้นจะบอกคุณน้ากลิ่นจันทร์ตามนี้” ญาดาวีรับคำ

“ส่วนคุณ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปรับนะครับ”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าชั้นจะกลับบ้านพรุ่งนี้...” ญาดาวีลากเสียงค้าง แปลกใจที่คนปลายสายรู้ถึงสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ได้อย่างไร

“คงเพราะผมสามารถสื่อถึงหัวใจคุณได้มั้งครับ... ดูแลตัวเองด้วยนะครับ เจอกันพรุ่งนี้...” น้ำเสียงทุ้มกังวานสั่งเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่ญาดาวีเอาแต่นั่งม้วนอายอยู่บนเตียงนอน

“ค่ะ...ชั้นจะรอคุณนะ”


กลิ่นจันทร์เดินขึ้นบ้านมาพร้อมกับถาดเงินที่ว่างเปล่าภายหลังจากออกไปรอใส่บาตรพระในยามเช้าเช่นทุกวันในขณะที่กลุ่มหนุ่มสาวกำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหารกันอย่างขมักเขม้น

“คุณแม่มาพอดีเลย วันนี้ผมกับชลเตรียมอาหารเช้าไว้เพื่อคุณแม่โดยเฉพาะเลยนะครับ” ศรัณย์โอบเอวมารดาก่อนพาไปนั่งยังโต๊ะอาหาร ชลธิชายกแกงอ่อมร้อนๆ มายังโต๊ะกับข้าวในขณะที่ญาดาวีถือถ้วยน้ำพริกปลาร้าและผักสดตามหลังมา

ได้เห็นลูกชายมีความสุข... กลิ่นจันทร์ก็พลอยมีความสุขไปด้วย ศรัณย์ได้คู่ครองที่รักใคร่และน่าเอ็นดูอย่างชลธิชาก็ทำให้เธอสุขใจไปได้ครึ่งนึง จะเหลือก็แต่สิ่งสุดท้ายที่คนเป็นแม่จะหวังกับบุตรชาย นั่นคือได้เห็นชายผ้าเหลือง หวังจะได้เกี่ยวเกาะขึ้นสรวงสวรรค์ยามลาโลกไป

เมื่อเก็บสำรับกับข้าวเรียบร้อยญาดาวีก็ขอลาจากไปโดยบอกกับเพื่อนสนิทว่ามีชายหนุ่มมารับรอรับที่หน้าหมู่บ้าน ไม่นานนักภุชคินทร์ที่ลงไปรักษาตัวยังบาดาลก็ขึ้นมาจากลำโขงพร้อมกับอรวินทร์ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง

“ชั้นขอให้ลูกพักอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ชั้นยังไม่อยากให้เค้ากลับกรุงเทพฯ ช่วงนี้...” คนเป็นแม่เปรยเสียงค่อยขณะยืนเกาะขอบระเบียงกว้างของเรือนพัก ทอดสายตาไปยังสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ เบื้องล่าง ภุชคินทร์ยกมือขึ้นแตะต้นแขนของคนรักเบาๆ

“อย่าห่วงไปเลย อรวินทร์จะไปคอยดูแลลูกของเราด้วย จะไม่มีใครทำร้ายศรัณย์ได้แน่”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ชั้นก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี...” กลิ่นจันทร์ค่อยๆ ผินหน้ามาหาผู้เป็นสามีและจ้องหน้าเขาตรงๆ

“ฉันอยากให้ลูกของเราบวช... ชั้นอยากจะเห็นชายผ้าเหลือง...” น้ำใสๆ เคลียคลอที่สองเบ้าตาของหญิงวัยสี่สิบก่อนที่ภุชคินทร์จะขบกรามแน่นด้วยความอึดอัดใจ

“แต่ลูกเราเป็น...เค้าเป็น...”

“ไม่ลองก็ไม่รู้นี่ เค้ามีสายเลือดมนุษย์อยู่ครึงนึง ต้องบวชได้สิ...” กลิ่นจันทร์ยืนยันเสียงแข็งขณะที่ภุชคินทร์ค่อยๆ พริ้มตาหลับและถอนหายใจยาว

นาคสูงวัยเบิกดวงตาสีเขียวคล้ำจ้องมองผู้เป็นภรรยาตรงหน้า “ก็ได้...แต่ต้องถามใจลูกก่อนนะ” คำตอบจากสามีทำให้กลิ่นจันทร์ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ภุชคินทร์ค่อยๆ ยกนิ้วขึ้นเช็ดน้ำตาให้คนรักเบาๆ ในขณะที่สองหนุ่มสาวกำลังเดินเล่นริมฝั่งโขงเหมือนอย่างเคย

“สายรายงานว่าเห็นพวกนาคสีเขียวเกิดการปะทะกันแถบทางใต้ของอุบลฯ เมื่อสามวันก่อนค่ะ เป็นพวกนิลนาคไม่ผิดแน่...” ศรุตายิ้มอย่างมั่นใจทันทีที่บอกเรื่องสำคัญแก่คนเป็นนาย ตรีดาวสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างฮึกเหิม ก่อนที่ศรุตาจะรายงานต่ออย่างตาลุกวาว

“พวกมันยังบอกอีกว่า เห็นพวกชาวบ้านที่ปลูกเรือนอาศัยอยู่ริมฝั่งโขงกลายร่างเป็นนาคต่อสู้กับพวกเอราปถที่ขึ้นมาจากบาดาลด้วยนะคะ...”

“จริงเหรอ?” ตรีดาวทวนถามเสียงสูง

“ค่ะ...ตาสงสัยว่ามันอาจจะเป็นพวกนิลนาค อาจจะเป็นภุชคินทร์...” ชื่อของตนนั้นทำให้ความโกรธของตรีดาวลุกโชนขึ้น พวกนิลนาค...พวกมันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ พรากตรัศวินผู้เป็นน้องชายไปจากเธอ ถึงเวลาที่เธอจะต้องเอาคืนให้สาสมแล้ว

“ไปบอกศราวินให้เตรียมตัว...เราจะไปสืบให้รู้ว่าคนที่กลายร่างเป็นนาคาตนนั้นมันเป็นใคร” เอ่ยสั่งแก่สมุนคนสนิทก่อนที่ศรุตาจะน้อมรับบัญชารีบไปหาศราวินเพื่อมุ่งสู่ดินแดนอีสานใต้


ญาดาวียื่นซองจดหมายให้กับนางพิมพ์ดาวผู้เป็นป้าก่อนที่หญิงวัยสี่สิบจะคลี่ออกอ่านอย่างใจเต้น ทันทีที่เห็นลายมือในกระดาษแผ่นเล็กก็ถึงกับทำให้คนอ่านน้ำตาซึม

“จันทร์...นี่ลายมือกลิ่นจันทร์จริงๆ ด้วย” พิมพ์ดาวพูดเสียงสะอื้น รีบอ่านข้อความในจดหมายที่อีกฝ่ายฝากญาดาวีมาให้

‘นี่ฉันเองนะพิมพ์ดาว... ฉันต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ติดต่อกลับมาหลังจากที่หายไปในคราวนั้น ชีวิตของฉันที่ผ่านมามันช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน ฉันต้องขอโทษมะลิและป้าสายบัวที่ไม่ได้มีโอกาสไปดูแล แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันกับภุชคินทร์สบายดี หวังว่าเราคงได้พบกันอีกครั้ง....

กลิ่นจันทร์...’

พิมพ์ดาวละสายตาจากกระดาษแผ่นเล็กก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องหลานสาว “ตอนนี้กลิ่นจันทร์อยู่ที่ไหนยัยวี” ถามเสียงดังจนญาดาวีตกใจ

“อุบลฯ ค่ะ... อยู่โขงเจียม”

“เหรอ?...พาป้าไปหาจันทร์หน่อยได้มั้ย ไปเดี๋ยวนี้เลย”

“คุณป้าคะ คุณวายุเพิ่งพาหนูกลับมาถึงเมื่อกี้นี่เองนะ...หนูว่ารออีกซักพักดีกว่า รอให้คุณน้ากลิ่นจันทร์เธอพร้อมแล้วเราค่อยไปหาก็ได้...” ญาดาวีคิดว่าคนเป็นป้าคงไม่พร้อมที่จะรับรู้เรื่องราวที่เหนือความคาดหมายในตอนนี้แน่ นางพิมพ์ดาวคงช็อคหรือเสียสติไปแน่หากรู้ว่าภุชคินทร์คือนาคาและลูกชายของกลิ่นจันทร์ก็เป็นครึ่งนาคครึ่งมนุษย์

“แต่ว่า...”

“ไม่ต้องแต่อะไรทั้งนั้นนะคะคุณป้า เชื่อวีค่ะ... คุณน้ากลิ่นจันทร์เธอสบายดีคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วง”

“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะยัยวี แกจะไปรู้อะไรว่า สมัยอดีตน่ะเกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย พวกเราต่างสงสัยและอยากรู้กันทั้งนั้นว่ากลิ่นจันทร์หายไปไหน และหายไปได้ยังไง แต่ได้รู้ว่ายัยจันทร์ลงเอยกับภุชคินทร์ป้าก็ดีใจไปได้ครึ่งนึง...”

“ค่ะ...แถมยังมีลูกชายด้วยกันอีกต่างหาก เดี๋ยววันหลังหนูจะพามาให้รู้จัก เขาเป็นแฟนยัยชลน่ะค่ะ”

“นี่จริงเหรอเนี่ย?...” พิมพ์ดาวลากเสียง แววตาดูสุกใสขึ้นมา

“แต่ตอนนี้ทั้งคู่คงยังอยู่ที่โขงเจียม เอาเป็นว่าต่อไปนี้คุณป้าก็ไม่ต้องคิดมากกับเรื่องเพื่อนสนิทที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วนะคะ” ญาดาวีบอกพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง


กลิ่นจันทร์ลืมคำพูดของญาดาวีเสียสนิท วันที่สามหลังที่หญิงสาวผู้มีบารมีพิเศษจากไปเธอก็ตรงเข้าสู่ตัวเมืองเพื่อนำผ้าไหมผืนใหม่ที่เพิ่งทอเสร็จไปขายยังร้านประจำ วันนี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะแต่กลิ่นจันทร์ก็ไม่รู้สึกหงุดหงิดแม้ต้องรอนาน จนกระทั่งเสร็จธุระจึงแวะหาซื้อข้าวของที่ตลาดใกล้ๆ แถบนั้น

สตรีทั้งสามผู้อยู่ในอาภรณ์สีแดงฉานเดินเกาะกลุ่มกันมา ดวงตาอันแหลมคมค่อยกวาดสายตาไปรอบบริเวณที่ล่วงผ่าน เหล่าพ่อค้าแม่ค้าและคนที่ผ่านไปมาต่างจ้องมองหญิงสาวทั้งสามผู้สง่างามอย่างตาไม่กระพริบ

“เราต้องแยกกันแล้ว... ศราวินไปกับศรุตา อีกครึ่งชั่วโมงพบกันที่นี่” ตรีดาวสั่งผู้เป็นลูกน้องเมื่อมาหยุดอยู่ที่กลางตลาดที่ขายของชำนานาชนิด ศรุตารับคำก่อนนำหน้าศราวินเดินไปอีกทาง ส่วนตัวเองก็หันไปด้านซ้ายและมุ่งตรงไปอีกทาง

กลิ่นจันทร์หยิบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนขึ้นดูแล้วก็นึกถึงผู้เป็นลูกชายก่อนจะต่อรองราคากับแม่ค้าจนเป็นที่พอใจจึงตกลงใจซื้อไปให้ศรัณย์ใส่ พอได้เข้าร้านเสื้อผ้าก็ทำให้หญิงวัยสี่สิบเพลินตา เสื้อลูกไม้สีขาวที่แขวนโชว์ไว้ตรงมุมร้านปักลวดลายได้ปราณีตบรรจงสะดุดตาไม่น้อย กลิ่นจันทร์ก้าวขาเดินตรงไปเพื่อจะหยิบมันมาดูก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นชายผ้าสีแดงสดเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หัวใจที่อกซ้ายเต้นระรัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะค่อยๆ เบือนหน้าไปมองสตรีที่ยืนเด่นอยู่หน้าร้าน... ดวงหน้าขาวผ่องและเครื่องหน้าที่จัดวางได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวอีกทั้งดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่นั้น...กลิ่นจันทร์ยังจำได้ติดตา ตรีดาว รักตปักษ์ นั่นเอง...



Create Date : 20 กันยายน 2554
Last Update : 20 กันยายน 2554 17:11:39 น.
Counter : 540 Pageviews.

2 comments
  

มาเยี่ยมชม มาทักทาย

มาลงชื่ออ่านครับ

อิอิ
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:19:58:35 น.
  
ครับ
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:13:39:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
กันยายน 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
25
26
28
29
30
 
 
MY VIP Friend