นาคนิรมิต (บทที่ 11 รวมพล)
บทที่ 11 รวมพล

มะลิวางดอกบัวขาวในมือลงยังตะกร้ารถจักรยานคันเก่าภายหลังจากพายเรือออกไปเก็บดอกบัวที่ขึ้นแถบวังน้ำมรกตแห่งหนองมณีนิลที่เธอไม่เกรงกลัวอีกต่อไป แสงอาทิตย์ยามเย็นรำไรอยู่ที่ขอบฟ้า สายลมหนาวต้นเดือนธันวาคมพัดผ่านร่างเด็กสาวที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อแขนยาวตัวหนา เกือบสองอาทิตย์แล้วที่กลิ่นจันทร์หายไป เธอและนางสายบัวจำใจต้องเดินทางกลับมณีนิลเพราะเกรงใจเรื่องที่อยู่ ฝ่ายงามพลเองก็บอกว่าจะออกตามหากลิ่นจันทร์จนกว่าจะพบ คนเป็นป้าก็ไม่รู้ว่าจะอย่างไร ตนจึงหอบหลานสาวมะลิกลับยังบ้านเกิดแล้วรอฟังข่าวคราวหลานสาวคนโตที่จู่ๆ ก็มาหายตัวไปอย่างปริศนา

มะลิกะว่าวันนี้จะนำดอกบัวขาวไปถวายพระ อยากสวดมนต์ขอให้พระรัตนตรัยคุ้มครองกลิ่นจันทร์ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ให้ปลอดภัย แต่ทว่า...เด็กสาวลับรู้สึกสบายใจพิกล อย่างน้อยกลิ่นจันทร์ก็จะได้เป็นอิสระจากผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก พี่จันทร์คงได้พบกับพี่ภุชคินทร์...นั่นคือสิ่งที่เด็กสาวคาดการณ์ไว้

มะลิแหงนหน้าขึ้นฟ้าเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ริมบึงใหญ่ แต่พลันนั้นเอง...เสียงกรีดร้องของเหล่าปักษานับสิบที่โผบินอยู่บนท้องฟ้าก็ฉุดให้ดวงหน้าได้รูปนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

นกนับสิบโผบินมาจากทั่วทุกทิศของท้องฟ้า ราวกับว่าได้นัดหมายกันไว้ก่อนแล้ว แต่ละตัวตั้งหน้าตั้งตากระพือปีกกวักไกวบินไปด้วยท่วงท่ามุ่งมั่น ก่อนที่เหล่าปักษาที่บินกระจัดกระจายเหล่านั้นจะเข้ารวมกลุ่มกัน มะลิย่นคิ้วมองดูพฤติกรรมแปลกประหลาดของนกที่เธอไม่เคยเห็น นกที่ต่างชนิดกันจะบินเข้ารวมกลุ่มกันได้อย่างไร?

กระทั่งเหล่าขบวนปักษาใกล้จะลับสายตาไปดวงหน้าเนียนสวยต้องขมวดมุ่น นกพวกนั้นกำลังบินตรงไปยังทิวเขาเตี้ยๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากมณีนิลนัก ที่นั่น...เป็นที่ตั้งของคฤหาสน์เศรษฐีตระกูลหนึ่งนามว่ารักตปักษ์ รักตปักษ์ที่มีความหมายว่า...ผู้มีปีกสีแดง

“คุณป้าคะ...พักนี้ไม่เห็นคุณป้าพาหนูไปทำบุญที่วัดป่าเลยค่ะ” มะลิวางดอกบัวลงบนถาดใบใหญ่ เด็ดกลีบด้านนอกที่บอบช้ำออกก่อนค่อยๆ พับกลีบด้านในให้สวยงามและจัดเรียงใส่แจกัน

นางสายบัวเดินไปหรี่เสียงโทรทัศน์ ยกผ้าซิ่นสีเขียวหม่นมายังโซฟาตัวยาวพร้อมกับเข็มและด้าย “หลวงปู่ผินท่านจะออกธุดงค์แล้ว ได้ยินว่าจะไปแถวสามเหลี่ยมมรกตโน้นแน่ะ” บอกพร้อบกับสอดเข็มบนเนื้อผ้าไปมา หลานสาวเงยหน้าขึ้นมองหญิงวัยห้าสิบแวบนึงก่อนพ่นลมหายใจคล้ายมีเรื่องบางอย่างไม่สบายใจ

บางที...หลวงปู่ผินอาจจะทราบว่าพวกนกที่เธอเห็นเมื่อตอนเย็นนั้นบินไปที่ยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์แห่งรักตปักษ์ทำไม?

“อาทิตย์หน้าแกมีสอบรึเปล่ามะลิ...” คำถามนั้นทำให้เด็กสาวเบิกตากว้าง

“ไม่มีค่ะ” มะลิส่ายหัว นางสายบัวช้อนสายตามองหลานสาวก่อนก้มหน้าเย็บผ้าต่อ

“ป้าจะพาแกไปหาเพื่อนป้าที่ขอนแก่น” บอกเสียงเรียบในขณะที่หลานสาวได้แต่โคลงศีรษะ

“เพื่อนป้าคนนี้เขารู้จักหมอธรรมเก่งๆ มากมาย ยัยจันทร์หายไปเกือบเดือนแบบนี้ตำรวจก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบตัว” มะลิรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีความเชื่อแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่บางที...หมอธรรมก็อาจจะบอกได้ว่ากลิ่นจันทร์อยู่ที่ไหนก็ได้ เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ากลิ่นจันทร์ได้พบกับภุชคินทร์ตามที่เธอคาดไว้รึเปล่า

“ตกลงค่ะ แต่ว่า...เราจะไปกันยังไงหละคะ” คำถามของหลานสาวทำให้นางสายบัวเริ่มกังวลขึ้นมา

“ว่าจะวานให้คนในหมู่บ้านพาไป”

“แต่ว่า...ถ้าเป็นอย่างนั้นเดี๋ยวพวกชาวบ้านก็ได้รู้เรื่องของพี่จันทร์สิคะ พี่เฟื่องฟ้าคงได้นำทีมยายแก้วหลวงใส่ความพี่จันทร์เสียๆ หายๆ อีกแน่” คำพูดของมะลิฟังดูมีเหตุผล แต่จะทำให้ทำอย่างไรได้ล่ะ...

“พี่ดาวไงคะ พี่ดาวเธอมีรถยนต์” มะลิผายยิ้มกว้างด้วยความมั่นใจ พิมพ์ดาวเป็นเพื่อนสนิทของกลิ่นจันทร์ อีกอย่างเธอเองก็ยังสงสัยกับเรื่องราวกลิ่นจันทร์ไม่หาย คงอยากจะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนสนิทของตนอยู่แห่งหนใดแน่

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้แกช่วยโทร.นัดหนูพิมพ์ดาวให้มาหาป้าหน่อยก็แล้วกันนะ”

“ได้ค่ะคุณป้า” มะลิรับคำเสียงใส หัวใจเต้นตึงตังจนได้ยินเสียง อีกไม่นานสินะ...ความลับมากมายที่เธอสงสัยก็กำลังจะเปิดเผยออกมาแล้ว


มันเป็นจริงอย่างที่วารีคาดไว้ไม่มีผิด ลางสังหรณ์ของเธอยังคงแม่นยำเหมือนเคย อีกไม่นานจะเกิดการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ สงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์กำลังจะอุบัติขึ้นในอีกไม่ช้านี้แล้ว

“ไตรเวทย์ตายแล้ว รักตปักษ์กำลังรวบรวมพันธมิตรที่จะมาถล่มพวกนาคเสนให้ย่อยยับ” ภูรินทร์เปรยขึ้นเสียงขรึม บัดนี้สมาชิกแห่งนิลนาคได้มาประชุมพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง ขาดภุชคินทร์เพียงคนเดียวเท่านั้น

อรวินทร์กลอกตาไปมา ริมฝีปากเรียวสวยเม้มแน่นเข้าหากันก่อนช้อนสายตาขึ้นมองผู้เป็นประมุข “พญาศรีโคตมะมีมณีนาคสวาทสีดำอยู่ในมือคงไม่ปล่อยให้พวกครุฑทำอะไรได้ง่ายๆ แน่นอน อีกทั้งยังมีวาสิตาและสมุนของหล่อนคอยปกป้องนาคเสน ถ้าหากว่าพวกครุฑคิดจะทำลายล้างกัณหาโคตมะให้สิ้นซากนั้น อรว่ามันคงยากค่ะ”

“อย่าดูถูกพวกเขา ครุฑมีกำลังมหาศาลและก็ใช่ว่าพวกมันจะไม่มีโอปปาติกที่มีฤทธิ์เหนือว่าวาสิตา ลูกชายคนเดียวตายไปทั้งคน สิตามันคงไม่ปล่อยนาคเสนไปง่ายๆ แน่” ปณาลีแทรกเสียงเรียบ ดวงตาเขียวคล้ำจ้องมองอรวินทร์ครู่นึงก่อนก้มลงมองลูกน้อยในอ้อมอก

วารีหันไปมองสามีที่กำลังใช้ความคิด นาคเสนเคยคิดอยากได้มณีนาคสวาทสีเขียวแห่งเอราปถและตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังคงมีความคิดนี้อยู่ในหัวรึเปล่า หากว่ารักตปักษ์จัดการตระกูลนาคเสนได้สำเร็จ นิลนาคก็จะปราศจากศัตรูที่เป็นนาคด้วยกัน แต่ว่า...คำสั่งของปักษาที่มอบหมายให้รักตปักษ์ทำลายล้างมณีนาคสวาทสีเขียวนั้นตนยังจำได้ดี อีกทั้งตรีดาวก็ยังเคืองแค้นกลิ่นจันทร์ที่ทำให้น้องชายเธอลุ่มหลงจนไม่เป็นอันทำอะไร ไม่ว่าฝ่ายไหนจะแพ้หรือชนะมันก็มีผลทั้งดีและไม่ดีต่อนิลนาคเหมือนเดิม

แต่ว่า...เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่สงครามแห่งนาคและครุฑบังเกิดขึ้น นิลนาคก็จำเป็นต้องเลือกเส้นทางของตัวเอง

“ถ้าเราร่วมมือกับนาคเสน ให้เอราปถเข้าไปสมบทกับกัณหาโคตมะและใช้มณีนาคสวาทสีเขียวมรกตเล่นงานรักตปักษ์อีกแรง แบบนี้...พวกนาคเสนคงต้องซาบซึ้งในน้ำใจเราและก็จะกลายมาเป็นพันธมิตรกับเราในอีกไม่ช้า ส่วนพวกรักตปักษ์ก็จะ...”

“หยุดพูดนะอรวินทร์” คนที่กำลังโกรธจัดตวาดขึ้นจนอรวินทร์สะดุ้งโหยง เบิกตากว้างหันมายังปณาลีที่จ้องมองเธอตาขวาง “เธอจำไม่ได้เหรอไง นาคเสน...พวกมันฆ่าศฤงคาร ฆ่าคนรักของลี ฆ่าพ่อของปริตร” กัดฟันพูดด้วยความเจ็บปวดในขณะที่อรวินทร์กำลังจะอ้าปากเถียงวารีก็ห้ามไว้เสียก่อน

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน...” ว่าเสียงดังก่อนที่หลานทั้งสองจะสะบัดหน้าหนีไปคนละทาง “อีกสามวันเราค่อยมาหารือกันอีกครั้งว่าจะเอายังไง” คนพูดผ่อนลมหายใจยาว ศึกนอกบ้านที่ว่าน่าหนักหนานั้นยังไม่หนักใจเท่าศึกในบ้าน ถ้ายังขืนปล่อยให้ความขัดแย้งระหว่างอรวินทร์และปณาลียังบานปลายต่อไปก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรบ้างกับตระกูลนิลนาคแห่งนี้


“เธอฝันเห็นมันอีกแล้วเหรอ” เสียงแหบห้าวกระซิบถามที่ข้างหูในขณะที่กลิ่นจันทร์นอนหอบหายใจภายหลังที่หลุดออกมาจากภวังค์แห่งนิทรา ดวงตากลมใสพริ้มหลับลงอย่างช้าๆ ภาพชายหนุ่มและหญิงสาวที่เปลือยกายกอดรัดกันอยู่กลางสระน้ำยังติดตาเธอทุกลมหายใจเข้าออก ภาพความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเธอกับผู้ชายคนนั้น...องค์ชายไผทเทพ

ภุชคินทร์แตะท่อนแขนเย็นเฉียบนั้นทีนึงก่อนที่อีกฝ่ายจะสะดุ้งโหยง นาคหนุ่มคลายยิ้มอ่อนโยน เพ่งมองดวงหน้าที่เจือไปด้วยความกังวล “อย่าคิดมากไปเลย ฉันอยู่กับเธอ จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีก” ภุชคินทร์บรรจงจูบลงบนหน้าผากที่เปียกชุ่มนั้น ค่อยๆ ดึงรั้งร่างบอบบางเข้ามาสวมกอดไว้ในอ้อมอก แม้ว่าใจจะกังวลกับนิมิตแปลกประหลาดของหญิงสาวมากก็ตามที แต่ว่าตอนนี้เธออยู่กับเขา จะไม่มีใครหน้าไหนมาพรากเธอจากไปอีกแล้ว

กลิ่นจันทร์ยกสองแขนเข้าหาร่างแข็งแกร่งข้างกาย แนบใบหน้าลงบนบ่าของเขา นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับเธออีกนี่...นับวัน ภาพในความฝันก็ยิ่งทำให้เธอใจสั่นมากขึ้นทุกที ความฝันที่เหมือนความจริง อยากรู้นักว่าชายหนุ่มคนนั้นต้องการอะไรกันแน่...


รุ่งระวีปราดเข้าไปหาพี่ชายทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของงามพลที่ดังออกมาจากห้องในบ้านของหมองูเฒ่า หญิงสาวผลักประตูไม้บานเก่าเข้ามา ผู้สูงอายุกว่าอยู่ในชุดขาวอยู่ในท่านั่งสมาธิ งามพลดึงมือน้องสาวให้นั่งลงข้างกายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ท่านหมองูพบแล้ว ท่านรู้แล้วว่ากลิ่นจันทร์อยู่ที่ไหน” ประโยคนั้นทำให้หญิงสาวใจเต้นแรงขึ้นมาในทันใด ก่อนที่งามพลจะบอกชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งในสกลนครแก่นักข่าวสาว

“ควรจะออกเดินทางไปกันตอนนี้เลย” ผู้ทรงฤทธิ์เบื้องหน้าเอ่ยบอกเสียงขรึม สองร่างหันมาสบสายตากัน

“หนูว่ารอให้เช้าก่อนดีมั้ยคะ นี่มันก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว” เสียงลมหนาวพัดกระหน่ำอื้ออึงอยู่ภายนอกทำให้รุ่งระวีไม่สบายใจ หากว่ากลิ่นจันทร์ถูกนาคาลักพาตัวไปการเดินทางกลางคืนย่อมจะเต็มไปด้วยอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย

“ทำไมล่ะรุ่ง ถ้ารุ่งไม่ไปพี่จะไปกับท่านหมอเอง” ว่าจบก็ลุกพรวดขึ้นทันทีก่อนที่หญิงสาวจะหยัดกายขึ้นยืนเคียงข้าง คว้าแขนพี่ชายไว้

“พี่พล...” งามพลสบสายตากับรุ่งระวี ความห่วงหาอันมากล้นปรากฏอยู่ในสองตาของชายหนุ่ม กลิ่นจันทร์กำลังรอเขาอยู่ เขาต้องรีบไป ต้องรีบพาตัวเธอกลับมาก่อนที่นาคตนนั้นจะรู้ตัวและพาเธอไปไกลกว่านี้

ไม่นานนักรถยนต์สีดำคันงามก็ถลันออกจากหมู่บ้านอันห่างไกลในจังหวัดขอนแก่น ตรงสู่หมู่บ้านอันเป็นที่หลบภัยของนาคหนุ่มผู้ที่ได้ขโมยยอดดวงใจของงามพลไป ไม่ว่ามันจะเป็นนาคาที่มีพิษร้ายแรงสักแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีวันที่จะเอาชนะมนต์อาลัมพายอันเป็นสมบัติของท่านหมองูได้หรอก


ชายหนุ่มรูปร่างแข็งแรงนั่งสงบนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ขัดมันตัวสวยที่ตั้งคู่กับโต๊ะหินอ่อนในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์รักตปักษ์ ศรสวรรค์จ้องมองดวงดาวน้อยใหญ่ที่กระพริบแสงนอกหน้าต่าง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วถี่อยู่ในอก ตรีดาววางหน้านิ่งเคียงข้างน้องชาย บรรยากาศรอบกายอึดอัดและเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ

“จะยกกองทัพไปถล่มพวกนาคเหรอคะ” ร่างอรชรหันกลับมายังโต๊ะหินอ่อนก่อนที่ตรีดาวจะเชิดหน้ามองอีกฝ่าย

“พวกมันฆ่าอาไตรเวทย์ ฆ่าครุฑเชียวนะศรสวรรค์”

“แต่พวกเราก็ยังฆ่าเขาได้ มันก็ไม่แปลกอะไรที่นาคจะเอาคืนบ้าง” นาคสาวแห่งจาตุมหาราชิกาเถียงเสียงแข็ง

“ถ้าเธอไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร เหล่าปักษาอีกหลายตระกูลยินดีจะช่วยรักตปักษ์กำจัดพวกนาคเสนให้สิ้นซาก” ตรีดาวลุกจากเก้าอี้ วางสองมือลงยังผิวโต๊ะ ศรสวรรค์ถอนลมหายใจอย่างไม่พอใจ ก้มลงมองตรัศวินที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ยอมปริปากพูดอะไร ไม่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่กันแน่ เขาอาจจะเสียใจมากแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเข้าร่วมกองทัพของพวกครุฑในครั้งนี้หรอกนะ ถึงแม้ครุฑจะมีกำลังกว่านาคแต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีหนทางรับมือเลย เธอเคยได้ยินชาวสวรรค์พูดกันว่ามณีนาคสวาทสีดำแห่งกัณหาโคตมะอยู่ในมือของพญาศรีโคตมะแห่งราชวงศ์นาคเสน

ชายหนุ่มค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นยืน รูปหน้าขาวซีดเอนไปหาพี่สาว “จะไปกันเมื่อไหร่ครับ” นี่เป็นประโยคที่ตรีดาวหมายจะให้มันออกมาจากปากของน้องชาย หากว่าตรัศวินเป็นแม่ทัพนำเหล่าปักษาไปถล่มพวกนาคได้สำเร็จ สิตามัน รักตปักษ์ก็คงจะหายเคืองเรื่องเก่าๆ ที่ชายหนุ่มได้ทำเอาไว้แน่

“พี่ดาวค่ะ” ศรุตาวิ่งลิ่วลงมาจากบันไดพร้อมกับเวนไตย ปักษาทั้งสามหันขวับไปหาสองร่างเป็นตาเดียว

“เราได้รับสาสน์จากพวกนกที่ครุฑส่งมาแล้วครับ มีครุฑที่อาสาจะไปกับเราประมาณห้าร้อยกว่าตนครับ เป็นโอปปาติกเกือบห้าสิบ”

“ดี...” รักตปักษ์สาวจุดยิ้มเยือกเย็นแต่ทว่าศรสวรรค์กลับขบริมฝีปากตัวเองอย่างหนักใจ “เราจะออกเดินทางในอีกสามวันข้างหน้า ไปเตรียมตัวได้แล้วตรัศวิน” มือเล็กแตะลงบนบ่าของน้องชายก่อนผละกายจากไป

“เธอก็น่าจะให้สมุนของเธอมาเข้าร่วมกองทัพของพวกเราด้วยนะศรสวรรค์” เวนไตยลากเสียงสูง ทอดมองร่างบางที่เบิกตากว้างจ้องหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดที่ได้ยิน

“ฉันไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกนาคเสน ไม่จำเป็นต้องให้คนของฉันไปสู้รบปรบมือกับนาคพวกนั้น”

“แต่อีกไม่นานเธอก็จะกลายมาเป็นสะใภ้รักตปักษ์แล้วนี่...” คำเสียดสีของเวนไตยทำให้ตรัศวินต้องหันมามองหน้าครุฑสาวผู้เป็นคู่หมั้น หรือว่าเธอจะใจดำไปรึเปล่านะที่ไม่ยอมตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพของรักตปักษ์ในครั้งนี้

“ถ้าเธอไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ” ครุฑหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นยืน แววตาและสีหน้าเรียบเฉยเริ่มทำให้ศรสวรรค์อึดอัดใจ

“หากว่าเธออยากกลับขึ้นจาตุมหาราชิกาไปฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ รอให้เรื่องทุกอย่างมันสงบแล้วค่อยกลับลงมาใหม่ก็ได้” พูดจบก็เอี้ยวตัวออกเดินหนีไปต่อหน้าต่อตา ปักษาสาวได้แต่ยืนหน้าบูดบึ้งอยู่เบื้องหลังก่อนจะหันมาจ้องเวนไตยที่ยืนหัวร่อต่อกระซิกกับศรุตา ก็ไม่ใช่เพราะไอ้ครุฑหนุ่มตรงหน้านี้หรอกเหรอรักตปักษ์ถึงต้องได้เปิดสงครามกับนาคเสนแถมตรัศวินก็ยังมองเธอด้วยสายตาไม่ดีอีก หากว่าถึงวันที่สงครามมาถึงเมื่อไหร่ขอให้ไอ้เวนไตยนี้ตายเป็นคนแรกแล้วกัน


พิณภัทร์หยิบฝรั่งในจานลงจิ้มกับพริกเกลือก่อนจะกัดเข้าปาก “ไม่นึกว่าจะได้ทำเลดีขนาดนี้...” บุ้ยปากว่าพร้อมกับเคี้ยวผลไม้กรุบกรับ ดวงตาสีน้ำตาลทองเบิกมองคุ้งน้ำใหญ่เบื้องหน้า ระเบียงริมน้ำแห่งบ้านไม้หลังเล็กๆ ของวายุทำให้ตนอดนึกถึงเรือนริมน้ำหลังใหญ่ของตระกูลนิลนาคที่มณีนิลไม่ได้

“ก็เผื่อว่าวันไหนคุณมาค้างกับผม ตื่นมาตอนเช้าจะได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียงนี้ไง” เจ้าของบ้านหนุ่มยกกาแฟหอมกรุ่นขึ้นจิบ ส่งสายตาหวานหวามให้แขกคนสำคัญ

“ทีหลังเวลาคุยกันไม่ต้องพูดคุณๆ ผมๆ นะ ฟังดูเหมือนเหินห่างกันยังไงไม่รู้” คนฟังแค่นหัวเราะทีนึงก่อนพยักหน้าหงึกหงักให้พิณภัทร์

“เป็นนกแทนที่จะปลูกบ้านอยู่ในป่าในเขาหรือที่สูงๆ เหมือนพวกรักตปักษ์ แต่นี่กลับมาเลือกอยู่บ้านติดหนองน้ำแบบนี้ นายคิดจะกลายพันธุ์เป็นนกเป็ดน้ำรึไง” พูดจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะใส่กัน แต่เหมือนว่านามที่นาคหนุ่มเอ่ยบอกเมื่อครู่จะทำให้วายุต้องปิดปากเงียบในฉับพลัน

พิณภัทร์วางผลไม้ในมือก่อนคว้าแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม “ได้ยินว่ารักตปักษ์กำลังจะเปิดศึกกับนาคเสนเหรอ?” น้ำเสียงของวายุเบาลงกว่าเดิม โครงหน้าได้รูปหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด พิณภัทร์กลืนน้ำลงคอก่อนคลายยิ้มหวานละมุน

“ห่วงน้องสาวนายล่ะสิ” จ้องหน้าครุฑหนุ่มที่ยังคงวางหน้านิ่ง “นายยังมีเวลาที่จะห้ามศรุตาไม่ให้เข้าร่วมกับรักตปักษ์ได้นะวายุ” จบคำอีกฝ่ายก็ช้อนสายตาขึ้นมองทันที

“เธอคงไม่ยอมหรอก ศรุตาเทิดทูนพวกรักตปักษ์อย่างกับอะไรดี” พูดแล้วก็ขบกรามแน่น

“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกพูดถึงเรื่องนี้อีก อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิด” บอกเสียงใสก่อนดันกายลุกจากเก้าอี้

“เห็นทีว่าวันนี้ฉันคงอยู่ค้างตามคำเชิญของนายไม่ได้แล้วสิ...” ว่าพร้อมรอยยิ้มหวาน วายุขึงตาใส่อีกฝ่ายทันที

“ทำไมล่ะ ก็ไหนสัญญาแล้วไงว่าวันนี้จะนอนที่นี่” ทวงคำมั่นอีกฝ่ายเสียงออดอ้อน

“ก็พอดีว่าติดธุระน่ะครับคุณวายุ ถ้าอย่างนั้นเอานี่ไปนอนกอดแทนแล้วกัน” นาคหนุ่มดึงผ้าพันคอสีครีมส่งให้อีกฝ่าย “ไปแล้วนะ...” วายุยกยิ้มก่อนที่ร่างเพรียวลมจะเอี้ยวตัวกลับ ค่อยๆ เดินออกจากบ้านหลังใหม่ของครุฑหนุ่มไป



Create Date : 22 ธันวาคม 2553
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 13:37:17 น.
Counter : 687 Pageviews.

11 comments
  
พอดีว่าวันนี้เน็ตหลุดทัั้งวิลัยฯ น่ะครับว่าจะอัพตั้งแต่ตอนเช้าๆ แล้วหละ ขอโทษทีครับ
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 22 ธันวาคม 2553 เวลา:13:39:00 น.
  
กรี๊ดชอบคู่ของ หนูภัทรกะวายุสุดๆ น่ารักอ่ะ
ไม่ชอบยัยปณาลีเลย เห็นแก่ตัวที่สุด ทั้งๆที่สามีตัวเองทรยศขนาดนั้น ยังไม่เจียม

เพี้ยงบทต่อไปหากมีใครตายก็ขอให้เป็นยัยปณาลีสมองกลวง กะ อีตาเวนไตยเหอะ คนหลังนี่ก็เห็นแก่ตัวไม่มีใครเกิน หึ

ปล ขอบคุณที่มาอัพให้ค่ะ ตอนนี้ก็รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
โดย: Pearzilla IP: 204.86.231.18 วันที่: 22 ธันวาคม 2553 เวลา:23:03:41 น.
  
ตอนต่อไปอาจนานนิดนึงนะครับ แห่ะๆๆ งานเยอะช่วงนี้...

ขอบคุณคุณ Pearzilla และอีกหลายๆ คนที่ไม่ได้เอ่ยนาม ขอบคุณที่ติดตามครับ
โดย: ผีเสื้อสีดำ IP: 223.207.108.210 วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:21:31:14 น.
  
เอ้าเอาเข้าไปรักโลภโกรธหลง เฮ้ออออออ จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ ภาคเเรกผ่านได้เป็นรูปเล่มหรือเปล่าคะ
โดย: VEE IP: 66.172.227.210 วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:22:04:16 น.
  
กำ เฮีย พิณ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก

ลาล่ะค่ะ บะบาย
โดย: อ่นะ IP: 118.172.98.60 วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:0:17:15 น.
  
โชคดีครับ คุณ อ่นะ

ส่วนเรื่องต้นฉบับ

สนพ.ยังไม่ติดต่อมาเลยครับ

ผมส่ง สนพ.สมาร์ทบุ๊คส์ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.แล้ว

ว่าจะเมลล์ไปถามอยู่เหมือนกันแต่เกรงใจทางโน้น

นานอย่างนี้ หวังว่าคงจะไม่....
โดย: ผีเสื้อสีดำ IP: 61.19.124.35 วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:10:38:09 น.
  
สู้ๆนะค่ะคุณมิ้นท์ หากว่าไม่ผ่านสนพ.สมาร์ทบุ๊คก็ไม่ต้องเสียใจไปนะค่ะ เราว่า สนพ.นี้เค้าเน้นเรื่องชิงรักหักสวาท ตบจูบๆ พระเอกต้องแก้แค้นนางเอก ลากไปข่มขืน แล้วพระเอกก็จะโง่ๆๆๆ ไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าโง่หรือบ้า แล้วนางเอกก็ท้องแล้วก็รักกัน จริงๆนะ ไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงเราจะไปลงเอยรักคนเคยมาข่มขืนได้ไง เฮ้อ....เคยอ่านแล้วปวดตับมากค่ะ

โดย: pearzilla IP: 24.240.79.111 วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:11:13:20 น.
  
ตามมาอ่านอย่างเมามัน
โดย: ตาใสใส IP: 192.168.62.50, 127.0.0.1, 58.9.237.114 วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:10:56:28 น.
  
ครับคุณpearzilla

สนพ.ปัณฑ์ปุระผมก็ว่าน่าสนดีนะครับ เขามีนิยายเกี่ยวกับนาคออกไปหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน

แต่ยังไงแล้วก็ต้องรอฟังผลก่อน เพื่อนๆมี สนพ.ดีๆ ที่รู้จักก็แนะนำได้นะครับ ส่วนเรื่องต้นฉบับตอนนี้ไม่ซีเรียสแล้วครับ แต่จะซีเรียสไอ้ที่ส่งไปขอจดลิขสิทธิ์มากกว่า
ป่านนี้ยังไม่ส่งใบลิขสิทธิ์มาให้เราเลย โทร.ไปก็ไม่มีใครรับสาย...

กลัวว่าจะมีใครเอาของเราไปจดก่อนก็กลัว แต่หลักฐานที่เราเอาลงในพันทิพก็น่าจะยืนยันได้...

ยังไงแล้ว จะได้ตีพิมพ์หรือไม่ ผมว่ามันก็มีค่าเท่ากัน

แค่ผมได้รู้ว่ามีคนตามอ่านนิยายที่เราเขียนแบบนี้ก็มีความสุขแล้วหละครับ

ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้จะอัพตอนต่อไปนะคร้บ อาจจะเป็นค่ำๆ ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามและให้กำลังใจครับ
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:14:11:10 น.
  
ใจเย็นๆนะค่ะคุณมิ้นท์ ช่วงนี้ใกล้สิ้นปีด้วย ตามสนง.ต่างๆคงยุ่งกันกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม อย่างที่คุณมิ้นท์คิดไว้ก็ถูกต้องแล้วค่ะ เรามีหลักฐานอยู่หลายอย่าง ไม่ต้องกลัวไปค่ะ

สนพ.ปัณฑ์ปุระก็ดีนะค่ะ มีนิยายแฟนตาซีหลายอย่างเหมือนกัน แฮ่ จริงๆเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสนพ.เท่าไหร่เพราะเพิ่งมาเริ่มอ่านนิยายใหม่ๆช่วงนี้ อ่านในพันทิพย์บ้าง เด็กดีบ้าง สมัยก่อนเคยอ่านแต่นิยายในสกุลไทยเพราะที่บ้านรับ :)
โดย: pearzilla IP: 24.240.79.111 วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:10:15:14 น.
  
นี่ปี 54 แล้วนะคะ ยังไม่อัพอีกหรอ รออ่านอยู่นะคะ
โดย: จีจี้ IP: 125.25.5.200 วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:19:22:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ธันวาคม 2553

 
 
 
1
2
3
4
5
7
9
10
12
13
14
15
17
18
20
21
23
24
25
27
29
30
31
 
 
MY VIP Friend