Mint's world.
|
|||
บทที่ 10 กระจกเงา บทที่ 10 กระจกเงา เธอจะไม่มีวันมองเห็นตัวเอง หากไม่ส่องกระจก... กว่าหลายชั่วโมงที่ชลธิชาเอาแต่จดจ้องกับหนังสือเล่มหนาที่สั่งให้บิดาควานหามาให้ ตำนานพญานาค อิทธิฤทธิ์และปาฏิหารย์... สิ่งที่เธอเห็นมันเริ่มชัดเจนขึ้นทุกคืนวัน มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระที่คิดไปเองอีกแล้วชลธิชา... ศรัณย์ นิลนาคกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเธอไว้รึเปล่า ความลับอันแสนน่ากลัว เรื่องราวที่เธอไม่อยากจะจินตนาการไปถึง ภาพในนิมิตอันเด่นชัด นาคาสีเขียวตัวใหญ่ยาวกลายร่างเป็นภุชคินทร์ผู้เป็นบิดาของชายคนรัก... ครอบครัวนาคางั้นหรือ? ภุชคินทร์เป็นลูกชายของพญานาค ! เสียงเคาะประตูห้องทำให้หญิงสาวต้องสะกิดบิดาที่วางศีรษะลงข้างเตียงคนไข้ เมื่อชายสูงวัยลุกไปเปิดประตูจึงได้พบกับสตรีผู้สวยสง่ายืนเด่นอยู่หน้าห้อง สวัสดีค่ะคุณพ่อ หนูเก็จลดาค่ะ เธอบอกพร้อมยกมือไหว้ อีกฝ่ายถอยกายให้หญิงสาวคราวลูกเข้ามาในห้อง ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองไปรอบห้องก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่ดวงหน้าซีดเซียวของชลธิชา ศรัณย์ล่ะ เค้าไม่ได้มาที่นีเหรอ? เอ่ยถามเสียงห้วน ในขณะที่สองเนตรทอประกายแวววับ ชลธิชาจ้องมองเธอก่อนจะเหลือบไปเห็นสร้อยเงินเส้นเล็กที่ห้อยจี้พลอยสีดำสนิทไว้บนคอระหง ว่าไงล่ะชล ศรัณย์อยู่ไหน? ผู้เป็นบิดาที่สาวเท้าตามมาด้านหลังต้องเอียงคอมองแขกสาว นึกว่าอีกฝ่ายจะมาเยี่ยมผู้เป็นลูกสาวเสียอีก เขาไม่อยู่นี่หรอก ฉันให้กลับไปพักผ่อน บอกผู้เป็นเพื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เก็จลดาคลายความเครียดขรึมลงก่อนสะบัดตัวหนี อ้าว... บิดาหันมาหาผู้เป็นลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียง ตกลงว่าใครเป็นแฟนเจ้าศรัณย์กันแน่เนี่ย... ลากเสียงค้างก่อนยกยิ้มกวนๆ ใส่ลูกสาว ลูกไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอชล? ประโยคนั้นทำให้ดวงตากลมใสต้องหรุบลงต่ำ หวนคิดถึงใบหน้าคร้ามคมที่เคยชิดใกล้...และรอยยิ้มแห่งความสุขของผองเพื่อน ไม่ค่ะ...ชลรู้ว่าศรัณย์เค้าเป็นลูกผู้ชายพอ จบคำบิดาที่กำลังทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก็โพล่งปากหัวเราะออกมา ผู้ชายเรานะชล เมื่อได้อยู่ชิดใกล้กับผู้หญิงเข้าแล้ว หัวใจมันก็ต้องมีหวั่นไหวเป็นธรรมดา... ลูกคงเข้าใจนะ มันเป็นธรรมชาติ... แต่บางที ลูกอาจจะได้ทดสอบเค้าก็ได้... ชลธิชาหันขวับมาหาผู้เป็นบิดาทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะบอกเสียงขรึม ทดสอบความใจแข็งเค้าไงล่ะ... ฉันเคยฝันเห็นคุณ...คุณวายุ ญาดาวีจ้องหน้าชายหนุ่มจริงจัง ความอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นมาจนเธอรู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มและแววตาของเขาเหมือนตรึงเธอไว้ไม่ให้หันไปสนใจสิ่งใดอีกเลย เราอาจจะเคยพบกันมาก่อนก็ได้มั้งครับ? คุณถึงเก็บเอาผมไปฝัน... วายุลากเสียงค้าง รอยยิ้มหวานทำให้หัวใจของญาดาวีพองโต ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยพบคุณมาก่อน... เธอบอกช้าชัด วายุกลั้วหัวเราะก่อนจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ คุณแน่ใจเหรอครับ... ญาดาวีจ้องตาเค้า ภาพนกตัวใหญ่ที่กางปีกสีแดงฉานปรากฎอยู่ในสองตาคู่นั้น ดูเหมือนว่าคุณและเพื่อนๆ กำลังเจอปัญหานะ คำพูดของเค้าทำให้เธอสะดุ้งเฮือก หญิงสาวถอนหายใจก่อนกระพริบตาปริบๆ คุณว่าอะไรนะ รู้ได้ยังไงว่าฉันกับเพื่อนกำลังมีปัญหา... คำถามของเธอทำให้วายุต้องคลายยิ้มอ่อนโยนอีกครั้ง ชายหนุ่มยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นของบ้านนางพิมพ์ดาวภายหลังที่อีกฝ่ายได้ย้ายออกมาจากโรงพยาบาล ผมว่าเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่าครับ ที่ริมหนองมณีนิลเป็นไง... ก็ดีค่ะ... ญาดาวีตอบรับก่อนเดินตามหลังชายหนุ่มลงเรือนไป ศรัณย์ เดี๋ยวก่อน... เก็จลดาร้องเรียกคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินดุ่มๆ ตรงไปยังคณะ หญิงสาวรีบเร่งฝีเท้าให้ถึงชายหนุ่มเมื่ออีกฝ่ายชะลอความเร็ว นั่นแขนเป็นอะไรน่ะ ดวงตาสีดำขลับเอื้อมมองไปยังท่อนแขนซ้ายที่มีผ้าพันแผลสีขาวปิดไว้ เป็นแผลนิดหน่อย ว่าแต่...ดามีเรื่องอะไรรึเปล่า? เอ่ยถามหญิงสาวด้วยสายตาเรียบเฉย ในยามที่เขาเหงาเธอก็จะเป็นสิ่งที่เขานึกถึงเป็นอันดับแรก แต่พอความอ้างว้างผ่อนคลายลงเธอก็กลับไม่อยู่ในสายตาเขาอีกเลย ฉันก็แค่คิดถึงนาย อยากเห็นหน้านาย... ศรัณย์เอนหน้าหนีสายตาอ้อนวอนของอีกฝ่าย ฉันต้องรีบเข้าเรียน ไว้ค่อยคุยกันตอนเที่ยงแล้วกันนะ ชายหนุ่มบอกปัดก่อนสะบัดกายหนีและเดิมดุ่มๆ จากไป ทิ้งให้ร่างระหงต้องยืนทอดมองเขาจนลับสายตา ความเหน็บหนาวอ้างว้างเกาะกุมหัวใจอันโดดเดี่ยวของเก็จลดาอีกครั้ง ช่วงระยะแห่งความสุขมันช่างผ่านไปเร็วยิ่งนัก หากไม่มีชลธิชา ป่านนี้ศรัณย์ก็คงหันมาสนใจเธอ ห่วงใยและดูแลเธอแน่... ช่างน่าสมเพชจริงๆ... เสียงหัวเราะเย้ยหยันที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้ดวงหน้าที่กำลังเศร้าหมองต้องรีบหันกลับมาทันที ร่างปราดเปรียวของศราวินผู้อยู่ในชุดนักศึกษาคล้ายกันยืนประจันหน้าอยู่ สายตาดุจพญาอินทรีย์ผู้ทระนงจ้องมองเก็จลดาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ อย่ามายุ่ง เก็จลดากระชากเสียงใส่ เธอนี่มันช่างเลวจริงๆ เลยนะเก็จลดา คิดอยากได้แม้กระทั่งแฟนของเพื่อนตัวเอง ถ้าฉันเป็นชลธิชาล่ะก็...ไม่ปล่อยเอาไว้แน่ ประโยคที่ได้ยินทำเอาคนฟังหน้าชา มือเรียวกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่พอใจ ดวงตาสีดำขลับเปล่งประกายเจิดจรัส พลอยสีดำที่ห้อยอยู่บนคอร้อนวูบวาบขึ้นมา... กระแสลมแรงพัดกรูเข้ามาจากด้านหลังของเก็จลดา พัดตรงเข้าใส่ร่างศราวินจนอีกฝ่ายต้องก้าวถอยหลังอย่างพรั่นพรึง ดวงตาสีดำดุดันน่ากลัวจ้องมองคู่อริตรงหน้า แม้แต่งูเล็กๆ มันก็ยังมีพิษไว้ป้องกันตัว อย่าคิดว่าฉันทำอะไรแกไม่ได้นะ...ศราวิน ! ตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว ญาดาวีเดินตามชายหนุ่มร่างสูงสง่ามาจนถึงริมฝั่งหนองมณีนิลอันเงียบสงบ ฝูงนกกระสาที่บินลงมาหากินโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ไอหมอกสีขาวขุ่นมัวเริ่มปกคลุมบึงใหญทีละนิด... กอบัวสีขาวเกาะกุมกันอยู่ในเขตวังน้ำมรกต วายุสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนผินตัวกลับมาหาหญิงสาว ดวงตาคมคายคู่นั้นจ้องมองญาดาวีแน่วแน่จนหญิงสาวรู้สึกขนลุกซู่ อันที่จริงแล้ว เรื่องราวที่เพื่อนและคุณกำลังได้พบมันเกี่ยวพันมาตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้ว... เขาบอกเสียงนุ่ม คิ้วเรียวสวยของหญิงสาวขมวดเข้าหากัน คุณคงเคยได้ยินเรื่องมณีนาคสวาทและตระกูลนิลนาคที่ปลูกบ้านริมน้ำอยู่ริมฝั่งหนองมณีนิลด้านโน้น... เขาชี้มือไปทางอีกฝั่งของโค้งน้ำ ญาดาวีทอดสายตามองตามไปในทันใด หลังคาสีเทาเก่าคร่ำคร่าปรากฎเห็นอยู่เพียงเลือนลาง ศรัณย์ คือลูกชายของภุชคินทร์ ทายาทแห่งตระกูลนิลนาคผู้ที่ดูแลมณีนาคสวาทสีเขียวมรกตอยู่ในตอนนี้ จบประโยค ญาดาวีก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้าใส่ศีรษะ ความสับสนงุนงงเริ่มเกาะกุมจิตใจในขณะที่แสงสว่างแห่งความจริงก็เริ่มฉายชัดขึ้นมา คะ คุณกำลังจะหมายความว่า... ตระกูลนิลนาคเป็นพญานาคและศรัณย์ก็เป็น... สายลมเย็นยามค่ำลอยมากระทบร่างบางที่ยืนนิ่งจนหนาวยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ ใบหน้าได้รูปตรงหน้าดูงดงามและน่ากลัวในคราเดียวกัน วายุคลายยิ้มราบเรียบ จ้องมองสองตาของหญิงสาว... เธอจำเป็นต้องรู้เรื่องราวทั้งหมด จำเป็นต้องรู้ความจริงทั้งหมด เพื่อที่ว่า เธอจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นและหยุดยั้งภัยร้ายที่จะคุกคามศรัณย์กับคนรัก ศราวินโผเข้าบ้านด้วยสีหน้าหม่นหมอง ดวงสีดำอันทรงอำนาจของเก็จลดาที่จ้องมองมันทำให้หญิงสาวรู้สึกหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยกริ่งเกรงอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ทำไมคราวนี้ถึงได้หวาดเกรงแม่นั่นได้นะ... หญิงสาวเอนกายอันเหนื่อยอ่อนลงพิงโซฟาตัวเขื่องในห้องนั่งเล่น ถอนหายใจแผ่วเบาเพื่อขับไล่ความเครียดเกร็งที่เกราะกุมให้หลุดออกไปก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนและเอนหน้าไปยังสวนดอกไม้ด้านข้างของตัวบ้าน กรงนกขนาดย่อมถูกเปิดง้ามไว้ นกสีชมพูตัวน้อยอันโปรดปรานของเธอหายไป !!! นกหายไปไหน... นกของฉันหายไปไหน เจ้านายสาวตะโกนลั่นบ้านด้วยความขึงโกรธ เหล่าแม่บ้านรีบกรูกันเข้ามาหาอย่างหน้าตาตื่น มีเรื่องอะไรหรือคะคุณวิน หัวหน้าแม่บ้านวัยสี่สิบสอบถามเสียงค่อยก่อนที่นายสาวจะตวัดสายตามาจ้องมอง ดวงตาดุจนางพญาอินทรีย์ที่กำลังเกรี้ยวกราดทำให้เหล่าแม่บ้านต้องรีบก้มหน้างุด นกของฉันหายไปไหน ใครเป็นคนเปิดกรงนี่ ชี้มือไปที่กรงนกในขณะที่เหล่าแม่บ้านได้แต่สั่นศีรษะไปมา ไม่มีคนปล่อยแล้วมันจะเปิดกรงบินออกมาเองงั้นเหรอ? ถ้าพวกแกไม่บอก ฉันไล่ออกยกชุดแน่ สะบัดกายหนีก่อนเดินพรวดพราดเข้าไปหานกตัวน้อยในสวนกว้าง ร่างระหงแหวกผ่านต้นไม้ใหญ่น้อยพร้อมกับร้องเรียกหาสกุณาที่รักนักหนาแต่ก็ไม่พบ ความรู้สึกเสียดายทำให้ศราวินอยากจะกลับไปจัดการเหล่าแม่บ้านพวกนั้น แต่ทว่า...สองตาคมกริบก็มาหยุดลงที่ขนนกสีชมพูสดที่หล่นอยู่บนพื้น มันยาวราวยี่สิบเซ็นติเมตร ใหญ่เกินกว่าจะใช่นกตัวน้อยธรรมดาๆ ที่เธอเลี้ยงไว้ แต่ทว่า...สีชมพูสดที่เธอจำได้แม่นยำกลับทำให้ศราวินขนลุกซู่ หญิงสาวก้มลงหยิบขนนกสีชมพูนั้นมาไว้ในมือ ก่อนผินมองยังพื้นทางเดินเบื้องหน้า ขนนกหล่นเกลื่อนไปเป็นทาง ศราวินค่อยๆ สืบเท้าตามมันไป จนกระทั่งได้พบกับ... สตรีเรือนร่างอรชรกำลังเช็ดถูปีกสีชมพูสดที่โน้มเข้าหาห่อหุ้มร่างกายอย่างมีความสุข รูปหน้าเธองดงามราวกับนางอัปสร รูปร่างและหน้าตาเหมือนกับมนุษย์ไม่มีผิดเพี้ยน แตกต่างก็ตรงที่ปีกขนาดใหญ่ที่แผ่สยายออกมาจากแผ่นหลังก็เท่านั้น ศราวินตะลึงงันกับภาพที่ได้เห็น หญิงสาวเคยวาดฝันไว้ในวัยเด็กว่าสักวันต้องมีปีกและโผบินขึ้นสู่ฟากฟ้า... สิ่งที่เห็นตรงหน้าประหนึ่งกระจกเงาที่สะท้อนในสิ่งที่เธอปรารถนาให้กลายเป็นความจริงขึ้นมา ดวงหน้าที่กำลังมีความสุขของครุฑสาวเงยขึ้นมองฝ่ายตรงข้าม ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเธอแน่นิ่งพร้อมกับคลายยิ้มอบอุ่นที่ศราวินต้องแอบยิ้มตาม ฉันคือนกน้อยของเธอไง... จำไว้นะ ฉันชื่อศรุตา... นิทรารู้ดีว่าตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก การไปข้องแวะและใช้อิทธิฤทธิ์กับมนุษย์โดยไม่มีความจำเป็นถือเป็นสิ่งไม่ควร เธอเป็นสาวกของราชวงศ์นาคเสนแต่กลับไม่เคารพกฎของพวกเขา ไม่ช้าก็เร็วเธออาจจะถูกขับออกจากกลุ่มพญานาคสีดำอันทรงฤทธิ์ตระกูลนี้ได้ แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า? ก็ในเมื่อปริตรผู้เป็นคนรักยังคงหมายมาดว่าจะแก้แค้นศรัณย์ นิลนาคให้ได้ มิหนำซ้ำเค้าอาจจะเผลอใจไปให้กับนางมนุษย์สาวนามว่าชลธิชาแล้วก็ได้... เธอต้องเลือกแล้วนิทรา ต้องเลือกทางเดินของตัวเองแล้ว... ในขณะที่เก็จลดานั่งมองจี้สีดำที่ห้อยคออยู่นั้น จู่ๆ กระแสลมแรงก็โหมกระหน่ำพัดเข้าใส่ร่างหญิงสาวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เธอพยายามหยัดกายลุกขึ้นยืน ใช้สองมือบังหน้าไว้ในขณะที่สองตาจ้องมองหนทางเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยไอหมอกสีดำ สตรีผู้สวมอาภรณ์สีทึบค่อยๆ สืบเท้าออกมาจากไอควันตรงหน้า เธอคือนางนาคาที่จงใจเล่นงานพวกตนกับเพื่อนๆ เมื่อคราวก่อนนั่นเอง สองร่างที่ประจันหน้ากันในความฝันสบสายตากันแน่นิ่ง พอได้เห็นสร้อยเงินที่อำภุชมอบให้กับเก็จลดาเมื่อหลายวันก่อนก็ทำให้เธอจ้องมองมนุษย์สาวอย่างขุ่นเคืองทันที นาคสาวกำหนดจิต ใช้แรงให้เกิดลมพัดเข้าใส่เก็จลดาในด้านซ้ายก่อนที่อีกฝ่ายจะหันไปหากลุ่มวาโยสีดำเหล่านั้น สองตาอันทรงอำนาจเพ่งมองแน่นิ่ง... รัศมีสีเทาหม่นแสงส่องประกายวูบวาบบนคอระหง... กระแสลมแตกสลายกลายเป็นอณูอากาศเย็นเยียบ นิทราหันไปจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหน้าถอดสี สร้อยเส้นนั้นจะมีฤทธิ์ก็ต่อเมื่อผู้ที่สวมใส่เป็นนาคาและมีบุญญามากพอ... ไอเย็นที่ลอยมาปะทะซึมซาบเข้าสู่เรือนร่างอันสง่างาม หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่มีอยู่ในตัว สองตาจ้องมองนาคสาวผู้หยิ่งยโสตรงหน้าก่อนสืบเท้าเข้าไปหาอย่างไม่กริ่งเกรง นิทรามองผู้ที่อาจหาญต่อกรกับเธอตรงหน้าด้วยความขุ่นเคือง ร่างบางกลายร่างเป็นนาคาสีดำในทันใดก่อนจะกระโจนเข้าใส่ร่างเก็จลดาที่ทะยานเข้ามาหาอย่างไม่กริ่งเกรง ทำไมเราต้องลุ้นคู่หนูภัทรกะวายุมากกว่าใคร ตื่นเต้นจัง อยากรู้ว่าตกลงใครเป็นใครในชาติก่อน
โดย: pearzilla IP: 24.177.193.99 วันที่: 18 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:34:42 น.
ลุ้น ๆ ๆรออ่านนะคะ สนุกมากกก
โดย: เหมียว IP: 124.122.49.202 วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:07:23 น.
|
ผีเสื้อสีดำ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า... ทำไม่ได้ Group Blog All Blog
Friends Blog
Link MY VIP Friend |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |