Bloggang.com : bestyx : หย่อมความกดอากาศต่ำ

หย่อมความกดอากาศต่ำ

บริเวณความกดอากาศสูง หมายถึง บริเวณที่มีความกดอากาศสูงกว่าบริเวณข้างเคียง มีการหมุนเวียนของลมออกจากศูนย์กลางในทิศตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ และทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้ แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ

บริเวณความกดอากาศสูงชนิดเย็น (Cold High) เป็นบริเวณความกดอากาศสูงที่มีอุณหภูมิที่ศูนย์กลางของมวลอากาศ หนาวเย็นกว่าบริเวณที่อยู่รอบ ๆ มักเกิดขึ้นบนพื้นทวีปหรือแผ่นดิน มีคุณสมบัติหนาวเย็นจัด และแห้งแล้ง ตัวอย่างเช่น บริเวณความกดอากาศสูงแถบไซบีเรีย (Siberian High) ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อประเทศไทยในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างประมาณปลายเดือนตุลาคม ถึง ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์

บริเวณความกดอากาศสูงชนิดร้อน (Warm High) เป็นบริเวณความกดอากาศสูงที่มีอุณหภูมิที่ศูนย์กลางของมวลอากาศ อุ่นกว่าบริเวณที่อยู่รอบ ๆ มักเกิดขึ้นบนพื้นน้ำหรือมหาสมุทร มีคุณสมบัติร้อน และมีความชื้นมาก ตัวอย่างเช่น บริเวณความกดอากาศสูงแถบโซนร้อนตอนบนของมหาสมุทรแปซิฟิก (Subtropical High) ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อประเทศไทยในช่วงการเปลี่ยนฤดูจากหนาวเป็นร้อน ระหว่างประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึง ประมาณกลางเดือนเมษายน

หย่อมความกดอากาศต่ำ หมายถึง บริเวณที่มีความกดอากาศต่ำกว่าบริเวณใกล้เคียง มีการหมุนเวียนของลมเข้าหาศูนย์กลางในทิศทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ และตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้ มีคุณสมบัติโดยทั่วไปคือร้อน ชื้น เป็นสถานะตั้งต้นที่จะรุนแรงขึ้นเป็นพายุหมุน

พายุหมุน เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในบริเวณเขตร้อนของโลก หรือระหว่างละติจูด 23.5 องศาเหนือ ถึง 23.5 องศาใต้ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พายุหมุนแห่งเขตร้อน (Tropical Storm) การเกิดพายุจะเกิดจากการพัฒนาตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเหนือทะเลหรือมหาสมุทร ที่มีอุณหภูมิของน้ำทะเลมากกว่า 26 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยมีการหมุนเวียนของลมเข้าหาศูนย์กลางในลักษณะทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ และตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้ การเรียกประเภทของพายุหมุนจะถูกกำหนดด้วยความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางของพายุ ดังนี้ (เรียงลำดับตามความรุนแรงจากน้อยไปมาก)

พายุดีเปรสชั่น (Depression) ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางของพายุไม่เกิน 33 นอต หรือ 61 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พายุโซนร้อน (Tropical Storm) ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางของพายุ อยู่ระหว่าง 34 - 47 นอต หรือ 62 - 87 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พายุโซนร้อนชนิดรุนแรง (Severe Tropical Storm) ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางของพายุ อยู่ระหว่าง 48 - 63 นอต หรือ 88 - 117 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พายุไต้ฝุ่น (Typhoon) ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางของพายุ มากกว่า 64 นอต หรือ 118 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป
พายุไต้ฝุ่นชนิดรุนแรง (Super Typhoon) ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางของพายุ มากกว่า 130 นอต หรือ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป

การตั้งชื่อพายุหมุน พายุหมุนแห่งเขตร้อนนี้จะถูกตั้งชื่อเช่นเดียวกับคน เช่น อีวอน (Evon), ไอรา (Ira) เป็นต้น ก็ต่อเมื่อพายุหมุนนั้นมีความรุนแรงตั้งแต่ระดับพายุโซนร้อนขึ้นไป (พายุดีเปรสชั่นจะไม่มีการตั้งชื่อ) ในอดีตองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกจะใช้ชื่อของสุภาพสตรีเป็นชื่อของพายุ แต่หลังจากที่มีการประกาศสิทธิความเสมอภาคของสตรีขึ้น จึงได้ใช้ทั้งชื่อของบุรุษและสตรีสำหรับตั้งให้กับพายุเหล่านั้น แต่ในปัจจุบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ.2000) ชื่อของพายุหมุนแห่งเขตร้อนในบริเวณด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย ได้นำชื่อที่มาจากภาษาพื้นเมืองของประเทศต่าง ๆ ในแถบนั้นมาตั้ง ดังนั้นชื่อพายุตั้งแต่นี้ต่อไปบางครั้งจะมีชื่อเป็นภาษาไทยเข้าไปด้วย เช่น ชบา ทุเรียน หนุมาน เป็นต้น

ร่องความกดอากาศต่ำเป็นบริเวณที่ลมจากซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้มาพบกัน
เป็นบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำกว่าบริเวณใกล้เคียงเป็นแนวยาว
คุณสมบัติเด่น คือบริเวณที่ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่าน
จะมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมวลอากาศอุ่นลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบน
มีกระแสลมใกล้เคียงพัดเข้าหาบริเวณความกดอากาศต่ำ
เกิดเมฆก่อตัวในแนวตั้ง มีฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง

      ร่องนี้มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรทอดยาวจากทิศตะวันตกไปตะวันออก
และอาจมีความกว้างมากกว่าร้อยกิโลเมตรในแนวเหนือใต้
ร่องยิ่งแคบก็ยิ่งมีความรุ่นแรงมาก โดยจะมีฝนตกหนักมาก
มีฟ้าคะนองรุนแรงเป็นเวลานานติดต่อกัน
ถ้าร่องนี้พาดผ่านอยู่บริเวณใดหลายวัน
ก็จะทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากติดต่อกันจนเกิดน้ำท่วมได้

      ร่องความกดอกาศต่ำจะเลื่อนขึ้น,ลงช้าๆ ไปทางเหนือใต้ตามแนวโคจรของดวงอาทิตย์
โดยจะช้ากว่าแนวโคจรของดวงอาทิตย์ประมาณ 1 เดือน
ในเดือนพฤษภาคมร่องความกดอากาศต่ำ
จะพาดผ่านภาคใต้ของประเทศไทยและจะเลื่อนขึ้นไปทางเหนือเป็นลำดับ
ประมาณกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมร่องนี้
จะเลื่อนขึ้นพาดผ่านประเทศจีนตอนใต้
ทำให้เกิดฝนทิ้งช่วงในประเทศไทย
แล้วจะเลื่อนลงมาพาดผ่านประเทศไทยอีกครั้ง
ประมาณปลายเดือนสิงหาคมหรือกันยายน

     ต่อจากนั้นก็จะเลื่อนลงทางใต้ตามลำดับประมาณเดือนตุลาคม
พาดผ่านภาคใต้ตอนบนและเลื่อนลงมาทางใต้เรื่อยๆ

จากเว็บ : ศูนย์อุตุนิยมวิทยา ภาคใต้ฝั่งตะวันออก

//www.navy.mi.th/navymet/meaning.htm

คำถาม คำตอบ จากเวบบอร์ด

1. ทำไมเวลาดูภาพเคลื่อนไหวของเมฆดูเหมือนว่าจะไหลจากทิศทางตะวันออกไปตะวันตกเข้าหาพายุ LAILA แต่เวลาดูแผนที่ลมบนมันเป็นลมพัดจากตะวันตกไปตะวันออกละครับ ?

ตอบ – คืออย่างนี้ครับ เมฆฝนมีการก่อตัวตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับชั้นบนของชั้นบรรยากาศ และลมระดับชั้นล่างกับบนเคลื่อนที่ต่างกัน โดยในช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ต่อให้ไม่มีพายุ LAILA) ถ้าเป็นลมและเมฆระดับล่างของชั้นบรรยกาศช่วงประมาณ 700-925 hPa จะเคลื่อนตัวจากตกหรือตกเฉียงใต้ไปทางออกหรือออกเฉียงเหนือ เนื่องจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ทิศทางของลมและเมฆจะอยู่ในช่วงระดับล่างของชั้นบรรยากาศ แต่ถ้าเป็นลมและเมฆระดับบนของชั้นบรรยากาศช่วงประมาณ 150-300 hPa จะเคลื่อนจากออกหรือออกเฉียงเหนือไปตกหรือตกเฉียงใต้ …..ซึ่งที่เราเห็นว่าเมฆฝนในภาพถ่ายดาวเทียมเคลื่อนไหวเคลื่อนตัวจากออกไปตกนั่นก็เพราะเป็นเมฆระดับชั้นบนซึ่งเมฆระดับชั้นบนมัน FLOW คือไหลไปจากทางตะวันออกไปทางตะวันตกตามลมระดับบนของชั้นบรรยากาศช่วงประมาณ 150-300 hPa คือภาพถ่ายดาวเทียมเคลื่อนไหวจะเห็นเฉพาะพื้นผิวเมฆฝนที่เป็นเมฆระดับชั้นบนน่ะครับแต่ลึกลงไปเมฆฝนที่เป็นเมฆระดับล่างเราไม่เห็นมันในภาพถ่ายดาวเทียมเคลื่อนไหวครับ เพราะพื้นผิวเมฆฝนที่เป็นเมฆระดับชั้นบนบังชั้นล่างหมดเลย (งงมั้ยเนี่ย..อิอิ) ดูภาพถ่ายดาวเทียมเคลื่อนไหวมันลวงตาน่ะครับ …

2. จริงๆแล้ว เมื่อพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนตัวผ่านบริเวณใดจะช่วยคลายความร้อนได้ในระยะหนึ่งประมาณเกือบหนึ่งสัปดาห์ แต่ก็ช่วยลดเยอะนะแค่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณใดๆก็จะช่วยลดความร้อนได้เยอะ

ที่มา:

//www2.tmd.go.th/webboard/show.php?Category=meteorology&No=8546&PHPSESSID=bae4df08453f179755f776e19294205f

Create Date : 22 กรกฎาคม 2556

Last Update : 25 กรกฎาคม 2556 9:37:35 น.

0 comments

Counter : 9862 Pageviews.