หลงรักเลห์ ตอนที่ 6 เหนือสายน้ำที่ถูกห่มคลุม Chadar River
เช้านี้ถูกปลุกด้วยเสียงทักทาย"Good morning" พร้อมชานมอุ่นๆ เช่นเดียวกับเมื่อวาน บรรยากาศรอบตัวยังคงความหนาวเหน็บ ผมกับกานต์ค่อยๆ เก็บข้าวของอย่างอ้อยอิ่ง วันนี้แม้ยังคงรู้สึกเหนื่อยเพราะความเบาบางของอากาศ แต่ว่าทำอะไรได้สบายกว่าเมื่อ 2 วันแรก ร่างกายคงเริ่มปรับตัวบ้างแล้ว
เราจัดการกับซองขนมจากงานปาร์ตี้เหล้าอุ่นในเต็นท์นอนเมื่อคืน ขวดเหล้าเปล่าขนาด 1 ลิตรพร้อมกล่องสวยๆ ถูกวางรวมไว้กับเศษขยะ
2 วันที่ผ่านมา พวกเรา 5 คนกินเหล้าแก้หนาวไปถึง 1 ลิตร(ที่จริง 4 คนเหมียวไม่ดิ่ม) นับว่ากินกันได้ดุเดือด ครั้งแรกที่กานต์จะเอาเหล้ามา 2 ลิตร ผมแย้งว่าจะเอามาทำไมให้หนัก ลิตรเดียวก็น่าจะพอแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนกิน
"ไบร์ท มึงเชื่อกูดิ ไม่พอหรอก 2 ลิตรยังไม่พอเลย" กานต์บอกแต่ผมไม่ยักกะเชื่อ ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าไม่พอจริงๆ กานต์ถึงกับบอกว่าคืนนี้ต้องมีลิมิตการกินไม่งั้นคงไม่เหลือเหล้าพอถึงวันกลับ
ก่อนออกจากเต็นท์ผมกับกานต์เติมน้ำมันไฟแช็คใส่ Pocket Warmer จุดไฟให้ความอบอุ่นแล้วใส่กระเป๋าเสื้อตัวใน ขนสัมภาระออกไปรวมไว้ให้ลูกหาบ กลุ่มลูกหาบเก็บเต็นท์เคลืยร์พื้นที่ พอเห็นกล่องเหล้าพร้อมขวดก็ถามกานต์ว่าจะทิ้งจริงๆ เหรอ กานต์ยืนยันว่าทิ้ง
หลังอาหารเช้า พวกเราออกเดินเป็นกลุ่มรั้งท้าย วันนี้จะเป็นวันที่เราเดินอย่างจริงๆ จังๆ ใช้เวลาเดินเท้าย่ำไปร่วม 8 ชั่วโมงจึงจะถึงจุดตั้งแค้มป์ต่อไป
เส้นทางที่เดินวันนี้สวยงามน่าชม มีน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งให้ได้เห็นในหลายจุด
แต่ที่แย่จนเซ็งก็คือ น้ำแข็งที่เดินมันลื่นมาก เป็นวันที่ผมลื่นล้มถึง 4 ครั้ง และผมลื่นจนข้อเท้าเจ็บ
ที่ผมนึกเซ็งเป็นที่สุดคือไม่ได้หาซื้อหายืมแครมปอนส์(Crampons)มาด้วย หวังใช้ไม้เท้าคู่ช่วยพยุงกายแต่ท้ายสุดผมล้มไม่เป็นท่า ผมขอบอกว่าไม้เท้าช่วยพยุงตัวตอนเสียหลักได้ แต่บางครั้งมันลื่นฟรืดแบบไม่ทันตั้งตัว จะมีไม้เท้า 2 อันหรือ 3 อันก็เอามาพยุงไม่ทันครับ หรือบางครั้งลื่นเซก็เอาไม้เท้ามาพยุงไม้เท้าก็ดันฟรืดลื่นไถลไปกับเราอีก ดังนั้นผมขอสรุปว่า ต้องมีแครมปอนส์
ที่จุดกางเต็นท์มีลำธารเล็กๆ ที่กลายเป็นน้ำแข็งไหลมาสมทบกับซันสการ์
ค่อยๆ ย่างเท้าอย่างระมัดระวังด้วยว่ากลัวลื่น แต่ท้ายสุด....
กานต์บอกว่าอยากสัมผัสน้ำแข็งก้อนนี้ เพราะมันแสดงตัวของตัวเองถึงความแข็งแกร่งและตั้งโด่เด่ของมัน
ส่วนเปิ้ลชูไม้เท้าขึ้นทำท่ากางเขนนรก
นี่เหมียวกับเปิ้ล ส่วนซ้งเดินตามอยู่ห่างๆ (อย่างห่วงๆ)
ส่วนนี่ผมกำลังลื่นฟรืด(ขอบคุณกานต์สำหรับคลิปนี้)
เฮ้ย! นั่น น้ำตก---เฮ้ย! ไม่ใช่สิ น้ำตกแข็ง หรือควรเรียกว่า น้ำแข็งตก? จะเรียกอะไรดีนะ หาคำไทยสั้นๆ ง่ายๆ มาเรียกไม่ได้ แต่ "สวย"
เห็นภาพนี้ทำให้ผมนึกถึงสำนวน"cross your finger" ---ภาวนาให้โชคดี สังเกตที่รองเท้าเปิ้ลมีแครมปอนส์แบบกริปติดอยู่(Grips Crampons) เดินสบายขึ้นมาก โอกาสลื่นล้มลดลงมาก ไม่ต้องเกร็งขาให้เมื่อยด้วยกลัวลื่น
"พี่ไบร์ทๆ ช่วยถ่ายรูปเปิ้ลหน่อย" เปิ้ลตะโกนมาให้ช่วยถ่ายรูปคู่กับน้ำตก
น้ำตกแข็ง
น้ำตกไหลมาจากตาน้ำในโพรงถ้ำ ถ้าไม่มีคนยืนเทียบอยู่เหมือนน้ำตกนี้จะเล็ก
น้ำตกข้างซ้ายไม่เป็นน้ำแข็ง มารู้ภายหลังว่าที่ไม่แข็งตัวเพราะน้ำที่ไหลออกมาอุ่นกว่าปกติ
พืชพรรณบางอย่างยังคงสีเขียวได้บริเวณน้ำตกที่ยังไม่แข็ง
น้ำตกนี้ดูเหมือนจะเล็กแต่ถ้าเทียบกับคน(ดูภาพถัดไป)
"ไบร์ทๆ ถ่ายรูปกูหน่อย" กานต์ตะโกนเรียกเมื่อเดินข้ามถึงโคนน้ำตก
โพรงถ้ำที่น้ำตกไหลออกมา น้ำตกที่แข็งทำให้นึกถึงหินงอกหินย้อย
"น้ำแข็งใส" ไม่ใช่ "น้ำแข็งไส"
ฟ้า เมฆและทิวเขา
น้ำตกแข็ง
เส้นของสันเขากับขอบฟ้า ทำให้นึกถึงเส้นแผลงในภาพไทย(เส้นแผลง [แผฺลง] น. เส้นที่เยื้องไปเยื้องมามีลักษณะเหมือนฟันปลา ใช้เขียนแบ่งภาพเป็นตอน ๆ ในงานจิตรกรรมฝาผนัง.)
ลวดลายบนก้อนหินที่พบระหว่างทาง
ลวดลายบนน้ำแข็งระหว่างทาง
เดินมาไกลโข นั่นๆ จะถึงแล้ว เย เย
ที่แคมป์ ถุงนอนเปียกถูกตากไว้บนเต็นท์ ฟูกนอนสีแดงทางซ้ายของกานต์เปียกจนแข็งเป็นน้ำแข็ง
ผมกับกานต์เดินรั้งท้ายสุด เมื่อไรก็ตามที่เราหยุดถ่ายภาพจะทำให้เราทิ้งช่วงห่างจากคนอื่น 20-50 เมตร ยิ่งหยุดบ่อยก็จะห่างขึ้น ห่างขึ้น สุดท้ายก็คงห่างกับกลุ่มที่นำหน้าเป็นกิโล
เมื่อไปถึงจุดกางเต็นท์ เดินขึ้นแคมป์เหลือเต็นท์ว่างอยู่เต็นท์เดียว ตัวเต็นท์ดูย้วยๆ เหี่ยวๆ เชือกก็ขึงไม่ตึง เราขนของเข้าไป พอไปเอาถุงนอนกับฟูก ลูกหาบบอกว่ารอเดี๋ยว กำลังทำให้แห้งอยู่ พร้อมอธิบายว่ามันเปียกระหว่างการเดินทาง เดี๋ยวแห้งแล้วจะเอาไปให้ เรามองไปยังกองไฟที่พวกลูกหาบผิงไฟ เห็นมีฟูกผิงไฟอยู่ด้วย ส่วนถุงนอนถูกคลี่ออกกางไม่ใกล้ไม่ไกลกองไฟนัก
"Where is your tent?" ลูกหาบถาม "Over there, that side." ผมตอบพร้อมชี้มือบอกทิศทาง "OK, please wait at your tent." ลูกหาบบอก ท่ามกลางความหนาวเหน็บ เราเดินกลับมานั่งคุดคู้อยู่ใกล้ๆ เต๊นท์เหี่ยวๆ ของเรา
สักพักก็มีคนเอาถุงนอนมาให้ผมกับกานต์ แต่ว่า มันยังชื้นอยู่เลย เอาว่ะยังไงก็ยังดีกว่าไม่มี คงทำได้ดีที่สุดเท่านี้แหละ เรายัดถุงนอนกองไว้ที่ประตูเต็นท์แล้วนั่งทอดอาลัย อ้าว! ผมนึกขึ้นได้---แล้วฟูกละ
"Sorry! " ผมเรียกลูกหาบที่กำลังเดินจากไป เขาหันมามอง "And mattress, We don't have mattress too." ผมบอกลูกหาบ ลูกหาบบอกว่ารอเดี๋ยวอีกแป๊บนึง "มึงไม่ต้องรีบนะเว่ย" กานต์พูดเป็นภาษาไทย "ทำไมว่ะ" ผมถาม "เดี๋ยวมันก็เอามาให้เราแบบเปียกๆ นะสิ" กานต์ตอบ ใช่ครับ ต้องไม่รีบเพราะฟูกมันเปียก "เออ จริง" ผมว่า "ย่างให้แห้งก่อน กูไม่อยากนอนบนน้ำแข็ง" กานต์ย้ำ
ทอดอาลัยรอฟูก ซ้งก็เข้ามาถาม "พี่ทำไมยังไม่จัดเต็นท์" กานต์เล่าถึงเหตุผล "เต็นท์พี่ทำไมมันดูแย่อย่างนี้ เดี๋ยวผมทำให้ใหม่" ซ้งเสนอตัว "ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็นอนได้แล้ว" "ไม่ยากหรอกพี่ เดี๋ยวผมทำให้แป๊บเดียว" ซ้งบอก
ว่าแล้วซ้งก็ จัดแจงใส่โครงตรงหน้าชาน หาเชือกหาหิน พร้อมชวนผมกับกานต์ให้ช่วยกันปรับเต็นท์ให้ได้รูป ไม่น่าเชื่อ เต็นท์ดูแข็งแรง สวยงามทีเดียว
"ซ้ง เจ๋งว่ะ ขอบคุณมาก พวกพี่คงทำกันเองไม่เป็นว่ะ" เรากล่าวขอบคุณซ้งด้วยความจริงใจ "พี่ผมบอกแล้วว่าไม่ยาก" ซ้งกล่าวก่อนขอแยกตัวกลับไปหาเหมียวที่เต็นท์
รอฟูกอยู่ที่เต็นท์สักพักกานต์ก็ชวนผมไปนั่งผิงไฟกับพวกลูกหาบ ตรงกองไฟที่เขากำลังย่างฟูกให้แห้ง ลูกหาบบางคนพูดภาษาอังกฤษได้ดี บางคนพูดไม่ได้ แต่มิตรภาพรอบกองไฟก็บังเกิด
เพราะสองคืนที่ผ่านมาจากกองไฟของลูกหาบจะมีเสียงขับร้องเพลงพื้นบ้านดังมา ณ ตอนนี้กานต์จึงเชิญชวนให้ชาวซันสการ์เหล่านี้ช่วยร้องเพลงให้ฟัง บอกปฏิเสธแกมเขินกันอยู่พักหนึ่งพวกเขาก็เริ่มขับร้อง โดยใช้ถังแกลลอนน้ำมันโลหะเป็นเครื่องเคาะให้จังหวะ
เพื่อนชาวซันสการ์ในวงรอบกองไฟกล่าวถึงเนื้อเพลงให้ฟังว่า เนื้อเพลงพูดถึงอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่ศรีษะที่สวยงามแข็งแรง ไหล่ แขน เอว ขา ไล่ไปเรื่อยๆ โดยปกติจะมีท่าเต้นประกอบ เราได้เห็นท่าเต้นจากเพื่อนคนนี้ซึ่งดูเป็นท่าเต้นที่ไม่อ่อนช้อยแต่สวยงามแข็งแรง
พูดคุยฟังเสียงเพลงพื้นบ้านสักพักเราก็แยกตัวออกมา สักพักใหญ่ก็มีคนเอาฟูกมาให้เรา เป็นฟูกที่แห้งสนิดดี เราบอกขอบคุณ
ทานมื้อค่ำเสร็จ เราได้ยินเสียงคนไทยร้องเพลงไทยมาจากรอบกองไฟ เราจึงเดินเข้าไป พบชาวคณะกำลังร่วมผิงไฟกับเพื่อนชาวซันสการ์พร้อมร้องเพลงแลกเปลี่ยนเป็นที่สนุกสนาน
คืนนี้ฟ้าไม่ใส มืดสนิดแต่ไม่มีดาวสักดวง คงเพราะเมฆเต็มฟ้า กลับเข้าเต็นท์จัดข้าวของ พร้อมสรรพ เพื่อนมารวมกันที่เต็นท์เรา กานต์งัดเอาเหล้าขวดใหม่ออกมาพร้อมบอกว่าวันนี้จะกินเหล้าถึงแค่นี้แล้วพอ
นั่งในเต็นท์กินเหล้ากับน้ำร้อนแกล้มขนมซอง หมูฝอย ที่นำมาจากไทย พูดคุยเพลิดเพลินสนุกสนาน แล้วเราก็แยกย้ายกันไป อย่างเสียไม่ได้เพื่อเข้านอน
เพลงพื้นบ้านที่เราได้ฟังตอนผิงไฟ(ขอบคุณกานต์สำหรับคลิปนี้)
ขอบคุณชาวคณะที่ท่องเที่ยวกันไป ขอบคุณเพื่อนๆ ชาวซันสการ์
และท้ายสุดขอขอบคุณ ExitSong.com Leh Crazy ชุมชนคนรักเลห์ ขอความสุขและสันติสถิตในดวงใจ จบตอน 6
Create Date : 28 มีนาคม 2557 |
Last Update : 28 มีนาคม 2557 16:48:40 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1519 Pageviews. |
|
|
|