นาคนิรมิต (บทที่ 4 พระนางสมุทรชา)
บทที่ 4 พระนางสมุทรชา

ปณาลีเอาสองมือช้อนทารกวัยสองเดือนขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ผิวเหลืองนวลดุจขมิ้นคล้ายผู้เป็นมารดาแต่ทว่าเครื่องหน้ากับเหมือนศฤงคารไม่มีผิดเพี้ยน

ศฤงคาร...คนรักของเธอที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาตายเพราะน้ำมือของพวกนาคเสน ภาพวันที่คนรักถูกอำภุชฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของปณาลีจนยากจะลืมเลือน มันเจ็บแค้นฝักลึกลงไปยังก้นบึ้งหัวใจของพี่สาวภุชคินทร์นางนี้ ตอนนั้น...ตระกูลนิลนาคยังอ่อนแอ แต่ว่าตอนนี้...นิลนาคคือผู้ครอบครองมณีนาคสวาทสีเขียวมรกตแล้ว

ในขณะที่กำลังดูแลลูกน้อยตามลำพังอยู่นั้นเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นทั่ววิมานนิลนาค เหล่านาครับใช้วิ่งมาบอกเธออย่างหน้าตาตื่นว่าน้องชายคนเดียวของเธอหายไป... ภุชคินทร์หนีไปแล้ว !!!

“ว่าอะไรนะ ภุชคินทร์หายไปงั้นเหรอ?” กระชากเสียงใส่นางนาครับใช้วัยสาวที่นั่งก้มหน้าตัวสั่น

“เจ้าค่ะ คุณวารีให้บอกคุณปณาลีว่า...”

“ฉันจะไปหาคุณอา ฝากดูปริตรที” บอกก่อนส่งลูกน้อยให้หญิงรับใช้ เมื่อออกจากห้องพักมาได้ก็เดินละลิ่วสู่โถงใหญ่ของบ้าน

“มันเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมภุชคินทร์ถึงหนีไปได้” หันมาถามวารีเสียงห้วนก่อนถลึงตาใส่อรวินทร์

“เธอไปพูดอะไรให้น้องชายฉันฟัง” จ้องมองดวงหน้าวงรีของอรวินทร์ตาขวางจนเจ้าตัวเม้มปากแน่น

“หนูพูดอะไรคะพี่ลี หนูนี่เหรอที่เป็นต้นเหตุให้ภุชคินทร์ต้องหนีไป”

“แล้วใครเป็นคนถือกุญแจห้อง” ปณาลีมองเลยไปยังกลุ่มนาครับใช้ที่เอาแต่ก้มหน้าก่อนที่นางนาคสาวจะคลานเข่ามาหาพลางน้ำตาไหล

“พอดีว่ากลางดึกเมื่อคืนนี้ข้าน้อยได้ยินคุณภุชคินทร์เธอละเมอน่ะเจ้าค่ะ พอนานเข้าข้าน้อยก็กลัวว่าจะมีภูตผีปีศาจมาลักเอาดวงจิตเธอไป จึงตัดสินใจไขกุญแจห้องเข้าไปเพื่อจะไปปลุกเธอ แต่ว่า...” นาคสาวค่อยๆ เงยหน้าสั่นระริกขึ้นมองตาปณาลี ที่ขมับขวามีรอยแดงช้ำคล้ายถูกของแข็งฟาดใส่อย่างแรง

“คุณภุชคินทร์เธอผลักข้าน้อยใส่ผนังห้องจนข้าน้อยสลบเจ้าค่ะ” บอกก่อนจะรีบก้มหน้างุด อรวินทร์ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ อีกไม่นานเธอคงได้ขึ้นไปยังเมืองมนุษย์อีกครั้งเป็นแน่... ใจจริงนาคอย่างเธอนั้นก็มีสัจจะพอ คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับตรัศวินครานั้นเธอยังจำได้ขึ้นใจ

ครุฑหนุ่มยินดีกรีดเลือดให้รินรดหลวงพ่อมณีนิลเพื่อทำให้มณีนาคสวาทปรากฏ แต่ว่านิลนาคต้องกลับลงไปยังเมืองบาดาลและต้องห้ามขึ้นมายังเมืองมนุษย์อีกเลย และที่สำคัญภุชคินทร์ต้องห้ามมาข้องแวะกับกลิ่นจันทร์อีก...

หญิงสาวแสยะยิ้ม มองปณาลีที่เดินฉุนเฉียวกลับห้องพัก “ต่อให้ขังภุชคินทร์ไว้ในห้องปิดตาย เขาก็ต้องหาทางออกมาพบกับกลิ่นจันทร์จนได้อยู่ดี หากกายออกมาไม่ได้ วิญญาณเขาก็ต้องตามหากลิ่นจันทร์จนเจอ...”

วารีทรุดนั่งลงบนโต๊ะไม้ขัดมันในห้องโถงใหญ่ด้วยความหนักใจ ตอนนี้ภูรินทร์ขึ้นไปเฝ้าท้าววิรูปักษ์เพื่อทูลให้พระองค์ทรงทราบเรื่องมณีนาคสวาท ซ้ำยังต้องอยู่พบปะเหล่านาคสีเขียวบนจาตุมหาราชิกา กว่าจะกลับลงมาก็คงอีกหลายขวบวัน ส่วนภุชคินทร์ก็ถือเป็นผู้สืบสกุลนิลนาค เธอจะปล่อยให้เขาหนีหายไปโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้...

“รีบไปเตรียมตัวอรวินทร์” หันมาบอกหลานสาวจนอีกคนเบิกตากว้าง

“เตรียมตัว...ไปไหนคะ” อรวินทร์หันมามองน้าสาวพลางขมวดคิ้ว วารีสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ จ้องหน้าหลานสาวคนเดียวผู้เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ

“น้าจะให้เธอขึ้นไปตามภุชคินทร์ และเธอก็ต้องพาเขากลับลงมาที่นี่ให้ได้” บอกเสียงดังเฉียบขาดในขณะที่คนฟังผายอกอย่างฮึกเหิม แม้จะไม่อยากขึ้นไปยังดินแดนมนุษย์แต่ทว่าลูกพี่ลูกน้องที่รู้จักรักใคร่กันมาตั้งแต่ยังเล็กก็ทำให้หญิงสาวอดเป็นห่วงไม่ได้ ภุชคินทร์คือทุกอย่างของตระกูลนิลนาค เขามีความสำคัญต่อนาคทุกตนในตระกูล

แต่เหนือสิ่งอื่นใด...อรวินทร์ก็อยากกลับไปสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ที่เธอต้องจำใจลาจากมา เสียงบ่นอู้อี้ของพิมพ์ดาวที่เธออยากจะได้ยินอีกซักครั้ง อยากไปคุยกับกลิ่นจันทร์มนุษย์สาวผู้เป็นสหายคนแรกของเธอให้หายคิดถึง หรือแม้แต่อยากเผชิญหน้ากับพวกครุฑในร่างมนุษย์อย่างเช่นรักตปักษ์ รวมถึงการได้ต่อกรกับพิณภัทร์ นาคหนุ่มสีทองผู้สูงศักดิ์

อีกไม่นานหรอก...เธอก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีสีสันอีกครั้งเสียที


ภายหลังกลับมาจากไปพบปะญาติพี่น้องแล้ว แทนที่กลิ่นจันทร์จะยิ้มแย้มแจ่มใสและร่าเริงอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับกลายเป็นว่าหญิงสาวเอาแต่เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมพูดคุยกับใคร ท่าทางเหมือนคนกำลังมีความทุกข์จนงามพลต้องพลอยคิดมากตามไปด้วย

ชายหนุ่มวางน้ำใบบัวบกลงบนโต๊ะไม้กลมๆ ริมระเบียง เสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วออกมาจากดงไม้ที่ปลูกอยู่ทั้งสองฝั่งของตัวบ้าน วงหน้านวลเนียนหันมามองพร้อมกับคลายยิ้มบางๆ

“จันทร์มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าจ๊ะ พรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว พี่ไม่อยากเห็นคู่หมั้นของพี่ต้องมานั่งอมทุกข์แบบนี้ มีอะไรก็บอกพี่มาเถอะนะ” เขาบอก น้ำเสียงนั้นฟังดูคาดคั้นเล็กน้อย กลิ่นจันทร์สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ก่อนค่อยๆ ระบายมันออกมา

“ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ กังวลว่าพอวันพรุ่งนี้ได้พบกับคนที่เคยรู้จักแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทักทายพวกเขายังไงดี” พูดแล้วก็ทำเป็นกลั้วหัวเราะเบาๆ งามพลยื่นมือไปกุมสองมือนุ่มนิ่มของหญิงสาวไว้

“โถ...นึกว่าเรื่องอะไร” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างคลายกังวล ดวงตากลมโตที่ทอประกายสุกใสดังเดิมทำให้เขาโล่งใจ

“คุยอะไรกันอยู่คะ” เสียงของรุ่งระวีดังมาแต่ไกล สองร่างหันไปมองพร้อมกัน

“จันทร์...มาลองชุดกับพี่ก่อนมา” บอกเสียงเรียบก่อนหันไปยิ้มให้งามพล กลิ่นจันทร์ผละมือออกจากปลายนิ้วแข็งแรงของชายหนุ่ม ยกตัวลุกจากเก้าอี้ก่อนเดินตรงไปหารุ่งระวี

ทั้งสองเข้ามาอยู่ในห้องพักของมารดางามพลที่ลาลับโลกนี้ไปนานแล้ว ในห้องนี้เก็บแพรพรรณชั้นดีไว้มากมาย แต่ละผืนล้วนเป็นผ้าไหมทอมือที่หายาก ลวดลายมีทั้งแบบทางฝั่งลาวและแบบทางอีสานเหนือ

รุ่งระวีหยิบชุดไทยบรมพิมานที่ตัดเย็บอย่างปราณีตมาไว้ในมือ เนื้อผ้าเป็นไหมทั้งตัวเสื้อและผ้าซิ่น หญิงสาวลองเอาเทียบกับรูปร่างของกลิ่นจันทร์ มันช่างพอดิบพอดีกับชุดนี้เสียเหลือเกิน

“นี่เป็นชุดของคุณป้า ตัดไว้หลายสิบปีแล้วหละ นับแต่คุณป้าท่านเสียคุณแม่พี่ก็มอบหมายให้พี่ดูแลเสื้อผ้าพวกนี้ เพราะว่าพี่งามพลก็คงไม่ใส่ใจกับพวกเสื้อผ้าผู้หญิงแบบนี้สักเท่าไหร่” กลิ่นจันทร์รับชุดจากอีกฝ่ายมา หญิงสาวไล้ปลายนิ้วลงบนเนื้อไหมที่ยังส่งประกายระยิบระยับอยู่ในสภาพดี นึกถึงภาพตอนที่มารดาของงามพลสวมชุดนี้แล้ว คงจะสวยและสง่างามอย่างเช่นสตรีชั้นสูงในสมัยก่อนเป็นแน่

พอลองชุดเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งเลือกเครื่องประดับที่จะใส่ในวันงาน แต่ว่าคนที่จะเข้าพิธีหมั้นในวันพรุ่งนี้กลับต้องนั่งเฉยๆ ปล่อยให้รุ่งระวีหยิบต่างหูคู่นั้นคู่นี้ขึ้นมาเชยชม ก่อนยื่นมาเทียบกับติ่งหูหญิงสาว ไหนจะพวกสร้อยคอ กำไลแขน และเครื่องประดับอีกหลายอย่างมากมาย

“นั่นหนังสืออะไรเหรอคะ” บุ้ยปากถามคนมีศักดิ์เป็นพี่ภายหลังจากนั่งนิ่งอยู่นาน รุ่งระวีทอดสายตาไปยังนิทานทศชาติที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ

“อ๋อ...หนังสือเกี่ยวกับนาคน่ะแหละจ้ะ ก็อย่างที่บอก ตอนนี้พี่ทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ก็เลยต้องหาข้อมูลนิดนึง” บอกก่อนจะก้มลงหยิบต่างหูสองคู่มาเทียบกันดูว่าอันไหนจะเหมาะกับกลิ่นจันทร์มากกว่า

“ขอหนูดูหน่อยนะคะ” หญิงสาวบอกเสียงค่อยก่อนลุกจากเตียงเดินไปหยิบเอาหนังสือเล่มหนามาเปิดอ่าน

นิทานทศชาติชาดก หน้าที่รุ่งระวีใช้ที่คั่นหนังสือเหน็บไว้ เป็นเรื่องราวในชาติที่หก หรือที่ชื่อว่าพระภูริทัต...

“เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระนางสมุทรชาน่ะ” รุ่งระวีหันมาบอกคนที่ทำท่าว่าจะสนอกสนใจเอาอย่างมาก

“เหรอคะ” กลิ่นจันทร์ก้มหน้าลงอ่านรายละเอียดในหนังสือต่อ

เมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว พระเจ้าพรหมทัตกษัตริย์แห่งกรุงพาราณสีทรงเกรงว่าพระอุปราชผู้เป็นโอรสของพระองค์เองจะลอบปลงพระชนม์เพื่อชิงราชบัลลังก์

พระองค์จึงมีพระบัญชาให้พระราชโอรสเสด็จออกจากวัง เพื่อไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนจะกลับมาครองราชย์ต่อไปในภายภาคหน้า ฝ่ายพระราชโอรสนั้นก็มิได้หวังในราชสมบัติอยู่แล้ว จึงออกจากพระนครเดินทางแรมรอนไปพักอยู่ ณ ศาลาริมฝั่งแม่น้ำยมนา

ประจวบเหมาะกับนางนาคตนหนึ่งได้ขึ้นจากเมืองบาดาลมาท่องเที่ยวยังโลกมนุษย์ โดยแปลงกายเป็นหญิงรูปโฉมงดงามผู้หนึ่ง ครั้นได้พบเจ้าชายผู้ตกยากก็เกิดความเสน่หา จึงได้เข้าไปทำความรู้จัก เจ้าชายก็บังเกิดความรักในตัวนางนาคาสาวมิใช่น้อย

ทั้งสองจึงได้ครองคู่อยู่กินเป็นสามีภรรยาจนกระทั่งมีพระราชโอรสและพระราชธิดานามว่าสาครพรหมทัต และสมุทรชา ต่อมาเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสด็จสวรรคต บรรดาเสนาอำมาตย์จะเสี่ยงราชรถหาผู้มีบุญบารมีมาเป็นกษัตริย์ แต่กลับมีผู้พบเห็นว่าพระราชโอรสของพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ จึงไปอัญเชิญพระราชโอรสเสด็จกลับไปครองราชย์

“แล้วมันเกี่ยวกับพญานาคอย่างไรคะ” หันมาถามนักข่าวสาวก่อนที่รุ่งระวีจะคลายยิ้ม วางสร้อยทองที่ประดับทับทิมน้ำงามลงบนที่นอน ช้อนสายตาขึ้นมองหน้ากลิ่นจันทร์ที่ขมวดคิ้วมุ่น

“ภายหลังจากที่องค์ชายได้เสียกับนางนาคตนนั้น นางนาคาก็ได้ให้กำเนิดพระโอรสและพระธิดา แต่ด้วยกำเนิดเป็นนาคนางจึงไม่อาจเดินทางกลับวังพร้อมกับองค์ชายได้ ฝ่ายลูกๆ ทั้งสองคนพอเข้าไปอยู่ในวังก็มักจะลงเล่นน้ำในสระตามวิสัยของนาคเป็นชีวิตจิตใจ”

“แล้วพวกเสนาอำมาตย์ไม่รู้หรอกเหรอคะว่าเด็กทั้งสองคนนั้นเป็นนาค” หญิงสาวสงสัย ไม่เพียงแต่เรื่องในตำนานหากแต่ว่าตอนนี้เธอกลับมีลางสังหรณ์ว่าตัวเองกำลังพัวพันอยู่กับวงศ์วานของนาคา ภาพของชายหนุ่มที่ว่ายน้ำมาช่วยเธอในความฝันยังติดตากลิ่นจันทร์อยู่ทุกคืนวัน ชายหนุ่มผู้ที่กลายร่างเป็นนาคา คนที่รักเธอสุดหัวใจ...

“เด็กสองคนนั้นเป็นนาคแค่ครึ่งเดียว โดยเฉพาะพระนางสมุทรชาที่ภายหลังต้องตกเป็นชายาของท้าวทศรถเจ้าเมืองบาดาล แต่ว่า...พระนางก็ไม่รู้สักนิดว่าเมืองที่ตนเองอยู่นั้นเป็นเมืองบาดาลและพวกข้าราชบริพารล้วนแล้วแต่เป็นนาคาที่แปลงกายอยู่ในรูปกายมนุษย์ทั้งนั้น”

“แต่ว่าพระนางสมุทรชาก็มีแม่เป็นนาคนี่คะ” หญิงสาวแย้งเสียงแข็ง มองหน้ารุ่งระวีที่นั่งจุดยิ้ม

“มันก็เป็นแค่เรื่องในตำนานน่ะจ้ะกลิ่นจันทร์ เพราะว่าในที่สุดแล้วลูกชายเธอเองน่ะแหละที่กลายร่างเป็นพญานาคต่อหน้าต่อตาคนเป็นแม่ สรุปแล้วคือพระนางสมุทรชาได้รู้ในภายหลังว่าตัวเองเป็นภรรยาของพญานาคและอาศัยอยู่ในเมืองบาดาล สิ่งที่พี่ได้จากตำนานเรื่องนี้ก็คือ...นาคกับมนุษย์ สมสู่กันได้ และให้กำเนิดบุตรอันเกิดด้วยความเสน่หาของทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้”

กลิ่นจันทร์ถอนหายใจยาวคล้ายพยายามขับไล่ความอึดอัดที่รบกวนหัวใจเธออยู่ทุกคืนวัน ลูกน้อยในท้องเธอเติบโตขึ้นทุกคืนวัน ในขณะที่ความรู้สึกผูกพันกับชายหนุ่มในความฝันก็ทำให้หญิงสาวเริ่มสงสัยเรื่องราวในอดีตของตัวเองมากขึ้น เธอกับชายหนุ่มผู้ที่ชื่อภุชคินทร์เคยเป็นอะไรกันงั้นหรือ... ช่างน่าแปลกที่รอยยิ้มอันอบอุ่นของเขาสามารถฉุดเธอให้ตกอยู่ในภวังค์ของความสุขได้อย่างไม่รู้ตัว อยากจะเห็นหน้า พูดคุย โอบกอดร่างกายแข็งแกร่งนั้นสักครั้ง

นี่...เรากำลังคิดอะไรอยู่น่ะกลิ่นจันทร์?


ศรสวรรค์นั่งก้มหน้าเงียบอยู่ในห้องโถงใหญ่แห่งคฤหาสน์รักตปักษ์ภายหลังที่ตรีดาวชักชวนให้ไปท่องเที่ยวยังดินแดนอีสานเหนือ ตอนนี้ผู้หญิงที่ตรัศวินหลงรักกำลังจะเข้าพิธีหมั้น แล้วตรีดาวยังมาชักชวนให้เธอไปแถวนั้นอีก หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าการไปเยือนดินแดนที่นาคาเรืองอำนาจอย่างยิ่งใหญ่นั้นจะมีบางอย่างแอบแฝง

“ไม่มีอะไรที่ทำร้ายปักษาอย่างเราได้ ครุฑคือเจ้าแห่งเวหา เกิดมาเพื่อฆ่าพญานาค” คำพูดของทายาทสาวแห่งรักตปักษ์ทำให้หญิงสาวมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง เธอเป็นถึงนางครุฑผู้อยู่ถึงจาตุมหาราชิกา สูงส่งกว่าปักษาธรรมดาๆ หลายเท่านัก ขนาดแค่ครุฑทั่วไปเหล่านาคายังเกรงกลัวกันนักหนา แล้วนับประสาอะไรกับนางครุฑที่มีบารมีสูงส่งเช่นเธอ

“เราจะไปกันสี่คนนะจ๊ะ” ตรีดาวผู้สวมชุดคลุมสีแดงสดเดินกรุยกรายออกมาจากห้องนั่งเล่น ติดตามมาด้วยเด็กสาววัยสิบหกและชายหนุ่มร่างสูงใหญ่

ศรุตายกมือไหว้ศรสวรรค์ส่วนเวนไตยก็คลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับหญิงสาว “ศรุตากับเวนไตยก็จะไปกับเราด้วยจ้ะ” ตรีดาวหันไปมองหน้าปักษาทั้งสอง สายตาอันเฉียบแหลมคล้ายซุกซ่อนความหมายบางอย่างไว้

“ได้เวลาแล้ว...” หลานสาวคนเดียวของท่านสิตามันเอ่ยขึ้นก่อนเดินนำหน้าขึ้นบันได ตรงสู่ระเบียงกว้างแห่งคฤหาสน์รักตปักษ์


มะลิชะโงกหน้าออกไปรับลมเย็นด้านนอกกระจกรถที่กำลังวิ่งฝ่าความมืดไปในขณะนี้ พิมพ์ดาวรีบแจ้งเรื่องที่กลิ่นจันทร์จะหมั้นหมายกับชายคนรักให้แก่เอกรินทร์ได้ทราบ พอได้รู้ข่าว ชายหนุ่มก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ภุชคินทร์อุตส่าห์จีบกลิ่นจันทร์ตั้งนานแล้วจู่ๆ ก็มาหายสาบสูญไปทั้งสองคน ยังดีที่กลิ่นจันทร์ปรากฏตัวขึ้นมาแต่ว่าเพื่อนสนิทของเขานี่สิ...ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

พิมพ์ดาวที่นั่งเคียงคู่กับสารถีหนุ่มอย่างเช่นเอกรินทร์หันขวับมาทางเบาะหลัง นางสายบัวผล็อยหลับไปนานแล้วแต่ว่าเด็กสาววัยแรกรุ่นยังคงนั่งกดโทรศัพท์มือถือเล่นอยู่

“หิวมั้ยจ๊ะมะลิ เดี๋ยวถึงปั๊มข้างหน้าลงไปซื้อของกับพี่นะ” สายตาเบื้องหลังกรอบแว่นหนาจ้องสีหน้าเรียบเฉยของเด็กสาวคราวน้อง

“คิดถึงพี่จันทร์มากเหรอ? ตอนที่ยัยจันทร์มาหาคงยังคุยกันไม่สมใจล่ะสิท่า” พิมพ์ดาวทายเล่นๆ คิดว่าไม่ทันที่มะลิจะซักไซ้พี่สาวก็กลับถูกพวกชาวบ้านที่เชื่อลมปากนังเฟื่องฟ้ากับแม่หมอของหล่อนจนหัวปักหัวปำขว้างปาก้อนหินใส่อย่างกับว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อมีแป

“มะลิน่าจะโทร.บอกพี่บ้างตอนที่กลิ่นจันทร์มา” หันกลับมาจับจ้องเส้นทางมืดมิดเบื้องหน้าต่อ เอกรินทร์เบือนหน้ามามองคนข้างๆ มิอาจรู้ว่าตอนนี้พิมพ์ดาวกำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่... เธออาจจะโกรธกลิ่นจันทร์ หรืออาจจะแค่น้อยใจ แต่ว่าอีกฝ่ายก็ความจำเสื่อมนี่...กลิ่นจันทร์คงจำไม่ได้ว่าเคยมีเพื่อนอย่างเธอ

“ตอนนั้นมันฉุกละหุกมากน่ะค่ะ ทีแรกหนูไม่คิดว่าพี่จันทร์จะมาซะด้วยซ้ำ” มะลิบอกเสียงค่อยก่อนก้มหน้าเล่นเกมในโทรศัพท์ด้วยที่ยังไม่ง่วงนอน

พิมพ์ดาวสะบัดหน้าไปมองที่นาริมทางที่ถูกเก็บเกี่ยวจนโล่งเตียน จันทร์เสี้ยวบนฟ้าทำให้มองเห็นสภาพภายนอกเพียงเลือนราง ความสงสัยมากมายก่อตัวขึ้นในใจของหญิงสาว กลิ่นจันทร์หายไปจากมณีนิลแล้วก็ไปโผล่ที่หนองคาย มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย... อีกทั้งพวกตระกูลนิลนาคก็หายไปทั้งครอบครัว แล้วยัยนั่นกลับมาความจำเสื่อม จำเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้เสียอีก ตอนนี้เธออยากจะพบกลิ่นจันทร์เหลือเกิน...ไม่แน่ ถ้าเธอช่วยฟื้นความทรงจำเก่าๆ ให้เพื่อนรักคนนี้ กลิ่นจันทร์อาจจะพอปะติดปะต่อเรื่องในอดีตขึ้นมาก็ได้ และสิ่งที่ทำให้พิมพ์ดาวแน่ใจว่ากลิ่นจันทร์จะต้องรู้ว่าในอดีตเธอเคยรักใคร่ชอบพอใครนั้นคือเพื่อนสนิทคนสำคัญ... มะลิบอกว่าพิณภัทร์พบกลิ่นจันทร์ที่หนองคายก่อนใครเพื่อน

เอกรินทร์ชะลอรถเมื่อใกล้จะถึงปั๊มน้ำมัน มะลิวางโทรศัพท์ลงยังเบาะรถ หันมาจับจ้องแสงไฟที่ส่องสว่างสองข้างทางของถนนก่อนที่กลุ่มนกสามสี่ตัวที่เด็กสาวเห็นเมื่อจอดแวะปั๊มคราวก่อนจะโผบินอยู่อีกฝั่งของท้องถนน เหมือนว่านกพวกนั้นกำลังบินตามพวกตนมา... เด็กสาวหรี่ตาครุ่นคิด นกสีแดงที่นำหน้าบินหลาผ่านหน้ากระจกรถสู่ทิวไม้ข้างปั๊มน้ำมันก่อนที่นกตัวใหญ่อีกสามตนจะบินติดตามไป



Create Date : 28 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2553 16:25:16 น.
Counter : 1237 Pageviews.

11 comments
  
ว้าวว เข้ามาเม้นท์คนแรกเหรอนี่
สนุกมาก มาอัพไวๆนะ
โดย: pan IP: 124.121.43.102 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:50:28 น.
  
โอ้ว ยิ่งสนุกใหญ่แล้ว สงสัยกลิ่นจันทร์ไม่ได้แต่งงานแน่ๆงานนี้
โดย: pearzilla IP: 24.240.79.111 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:03:27 น.
  
เฮ้อขอไห้พ่อเเม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วยเถอะ การกีดกันคนรักหรือพ่อเเม่ลูกไห้พลัดพรากจากกันเป็นบาปอย่างหนึ่ง เเล้วพวกที่กีดกันนายคินกับหนูจันทร์จะได้รับกรรมนั้นหรือเปล่าโดยเฉพาะพวกครุฑที่เคี่ยวเข็นไห้พวกนาคสัญญาว่าจะไม่กลับมายังโลกมนุษย์อีก เรื่องนี้นายคินกับหนูจันทร์น่าสงสารที่สุด ตอนที่เเล้วเล่าเรื่องชาติเก่าๆของหนูจันทร์ไม่ทันจบเลย เอ้าบทต่อไหมาเล่าต่อไห้จบไม่งั้นเดี๋ยวมีเฮ555... ล้อเล่นค่ะ
โดย: VEE IP: 66.172.227.210 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:1:41:49 น.
  
ครับ

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ

โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:01:58 น.
  
สนุกค่า
โดย: natto (natto-kita ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:37:39 น.
  
มีอย่างนึงที่สงสัยจากเรื่องของพระนางสมุทรชา คือพระนางสมุทรชาไม่รู้ว่าตนอยู่เมืองนาค แต่งงานกับนาค ทั้งๆที่นาคจะคืนร่างเป็นงูตอนร่วมหลับนอน และตอนแรกเกิด

ขอเดาว่าตอนคลอดลูกคงเจ็บจนสลบ เลยไม่รู้ว่าลูกออกมาเป็นงู แล้วตัวเองก็เป็นลูกครึ่งงูแต่ไม่เคยแปลงร่าง น่าจะเพราะเป็นลูกครึ่ง

แต่ตอนหลับนอนเนี่ย กอดผิวคนอยู่ดีๆ แล้วกลายเป็นลื่นๆเกล็ดๆนี่จะไม่รู้บ้างเลยเหรอ อันนี้รู้ว่านำมาจากนิทานชาดก แค่แลกเปลี่ยนความคิดว่าคนเขียนกะแฟนๆรู้สึกเหมือนกันบ้างไหม

ปล. ชอบมากที่เอานิทานชาดกเข้ามาผสมด้วยค่ะ อิๆ
โดย: pearzilla IP: 24.240.79.111 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:03:02 น.
  
ครับ

คุณ pearzilla

แฟนพันธุ์แท้จริงๆ
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:07:29 น.
  
กำลังอยากอ่าน บทเฮียไผทเทพ ตอนสมัยโบราณอิอิ

เฮียพิณกลับมาเต๊อะ หนูอรเขามาแล้ว เดี๋ยวอีตาเวนไตยคาบไปกินจริงๆนะ
โดย: p_ew IP: 118.172.89.174 วันที่: 1 ธันวาคม 2553 เวลา:18:50:03 น.
  
โห มันส์สุดยอด เก็บไปเพ้อฝัน
โดย: จีจี้ IP: 182.53.25.252 วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:16:25:58 น.
  
หนุกมั่กก ชอบมากกกกกกกก ชอบเรื่องที่พิสูทน์ไม่ได้ ชอบอ่านมาก เกี่ยวกับพญานาค
โดย: กระต่ายน้อย IP: 172.20.128.82, 203.144.130.176 วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:17:09:05 น.
  
ขอบคุณคับ ^^
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:23:19:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
พฤศจิกายน 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
23
25
27
29
 
 
MY VIP Friend