นาคนิรมิต (บทที่ 14 หายนะที่มาเยือน)
บทที่ 14 หายนะที่มาเยือน

ลำแสงสีดำพุ่งพรวดขึ้นสู่ท้องฟ้าอันอึมครึม ฝูงปักษาบินแตกกันไปคนละทิศละทาง พญานาคสีดำที่ยังเหลือล้วนแผ่พังพานอย่างหยิ่งผยอง รัศมีอันทรงพลังแห่งมณีนาคสวาทสีดำของพญาศรีโคตมะพุ่งเข้าใส่ร่างสิตามัน รักตปักษ์จนสิ้นชีวิตในที่สุด

คล้ายว่าทุกอย่างได้หยุดลงตรงนั้น... ผลการตัดสินออกมาเรียบร้อยแล้ว วันนี้ ครุฑ...แพ้

“ไม่จริง...” หลานชายอันเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวรำพันอยู่ในคอ ทอดมองร่างของผู้เป็นประมุขที่ค่อยๆ ร่วงลงสู่ผืนดินแห่งนาคเสน ก่อนที่พวกนาคสีดำนับสิบจะรุมกัดจนร่างแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี

“พวกแก...พวกแกต้องตาย” ครุฑหนุ่มระเบิดเสียง น้ำตาไหลพรากออกมาจากสองเบ้าตา ปีกหนาพาร่างตรงไปยังผู้ประทับบนบัลลังก์สีดำ ณ ห้วงอากาศเบาหวิว รัศมีสีดำอัมพันส่องตรงมายังปักษาหนุ่ม

“ระวัง...” ศรสวรรค์ดันร่างคนรักออกอย่างแรงจนทั้งเขาและเธอพ้นจากอันตราย เจ้าเหนือหัวของนาคเสนยังจ้องเขม็งมายังสองร่าง

“เราต้องรีบหนี” ครุฑสาวบอกเสียงพร่าแต่อีกฝ่ายยังขาดสติ ดึงดันจะเข้าไปหาศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว

“ถ้านายไปตอนนี้ก็ต้องตายอยู่ดี แล้วใครล่ะ? ที่จะเป็นคนแก้แค้นให้นายท่านสิตามัน” หมายจะพูดให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจแต่ทว่ามันกลับเป็นชนวนที่จุดไฟแค้นในใจของตรัศวินให้ลุกโชนขึ้นมายิ่งกว่าเดิม

ดวงตาสีน้ำตาลแดงอันเกรี้ยวกราดจ้องมองเหล่านาคสีดำนับร้อยที่เลื้อยอยู่บนพื้นดิน ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่นจนชิด สักวัน...เขาจะมาเอาชีวิตนาคาพวกนี้ไปให้ยมบาล พวกมันทำลายทุกอย่าง ทำลายรักตปักษ์จนย่อยยับ


ปณาลีล้มฟุบลงไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แก้วมณีอันมีฤทธิ์แห่งเอราปถหลุดออกมาจากมือ นาคทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างเหงื่อตกไปตามๆ กัน ตรีดาวจุดยิ้มที่มุมปาก เชิดหน้ามองภูรินทร์ที่ยืนหน้าซีดอยู่เบื้องหลังผู้เป็นหลานสาว

“แก...” คนที่ถูกแย่งชิงของรักไปกัดฟันแน่น ดวงตาสีเขียวคล้ำที่จ้องมองนางปักษากลายเป็นแดงก่ำขึ้นมา ในขณะที่ปีกสีแดงค่อยๆ กางออกจากแผ่นหลังของตรีดาว

ปณาลีวิ่งโร่เข้าไปหาศัตรูอย่างเคืองแค้นในขณะที่อสุนีแหงนหน้ามองท้องฟ้าดำมืดเบื้องบน สายฟ้าอันมีอานุภาพทำลายล้างมหาศาลพุ่งตรงมายังปักษาสาวแต่ทว่าเสียงเตือนของน้องชายก็ฉุดให้ตรีดาวเบี่ยงตัวหลบด้วยสัญชาตญาณ อสุนีบาตฟาดเปรี้ยงลงยังร่างปณาลีจนแน่นิ่งก่อนล้มลงไปกองกับพื้น เปลวเพลิงลุกโชนบนร่างที่ไร้วิญญาณของนาคสาว

“ไปเร็ว...” ตรัศวินร้องบอกพี่สาวอีกครั้ง ตรีดาวจึงรีบกวักปีกบินหนีไปไม่ทันที่สององครักษ์แห่งนาคเสนจะได้สำแดงฝีมือ

ภูรินทร์ทรุดนั่งลงมองซากศพของหลานสาวทั้งน้ำตา ตนผิดเองที่ทำให้ปณาลีต้องมาจบชีวิตเช่นนี้ ตนได้ทำผิดอย่างไม่น่าจะให้อภัย

“ขอโทษด้วย” อสุนีเดินเข้ามาใกล้ก่อนหันไปทอดมองร่างที่กำลังถูกเปลวไฟเผาไหม้พร้อมโค้งคำนับ ขออโหสิให้กับบาปมหันต์ในครั้งนี้

“ข้าจะตามไปฆ่ามัน...” อำภุชกัดฟันลุกขึ้นยืน อสุนีรีบปราดเข้าไปประคองสหายรัก

“ไม่ต้องไปให้เสียเวลาหรอก” น้ำเสียงเย็นเยียบของวาสิตายิ่งทำให้บรรยากาศวังเวงมากกว่าเดิม กลิ่นเหม็นไหม้ของเศษซากแห่งความตายลอยคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณ เหล่านาคต่างกลายร่างเป็นมนุษย์ หามพวกที่บาดเจ็บเข้าไปรักษาภายในวิมาน อีกส่วนก็ตรงไปจัดการพวกปักษาที่กำลังใกล้ตายให้ได้พ้นทุกข์กันทุกรายไป

อำภุชจ้องหน้าผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ อสุนีเองก็รอฟังความเห็นจากนางเช่นกัน

“หัวหน้ามันถูกฆ่าตายอย่างนี้ ยังไงแล้วพวกลูกหลานบริวารมันก็ต้องมาล้างแค้นพวกเราอยู่ดี ถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการมันก็ยังไม่สาย” ดวงหน้าซูบตอบหันมาคลี่ยิ้มให้สมุนทั้งสอง

“ไปพักรักษาตัวกันได้แล้ว” นาคสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนเงยหน้าขึ้นไปยังท้องฟ้า บัลลังก์สีดำค่อยๆ เลื่อนลอยกลับสู่วิมานนาคเสนอันยิ่งใหญ่


ตรีดาวมุ่งหน้ากลับสู่คฤหาสน์รักตปักษ์พร้อมกับน้องชายและพรรคพวกที่เหลือโดยที่ครุฑสาวได้ลืมคนสนิทสำคัญอย่างเวนไตยไปเสียสนิท ครุฑหนุ่มพลัดหลงออกมาจากฝูงเมื่อเกิดการปะทะ เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะตามไปฆ่านาคกลุ่มหนึ่งที่หนีการต่อสู้ซึ่งเลื้อยออกมาจากสนามรบ แต่เมื่อบินตามมาเรื่อยๆ ปักษาปีกสีแดงฉานตนนี้ก็ได้รู้แล้วว่ามันเป็นกับดัก

นาคพวกนั้นหลบไปซ่อนตัวอยู่ในเชิงเขาที่เต็มไปด้วยซอกหินน้อยใหญ่ นกตัวใหญ่กระพือปีกบินพยุงร่างกายขณะสอดส่ายสายตาหาเหยื่ออย่างขุ่นเคืองก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลแดงจะเหลือบไปเห็นเกล็ดสีดำมันมะเมื่อมที่กำลังเลื้อยลงซอกหินอย่างเงียบเชียบ ร่างมหึมาโยนตัวเข้าไปหาเป้าหมาย แต่พลันนั้นเองหินก้อนใหญ่ก็ลอยละลิ่วมาถูกปีกหนาจนปักษาหนุ่มร้องครางเสียงหลง

ร่างเพรียวลมปรากฏขึ้น ณ กลางเวหาอันเย็นเยียบ เวนไตยกัดฟันจ้องเรียวหน้าหวานละมุนของศัตรูที่มีฤทธิ์เหนือกว่า “ได้เจอกันอีกครั้งจนได้นะ...พิณภัทร์”

นาคสีดำที่ซ่อนตัวอยู่เริ่มเลื้อยออกมาจากที่หลบซ่อน ดวงตาสีดำที่เดือดดาลจ้องมองสมุนแห่งรักตปักษ์ด้วยความเคียดแค้น พิณภัทร์ถอนหายใจเบาๆ กระพริบตามองคนเคยรู้จักกันมาก่อนที่ค่อยๆ กระพือปีกบินขึ้นอีกครั้ง

“ฉันจะให้โอกาสนายเวนไตย กลับไปซะ...” ว่าจบอีกฝ่ายก็ยิ้มเย่าะใส่ จะให้เขากลับไปง่ายๆ งั้นหรือ นาคไม่มีวันที่จะชนะครุฑได้หรอก

สกุณาร่างยักษ์ทะยานกายสูงขึ้นก่อนพุ่งเข้าใส่วิรูปักษ์หนุ่ม แต่ว่าพิณภัทร์เป็นโอปปาติก จึงสามารถสลายร่างกายให้กลายเป็นอณูอากาศอันว่างเปล่าก่อนจะหลอมรวมเข้าเป็นตัวตนใหม่อีกครั้ง

“ฉันให้โอกาสนายแล้วนะ ถือว่านายเคยเป็นเพื่อนกับวายุ แต่ว่าตอนนี้...ฉันคงช่วยอะไรนายไม่ได้อีกแล้ว” ดวงตาสีน้ำตาลทองประสานกับสองเนตรของครุฑหนุ่ม พลันนั้น...ความเจ็บปวดทรมานก็ค่อยๆ ซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของเวนไตยจนมิอาจควบคุมได้ ปีกสีแดงหนาเข้มหดหายเข้าไปสู่แผ่นหลังที่สั่นระริก ร่างที่หงิกงอหล่นฮวบลงสู่พื้นดิน เส้นเลือดปูดโปนราวกับไส้เดือน ดวงตาแดงก่ำแหงนขึ้นจ้องมองร่างเพรียวลมที่ค่อยๆ ลอยต่ำลงมาจากฟากฟ้า

“ลาก่อน...” สองคำที่หลุดลอยออกไปนั้นได้กระชากหัวใจของเป้าหมายให้หยุดเต้นลงในที่สุด ใบหน้าซีดเผือดแนบลงกับพื้นดิน ลมหายใจสุดท้ายลอยแผ่วออกจากร่าง

“พี่เวนไตย...” สุ้มเสียงกังวานใสที่สั่นเครือทำให้พิณภัทร์สะดุ้งเฮือก ศรุตาบินแฉลบลงมาจากฟากฟ้าก่อนปราดเข้าไปหาร่างครุฑหนุ่มที่นอนสิ้นใจบนพื้น

“แกฆ่าพี่เวนไตย” น้องสาวของวายุหยัดกายขึ้น ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นจ้องมองพิณภัทร์ที่ยืนหน้าซีด ปักษาสาวกลายร่างเป็นนางครุฑ บินตรงไปยังนาคสีทองในร่างมนุษย์ที่ยืนนิ่ง

พิณภัทร์เบี่ยงตัวหลบก่อนหายวับไปกับมวลอากาศ “หายไปไหน...ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” ครุฑสาวแหกปากร้องทั้งน้ำตา ร่างเพรียวลมลอยอยู่ห่างออกไปราวสิบเมตร ดวงหน้าเจือไปด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าตนจะจัดการกับศรุตาอย่างไรดี

ศรุตากัดฟันกรอดก่อนพุ่งกายเข้าไปหาพิณภัทร์เป็นรอบที่สองแต่ขณะนั้นเองนาคสีเขียวแห่งนิลนาคก็ตวัดหางฟาดใส่ร่างนางครุฑสาวจนเซล้ม ดวงตาสีเขียวคล้ำของอรวินทร์กลายเป็นแดงก่ำขึ้นมา ตรงเข้าถลันกายเข้าหาศัตรูที่กำลังเสียท่าแต่ว่าพลันนั้นเองลมพายุใหญ่ก็ได้ซัดร่างนาคสาวให้กระเด็นไปอีกทาง

วายุในคราบปักษาหนุ่มร่างกำยำยืนขวางร่างน้องสาวไว้ ดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่นั้นจ้องเขม็งมายังอรวินทร์ก่อนเลยไปยังร่างเพรียวลมของพิณภัทร์ สายตาของเขาเคร่งเครียดน่ากลัว เป็นนกที่กำลังปกป้องน้องสาวจากศัตรูร้ายอย่างสุดชีวิต

“ศัตรู...เรากำลังเป็นศัตรูกันงั้นหรือวายุ” พิณภัทร์กระซิบถามตัวเองแผ่วเบา อรวินทร์ถอยกายเข้ามาหาด้วยความหวั่นเกรง นาคหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งเหมือนร่างไร้ชีวิต สีหน้าเย็นชาของปักษาหนุ่มผู้เป็นมากกว่าคนรู้จักทำให้พิณภัทร์รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเพียงปุยนุ่นเบาหวิว กำลังลอยเคว้งคว้างไปกลางอากาศอย่างไม่รู้ทิศทาง


ลานหน้าพระราชวังถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงาม พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างองค์ชายไผทเทพและองค์หญิงลดามณียิ่งใหญ่สมดังที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ ชาวเมืองนับร้อยถูกเชิญให้เข้าร่วมพิธีสำคัญในครั้งนี้ด้วย แขกบ้านแขกเมืองต่างก็ชื่นชมในการจัดพิธีอันพิถีพิถันของข้าหลวงแห่งองค์ปัทม์ราชายิ่งนัก

หญิงสาวในอาภรณ์อันสง่างามกำลังจะย่างกรายออกมาจากที่ประทับแต่พลันนั้นเอง เสาเรือนก็โอนเอนไปมาจนลดามณีเซล้ม บ่าวไพร่ที่อยู่คอยอยู่หน้าเรือนต่างกรีดร้องกันระงม เสียงต้นไม้ใหญ่หักโค่นดังอึกทึกคึกโครม ลออรีบรุดเข้ามาประคองพระองค์หญิงอย่างหน้าตาตื่น

“เป็นอย่างไรบ้างเพคะองค์หญิง” นางกำนัลพาร่างบางมายังเสาเรือนเพื่อใช้เป็นหลักยึด เรือนไม้กฤษณาสั่นไหวรุนแรงขึ้นอีกรอบ คราวนี้ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากลานพระราชพิธี ผู้คนต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน ลดามณีหน้าถอดสีหันมากำชับนางบ่าวให้พาเธอลงจากเรือน

“หรือว่าอาจจะเป็นข้าศึกจากต่างเมือง” ลออใจหายวาบ แค่คิดถึงการรุกรานแบบกระทันหันก็ทำให้นางกำนัลสาวใจเสีย

“ไม่ใช่...แผ่นดิน แผ่นดินมันกำลังสั่น”

“แผ่นดินหรือเพคะ” สองนายสาวทอดมองไปยังลานดินด้านหน้า ลดามณีรีบนำลออให้ออกมายืนยังที่โล่งก่อนที่ผืนปฐพีอีกฟากจะค่อยๆ แยกออกจากกัน เทวสถานปราสาทน้อยใหญ่ในพระราชวังต่างล้มลงทับกันจนพังพินาศย่อยยับ

หรือว่าจะเป็นเพราะมัน...มณีนาคสวาท

ลดามณีหันหลังขวับก่อนวิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับขึ้นเรือน รีบซวนเซกลับเข้าห้องไปคว้าเอาอัญมณีชิ้นสำคัญมาไว้ในมือก่อนรีบถลันกายลงมาจากเรือนที่กำลังโคลงเคลง ลออรีบวิ่งเข้าไปรับตัวผู้เป็นนายไว้

“นั่นอะไรเพคะองค์หญิง” นางกำนัลคนสนิทเอ่ยถาม ดวงตาจับจ้องไปยังมณีสีเขียวมรกตในมือของผู้เป็นนาย

“อย่าเพิ่งถามมาก รีบพาข้าไปหาองค์ชายเร็วเข้า” สั่งเสียงเข้มก่อนที่ลออจะรีบนำทางฝ่ากลุ่มขุนนางที่วิ่งหนีตายออกมาจากลานหน้าพระตำหนักใหญ่ ที่นั่น...เหล่าปราสาทราชมณเฑียรพังทลายลงมามากกว่าครึ่ง แล้วพระราชบิดากับพระราชมารดาเธอล่ะ...จะเป็นเช่นไร?

ลดามณีน้ำตาไหลพราก ได้แต่ทอดมองความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ร่างบางสั่นเทิ้มจนควบคุมไม่อยู่ก่อนที่เสียงแหบห้าวของชายหนุ่มจะฉุดให้หญิงสาวออกจากภวังค์

“เสด็จพี่...” หญิงสาวร้องเรียกเขา ไผทเทพคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่ยังเห็นคนรักปลอดภัย องค์ชายหนุ่มคอยสั่งการให้เหล่าองครักษ์ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ เหล่าทหารคุ้มกันนับสิบก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาไปไหนด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตรายจนกว่าเหตุการณ์จะสงบลง

แผ่นดินเริ่มหยุดสั่นสะเทือน ผู้คนที่บาดเจ็บต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก ลออได้แต่วิ่งตามนายสาวไปยังเขตลานพระราชพิธีที่มีข้าวของหล่นเกลื่อนกลาด พลันนั้น...ผืนปฐพีก็กลับสั่นไหวรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ลดามณีล้มคว่ำลงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ลานหินขนาดกว้างค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากกันทีละนิด

“ลดามณี...” ไผทเทพหน้าเสีย คนรักตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหล่าองครักษ์ต่างรีบเข้าประชิดตัวองค์ชายไว้อย่างแน่นหนา

“หลีกไป” ผู้เป็นองค์ชายสั่งเสียงกร้าวแต่เหล่าทหารหาญก็ไม่ยอมถอยก่อนที่ไผทเทพจะชักดาบขึ้น

“ช่วยด้วย ช่วยองค์หญิงด้วยเพคะ” เสียงของลออดังแว่วเข้ามากระทบหู ไผทเทพจึงยันร่างเหล่าองครักษ์ออกจนพ้นทาง ร่างสูงสง่าปราดเข้าไปหาคนรักด้วยความห่วงใย

“อย่าเข้ามาเพคะ” ลดามณีกรีดร้องเสียงหลงทั้งที่ตัวเองล้มเจ็บ แผ่นดินแยกออกเป็นสองส่วน ไผทเทพอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ องค์ชายหนุ่มรีบถอยกรูเพราะเกือบก้าวพลาดตกลงไปยังหุบเหวอันมืดมิด กลิ่นอับชื้นจากใต้บาดาลลอยคลุ้งขึ้นมาตามรอยแยกนั้น

สองหนุ่มสาวประสานสายตากัน ไผทเทพมิอาจนิ่งเฉยอยู่แบบนี้ได้ องค์หญิงผู้บอบบางล้มเจ็บอยู่ต่อหน้าเขา ดวงหน้าที่แปดเปื้อนคราบน้ำตาทำให้ชายหนุ่มต้องขบกรามแน่นอย่างขมขื่น ไม่รู้ว่าสวรรค์จงใจจะกลั่นแกล้งเขาหรือไร งานมงคลจึงได้กลับกลายเป็นวันที่นครแห่งนี้ต้องพังพินาศลง
องค์ชายไผทเทพตัดสินใจแล้ว ร่างสูงค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น ลดามณีได้แต่จ้องมองเขาอย่างใจหาย ขออย่าให้เขาทำในสิ่งที่เธอกำลังคิดไว้เลย

“พี่จะไปหาเจ้า...” องค์ชายหนุ่มสูดลมหายใจ ดวงตาอันมุ่งมั่นจับจ้องไปยังดวงพักตร์ของลดามณี ร่างสูงสง่าวิ่งตรงไปข้างหน้าก่อนจะกางขากระโดดข้ามหุบเหวมืดมิด

เหมือนว่าฟ้าดินจงใจจะกลั่นแกล้ง ผืนดินจึงได้แยกห่างออกจากกันอย่างรวดเร็ว ลดามณีรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบดขยี้ไม่มีชิ้นดี ร่างคนรักดิ่งฮวบลงสู่เงามืดเบื้องล่างในที่สุด

“องค์ชาย...ไม่...” หญิงสาวกรีดร้องพลางน้ำตาไหลพราก สองมือเกาะขอบหุบเหวลึกชันนั้นไว้ ลออรีบประคองร่างผู้เป็นนายอย่างใจเสีย องครักษ์ของผู้เป็นองค์ชายได้แต่นั่งร่ำไห้อยู่อีกฝั่งของผืนปฐพี เขาจากไปแล้ว...จากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว...


สามวันนับจากที่ทั้งเมืองถล่มราบเป็นหน้ากอง ลดามณีสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง พระราชบิดาและพระราชมารดาอันเป็นที่รักยิ่งของเธอตลอดจนเหล่าอาณาประชาราษฎร์ รวมทั้งสูญเสียคนรักที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรส บัดนี้หญิงสาวรู้สึกมืดแปดด้าน ดวงเนตรกลมใสที่คลอเคลียไปด้วยหยาดน้ำตาได้แต่เฝ้ามองเศษซากปรักหักพังของพระราชวังก่อนจะผินมายังดวงแก้วสีเขียวมรกตที่นำติดตัวไว้ทุกเวลา

“มันจะมาอีกพระพุทธเจ้าคะ พวกมันจะมายังที่นี่อีกครั้ง” นักพรตสูงวัยที่เหล่าอำมาตย์นำตัวมาเข้าเฝ้าเอ่ยบอกแก่พระธิดาด้วยเสียงสั่นเครือ เหตุที่แผ่นดินเกิดสั่นไหวจนทำให้ทั้งเมืองพังครืนลงมานั้นก็เป็นเพราะฤทธิ์ของนาค พวกนาคาที่มาตามหาของบางอย่าง

หญิงสาวย้อนนึกถึงคำพูดของบุรุษผู้มีกายเป็นนาคครึ่งท่อนในคืนนั้น เขากำชับนักหนาว่าให้เธอซุกซ่อนมันไว้จนกว่าผู้มีบุญญาธิการจะมาพบ แต่ว่าตอนนี้พญานาคที่มีฤทธิ์น่ากลัวคงสงสัยว่ามันคงอยู่ในเมืองนี้แน่ แล้วจะทำเช่นไรเล่า จะนำมณีศักดิ์สิทธิ์นี้ไปให้แก่พวกนาคดีหรือเปล่า หรือว่าจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับนาคที่จากไปตนนั้น

ลดามณีถอนหายใจแผ่วเบาก่อนที่สายลมยามเย็นจะพัดหอบเอากลิ่นไอของความตายเข้ามาปะทะร่างบางที่ทรุดเพียงลำพัง ภาพวินาทีที่ไผทเทพหล่นฮวบลงไปยังผืนดินดำมืดนั้นทำให้หญิงสาวปวดร้าวใจจนมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ไหนจะพ่อแม่เธออีกเล่า... ผู้คนตั้งมากมายต้องล้มตายเพราะตัณหาของนาคาพวกนั้น ในเมื่อพวกเขาทำให้เธอเจ็บ ก็อย่าหวังว่าจะได้ครอบครองมณีนาคสวาทง่ายๆ เลย

“ลออ...” รับสั่งหานางกำนัลคนสนิทเสียงดังลั่น ลออวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา เบิกมองดวงหน้าซูบซีดที่เคร่งขรึม

“ไปเรียกเจ้ากรมพิธีการมาพบข้าเร็วเข้า”

“เจ้ากรมพิธีการ องค์หญิงจะ...”

“ข้าจะหล่อพระพุทธรูป เราต้องรีบหล่อพระพุทธรูปประจำวัดของข้าที่ไม่ได้ถล่มลงมาเหมือนที่อื่นๆ” ลดามณีสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาแน่วแน่ก้มลงมองอัญมณีสีเขียวมรกตที่วางอยู่บนกำมะหยี่สีน้ำเงิน จะไม่มีใครรู้เรื่องมณีนาคสวาท เดชานุภาพแห่งพระรัตนตรัยจะป้องกันไม่ให้นาคตนไหนได้แตะต้องมณีนาคสวาทอีก...


ร่างบางของครุฑสาววัยเยาว์เอนลงพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลเชิดหนีผู้เป็นพี่ชาย ริมฝีปากบูดบึ้ง ดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่นั้นไม่แม้แต่จะหันมามองวายุเลยสักนิด

“เห็นรึยังล่ะว่าสงครามมันเป็นยังไง ไม่มีฝ่ายไหนได้ประโยชน์เลยสักนิด สูญเสียด้วยกันทั้งคู่” วายุตำหนิน้องสาวเสียงกร้าว นึกโมโหกับเด็กเมื่อวานซืนตรงหน้านี้นัก ความห่วงใยตัวเองไม่เคยมีเลยสักนิด ห่วงแต่คนอื่น แคร์แต่คนอื่น

“พี่วาอย่าพูดแบบนี้นะ” ศรุตาหันขวับมา ขึงตาใส่พี่ชาย “ก็พวกนาคนั่นไงที่ได้ประโยชน์ มันฆ่าอาไตรเวทย์และเมื่อกี้ก็เพิ่งฆ่าท่านสิตามัน” ปักษาสาวเม้มปากแน่น ภาพความพ่ายแพ้ที่ผ่านมานั้นเธอยังจำได้ติดตา รับรองว่ามันจะยังไม่จบง่ายๆ แน่

“นาคเสนไม่ใช่ตระกูลพญานาคธรรมดาๆ เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาร้ายกาจแค่ไหน ลำพังแค่องครักษ์ทั้งสามของพญาศรีโคตมะรักตปักษ์ก็สู้ไม่ไหวแล้ว”

“ดูท่าพี่วาคงจะชื่นชมพวกนาคน่าดูนะคะ” ผู้เป็นน้องสาวลากเสียงสูง เชิดมองรูปหน้าคมเข้มที่เรียบเฉยของพี่ชาย แววตาที่ปราศจากเยื่อใยของเขาคงทำให้พิณภัทร์เจ็บแปลบมิใช่น้อย แต่เขาก็ทำไปเพราะต้องการปกป้องน้องสาว หวังว่าวิรูปักษ์หนุ่มอันเป็นที่รักคงจะเข้าใจ...

“ทำไมถึงไม่ปล่อยให้อรวินทร์จัดการหนูเลยหละ อ้อ...ที่จริงพิณภัทร์มีโอกาสจะฆ่าหนูแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่ทำ แล้วพี่วาคิดว่ายังไงคะ...”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะศรุตา” ครุฑหนุ่มขบกรามแน่น ค่อยๆ พ่นลมหายใจร้อนรุ่มออกมาทีละนิด ศรุตาดวงหน้าบิดเบี้ยว ความน้อยใจที่ประดังประดาทำให้หยดน้ำตาร่วงพรูลงมาเป็นสาย

“พี่เวนไตยต้องตาย พี่ตรีดาวและพี่ตรัศวินก็บาดเจ็บเจียนตาย พี่ยังไม่คิดจะห่วงพวกเขา แต่กลับมาห่วงใยพวกศัตรู ใจพี่มันทำด้วยอะไรนะพี่วายุ” ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ วายุได้แต่อ้าปากค้าง มิอาจโต้แย้งข้อกล่าวหาที่น้องสาวว่ามาได้

ศรุตาสูดหายใจฮึดฮัด ยกยิ้มเย้ยหยันใส่พี่ชาย “ตอนนี้พี่ตรีดาวชิงมณีนาคสวาทของนิลนาคมาได้แล้ว ต่อไปถึงทีพวกเราบ้างหละ จะเอาคืนให้หมดเลย ทั้งพวกนาคเสน พวกนิลนาคและก็วิรูปักษ์หนุ่มคนที่พี่รักพี่ห่วงด้วย พวกมันจะต้องพินาศย่อยยับในอีกไม่ช้านี้แน่”



Create Date : 04 มกราคม 2554
Last Update : 4 มกราคม 2554 14:49:09 น.
Counter : 844 Pageviews.

8 comments
  
ตายละว่าพวกครุฑได้นาคสวาทไป เอ๊ะนาคสวาทมีเเต่พวกนาคเท่านั้นไม่ใช่หรือที่ใช้ได้เท่านั้น ศรุตารู้ความสัมพันธ์ของนายภัทรกับพี่ชายของตัวเองได้ไง เรื่องนี้มีเเต่สองชายรวมทั้งคนอ่านเท่านั้นที่รู้
โดย: VEE IP: 66.172.227.200 วันที่: 4 มกราคม 2554 เวลา:21:19:00 น.
  
มาลงชื่อแล้วค่ะ วันนี้งานยุ่งมากมาย เลยไม่ได้เม้นท์ตอนเกลางวัน

คาดว่าพวกครุฑจะพยายามทำลายมณีนาคสวาท คาดว่ามณีของนาคคงถูกโปรแกรมไว้ว่าพวกครุฑห้ามใช้ จะมีโปรแกรมทำลายล้างตัวเองหากอยู่ในมือครุฑแบบเกิดระเบิดตูมครุฑตายเรียบ โอ้ว จินตนาการไปได้ หุๆ กลายเป็นไซไฟไปซะงั้น

แต่โล่งใจปณาลีตายไปได้ซะคน คงหมดปัญหาหลายอย่าง แต่ที่สงสารที่สุดคือ หนูภั่ทรกะวายุ แล้วจะเป็นยังไงนะ เฮ้อ.... เพราะอีตาเวรตายแท้ๆ อิๆ เปลี่ยนชื่อให้ซะเลย สะจายยยยย
โดย: pearzilla IP: 24.240.79.111 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:10:32:10 น.
  
ที่แท้ กลิ่นจันทร์เมื่อชาติที่แล้วนี่เอง ที่เป็นกำหนดว่าต้องใช้เลือดครุฑหยดลงไป มณีนาคสวาทจึงจะปรากฎออกมาได้...

แล้วองค์ชายผไทเทพกลับชาติมาเกิดเป็นนาคได้ไงอ่า
โดย: ตาใสใส IP: 192.168.62.50, 127.0.0.1, 115.87.137.88 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:16:14:18 น.
  
พรุ่งนี้อัพตอนต่อไปครับ...

สัญญา...
โดย: ในนามของผีเสื้อสีดำ IP: 223.206.52.84 วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:18:12:15 น.
  


สุขสันต์วันเกิดค่ะ
โดย: อ้อมกอด (Aom_Love_U ) วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:13:20:13 น.
  
Happy Birthday ka, wish you all the best

มารออัพนิยายค่ะ อิๆ
โดย: pearzilla IP: 24.240.79.111 วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:13:51:54 น.
  
ขอบคุณมากๆ ครับ....
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:16:39:09 น.
  
รออ่านอยูี่่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า รีบอัพไวไวนะ
โดย: จีจี้ IP: 125.25.5.200 วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:20:19:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
มกราคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
MY VIP Friend