นาคนิรมิต (บทที่ 6 เค้าลางของความจริง)
บทที่ 6 เค้าลางของความจริง

วายุค่อยๆ เก็บเอาขนนกสีชมพูสดขึ้นมาจากพื้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เสียงจิ้งหรีดเรไรยามใกล้ฟ้ารุ่งสางยังคงดังเซ็งแซ่อยู่รอบเรือนทรงไทยที่เงียบกริบ งามพลเดินทางไปยังฝั่งลาวโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากรุ่งระวี ฝ่ายนางสายบัวก็รีบไปแจ้งความที่โรงพักเพื่อให้ตำรวจช่วยออกตามหาหลานสาว แต่ทว่า...ระยะเวลาที่กลิ่นจันทร์หายไปมันยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่ใครหลายๆ คนอาจจะคิดว่าเธอไม่ได้หายตัวไปจริงๆ

“อาจจะเป็นพวกเค้า...” ชายหนุ่มกดริมฝีปากตัวเองเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลแดงเพ่งมองขนปีกของศรุตาผู้เป็นน้องสาว “พี่ดาวคงจะนำพวกครุฑมาที่นี่ พวกเขาต้องการตัวกลิ่นจันทร์เพื่อจะล่อให้ภุชคินทร์นำมณีนาคสวาทเอาไปไถ่ตัวคนรัก”

“แต่รักตปักษ์ก็ไม่ได้ตัวกลิ่นจันทร์ไป” ปักษาหนุ่มหันมาหาร่างเพรียวลมด้านหลังทันที ดวงตาสีน้ำตาลทองของพิณภัทร์เปล่งประกายน่าค้นหา “ลองใช้ประสาทสัมผัสให้ดีๆ สิ กลิ่นนกกับงูมันตลบอบอวลจนแทบจะแยกไม่ออก”

“หมายความว่า...” วายุได้รับรอยยิ้มหวานจากพิณภัทร์แทนคำตอบ

“ภุชคินทร์คงกำลังพาเธอไปที่ไหนสักแห่ง” คนบอกก้มหน้าน้อยๆ นึกถึงดวงหน้าของกลิ่นจันทร์ที่ซบอยู่กับบ่าหนาของนาคหนุ่มยามที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุน

“คงเป็นท่านสิตามันที่สั่งให้พี่ดาวนำเวนไตยและศรุตามาตามล่าตัวกลิ่นจันทร์แบบนี้” ชายหนุ่มยิ้มเหยียด เจ็บใจไม่น้อยที่น้องสาวตนถูกหลอกใช้จากตรีดาวแห่งรักตปักษ์

“อาจจะไม่ใช่” นาคสีทองแย้งขึ้น “สิตามันรู้ดีว่าพื้นที่แถบนี้ถูกปกครองโดยนาคสองตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ซ้ำยังอยู่ติดแม่น้ำโขงอันเป็นจุดเชื่อมต่ออย่างนี้ นาคเสนและพวกฉัพยาปุตตะคงไม่พอใจที่พวกปักษากล้ามาเหยียบจมูกถึงถิ่นแบบนี้แน่”

“แต่พวกเขาก็คงรู้ว่ารักตปักษ์มาตามหากลิ่นจันทร์ และมันก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับกัณหาโคตมะและพวกฉัพยาปุตตะหรอก พวกเขามีปัญหากับเอราปถต่างหาก” วายุสูดลมหายใจเข้าปอด ทอดสายตาจ้องมองทิวเมฆสีส้มอมชมพูที่ลอยอยู่ทางทิศตะวันออก แสงสีเหลืองทองส่งประกายขึ้นทาบทอท้องฟ้างดงามยิ่งนัก

พิณภัทร์สาวเท้าขึ้นมายืนเคียงข้าง เอียงเรียวหน้าหวานละมุนไปยังอีกฝ่าย “นกที่ทระนงตนอย่างพวกท่านคิดว่าพญางูอย่างพวกเรารังเกียจเดียดฉันท์กันมากนักหรือ?” คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มต้องหันขวับมามองทันที วายุคล้ายพยายามจะโต้แย้งแต่ก็กลับพูดไม่ออก พิณภัทร์คลายยิ้มราบเรียบก่อนเอ่ยต่อ

“ถึงแม้เราจะมีการแข่งขัน อิจฉา ริษยา แก่งแย่งกันและกัน แต่ท่านก็อย่าลืมสิว่าสุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ไม่มีงูตัวไหนเห็นศัตรูดีกว่าพวกของตัวเองหรอกนะ ถ้าสมมติว่ามีครุฑตนหนึ่งตามฆ่านาคสีเขียวในเขตของกัณหาโคตมะ มีหรือ...ที่พวกนาคสีดำจะไม่หาทางช่วย ตอนนี้พวกรักตปักษ์...กำลังคิดผิดอย่างใหญ่หลวง” พิณภัทร์ถอนหายใจ ตนอุตส่าห์ไหว้วานให้องค์กฤติเทพนาคราชไปบอกกับองค์ชายไผทเทพถึงเรื่องที่ต้องการถอนตัวจากการดูแลกลิ่นจันทร์ แต่นี่...ตัวเองกลับต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของมนุษย์นางนี้อีกครั้ง เมื่อไหร่กันหนา...กลิ่นจันทร์ถึงจะหมดเวรหมดกรรมและได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขกับคนที่เธอรัก

คนที่เธอรักงั้นหรือ... นาคหนุ่มทวนคำในใจ หรือว่าความผิดที่ตนได้กระทำลงไปนั้นร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัยได้ เมื่อครั้งอดีตพิณภัทร์ยอมรับว่าไม่ค่อยมีจุดยืนที่แน่นอน เขาต้องฟังคำสั่งของเบื้องบน โดยเฉพาะองค์ชายไผทเทพที่คอยบังการอยู่เบื้องหลัง เมื่อพบกลิ่นจันทร์อยู่กับมนุษย์หนุ่มตนนั้นก็พลอยโล่งอกไปได้ครึ่งหนึ่ง เพราะไผทเทพคงไม่พอใจแน่หากว่ากลิ่นจันทร์ตกเป็นของภุชคินทร์ พญานาคต่ำต่อยกว่าองค์ชายวิรูปักษ์เช่นตน ฉะนั้น...งามพลจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

แต่ว่า...ทุกอย่างก็กลับตาลปัดไปกันใหญ่ มีอีกชีวิตกำลังเติบโตอยู่ในท้องของกลิ่นจันทร์ !!!

เรื่องนี้ไผทเทพยังไม่รู้ และก็คงไม่ต้องสงสัยว่าใครจะเป็นพ่อของลูกในท้องกลิ่นจันทร์ เธอถูกภุชคินทร์พาตัวหนีออกมาจากมณีนิลภายหลังที่ตระกูลนิลนาคได้มณีนาคสวาท และอาจจะมีสัมพันธ์เกินเลยต่อจากนั้น มันช่างเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตเสียจริง โชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้พิณภัทร์ต้องทำเรื่องที่ไม่สมควรจะให้อภัย

วันที่รู้ว่ากลิ่นจันทร์ได้ตั้งท้องกับภุชคินทร์ เขาจึงใช้มนตร์ทำให้เธอและงามพลหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว เมื่อชายหนุ่มและหญิงสาวลืมตาตื่นจึงคิดว่าได้ตกเป็นของกันและกันแล้ว...
นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ลูกของกลิ่นจันทร์เกิดมาเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ มีพ่อและแม่เป็นมนุษย์

“เจ้าว่า...ข้าควรจะตามพวกเค้าไปดีหรือไม่” วายุเอ่ยขึ้น สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านสองร่างที่ยืนเคียงข้างกัน

“แล้วแต่ท่าน ชีวิตท่านไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าสักหน่อย ถึงไม่ตามไปแต่สักวันเราก็ต้องได้เข้าไปยุ่งกับพวกเขาอีกอยู่วันยังค่ำ” พิณภัทร์เอียงศีรษะมาหาก่อนปั้นยิ้มบางๆ “ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจยังไงพิกลก็ไม่รู้... ข้าว่า...ช่วงนี้เราสองคนน่าจะแยกกันสักพัก” วายุรู้สึกเหมือนถูกใครสักคนเอาเหล็กแหลมมาเสียดทะลุกลางหัวใจเข้าให้ ดวงหน้าเนียนหวานที่เย็นชืดของพิณภัทร์ทำให้เขาใจหาย สองตาสีน้ำตาลทองจ้องมองรูปหน้าเคร่งขรึมของอีกฝ่ายแน่นิ่ง

“ข้าทำเพื่อตัวท่าน ได้โปรดเข้าใจถึงความหวังดีของข้าด้วย...วายุ”


กลิ่นจันทร์ลืมตาตื่นขึ้นมาในถ้ำอันวิจิตรตระการตาด้วยอัญมณีน้อยใหญ่ที่ส่งประกายวิบวับอยู่ทั่วทุกมุม เสียงสายน้ำไหลเอื่อยๆ ดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง หญิงสาวค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นจากแผ่นหินหนาโดยมีอาภรณ์สีเขียวคล้ำของใครบางคนปูรองให้เธอได้แนบกายพักพิง

“ตื่นแล้วเหรอ...” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังดังก้องมาจากมุมหนึ่งของถ้ำ กองไฟที่สุมห่างจากหญิงสาวราวสิบเมตรกระทบเข้ากับสองตาสีเขียวคล้ำส่งประกายเจิดจ้าจนกลิ่นจันทร์ต้องเบิกตากว้าง แต่เมื่อร่างสูงใหญ่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความรู้สึกอบอุ่นใจก็ทำให้เธอคลี่ยิ้มออกมา

“นาย...” สองตาคลอเคลียไปด้วยหยาดน้ำตาอุ่นๆ ภุชคินทร์ย่อตัวลง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากหางตาหญิงสาว

“เมื่อตอนพบกันที่หน้าห้องเธอกำลังจะบอกอะไรฉันงั้นเหรอ?” ยื่นหน้าถามคนที่กำลังขยี้ตาตัวเอง หญิงสาวค่อยๆ สูดลมหายใจ ก้มหน้าไม่ยอมมองตาอีกฝาย

“ตอนนั้น...” พวงแก้มขาวผ่องแดงระเรื่อขึ้นมาเสียอย่างนั้น ภุชคินทร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสันจมูกโด่งจรดอยู่ที่หน้ผากมนของอีกฝ่าย

“คือ...” หญิงสาวกระอึกกระอักก่อนที่ชายหนุ่มจะเอียงหน้ากระซิบลงที่ข้างหู “บอกว่ารักฉันใช่มั้ย” คำนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตอย่างถึงขีดสุด ดวงตากลมใสช้อนขึ้นมองหน้าเขาตรงๆ

นานแล้ว...ที่เราสองคนไม่ได้มองตากันแบบนี้ มันเหมือนกับว่าเราได้แลกเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างกันและกัน ความรู้สึกของกลิ่นจันทร์ที่โดดเดี่ยว อ้างว้าง และความทุกข์ระทมของภุชคินทร์ที่ต้องถูกพรากจากคนรัก ชีวิตที่ดำเนินไปโดยปราศจากกำลังใจอันอบอุ่นจริงใจนั้นมันช่างไร้ค่าเสียกระไร...

ชายหนุ่มโน้มกายเข้าสวมกอดกลิ่นจันทร์ไว้ จะกอดเธอไว้จนกว่าเธอจะหายหนาว จนกว่าความว้าเหว่ในหัวใจของเธอจะจางหายไป จะมองตาเธอแบบนี้จนกว่าความทรงจำของเธอจะคืนกลับมาเป็นกลิ่นจันทร์คนเดิม...


งามพลจอดรถไว้หน้าวัดป่าที่ซ่อนตัวอยู่ในดงลึกของเมืองสวรรค์เขต กว่าหลายเดือนที่แล้วที่เขาได้มาพบกับพระสงฆ์แก่ชราที่น่าเลื่อมใสรูปหนึ่งอย่างบังเอิญ จนกระทั่งได้รับคำทำนายจากพระคุณเจ้าถึงเรื่องคู่ครอง ชายหนุ่มผู้เพิ่งสูญเสียคนรักจึงศรัทธาและเลื่อมใสในพระเดชพระคุณของหลวงพ่อท่านทันที เมื่อตนได้พบกับหญิงสาวรูปงามที่พระสงฆ์สูงวัยบอกว่าจะรอตนอยู่ที่ริมฝั่งโขง

งามพลมั่นใจ...ว่ากลิ่นจันทร์คือเนื้อคู่ของตนอย่างแน่นอน แต่ทว่า...เรื่องไม่คาดฝันย่อมเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนเสมอ เพิ่งหมั้นกันได้ไม่ทันจะข้ามวันเท่านั้น คู่หมั้นของเขาก็มาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ ทุกคนต่างออกตามหาเธอกันอย่างจ้าละหวั่น แต่สำหรับเขาแล้ว...ในเมื่อเขาได้พบเธอเพราะคำทายของหลวงพ่อท่านนี้ ฉะนั้น...พระสงฆ์ชราภาพรูปนี้ก็น่าจะรู้ว่าเธอหายไปได้อย่างไรเช่นกัน

เสียงระฆังโบราณดังก้องกังวานออกมาจากดงไม้หนาทึบขณะที่ชายหนุ่มสาวเท้าขึ้นบันไดชื้นแฉะที่มีตะไคร่น้ำเขียวคล้ำเกราะกรังอยู่เต็มพื้นบันได พญานาคสองตัวที่แผ่พังพานตั้งแต่หน้าทางขึ้นจนถึงศาลาวัดชวนให้ผู้มาเยือนอดเกรงขามไม่ได้ ลำตัวยาวเหยียดที่ก่อจากปูนกลายเป็นสีเขียวขี้ม้าเพราะลมฝน เสียงแมลงปีกแข็งนานาชนิดกรีดร้องระงมสลับกับเสียงนกขมิ้นน้อยที่เริ่มโผบินออกจากรัง

ชายหนุ่มมาถึงศาลาหลังเก่าที่เคยมาเมื่อคราวก่อน พระลูกวัดวัยหนุ่มเดินเข้ามาไต่ถามสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ทราบว่าโยมมีกิจธุระอันใดงั้นรึ?”

“กระผมต้องการพบหลวงพ่อรุ้ง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ท่านไม่อยู่ ออกธุดงค์ไปตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว ไม่ได้บอกด้วยว่าจะกลับวัดเมื่อใด”

“ท่านไปที่ไหน ช่วยบอกกระผมหน่อยได้หรือไม่ขอรับ” ไต่ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น พระหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ จ้องหน้าอุบาสิกหนุ่มที่รุ่มร้อนด้วยไฟแห่งรัก

“ท่านเดินทางขึ้นเหนือ ตอนนี้คงอาจจะถึงเชียงรุ้ง”

“เชียงรุ้งงั้นเหรอ...” งามพลทวนคำแผ่วเบา รู้สึกเหมือนว่าแสงสว่างรอยกาบดับมืดลงไปในพริบตา ร่างกายอันอ่อนแรงย่อต่ำลงก่อนจะทรุดนั่งกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง

กลิ่นจันทร์...น้องอยู่ไหน? น้องต้องการหนีพี่ไปหรือว่ามีใครมาพาเธอไปจากพี่งั้นหรือ...

“พี่พล...” รุ่งระวีที่ขับรถตามชายหนุ่มมาอย่างเป็นห่วงร้องเรียกอยู่หน้าซุ้มประตูวัดก่อนจะรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาประคองร่างพี่ชายที่หมดแรงขึ้นมาอย่างยากลำบาก

“พาเข้าไปนั่งพักในศาลาก่อนเถิด” หลวงพี่ผู้ยืนดูอยู่นานเสนอแนะ รุ่งระวีจึงได้พยุงร่างหนักอึ้งเข้ามาภายในศาลาอย่างทุลักทุเล

“เรื่องมันเป็นมายังไงหรือโยม เขามาถามถึงหลวงพ่อรุ้ง พออาตมาแจ้งว่าหลวงพ่อออกธุดงค์ขึ้นเหนือเขาก็หน้าถอดสีลงทันที”

รุ่งระวีก้มลงมองใบหน้าซีดเผือดของพี่ชายที่ซบลงกับพื้นศาลา “คือว่า...คู่หมั้นของเขาหายตัวไปน่ะเจ้าค่ะ เมื่อหลายเดือนก่อนที่พี่งามพลได้พบกับผู้หญิงคนนี้ก็เพราะคำทำนายของหลวงพ่อรุ้ง”

“คำทำนายงั้นหรือ” ฝ่ายหลวงพี่ทวนคำเหมือนไม่อยากเชื่อ

“พี่พลเขาคือเชื่อว่าหลวงพ่อน่าจะพอรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน”

“โยมพูดราวกับว่าหลวงพ่อท่านเป็นหมอดูเทวดายังไงยังงั้น” น้ำเสียงของอีกฝ่ายคล้ายตำหนิ

“มิได้เจ้าค่ะ ตัวดิฉันเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องบุพเพสันนิษวาสที่พี่ชายเคยบอกสักเท่าไหร่ ที่เขาได้พบกับผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นเหตุบังเอิญและที่หลวงพ่อท่านบอกไปว่าจะมีผู้หญิงมารออยู่ที่ริมฝั่งโขงนั้น อาจจะเป็นกุศโลบายที่ท่านต้องการจะเตือนสติพี่งามพลก็ได้”

“โยมพูดมีเหตุผลดี” พระหนุ่มพยักหน้าเนิบนาบด้วยทีท่าคล้อยตาม “แล้วทีนี้จะเอาอย่างไรต่อไป” หลวงพี่ก้มลงมองคนที่นอนน้ำตาไหลอยู่บนพื้นศาลาอย่างอ่อนแรงเพราะทนรับกับความพลัดพรากจากคนรักไม่ไหว

“ตอนนี้ก็คงจะต้องดูกันอย่างใกล้ชิดค่ะ อีกสักสองชั่วโมงญาติๆ จากหนองคายก็คงเดินทางมาถึง คงจะได้รบกวนพระคุณเจ้าอีกไม่กี่ชั่วโมงค่ะ”

“ไม่เป็นไรดอกโยม วัดเป็นสถานที่พักพิงของผู้ที่มีทุกข์ อาตมาว่าโยมน่าจะชักชวนให้พี่ชายหมั่นเข้าวัด ทำบุญ เจริญสมาธิเสียบ้างนะ”

“เจ้าค่ะ...” รุ่งระวีพนมมือรับพรจากพระสงฆ์ผู้ดูแลวัด ไม่นานนักร่างที่อยู่ในอาภรณ์สีส้มหม่นหมองก็เคลื่อนจากไป


“เธอจำฉันได้มากแค่ไหน” ภุชคินทร์กระชับมือนุ่มนิ่มของหญิงสาวแน่นขึ้น หันมามองกลิ่นจันทร์ที่คลายยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ข้างๆ ก่อนจะทอดสายตาจ้องมองดวงจันทร์ขึ้นแปดค่ำบนฟ้าต่อ

“ก็...รู้แค่ว่าฉันรักนาย” จบประโยคร่างสูงก็หยุดกึกลงกลางทางทันที หญิงสาวหันมามองภุชคินทร์ด้วยสายตางุนงง “เธอพูดจริงนะ...” เขาถามย้ำจนกลิ่นจันทร์เกือบหลุดหัวเราะ

“คงไม่จริงหรอกมั้ง...” แกล้งว่าใส่เล่นๆ “ฉันก็แค่จำได้ว่าตัวเองเคยรักผู้ชายตัวดำๆ หน้าเหี้ยมๆ เหมือนพวกจิ๊กโก๋หน้าปากซอย แถมตายังเขียวยังกะตากบอีกต่างหาก นิสัยก็...”

“นิสัยเป็นยังไง...” ชายหนุ่มถลึงตาใส่พร้อมกับคำรามอยู่ในคอก่อนที่หญิงสาวจะส่งยิ้มท้าทาย

“ก็เจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผล ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง” จบคำริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกบดเบียดด้วยริมฝีปากอันรุ่มร้อนของภุชคินทร์พออีกฝ่ายเริ่มตั้งตัวได้ชายหนุ่มจึงถอนจูบออกมาพร้อมกับส่งสายตากวนๆ

“บ้า...ทำอะไรไม่อายฟ้าดิน” สบถใส่ก่อนจะเดินดุ่มๆ แซงหน้าไป

“ก็กลัวเธอลืมรสจูบของฉัน” เขายื่นมือมาคล้องแขนกลมกลึงไว้พร้อมกับสาวเท้านำหน้า

“ลูกของเราเป็นยังไงบ้าง...” ประโยคนั้นแทบจะทำให้หัวใจกลิ่นจันทร์หยุดเต้นลงในทันใด เรียวหน้านวลเนียนหันมามองภุชคินทร์ด้วยความตื่นตระหนก นับตั้งแต่ที่เธอก้าวขาหนีตามเขามา เธอก็ลืมเรื่องการตั้งท้องของตนเองเสียสนิท ตอนนี้เธอกำลังท้องนี่กลิ่นจันทร์... เธอท้องกับงามพลผู้ที่เป็นคู่หมั้นของเธอ

“ลูกในท้องของเธอเป็นลูกฉัน” ชายหนุ่มย้ำเสียงเข้มเมื่อเห็นความกังวลปรากฏอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย กลิ่นจันทร์หลุบตาครุ่นคิด อาการปวดหัวที่เคยเป็นเลือนหายไปเสียแล้ว ภาพคืนวันเก่าๆ ของเธอกับภุชคินทร์ผุดขึ้นมาแทนที่ แต่ทว่า...หญิงสาวก็ยังรู้สึกสับสน วันนั้น...วันที่เธอลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของงามพล ชายหนุ่มกระซิบบอกว่ารักเธอสุดหัวใจและพร้อมที่จะดูแลเธอกับลูกไปตลอดชีวิต ตกลงว่า...ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่

“คงเป็นฝีมือของพิณภัทร์” น้ำเสียงกังวานใสของหญิงสาวผู้ที่กำลังเคลื่อนกายออกมาจากเงามืดทำให้สองร่างต้องหันไปมองพร้อมกัน

“อร...” นาคหนุ่มว่าเสียงค่อยในขณะที่อรวินทร์สาวเท้าเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าทั้งสอง

“ฉันจะโกรธเธออย่างมากถ้าหากว่าเธอจำฉันไม่ได้” ดวงตาสีเขียวคล้ำของอรวินทร์จ้องลึกลงไปยังสองตากลมใสของมนุษย์สาว

“ฉัน...” กลิ่นจันทร์ขมวดคิ้วในขณะที่อีกคนก้มหน้างุดด้วยความผิดหวัง “ฉันล้อเล่นน่ะอร...” พูดจบนาคสาวก็ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างค่อนขอดทันที

“น่าแปลก...ที่พอได้มองตาพวกเธอสองคนฉันก็จำเรื่องของตัวเองในสมัยอดีตได้เกือบหมดทุกอย่าง”

“แล้วเรื่องของพิณภัทร์ล่ะ? เธอจำอะไรเกี่ยวกับเขาได้บ้าง” คำถามนั้นทำให้ภุชคินทร์ต้องจ้องหน้าคนรักจริงจัง

“รู้แค่ว่าพิณภัทร์เป็นคนดี แต่ว่าตอนนี้...”

“เขาหายไป” คำพูดของอรวินทร์ทำให้กลิ่นจันทร์ใจหาย เพื่อนหนุ่มที่เธอไว้ใจหายไปอย่างไม่บอกกล่าว พิณภัทร์หายไปไหนกันนะ... แล้วทำไมอรวินทร์กับภุชคินทร์ถึงได้รู้จักกับพิณภัทร์

“ตอนอยู่ที่มณีนิลเราทั้งหมดเรียนที่วิทยาลัยเดียวกัน และพิณภัทร์ก็เป็นนาคเหมือนเรา” หันไปหาภุชคินทร์อย่างไม่สบายใจก่อนที่ชายหนุ่มจะบีบมือนุ่มนิ่มเบาๆ

“ก่อนหน้านี้เธอคือผู้นำพามณีนาคสวาท ท่านท้าววิรูปักษ์จึงส่งพิณภัทร์ให้มาคอยอารักขาเธอ แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็ได้มณีนาคสวาทแล้ว เขาก็ควรจะ...”

“ควรจะกลับไป” อรวินทร์บอกเสียงขรึม หมู่เมฆสีเทาเคลื่อนลอยมาบดบังจันทร์ครึ่งดวงบนฟ้า พิณภัทร์เป็นพญานาค...กลิ่นจันทร์แทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง แต่ว่าความรักระหว่างเธอกับภุชคินทร์มันก็เกินความจริงเหนือบรรยายแล้ว น่าเสียดายที่เธอจำเรื่องในอดีตได้ไม่มากเท่าไหร่ รู้เพียงแค่รักนาคหนุ่มและมีเพื่อนอย่างอรวินทร์ หากว่าได้ไปสถานที่เก่าๆ เจอคนเก่าๆ ก็คงจำอะไรได้มากกว่านี้อีกแน่


“พวกเธอทำอะไรกลิ่นจันทร์” ปักษาหนุ่มผู้ยังถูกกักขังในลูกกรงสีทองระเบิดเสียงใส่ศรสวรรค์ผู้มุ่งหน้ากลับมณีนิลก่อนใครเพื่อน ดวงตาก้าวร้าวของตรัศวินที่มองเธอราวกับเป็นผู้หญิงจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตนั้นยิ่งทำให้เธอต้องเจ็บแปลบกลางหัวใจ

“ไว้รอถามพี่สาวนายดูเองก็แล้วกันตรัศวิน” สะบัดเสียงใส่ก่อนเม้มปากแน่น

“ฉันถามแน่” ชายหนุ่มตวัดหน้าหนีไปอีกทาง “พวกเธอมันใจดำอำมหิต ท่านตาก็เหมือนกัน คอยดูนะออกจากกรงนี่ได้เมื่อไหร่ฉันจะกลับไปหาคุณอาของฉันและจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย”

“ทำไมนายถึงพูดแบบนี้ตรัศวิน ท่านสิตามันชุบเลี้ยงนายมาตั้งแต่ยังเล็ก บุญคุณนายก็ยังไม่ได้ตอบแทน” ดวงตาสีน้ำตาลแดงหันขวับมาจ้องหน้าศรสวรรค์ทันที

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ”

“นายนั่นแหละหยุดพูด รู้ทั้งรู้ว่ากลิ่นจันทร์ไม่ได้รักตัวเองแล้วยังดึงดันเป็นเด็กแบบนี้อีก จะให้ฉันไปต้องไปขอกุญแจจากนายท่านสิตามันมาไขให้นายออกไปดูกับตาตัวเองเลยมั้ย”

“ไปสิ...” สองคำที่ได้ยินจากปากเขาคล้ายฝ่ามือที่ฟาดลงกลางใบหน้าของเธอยังไงยังงั้น ไม่ทันที่ร่างระหงจะเคลื่อนออกไปชายชราผู้สูงศักดิ์ก็เดินเข้ามาหา

“กุญแจ” สิตามัน รักตปักษ์ยื่นกุญแจให้กับหญิงสาวที่หน้าซีดเผือด ตรัศวินจ้องหน้าประมุขแห่งรักตปักษ์ด้วยความสับสนในขณะที่ศรสวรรค์ค่อยๆ ยื่นมือที่สั่นเทาไขกุญแจห้องขังออกอย่างช้าๆ ชายหนุ่มผู้ถูกคุมขังสูดหายใจแรงขึ้นด้วยความฮึดฮัด ภาพดวงหน้านวลเนียนของกลิ่นจันทร์ปรากฏขึ้นมาในห้วงคำนึงทีละนิด

ในที่สุด...เขาก็เป็นอิสระเสียที



Create Date : 06 ธันวาคม 2553
Last Update : 6 ธันวาคม 2553 15:28:15 น.
Counter : 921 Pageviews.

7 comments
  
กำลังสนุกเลย
โดย: เดือน IP: 1.46.153.115 วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:18:21:01 น.
  
ไห้นายวินกลับไปอยู่กับอาก็ดีนะ พวกลุงๆตาๆป้าๆพี่ๆน้องๆจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายมาชี้ปีกไห้ทำนั่นทำนี่ที่ขัดใจนายวิน
โดย: VEE IP: 66.172.227.210 วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:21:13:22 น.
  
5555^ ขำคุณ Vee, มีชี้ปีกสั่งด้วย

โดย: Pearzilla IP: 204.86.231.18 วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:21:35:14 น.
  
เฝ้ารออ่านทุกวันเลยค่ะ..
สนุกมากๆ..
แล้วจะมาอ่านตอนต่อไปค่ะ
โดย: natto (natto-kita ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:0:39:45 น.
  

หลวงพ่อรุ้งน่าสงสัย...

จะรอคอยวันที่สี่หนุ่มได้เผชิญหน้ากัน

ภุชคินทร์ งามพล ตรัศวิน และไผทเทพ...

ตัวละครเยอะ... แต่ก็พยายามให้แต่ละคนมีบทบาทไม่น้อยไปกว่าใคร
โดย: ผีเสื้อสีขาว IP: 61.19.124.35 วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:17:12:26 น.
  
หนูกำลังนึกถึง otome game กันเลยทีเดียว

อยากให้มีแบบเกมส์จะได้เล่น ให้ครบพระเอกไปเลยฮ่ะๆ

ปล. ตกลงว่าเฮียพิณเขาชอบ วายุป่ะเนี่ย หญิงอรอย่ายอมฝนทั่งให้เป็นได้อยู่แหละถ้าพยายาม
โดย: p_ew IP: 118.172.54.237 วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:0:41:26 น.
  
พาหนีไปเมืองบาดาลเลยสิ เอาใจช่วย
โดย: จีจี้ IP: 182.53.25.252 วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:17:08:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ธันวาคม 2553

 
 
 
1
2
3
4
5
7
9
10
12
13
14
15
17
18
20
21
23
24
25
27
29
30
31
 
 
MY VIP Friend