นาคนิรมิต (บทที่ 15 ชั่วนิจนิรันดร์)
บทที่ 15 ชั่วนิจนิรันดร์

เสียงระฆังโบราณดังก้องกังวานในโสตประสาทของหญิงสาวครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ทั้งองค์ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า พระพุทธรูปปางสมาธินาคปรกที่ซุกซ่อนมณีนาคสวาทสีเขียวมรกตอันมีฤทธิ์เอาไว้

ข้าขอสาบาน...ขอสัญญาด้วยชีวิต และจิตวิญญาณ ขอให้เดชานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยจงป้องกันมณีศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้จากเหล่าเดรัจฉานที่เต็มไปด้วยตัณหา หากไร้ซึ่งผู้มีบุญญาธิการที่ควรคู่กับมันขออย่าให้มีสิ่งใดทำลายองค์พระได้ เว้นไว้เสียแต่ว่าเหล่านาคาที่คู่ควรและมีบุญญาธิการมากพอจะนำโลหิตของครุฑมาสังเวยเท่านั้น

กลิ่นจันทร์ลืมตาตื่นขึ้นในห้องที่มีอากาศเย็นสบาย สายลมพัดโกรกจนผ้าม่านสีขาวปลิวไสว ดวงดาวน้อยใหญ่ดารดาษอยู่ทั่วโค้งฟ้า หญิงสาวยกมือขึ้นปิดสองหู เสียงสวดมนต์ภาวนาและเสียงคำมั่นอธิษฐานขององค์หญิงลดามณียังดังแว่วอยู่ในห้วงความคิดที่สับสน...

“ไม่จริง...มันไม่ใช่ความจริง” แม้จะพยายามบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ทว่าเรื่องราวที่ผ่านมาก็ทำให้กลิ่นจันทร์ต้องใจเสีย ภาพสลักนูนต่ำในปราสาทขอมโบราณแห่งนั้นบอกถึงเรื่องราวที่องค์หญิงลดามณีได้หล่อพระพุทธรูปปางสมาธินาคปรกขึ้นมาภายหลังจากที่ทั้งเมืองถูกเหล่านาคาเล่นงานจนพังพินาศ

เธอคือองค์หญิงลดามณี ผู้นำพามณีนาคสวาทมาสู่ตระกูลนิลนาค...

“แล้วทำไมเราต้องฝันถึงมันด้วย ทั้งที่มันก็ผ่านมาแล้ว มณีนาคสวาทถูกค้นพบและอยู่ในการครอบครองของนิลนาค พญานาคสีเขียวที่คู่ควรกับมณีศักดิ์สิทธิ์” ย้ำเสียงหนักแน่น พลันนั้น...ภาพโครงหน้าคมเข้มของนาคหนุ่มก็ฉายวับขึ้นมาในทันใด

สองตากลมใสเบิกโพลงขึ้น วินาทีที่เธอถูกพรากจากภุชคินทร์ทำให้กลิ่นจันทร์เจ็บแปลบที่อกซ้าย ไม่ได้...เธอจะไม่ยอมพรากจากเขาไปไหนอีกแล้ว

ร่างอรชรดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนก่อนผลักประตูห้องออกไปอย่างร้อนรน กระแสลมเย็นพัดกรูเข้าใส่ร่างระหงจนกลิ่นจันทร์ต้องยกแขนขึ้นป้องไว้

“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น...” สุรเสียงทุ้มกังวานทำให้หญิงสาวขนลุกซู่ รีบลดแขนลงอย่างอัตโนมัติก่อนที่สองตาจะเบิกมองบุรุษผู้สวมอาภรณ์คล้ายในความฝัน ใช่...เขาคือคนในความฝัน องค์ชายไผทเทพ !

ความสัมพันธ์อันแสนหวานที่ได้เห็นในนิมิตทำให้เธอเผลอจ้องตาเขาเนิ่นนาน กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีจมูกโด่งก็ซุกไซ้อยู่กับซอกคอเนียนขาวของเธอแล้ว

“อย่า...” กลิ่นจันทร์ดันร่างสูงออกห่าง สองตาสีน้ำตาลทองของไผทเทพสลดลงในทันใด

“เจ้าเป็นของข้าลดามณี เราสองคนเป็นคู่กัน...” ไผทเทพก้าวขาเข้าไปใกล้แต่หญิงสาวกลับถอยออกห่าง

“นั่นมันเรื่องในอดีต มันจบสิ้นไปนานแล้วนะ ตอนนี้ฉันไม่ได้รักท่าน” คำพูดที่ได้ยินเสียดแทงเข้ากลางหัวใจของวิรูปักษ์ผู้สูงศักดิ์จนชาวาบไปทั้งร่าง ไม่คาดคิดว่าเธอจะตอบกลับอย่างไม่มีเยื่อใยแบบนี้ทั้งที่เขาก็นิรมิตให้กลิ่นจันทร์ได้เห็นและรับรู้เรื่องราวในอดีตจนหมดสิ้นแล้ว

“ก่อนตาย...ข้าเคยชื่นชมเกล็ดอันวาววับดุจทองคำและหงอนอันสวยงามของเหล่านาคาสีทอง กอปรกับเคยทำบุญเจือด้วยราคะเลยทำให้ชาตินี้เกิดมาเป็นนาคในตระกูลวิรูปักษ์ แต่ถ้าก่อนตายข้าสามารถลิขิตชีวิตตัวเองได้ ข้าจะไม่ขอเกิดเป็นนาคเด็ดขาด” คำพูดของเขาทำให้กลิ่นจันทร์ใจเสียพิกล เขาเป็นนาคที่มีอำนาจบารมีแต่ทำไมถึงได้พูดดูแคลนชาติตระกูลตนเองได้ถึงเพียงนี้

“หวังว่าเจ้าคงไม่ลืม พระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้ารวมทั้งเหล่าประชาชนมากมายต้องล้มตายเพราะพญานาค พวกมันไม่เคยให้คุณแก่ผู้ใด ข้าไม่อยากให้เจ้าไปข้องแวะกับพวกนาคา”

“หมายความว่ายังไง” หญิงสาวแย้งเสียงแข็ง ดวงตากลมใสฉายชัดถึงความเด็ดเดี่ยว

“ภุชคินทร์ไม่คู่ควรกับเธอ ต่อไปห้ามยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก” รูปหน้าคมสันเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม ดวงตาสีทองเย็นเยียบจ้องดวงหน้าหวานละมุนที่ซีดเผือดตรงหน้า

กลิ่นจันทร์เพ่งมองเข้าไปภายในสองตาของเขา ความห่วงหาทวีความรุนแรงอยู่ในหัวใจของไผทเทพอย่างไม่มีวันลดละ แต่อดีตก็คืออดีต...มันผ่านไปแล้ว และก็จะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

หญิงสาวยกมือยื่นเข้าไปหาเขาก่อนคว้าเอามือหนามาทาบกับหน้าท้องของตัวเอง ไออุ่นจากกายมนุษย์สาวแผ่ซ่านเข้าสู่กายไผทเทพทีละนิด

“ท่านรู้สึกเหมือนที่ข้ารู้สึกไหม ลูกของข้ากับภุชคินทร์กำลังเติบโต เขาคือทายาท คืนพยานรักของเราทั้งสอง...” หญิงสาวคลายยิ้มราบเรียบ มือหนาค่อยๆ หลุดออกจากการเกาะกุม ร่างสูงสง่าเซถลาออกมาคล้ายหุ่นที่ไร้ชีวิต ก่อนแหงนหน้าขึ้นจ้องมองอดีตคนรักที่ห่วงหาอยู่ตลอดมา เป็นไปไม่ได้...มันไม่ใช่ความจริง



ศรสวรรค์วางผ้าขาวที่ใช้ซับเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลตามร่างกายของคนรัก รูปหน้าขาวสะอาดของตรัศวินแปดเปื้อนไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ ดวงตาสีน้ำตาลแดงเรียบเฉยไร้อารมณ์ การที่เขาเอาแต่นิ่งแบบนี้ยิ่งทำให้ครุฑสาวไม่สบายใจ ใครจะคาดคิดว่าครุฑจะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับแบบนี้ได้ มณีนาคสวาทมีฤทธิ์ร้ายกาจจริงๆ แต่ว่า...ตรีดาวก็ชิงมณีนาคสวาทสีเขียวของนิลนาคมาได้นี่

“นายต้องพักผ่อนให้มากๆ อย่าพึ่งคิดอะไรให้ปวดหัว ฉันเป็นห่วงนายนะวิน” ศรสวรรค์ทาบมือลงบนท่อนแขนแข็งแรงที่แดงช้ำ อยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงเพียงเท่านี้ อยากให้เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเธอและลืมเรื่องร้ายๆ พวกนี้ซะ

ครุฑสาวละจากห้องพักของรักตปักษ์ผู้บาดเจ็บก่อนเดินละลิ่วไปยังโถงใหญ่ของบ้าน ตรีดาวกำลังนั่งเครียดเคร่งอยู่กับศรุตาและเหล่าสมุนที่เหลืออีกไม่กี่สิบตน

“พี่ดาวจะทำยังไงกับมณีนาคสวาทสีเขียวนั่นคะ” ศรสวรรค์หยุดยืนอยู่ด้านหลังของครุฑสาวผู้มีฐานะเป็นผู้นำแห่งรักตปักษ์ ตรีดาวหันขวับมาพร้อมกับศรุตาและเหล่าสมุนทั้งหมด

“ไม่เห็นต้องถาม ก็ใช้มันเล่นงานพวกนาคน่ะสิ” ครุฑสาววัยเยาว์แทรกเสียงสูง

“เราใช้มันไม่ได้หรอก มันจะใช้การได้ก็ต่อเมื่อตกอยู่ในมือของนาคาหรือผู้อื่นที่ไม่ใช่ครุฑ” ศรสวรรค์จ้องสองตาสีแดงขุ่นเคืองของหญิงคราวพี่ ตรีดาวเบ้ปากยิ้มก่อนหันกลับมา

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำลายมัน หรือไม่ก็หาใครสักคนนำมันไปทำลายพวกนาคา” จบคำเหล่าสมุนครุฑน้อยใหญ่ก็หันไปปรึกษาหารือกัน ศรุตาย่นคิ้วครุ่นคิดก่อนจะร้องออกมาด้วยความลิงโลด

“ได้ยินว่าแถบอีสานตอนกลางมีหมองูที่มีอาคมแก่กล้าอาศัยอยู่ เขาน่าจะมีมนตร์วิเศษที่ใช้ปราบพวกนาค เราน่าจะค้นหาตัวหมองูคนนั้นดู”

“ใช่ เคยมีเรื่องเล่าว่าอาลัมพายตกทอดมายังมือมนุษย์แถบนี้” สมุนหนุ่มอีกตนสมทบ

“อาลัมพายงั้นเหรอ...” ศรสวรรค์ทวนคำเสียงแผ่วเบา หวนนึกถึงตำนานเก่าแก่ที่บิดาเคยเล่าให้ฟัง ครุฑตนหนึ่งได้มอบมนตร์วิเศษนามว่าอาลัมพายให้กับฤาษีผู้บำเพ็ญเพียรก่อนที่มันจะตกถึงมือนายพรานอีกทอดหนึ่ง มนตร์วิเศษที่เหล่านาคกริ่งเกรงกันนักหนา หากว่ารักตปักษ์ค้นพบมันแล้วล่ะก็...

“ไปหามันให้เจอศรุตา ทั้งมนตร์อาลัมพายและหมองูคนนั้น” ตรีดาวสั่งเสียงเข้มก่อนที่ผู้เป็นลูกน้องจะค้อมศีรษะน้อมรับบัญชา ก็อย่างที่เธอบอก...เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่


อรวินทร์กลับมายังบาดาลบ้านเกิดด้วยความไม่สบายใจ ภุชคินทร์หายสาบสูญไปพร้อมกับกลิ่นจันทร์ ทั้งสองหายไปไหนกันนะ... หรือว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นจนทำให้นาคหนุ่มต้องพาคนรักหนีไปอย่างฉุกละหุก แต่คงไม่ใช่เพราะรักตปักษ์แน่ เพราะพวกนั้นเพิ่งพ่ายแพ้สงครามไปหยกๆ คงไม่มีเรี่ยวแรงออกตามหากลิ่นจันทร์กับภุชคินทร์แน่

“ปริตรไม่สบายมากหรือคะคุณน้า” เดินเข้าไปหาวารีที่กำลังอุ้มทารกเดินไปมาในห้องอย่างเนิบนาบ วารีคลายยิ้มเรียบเฉยส่งให้หลานสาว

“ไม่เป็นไรแล้วหละ” ราชินีผู้รอบรู้ในศาสตร์การแพทย์เอ่ยตอบก่อนก้มลงมองสองแก้มอวบยุ้ยของเด็กน้อย โตขึ้นคงหน้าตาละม้ายคล้ายผู้เป็นแม่ เขาช่างเกิดมาอาภัพยิ่งนัก พ่อตายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกซ้ำร้ายผู้เป็นแม่ยังด่วนจากไปอย่างรวดเร็วแบบนี้อีก

“อรไม่เจอภุชคินทร์ เขาคงพากลิ่นจันทร์หนีไปที่ไหนซักแห่ง” อรวินทร์ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“ทำไมถึงคิดว่าภุชคินทร์จะพากลิ่นจันทร์หนี ใครกำลังไล่ล่าพวกเขาอยู่งั้นหรือ”

“ไม่รู้สิคะ แต่ว่าเมื่อตอนอยู่กลางป่าขณะที่อรกำลังเดินทางจะไปหาพวกเขา จู่ๆ ร่างกายก็ขยับไม่ได้ ไม่ใช่แค่อรคนเดียวนะคะที่หมดสิ้นอิทธิฤทธิ์ไปชั่วขณะ แต่ยังมีพิณภัทร์ และอสุนีรวมทั้งนาคสีรุ้งที่ชื่อพายัพอีกตน”

“อะไรนะ...ร่างกายขยับไม่ได้ หมดสิ้นอิทธิฤทธิ์ แล้วใครที่ชื่อพายัพ น้างงไปหมดแล้ว” วารีค่อยๆ เดินไปยังเปลสีคราม ค่อยๆ วางทารกน้อยที่พริ้มตาหลับลงอย่างนิ่มนวล

ดวงหน้าอวบอิ่มที่เคร่งเครียดหันมาหาอรวินทร์ “ไอ้นาคหนุ่มที่ชื่อพายัพอรไม่รู้ว่ามันเป็นใครเพราะว่าพิณภัทร์ไม่ยอมบอกแต่ว่าคงเกี่ยวข้องกับกลิ่นจันทร์ ภัทร์เคยพูดว่าเจ้านายของมันใช้ให้มันมา...”

“หรือจะเป็นนาคสีทองที่ภูรินทร์เคยสงสัย”

“ใครหรือคะคุณน้า” อรวินทร์ลุกจากเก้าอี้ จ้องหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอฟังคำตอบ

“เป็นนาคสูงศักดิ์ที่อยู่บนจาตุมหาราชิกา แต่เขาคงไม่กล้าฝืนกฎสวรรค์ถึงขนาดลงมาหากลิ่นจันทร์หรอกนะ”

“ตัวเองลงมาไม่ได้ก็เลยใช้ให้คนอื่นลงมาแทนไงคะ” อรวินทร์สะบัดเสียงห้วน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ภุชคินทร์และกลิ่นจันทร์จะหมดเวรหมดกรรมเสียที ลูกในท้องของมนุษย์สาวก็เติบโตขึ้นทุกคืนวัน ซ้ำร้ายอันตรายก็ยังรายล้อมรอบด้านแบบนี้อีก

“อรจะขึ้นไปตามหาภุชคินทร์กับกลิ่นจันทร์ค่ะ” นาคสาวบอกเสียงก้อง วารีถอนหายใจด้วยความเคร่งเครียด แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ นับแต่ได้ครอบครองมณีนาคสวาทมานี้สมาชิกในตระกูลนิลนาคก็มีอันให้พลัดพรากจากกันอยู่ตลอดเวลา ซ้ำร้ายตอนนี้มณีศักดิ์สิทธิ์ยังถูกพวกครุฑลักพาไปอีก

ซักวันมันจะคืนกลับมา... ซักวันตระกูลนิลนาคจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งดังเดิม เธอยังหวังเช่นนั้นอยู่เสมอ

วารีจับมือหลานสาวไว้แน่น ประสานสายตาเข้ากับดวงเนตรเขียวคล้ำที่คล้ายคลึงตรงหน้า “ขอให้โชคดีหลานรัก...น้าจะรอเธออยู่ที่นี่อรวินทร์”



ศรสวรรค์ยืนหน้าซีดอยู่ปลายเตียงนอนนุ่มนิ่มในห้องพักที่เงียบกริบ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองที่นอนอันว่างเปล่าตรงหน้า หัวใจดวงน้อยหล่นฮวบลงไปกองอยู่กับพื้นเบื้องล่าง... ในที่สุดสิ่งที่เธอหวาดกลัวก็ได้เกิดขึ้นแล้ว

ตรัศวินไปแล้ว เขากำลังไปล้างแค้นให้คุณตาและคุณอาของเขา...

ครุฑสาวพยายามตั้งสติก่อนวิ่งโร่เข้ามาหาตรีดาวทั้งน้ำตา “ไปเร็วค่ะพี่ดาว ตรัศวินกำลังไปหาพวกนาคเสน” บอกเสียงสั่นเครือก่อนที่อีกฝ่ายจะถลึงตา

“อะไรนะ ไปหาพวกนาคเสนงั้นเหรอ?” รักตปักษ์สาวใจหาย ไม่คาดคิดว่าน้องชายจะวู่วามได้ถึงขนาดนี้ แล้วจะทำยังไงดีล่ะ สมุนส่วนหนึ่งก็เดินทางไปพร้อมกับศรุตา พวกที่อยู่ก็กำลังพักรักษาตัว เธอหมายจะไปแก้แค้นให้กับประมุขของรักตปักษ์ในอีกหลายเดือนข้างหน้า ไม่ได้อยากจะไปฆ่าพวกนาคในเร็ววันแบบนี้ ถึงไปตอนนี้ก็เท่าว่าไปรนหาที่ตายชัดๆ

“เราต้องรีบตามเขาไปนะคะพี่ดาวไม่งั้นตรัศวินแย่แน่” ครุฑสาวใจเสีย ก่อนที่ตรีดาวจะร้องหาเหล่าสมุนที่เหลือ ไม่นานนักกลุ่มนกขนาดย่อมก็โผบินผ่านคุ้งน้ำมณีนิลมุ่งหน้าสู่ดินแดนอีสานตอนเหนืออีกครั้ง


พิมพ์ดาวจอดรถลงตรงหน้าเรือนไทยหลังงามของนายงามพล มะลิรีบเปิดประตูรถลงมาเป็นคนแรก เด็กสาวเบิกตามองดอกพุทธรักษาที่ออกดอกขาวโพลนอยู่สองข้างของบันไดขึ้นบ้าน ดวงตากลมใสมองเลยไปยังห้องพักของพี่สาวที่มีหน้าต่างบานเล็กเปิดออกกว้าง พี่จันทร์กลับมาแล้ว...

“สวัสดีค่ะ” คนที่ออกมาต้อนรับยกมือไหว้นางสายบัวก่อนหันมาปั้นยิ้มให้กับพิมพ์ดาวและมะลิ

“ได้ยินว่ากลิ่นจันทร์กลับมาแล้ว เธออยู่ข้างในใช่มั้ย” คำถามของหญิงสาวรุ่นน้องทำให้รุ่งระวีย่นคิ้วก่อนจะรีบตอบกลับเสียงใส

“ใช่จ้ะ กลิ่นจันทร์กลับมาแล้ว ว่าแต่...พวกคุณรู้ได้ยังไงคะ” มองนางสายบัวกับพิมพ์ดาวสลับไปมา

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกจ้ะ ฉันขอเข้าไปหาหลานฉันหน่อยได้มั้ย” นางสายบัวผลุนผลันจะเดินไปยังห้องพักหลานสาวแต่รุ่งระวีก็ปราดเข้ามาขวางไว้

“อย่าพึ่งดีกว่าค่ะ คือ...ตอนนี้ใครก็ยังเข้าห้องกลิ่นจันทร์ไม่ได้ทั้งนั้น” คนพูดกระอึกกระอัก พิมพ์ดาวหันไปสบสายตากับนางสายบัวด้วยความสงสัย

“เพราะอะไรคะ ทำไมถึงเข้าไปพบพี่จันทร์ไม่ได้” มะลิจ้องหน้าผู้สูงวัยกว่าที่ขึงตาเขียวใส่ก่อนที่งามพลจะเข้ามาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้แก่ทั้งสามได้ฟัง

พญานาคลักพาตัวกลิ่นจันทร์ไปแต่พวกตนก็นำเธอกลับมาได้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายจากนาคตนนั้นท่านหมองูสั่งไว้ว่าห้ามให้ใครเข้าห้องเธอเป็นเวลาสามวัน มิเช่นนั้นอาคมที่ร่ายไว้จะเสื่อมลง

“บ้าสิ้นดี” พิมพ์ดาวสบถเสียงห้วน สายตาเบื้องหลังกรอบแว่นหนาเพ่งมองงามพลกับน้องสาวด้วยความขุ่นเคือง

“พวกคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ระหว่างนี้ขอให้ทำตามคำสั่งของผม เชิญไปพักผ่อนในห้องที่จัดไว้เถอะครับ” ชายหนุ่มผายมือก่อนที่พิมพ์ดาวจะสะบัดหน้าหนี หญิงสาวหันมาหามะลิ รีบคว้ามือเล็กๆ นั้นไว้

“พี่จะพาไปหาพี่จันทร์” จบคำก็ลากมะลิวิ่งดุ่มๆ ไปยังห้องพักเพื่อนสาว งามพลกับรุ่งระวีหน้าถอดสีวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว รุ่งระวีคว้าชายเสื้อพิมพ์ดาวไว้ได้แต่ทว่าหญิงสาวก็ดันร่างมะลิเข้าไปยังประตูห้องที่ลงกลอนแน่นหนาได้ทัน รูปหน้าของงามพลบิดเบี้ยวราวอสูรกายเมื่อเด็กสาวก้าวข้ามด้ายศักดิ์สิทธิ์สีแดงที่ขึงไว้หน้าธรณีประตู มือเล็กๆ ค่อยๆ เลื่อนดาลประตูออกทีละนิด...

“พี่จันทร์คะ” เสียงกังวานใสฉุดให้ร่างบางที่นอนน้ำตาซึมต้องลุกพรวดขึ้นจากที่นอน มะลิโผเข้าสวมกอดพี่สาวด้วยความดีใจ

“มาได้ยังไงมะลิ...” เอ่ยถามผู้มีศักดิ์เป็นน้องเสียงเครือก่อนที่รุ่งระวีจะปราดเข้ามาลากตัวเด็กสาวออกจากห้อง

“ปล่อยมะลิเดี๋ยวนี้นะพี่รุ่ง” กลิ่นจันทร์ขึ้นเสียงใส่แต่อีกฝ่ายก็ยังจับแขนมะลิไว้แน่น เด็กสาวยึดได้ขอบเตียงพี่สาว ยังไงก็ไม่ยอมออกไปง่ายๆ แน่

พิมพ์ดาวยันตัวลุกขึ้นหลังถูกรุ่งระวีเหวี่ยงล้มลงกับพื้น หญิงสาวกำลังวิ่งเข้ามาช่วยแต่ทว่างามพลก็คว้าแขนไว้เสียก่อน มือแข็งแรงบีบท่อนแขนนุ่มนิ่มจนแดงช้ำ พิมพ์ดาวกัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวด จ้องมองรูปหน้าที่เครียดเกร็งของอีกฝ่ายด้วยความเจ็บแค้น

ในที่สุดมะลิก็ทนแรงอีกฝ่ายไม่ไหว รุ่งระวีโยนเด็กสาวออกจากห้องจนมะลิร้องครางเมื่อร่างกระทบกับแผ่นไม้หนา กลิ่นจันทร์รีบรุดเข้าไปหาน้องสาวแต่ก็ถูกนักข่าวสาวขวางไว้

“กลับเข้าห้องเดี๋ยวนี้นะกลิ่นจันทร์”

“มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง หลีกไปเดี๋ยวนี้นะ...” รุ่งระวีไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงแข็งกร้าวของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย กลิ่นจันทร์เม้มปากแน่นอย่างหมดความอดทน ตัดสินใจดันร่างคนตรงหน้าออกไปอย่างสุดแรง นักข่าวสาวเซล้มลงกับพื้น ศีรษะโขกกับขอบเสาจนเลือดไหลซิบ กลิ่นจันทร์ปราดเข้าไปหามะลิ ค่อยๆ พยุงกายน้องสาวให้ลุกขึ้น

“นังกลิ่นจันทร์...แกทำฉันเหรอ” รุ่งระวีลุกขึ้น ตรงเข้าไปกระชากร่างบางพร้อมกับเหวี่ยงไปอีกทาง

“โอ้ย...” หญิงสาวยกสองมือขึ้นกุมหน้าท้องที่เจ็บแปลบ งามพลปล่อยแขนพิมพ์ดาวออกอย่างอัตโนมัติ รีบตรงเข้าไปหาคนรักที่ล้มเจ็บอย่างหน้าเสีย แต่ทว่าไม่ทันจะก้าวครบสามรอบทั้งร่างก็กระเด็นออกไปอย่างแรง พิมพ์ดาวยกมือขึ้นทาบหน้าอกตัวเองขณะมองดูร่างชายหนุ่มที่ล้มเจ็บอยู่อีกฟากของเรือนใหญ่

รุ่งระวีหน้าถอดสีขณะจ้องมองพี่ชายที่นอนกระอักเลือด ไอเย็นค่อยๆ แผ่ซึมเข้าสู่ร่างกายจนหญิงสาวหนาวสั่น ความเจ็บปวดที่พุ่งพรวดเข้าใส่ประหนึ่งเหล็กแหลมที่จ้วงแทงเข้ากลางหัวใจทำให้รุ่งระวีต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ทั้งร่างทรุดฮวบลงดิ้นทุรนทุรายบนพื้น

ปลายเล็บได้แต่จิกลงบนแผ่นไม้อย่างทุรนทุราย เส้นเลือดปูดโปนทั่วร่าง สองตาเหลือกมองเพดานบ้าน พลันนั้นกลิ่นจันทร์ก็รู้สึกใจหายวาบ บุรุษหนุ่มผู้สวมอาภรณ์สีทองเหลืองอร่ามลอยอยู่เหนือร่างหญิงสาว ดวงตาสีน้ำตาลทองของไผทเทพเปล่งแสงเรืองรองคล้ายปีศาจในร่างเทพบุตร แผ่นอกหญิงสาวดันขึ้นสูง สองตาเหลือกถลนจนแทบหลุดออกมา ริมฝีปากนิ่งค้างไม่ไหวติงเมื่อวิญญาณถูกกระชากออกจากร่าง...

กลิ่นจันทร์บดริมฝีปากตัวเอง จ้องมองร่างที่แน่นิ่งของรุ่งระวีก่อนแหงนหน้าขึ้นจ้องมองละอองสีทองที่ค่อยๆ เลือนหายไปกับอณูอากาศอันว่างเปล่า


ตรัศวินขบกรามแน่นขณะจ้องมองวิมานนาคเสนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวเขาอันรกทึบ ปีกสีแดงหนาเข้มแผ่หลาออกไปไกลหลายสิบเมตร เปลวเพลิงลุกโชนอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่นั้น พวกมันทำลายทุกอย่างไปจากเขา...ถึงเวลาแล้วที่พวกมันจะต้องชดใช้

ครุฑหนุ่มกวักปีกบินเข้าไปหาเป้าหมายด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะเสียหลักเซถลาไปอีกทางเมื่อถูกบางอย่างพุ่งเข้าชนจากด้านซ้าย ร่างของอำภุชลอยเด่นอยู่อีกฟากของท้องฟ้าก่อนจะค่อยๆ หายวับไปกับอากาศเบาหวิว

“แน่จริงก็ออกมาสิ มาสู้กันตัวต่อตัว ไอ้พวกนาคเจ้าเล่ห์ ไอ้พวกขี้ขลาด ไม่ชนักปักหลักก็อย่างนี้แหละ” จบคำสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงกลางป่าจนครุฑหนุ่มสั่นสะท้านไปชั่วขณะ ดวงตาแดงก่ำรีบหันไปหาสมุนอีกตนของนาคเสนที่ค่อยๆ ลอยลงมาจากกลุ่มเมฆสีดำทะมึน อสุนีเชิดหน้ามองครุฑหนุ่มที่กำลังเดือดดาล มันเป็นจริงดังที่วาสิตาบอกไว้ไม่มีผิด พวกครุฑจะต้องกลับมาล้างแค้นอีกแน่ แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่ารักตปักษ์หนุ่มตนนี้จะมาเร็วกว่าที่คิด

ตรัศวินกัดฟันแน่นก่อนพุ่งกายเข้าหาอสุนี นาคหนุ่มเอี้ยวตัวหลบอย่างง่ายดาย ร่ายกายสลายไปกับอณูอากาศสีดำ ตรัศวินได้แต่หันซ้ายขวาอย่างฉุนเฉียว เสียงหัวเราะอันเย้ยหยันทำให้ครุฑหนุ่มต้องกำมือแน่น

ไอเย็นเฉียบค่อยๆ ลอยต่ำลงมาจากฟากฟ้า ไอหมอกสีเทาหนาทึบบดบังแสงสีขาวของทินกรจนท้องฟ้ามืดมิด บริเวณโดยรอบอึดอัดด้วยมวลอากาศสีดำ ในขณะที่กลุ่มหมอกควันมหึมาค่อยๆ ลอยใกล้เข้ามายังครุฑหนุ่มเรื่อยๆ

สตรีรูปร่างซูบผอมผู้อยู่ในอาภรณ์สีดำสนิทลอยฝ่ากลุ่มควันหนาเข้มออกมา ตรัศวินจ้องมองดวงหน้าเย็นชาขององครักษ์สาวแห่งนาคเสนด้วยความเจ็บแค้น ปักษาร่างกำยำพุ่งเข้าใส่วาสิตาเต็มกำลังแต่ม่านสีดำก็ก่อเป็นกำแพงขวางกั้นไม่ให้ครุฑหนุ่มบินผ่านเข้ามาหาอย่างง่ายๆ

ตรัศวินพุ่งกายขึ้นฟ้าจนพ้นเขตกำแพงเมฆสีดำเหล่านั้น ปีกสีแดงฉานสยายออกกว้างก่อนบินเข้าใส่นาคสาวอีกครั้ง คราวนี้วาสิตาเบี่ยงตัวหลบไปอีกทาง ตรัศวินรีบบินตามไปติดๆ

นาคสาวผู้ทำทีถูกไล่ล่าคลี่ยิ้มราบเรียบ ครุฑหนุ่มบินมาประชิดตัว มือหนาผลักร่างของวาสิตาให้หันกลับมาเผชิญหน้า ตรัศวินจุดยิ้มเยือกเย็นก่อนจะยกมือขึ้นบีบคอหอยอีกฝ่ายไว้ แต่ว่าพลันนั้น...ร่างซูบผอมก็พลันเลือนหายไปกับมวลอากาศสีดำมืดมิดก่อนที่มันจะหลอมรวมเป็นร่างใหม่อยู่เบื้องหลังครุฑหนุ่ม

มือเล็กเรียวจับปีกซ้ายของปักษาร่างสูงใหญ่ไว้ ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูครุฑหนุ่มเบาๆ “ดูซิว่าต่อจากไปจะทำยังไง พ่อนกปีกหัก...” จบคำแรงกดมหาศาลจากปลายนิ้ววาสิตาก็ทำให้กระดูกปีกซ้ายของตรัศวินหักลงอย่างเฉียบพลัน เสียงปักษาที่กรีดร้องอย่างเจ็บปวดฉุดให้ศรสวรรค์และตรีดาวต้องเร่งบินให้ถึงเป้าหมาย

ปีกสีแดงด้านซ้ายห้อยร่องแร่งในขณะที่ทั้งร่างกำลังดิ่งลงสู่พื้นดินก่อนที่วาโยสีดำสนิทจะหอบร่างครุฑหนุ่มขึ้นสู่ห้วงอากาศเบาหวิวอีกครั้ง

อำภุชและอสุนียืนเป็นฉากหลังให้กับผู้เป็นนาย กระแสลมสีดำหนาทึบตรึงร่างรักตปักษ์หนุ่มไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน ดวงตาสีแดงเข้มของตรัศวินยังคงจ้องมององครักษ์ทั้งสามแห่งนาคเสนอย่างไม่ยอมแพ้

วาสิตาโคลงศีรษะครุ่นคิด ถึงไม่อยากฆ่าแต่ก็ต้องทำ เพราะพวกมันก็คงจ้องจองล้างจองผลาญนาคเสนไม่จบไม่สิ้น อีกฝ่ายต้องการเอาชีวิตพวกตนแบบนี้มีหรือที่เธอจะยอมปล่อยไปง่ายๆ

กระแสลมสีดำอันมีพลานุภาพทำลายล้างมหาศาลพุ่งเข้าใส่ร่างครุฑหนุ่ม ตรัศวินรู้สึกถึงแรงบีบอัดที่ลำคอ ลมหายใจเริ่มติดขัด ร่างกายเริ่มกระตุกเพราะขาดอากาศ เส้นเลือดในดวงตาแตกปริออก ก่อนที่รูปหน้าขาวสะอาดจะเอนพับลงบนบ่าแข็งแกร่ง ร่างครุฑหนุ่มที่ไร้ชีวิตค่อยๆ หล่นฮวบลงยังพื้นดินชื้นแฉะอย่างช้าๆ

ตรีดาวพร้อมกับศรสวรรค์บินหลาลงไปหาร่างที่ไร้ชีวิตของรักตปักษ์หนุ่ม ครุฑสาวทั้งสองได้แต่ร่ำไห้ท่ามกลางไอเย็นที่ทวีความหนาวเหน็บขึ้นทุกขณะ องครักษ์ทั้งสามแห่งนาคเสนยังคงเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ

ศรสวรรค์กอดร่างคนรักไว้ทั้งน้ำตาขณะที่ตรีดาวทรุดกายลุกขึ้นยืนด้วยความเคียดแค้น ครุฑสาวโผบินขึ้นสู่ฟากฟ้า ประสานสายตากับองครักษ์สาวอันดับหนึ่งของกัณหาโคตมะ

ตรีดาวกวักปีกโบกพัดจนเกิดลมแรงโถมเข้าใส่นาคทั้งสามตน แต่ทว่าทั้งหมดกลับคลายยิ้มมากกว่าจะตื่นกลัว พายุเหล่านั้นก่อตัวกันใหม่โดยแรงกำหนดของวาสิตาก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหาตรีดาวด้วยความรุนแรงเป็นเท่าตัว ปักษาสาวตกอยู่ในพายุสีดำที่หมุนวนรอบกายจนทำให้มณีศักดิ์สิทธิ์ที่นำติดตัวมาหล่นลงยังพื้นดินเบื้องล่าง

ศรสวรรค์หันมาจ้องมองมณีนาคสวาทสีเขียวมรกตที่ร่วงลงสู่พื้นดิน รีบวางร่างตรัศวินลงก่อนจะถลันกายเข้าไปเก็บแต่มันก็กลับช้าไปเสียแล้ว

อำภุชจุดยิ้มที่มุมปากขณะพาร่างขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง นาคหนุ่มส่งมณีศักดิ์สิทธิ์ให้แก่วาสิตา “ขอบคุณที่นำมาคืนให้นะ...” เอ่ยบอกปักษาสาวเสียงหวาน ลมพายุรุนแรงหอบร่างตรีดาวขึ้นสูงเสียดฟ้า ครุฑสาวรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะแหลกละเอียด ดวงตาสีดำปูดโปนของวาสิตาแหงนขึ้นมองผู้เป็นศัตรู

“ไปให้ไกลๆ ซะ...” จบคำลมพายุรุนแรงก็เหวี่ยงร่างครุฑสาวลอยคว้างไปยังโค้งที่อยู่ไกลสุดสายตา ศรสวรรค์กลายร่างเป็นนางครุฑก่อนอุ้มศพตรัศวินไว้ รีบบินตามร่างตรีดาวไป



ศรุตาได้ของสำคัญที่ตรีดาวสั่งให้หาเรียบร้อยแล้ว ขาดก็แต่หมองูที่เดินทางขึ้นเหนือไปยังดินแดนที่อยู่ในอาณาเขตของพวกนาคเสน เธอจึงได้แต่มนตร์อาลัมพายกลับมาเท่านั้น แต่ว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ

เดิมทีครุฑสาวกะว่าจะกลับมายังคฤหาสน์รักตปักษ์เมื่อเสร็จงานแต่ทว่าเมื่อเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ก็อดจะคิดถึงพี่ชายไม่ได้ วายุอาศัยอยู่ใกล้แค่นี้นี่เอง...เธอน่าจะไปหาเขาสักหน่อย

เมื่อศรุตาผลักประตูบ้านเข้ามากลิ่นไอของนาคาก็ลอยมาเข้าจมูกในทันใด ร่างปราดเปรียวหันซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบเงาพี่ชายก่อนเดินละลิ่วเข้าไปยังภายในบ้านที่มีห้องหับซับซ้อน

“พี่วายุ...” เรียกชื่อพี่ชายเสียงค่อย วายุดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เบิกตาจ้องมองดวงหน้าเคร่งขรึมของน้องสาวก่อนที่พิณภัทร์จะลุกขึ้นยืนและหันมายังแขกผู้มาเยือนช้าๆ

ศรุตากำมือแน่น...ผู้ที่ฆ่าเวนไตยหายอยู่ตรงหน้านี้แล้ว “ถึงตอนนี้พี่คงปฏิเสธหนูไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ยคะ” สองตาแดงก่ำจ้องมองพี่ชายที่ยืนหน้าซีด พิณภัทร์เอนสายตาหลบไปอีกทาง

“เลวที่สุด...” สามคำที่กระชากให้วายุต้องขึงตาใส่น้องสาว เขาว่าตนได้แต่ไม่มีสิทธิ์มาว่าพิณภัทร์แบบนี้ สองตาเกรี้ยวกราดของวาสิตาจดจ้องไปยังร่างพรียวลมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่าตา” ตะคอกใส่น้องสาวเสียงห้วน ศรุตายิ้มเหยียดอย่างเหลืออด

“ฉันขอตัวก่อนนะวายุ ไว้นายปรับความเข้าใจกับน้องสาวได้เมื่อไหร่เราค่อยพบกันใหม่” วิรูปักษ์หนุ่มบอกลา ดวงตาสีน้ำตาลทองหันไปยังศรุตาที่ยังจ้องตนเขม็ง

ร่างเพรียวลมแทรกผ่านครุฑทั้งสองที่ยืนนิ่งประจันหน้ากัน ไม่นานนักก็ล่วงพ้นอาณาเขตของบ้านครุฑหนุ่มออกมา แต่จู่ๆ ทั้งร่างก็เกิดเครียดเกร็งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ปลายเท้าหนักอึ้งจนก้าวขาไม่ออก ทั้งร่างแข็งทื่อราวกับก้อนหินก็มิปาน พิณภัทร์พยายามกำหนดลมหายใจเพื่อตั้งสติแต่มันก็ไม่เป็นผล เสียงสวดคาถาบางอย่างดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ศรุตาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโอปปาติกผู้มากฤทธิ์ ครุฑสาวร่ายมนตร์อาลัมภายจนจบเล่ม อิทธิฤทธิ์ของพิณภัทร์พลันเลือนหายไปชั่วขณะ ปักษาสาวค่อยๆ ดึงกริชเล่มเล็กอันเป็นอาวุธประจำกายออกมา

“อย่าคิดว่าครุฑที่เกิดต่ำกว่าโอปปาติกพญานาคจะทำอะไรแกไม่ได้นะ...” ศรุตาเม้มปาก กำด้ามกริชในมือตรงปรี่เข้ามาหาเป้าหมาย ปักษาสาวเงื้ออาวุธร้ายขึ้นสูง ก่อนที่ร่างเพรียวลมจะเซล้มไปอีกทางเพราะแรงผลักของวายุ ปลายกริชแหลมคมฝังลึกลงไปยังกลางหน้าอกของวายุจนมิดด้าม สองพี่น้องประสานสายตากัน... ศรุตารู้สึกคล้ายกับว่าหัวใจแหลกสลายไม่มีชิ้นดี โลหิตสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากบาดแผลจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์สีขาวของครุฑหนุ่ม

“วายุ...” พิณภัทร์ถลันกายเข้ามาหาคนรัก ประคองศีรษะไว้บนตักพลางน้ำตาไหลในขณะที่ผู้เป็นน้องสาวทรุดฮวบลงตรงข้ามกับร่างพี่ชาย

ครุฑหนุ่มจ้องหน้าน้องสาว ดวงหน้าของศรุตาสั่นระริกด้วยความตื่นกลัว “หนูขอโทษ...หนูขอโทษค่ะพี่วา” เอ่ยบอกเสียงพร่า สองแก้มอาบไปด้วยหยาดน้ำตา

“สัญญากับพี่ได้มั้ยว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ทำร้ายใครอีก...” วายุกัดฟันพูด จ้องมองน้องสาวที่รีบพยักหน้ารับ

“ดีมาก...จำไว้นะ เธอสัญญากับพี่ไว้แล้ว” ปักษาหนุ่มคลี่ยิ้มก่อนแหงนขึ้นมองเรียวหน้าหวานละมุนของพิณภัทร์ มือหนายกขึ้นไล้แก้มเนียนละเอียดของอีกฝ่ายช้าๆ หยดน้ำตาค่อยๆ รินไหลออกมาจากทั้งสองร่าง

“นายต้องไม่เป็นอะไร ฉันจะไม่ยอมให้นายเป็นอะไรไปแน่” วิรูปักษ์หนุ่มกัดฟันพูดทั้งน้ำตา พยายามจะช้อนตัวเขาขึ้นแต่อีกฝ่ายก็กดร่างตัวเองไว้

พิณภัทร์จ้องสองตาสีน้ำตาลคู่นั้น... เวลาที่เหลืออยู่กำลังจะหมดลงแล้ว... เรากำลังจะจากกันชั่วนิจนิรันดร์

“ผมขออธิษฐาน...ให้ชาติหน้าได้เกิดมาพบคุณอีก ให้เราเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ให้เราได้อยู่ด้วยกัน...” พิณภัทร์สะอื้นไห้ วายุสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายเข้าปอด สองตาจ้องมองใบหน้าคนรักเป็นครั้งสุดท้าย

“ลาก่อนพิณภัทร์...”



Create Date : 09 มกราคม 2554
Last Update : 9 มกราคม 2554 16:38:06 น.
Counter : 1153 Pageviews.

8 comments
  
วันนี้วันเกิดครับ...

ไม่ได้ลุกมาใส่บาตรเพราะเมื่อคืนแม่บอกว่าพระจะออกไปงานที่อื่น

แต่ปรากฎว่าออกบิณฑบาตรตามปกติครับ...

พอสายๆ ก็ไปไหว้พระธาตุเรืองรอง เสี่ยงเซียมซีได้ใบที่ 9 พอดี๊พอดี

แต่ว่ากระดาษทำนายมันก็หมดซะงั้น ผกก็เลยต้องวิ่งอ้อมพระธาตุ จนครบทุกทิศ ก่อนจะได้กระดาษทำนายมา

แบบว่า..แม่นมากๆ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเช่นเคยครับ
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:16:48:13 น.
  
ตอนนี้มีคนตายเยอะจัง สงสารวายุ จังเลย

รอลุ้นตอนต่อไป ว่าเมื่อไหร่จะเจอภุชคินทร์
โดย: Arenilla วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:18:40:29 น.
  
สุขสันต์วันเกิดนะคะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดี คิดอะไรก็ขอให้สมความปรารถนาค่ะ เราเกิดเดือนนี้เหมือนกันแต่เป็นช่วงปลายเดือนค่ะ

เรื่องใกล้จบแล้วใช่ไหมคะ สงสารพ่อวินกับวายุจังเลย พิณภัทร์คงใจสลายแน่ๆ. แล้วกลิ่นจันทร์จะแท้งมั้ยเนี่ย โดนกระแทกเข้าไปแบบนั้น อ้อ มีพิมพ์ผิดนิดหน่อยนะคะ ตรงชื่อศรุตากับชื่อวาสิตาสลับกันนะคะ

ป.ล. รอแฟนคลับคนอื่นๆมาคอมเม้นท์ คุณPearzilla คุณ VEE ไปไหนกันหมดน้อ
โดย: บัว IP: 126.222.8.112 วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:18:55:24 น.
  
ตายกันระนาวต้องพลัดพรากจากกันจนกว่าจะกลับมาเกิดไหม่ เฮ้อน่าสงสารจริงๆ คนรักกันถ้าไม่พลัดพรากก็ต้องตายจากกัน เศร้าจริงๆ
โดย: VEE IP: 66.172.227.200 วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:23:19:02 น.
  
มาแล้วค่ะ วันนี้ตื่นสายวันอาทิตย์ เฮ้อ พรุ่งนี้ก็วันจันทร์แล้ว ต้องทำงานอีกแล้ว ฮ่ะๆ บ่นตามประสาคนขี้เกียจ

ดีใจจังเลยตอนนี้ยาวทีเดียว แต่สงสารหนูภัทรกะวายุสุดๆ อ่านแล้วแทบจะร้องไห้ตาม ทำไมต้องจากกันเร็วแบบนี้ด้วย รักแท้ข้ามเผ่าพันธุ์แบบนี้หายากจะตาย

พออ่านเม้นท์คุณบัวก็ฉุกคิดได้ มัวแต่ตกใจเรื่องวายุจนลืมคิดเรื่องหนูจันทร์ไป จริงด้วย ลูกในท้องจะเป็นไรมั้ยเนี่ย

แต่ก็จริงๆนะ เราสงสัยมานานล่ะว่ายัยตัวร้ายรุ่งระวีเนี่ย เค้าต้องแอบชอบงามพลอยู่แน่ๆ แถมยังเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ไม่มีมารยาทอีก ตั้งแต่สมัยงานแต่งล่ะ ถ้าเราอยู่ในฉากด้วยจะตอกกลับให้น่าดูชม อิๆ ฉุนแทนกลิ่นจันทร์ กะ มะลิ และพิมพ์ดาว คนนี้ตายไปเดี๊ยนไม่สงสารฮ่ะ
โดย: pearzilla IP: 24.240.79.111 วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:0:40:09 น.
  
นาคนิรมิต สั้นกว่า นาคสวาท ครับ

นาคสวาท ใช้เวลาเขียน 3 เดือน

แต่นาคนิรมิต ใช้เวลาเขียน เดือน ครึ่ง

อันที่จริงอยากเร่งนาคนิรมิตให้จบภายในสัปดาห์นี้เลย แต่งานเยอะมากมาย...

แต่ยังไงก็จะพยายามสุดชีวิตครับ นิยายสยองขวัญเรื่องใหม่จ่อคิวรออยู่... เรื่องนี้อยู่ในหัวมาสามสี่ปีแล้วครับ... อยากเขียนมากๆๆๆ
โดย: ผีเสื้อสีดำ IP: 61.19.124.35 วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:14:32:17 น.
  
หุๆๆๆๆ ถูกใจมากมาย ชอบนิยายสยองขวัญมากๆ
เป็นคนกลัวผีมากมาย แต่ก็ชอบอ่านและดูหนังผี จะรอนะค่ะ
โดย: pearzilla IP: 24.240.79.111 วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:9:53:16 น.
  
แอบมาดู 2-3 วันเห็นยังไม่อัพ เผลอแป๊บเดียว แอบมาอัพตอนไหนอ่า เราเลยมาช้าเลย อิอิ

มาลงชื่อก่อนเดี๋ยวค่อยอ่าน

ยังไงก็ HAPPY BIRTH DAY ย้อนหลังนะคะ คิดอะไรขอให้ได้ หวังอะไรขอให้สมหวัง คำว่า"ไม่มี"อย่าได้มีปรากฏในชีวิตนะคะ

โดย: ตาใสใส (dark_law ) วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:12:32:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
มกราคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
MY VIP Friend