Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2559
 
31 พฤษภาคม 2559
 
All Blogs
 
อึ้ง ทึ่ง เสียว อดีตดาวนู้ด “ปุ๊กกี้ ปนัดดา” ตกอับ สารภาพตอนแก่เป็น ทอม ! ไม่ฟินผู้ชาย



เปลือยชีวิต อึ้ง ทึ่ง เสียว อดีตดาวนู้ดเอเชีย “ปุ๊กกี้ ปนัดดา” ที่ผู้ชายอยากกิน ไม่ยอมเป็นเมียน้อยอาเสี่ย เพิ่งจะสารภาพตอนแก่ว่าเป็น “ทอม” ชอบผู้หญิงนอนกับผู้ชายแล้วไม่ฟิน แต่พอเห็นผู้หญิงใจเต้นแรงวูบวาบ ปิดบังใจตัวเองยอมมีผัว แต่สุดท้ายผัวก็ไปได้เสียกับเด็กข้างบ้าน ชีวิตตกอับเป็นหนี้สินต้องขอข้าววัดกิน

ถ้าย้อนกลับไปเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในนางแบบที่ทุกคนต้องรู้จักและจำเธอได้เป็นอย่างดีก็คือสาวเซ็กซี่ดีกรีเวิลด์คลาส ดาวนู้ดระดับเอเชีย “ปุ๊กกี้ ปนัดดา วิมศิริ” จากเด็กบ้านนอก จ.ชัยภูมิ จับผลัดจับผลูกลายมาเป็นลูกบุญธรรมของนายพลในเมืองกรุง แล้วอยู่ดีๆ ชีวิตของเธอก็ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการประกวดเป็นนางแบบจากเวทีของช่อง 5 ถัดจากนั้นกราฟชีวิตของเธอก็ยังไม่หยุดที่จะทะยานขึ้นจนได้ไปประกวดเป็นตัวแทนจากประเทศไทยติด 1 ใน 5 ของผู้หญิงที่สวยที่สุดในเอเชีย

แต่แล้วชีวิตของเธอก็พลิกผันจากนางแบบ นางงามเข้าสู่วงการ “ดาวนู้ด” เธอตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ก็เพราะชื่อเสียงและเงินทองที่มาล่อตาล่อใจจนทำให้เธอกลายเป็น “ดาวนู้ดแห่งเอเชีย” ดูเหมือนว่าชีวิตกำลังจะไปได้สวย แต่แล้วเธอก็ประสบอุบัติเหตุรถชนจนนมแตก เป็นเหตุให้เลิกถ่ายแบบและนำเงินเก็บก้อนสุดท้ายไปเปิดร้านลาบที่ต่างจังหวัดกับสามี และชีวิตก็พลิกอีกครั้งเมื่อสามีไปได้เสียกับผู้หญิงข้างบ้านจนตั้งท้อง ต้องแบกรับหนี้สินตกอับถึงขั้นทั้งเนื้อตัวทัี้งตัวมีเงินติดตัวแค่ 30 บาทต้องขอข้าววัดกิน และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ปุ๊กกี้ยอมเปิดเผยเรื่องราวในชีวิตตัวเองกับบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ และที่ทำให้ช็อกหนักระดับ 10 ริกเตอร์เมื่อปุ๊กกี้ยอมเปิดใจแบบตรงไปตรงมาถึงทุกอย่างในชีวิตว่า แม้เธอจะประกวดนางงาม เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองไทย เป็นดาวนู้ดที่ผู้ชายใฝ่ฝันอยากจะมีอะไรด้วยทั้งประเทศ แต่แท้จริงแล้วคุณเธอเป็น “ทอม” ชอบมีอะไรกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

“เป็นคนชัยภูมิโดยกำเนิดค่ะ ฐานะที่บ้านก็ลำบาก พ่อแม่ก็เลิกกันตั้งแต่เด็กพออายุ 11 ปีก็ได้มาอยู่กับพี่ชายที่ทำงานอยู่มหาชัย แล้วพอดีมีนายพลกับคุณหญิงเขามาเห็นว่าเราหน้าตาน่ารักดี เขาก็จะให้ตังค์กินขนมและเรียกไปเล่นด้วยตลอด และพ่อบุญธรรมที่เป็นนายพล เขาก็ขอเราไปเป็นลูกบุญธรรม อยู่กับท่าน ท่านเป็นหมอด้วย เราก็เลยได้ย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ก็มาเป็นลูกสาวนายพล พลตรีประเสริฐ สกุลเจริญ กับคุณแม่คุณหญิงนิตยา”

“จากนั้นพอมาอยู่กับคุณพ่อ เราก็หนีท่านไปประกวดที่ช่อง 5 ซึ่งเขาไม่ชอบแต่คุณแม่ชอบ และวันนั้นคุณพ่อต้องไปทำงานที่พระมงกุฎฯ แต่ท่านเลิกงานเร็ว กลับมาถึงบ้านก่อนเวลา และรายการที่เราเดินแบบก็ออกอากาศตอนบ่าย 3 ท่านก็เห็นว่าเราไปเดินแบบออกทีวี ท่านไม่ค่อยชอบ เพราะคนสมัยก่อนจะบอกว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกเหรอ ถึงให้ลูกไปเต้นกินรำกิน เมื่อสมัย 20 กว่าปีก่อนเขาไม่ค่อยยอมรับอาชีพนี้”

“ชีวิตตอนที่ย้ายมาอยู่เป็นลูกบุญธรรมใหม่ๆ คือไม่ต้องทำอะไรเลย มีคนใช้ต่างจากเมื่อก่อนเราเป็นเด็กที่อยู่แบบลำบากลุยๆ ติดดิน เราก็มีความสุขของเราแบบนั้นไป และพอมาอยู่กับเขามันก็สบายไม่ต้องทำอะไรเพราะเขามีคนใช้ และพ่อแม่เขาก็ใจดี ขนาดคนใช้แกยังส่งเรียนทุกคน แต่เวลาที่เราไปเรียน เราออกจากบ้านก็จริง แต่เราก็ไม่ไปเรียนหรอกค่ะไปมาบุญครองก็เลยโง่อยู่ทุกวันนี้ (หัวเราะ) ไปซื้อกระชอนอันละ 20 บาทมาตักปลาเล่นที่นั่นแหละ”

แซ่บตั้งแต่เด็ก ใช้มีดโกนกรีดหน้าคู่อริในผับ
“และความเป็นลูกคุณหนู ลูกนายพลนี่ก็แสบมาก เที่ยวอย่างเดียว สมัยก่อนจะไปซูเปอร์สตาร์ ย่านพัฒน์พงษ์ ซึ่งเป็นผับที่ดังมาก เด็กสมัยก่อนดาราเที่ยวกันเยอะ และอย่างวันศุกร์ วันเสาร์ คุณพ่อก็จะไปประจำคลินิกที่กระทุ่มแบนและวันอาทิตย์ตอนเย็นก็กลับมากรุงเทพฯ ก็มีแต่พี่เลี้ยงอยู่ เราก็เลยแอบไปเที่ยวได้ ซึ่งวีรกรรมของเราก็แสบมาก ยังเคยเอามีดโกนที่เขาใช้กันคิ้วแต่งหน้า เอามากรีดหน้าของคนที่ไม่ถูกกัน คือเต้นๆ อยู่แล้วเกิดไม่พอใจ และพอเข้าห้องน้ำไปก็จัดการเลย ข้างละ 3 แผล เสร็จแล้วเราก็รีบหนีไป แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะในผับบ่อยๆ แบบนี้นะ มีครั้งที่กรีดหน้านี่แหละแรงที่สุด เพราะข้างนอกก็จะมีการยกพวกตีกันแถวมาบุญครองแบบว่าใครพวกเยอะกว่าคนนั้นเจ๋งไง สมัยเป็นวัยรุ่นเขาจะคิดกันอย่างนั้น จนมันเริ่มดังมากขึ้นและพ่อแม่ก็เริ่มรู้ เขาเลยให้เราออกจากโรงเรียนจ้างให้อาจารย์มาสอนที่บ้าน”

“และอีกจุดที่หักเหชีวิตก็คือที่เราหนีไปประกวดนางแบบและพ่อไม่พอใจ เราเลยหนีออกมาจากบ้านมาอยู่ข้างนอก ซึ่งกลับมาคิดตอนนี้ทำให้เราคิดได้ว่า ตอนนั้นเราเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบทำเรื่องอะไรไว้แล้วก็จะหนีอย่างเดียว ไม่ยอมรับความจริงว่าไปทำผิดอะไรมา คือหนีออกไปเลย ซึ่งตอนนั้นที่หนีออกมาเป็นช่วงที่เพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ ก็เดินแบบมีรายได้และไปอยู่กับเพื่อน ซึ่งทีนี้เพื่อนก็ไม่มีตังค์จ่ายค่าห้อง เขาก็หนีเราไปอีก เดินแบบได้เงินอาทิตย์ละ 800 บาทเดือนหนึ่งก็ประมาณ 3,000 บาท”

“พอเราอยู่คนเดียวเงินเริ่มไม่พอใช้ ทีนี้ก็มีคนเริ่มมาชักชวนไปถ่ายงานโน้น แคสงานนี้ และจะกลับไปก็กลัวเสียฟอร์มก็ลุยต่อเลย มีคนชักชวนให้ไปถ่ายแบบชุดว่ายน้ำก็ไป คิดว่าถ่ายชุดว่ายน้ำก็เพื่อชีวิตตัวเอง อยู่ดีแล้วไม่ว่าดี สบายแล้วก็ไม่เอาดันหนีออกมา ถ้าไม่ทำตรงนี้แล้วจะทำยังไง พอเริ่มโตเริ่มย้อนคิดไปถึงแม่ที่ต่างจังหวัดกับน้องๆ ที่เขาก็ลำบากและไม่มีใครหาให้กิน ซึ่งเราอยู่อย่างนี้ชีวิตสุขสบายแล้ว พอเริ่มถ่ายชุดว่ายน้ำเงินก็ได้มากกว่าเดิม และถ้าเหลือก็ส่งให้แม่ ซึ่งเรารู้สึกว่าภูมิใจมีความสุขมาก ได้หาเงินส่งให้แม่ครั้งแรก มันก็เลยคิดว่าจะถ่ายชุดว่ายน้ำหรือถ่ายโป๊ก็ช่างมัน แค่ให้แม่ ให้น้องให้ทางบ้านเราสบายไม่ต้องลำบาก ซึ่งพอโตมาแล้ว มันเริ่มคิดได้ เป็นความภาคภูมิใจจนน้ำตาไหลทุกที” (น้ำตาเริ่มไหล)

สุดแสบ ไปประกวดนางงามระดับเอเชีย กระชากหัวนางงามต่างชาติ

“เวทีของช่อง 5 ชื่อเวทีแฟชั่นสวยตามสมัย เป็นเวทีที่เราประกวดเวทีแรก ของคุณสมชาย นิลวรรณ ตอนนั้นอายุประมาณ 18-19 ปี พอประกวดเสร็จได้รางวัลชนะเลิศเราก็ได้เข้าสู่วงการ แต่ไม่ได้เป็นนางงามล่าทุกเวทีนะคะ เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ทำตามความฝัน เห็นเขาประกาศรับสมัครสุดยอดนางแบบสวยที่ช่อง 5 กับความสูงไม่ต่ำกว่า 170 ซม. เราก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองสวยแต่ด้วยความสูงมันได้ก็เลยไปประกวดเพราะช่อง 5 มันอยู่ใกล้บ้าน”

“และหลังจากนั้นก็ไปเดินแบบกับพี่แอน อังคณาอยู่ เสร็จแล้วพี่แอนเขาก็รู้จักกับคุณศักดิ์คนที่ทำงานเกี่ยวกับวงการนางงาม เขาก็ขอให้เราไปเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปประกวดที่เวทีนี้ เพราะเพิ่งจัดขึ้นเป็นเวทีแรก และก็ถามความสมัครใจว่าเราอยากไปไหม เราก็รู้สึกว่ามันเป็นอีกหนึ่งโอกาส ก็เลยตัดสินใจไปประกวด ปีนั้นก็มีการ์ตูน ณัชชา สร้อยเงิน แฟนของเป้ไฮรอก ซึ่งเขาจัดขึ้นครั้งแรก แล้วสามารถส่งสาวไทยไปได้ 2-3 คน และพอมาปีที่ 2 ประกวดที่อินโดนีเซีย เราก็ติด 1 ใน 5 คน”

“ซึ่งกว่าจะติดได้นั้น มันก็มีเรื่องไง ตอนนั้นเราก็แรงเหมือนกันนะคือแบบว่าไม่กลัวใคร นางงามจากฟิลิปปินส์ เขาเห็นวาเราเข้ารอบมาแบบนี้เขาเริ่มไม่พอใจ เริ่มกวนเรา อย่างตอนก่อนเดินรอบชุดราตรี เราเดินอยู่หลังเวทีเขาก็เอาขามาทำแบบแกล้งเรา ซึ่งเราก็สะดุดล้ม พอลุกขึ้นได้ก็เลยจับหัวกระชากเลยและผลักไปข้างหน้าเลยค่ะ เพราะเขาเชื่อกันว่าสาวไทยสวยกว่าฟิลิปปินส์ ซึ่งพวกนั้นกลัวประเทศเรามาก”

“พอวันนั้นได้ติด 1 ใน 5 ของนางงามเราดีใจมาก มันสะใจคนที่แกล้งเรามันก็ตกรอบไง มันก็ไม่ได้ไง ถึงเราจะเข้าแบบว่าทุลักทุเลก็ตามเถอะ และพอได้ถ้วยรางวัลกลับมาบ้านเรา ถ้วยมันเล็กด้วยไง เราจับถ้วยยัดใส่กระเป๋าเพราะเราอายว่ามันเล็ก สุดท้ายข้างบนมันหัก เลยบอกตัวเองว่าจะไม่ประกวดอีก”

“และตอนที่ได้ตำแหน่ง คือดีใจแบบร้องไห้น้ำตาแตก มันซึ้งมันปลื้มด้วยไง แบบว่าเรา 2 ปีแล้ว และพี่ๆ เขาก็หวังกับเรา แล้วจนนาทีสุดท้าย เหลือคนสุดท้ายด้วย ถ้าไม่ได้ก็คือเสียใจ แต่การประกวดนางงามมันก็ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ชอบการประกวดอย่างนี้ ตัวเราไม่ใช่แบบนั้น เพราะเราจะนิสัยคล้ายๆ ผู้ชาย แบบว่ากระโตกกระตาก ไม่ค่อยอ่อนหวานแล้วเวลาออกหน้าเวทีนี่ต้องยิ้มอะไรอย่างนี้”

“ซึ่งพอเราได้รางวัลจากเวทีมิสอาเซียนแล้วคุณสมชาย นิลวรรณเขาทำนางสาวไทยต่อ เขาก็มารับเราให้ไปฝึกการเดินแบบนาง ซึ่งมันก็ยากพอสมควรนะ เพราะถ้าคนมีใจรัก ก็ถือว่ามีความสุข และพอดีว่าปีนั้นตา สุรางคณาก็ประกวด ไอ้ตาบอกว่าพี่ไม่ต้องประกวดหรอก พี่ดังอยู่แล้ว ให้น้องประกวดนะ ซึ่งอาจจะเป็นการพูดเล่นๆ หรือเปล่าไม่รู้นะ แต่เราก็ไม่ประกวดนะ พอแล้วและก็อยากให้เขาได้จริงๆ เขาก็ได้ติด 1 ใน 5 ซึ่งถ้าเราประกวดตอนนั้นและได้รางวัลก็น่าจะเป็นอนาคตที่ดี แต่ตอนนั้นมันเป็นวัยรุ่นอยู่ เราไม่ได้มองไกลขนาดนั้น เลยคิดว่าตัวเองมีงานเดินแบบถ่ายแบบถ่ายโฆษณาอยู่ตอนนี้ก็พอแล้ว ซึ่งถ้าคิดได้อย่างในวันนี้ เราก็อาจจะลุยเต็มที่ในวันนั้น”

แหกกฎ “นางงาม” ลุกขึ้นมาเป็น “นางแบบนู้ด” เพราะอยากได้เงินไปเลี้ยงพ่อแม่และน้องๆ

“โอเคเลย มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องคะ มีทั้งถ่ายโฆษณา ถ่ายโปสเตอร์ บัวร์โชว์ต่างๆ แล้วก็ถ่ายมิวสิคของป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์กับปอนด์ เพลงนางสาวหุ่นยนต์ที่ห้าแยกปากเกร็ด และพอเสร็จตอนกลางคืนก็มาเดินแฟชั่นของพี่แอนอีกมันก็ตลกดีนะ งานมันเยอะก็เลยรับไว้หมด เงินมากเงินน้อยคือไม่เกี่ยงมีงานเข้ามาเราก็รับหมด ผู้ใหญ่เขาก็เลยชอบเราตรงนี้ด้วยคือเราไม่เรื่องมาก และถ้ามีงานชุดว่ายน้ำเนี่ยให้ปุ๊กกี้ไปเทสต์เลย เพราะพวกกูไปไม่ได้แน่นอน”

“ตอนนั้นอาจจะเป็นเพราะเอวเราแค่ 22 เองซึ่งเล็กมาก และหน้าอก 33 แต่ทีนี้พอการถ่ายแบบนี้ก็ได้เงินโอเคอยู่ แต่เราก็คิดว่าทำไมมันไม่เปรี้ยงซักทีนะ คราวนี้ก็เริ่มมีหนังสือนู้ดเริ่มติดต่อเข้ามา อย่างจิวแฟนทัศน์ สมัยก่อนพอทะเลาะกันเลิกกันก็สลัดผ้าถ่ายนู้ดซึ่งเขาฮิตกันมาก แต่เราไม่ได้มีแบบเรื่องความรักหรืออกหักอะไรหรอกก็แค่อยากลองดู มันไม่ใช่สลัดผ้าเพื่อแลกกับความดัง แต่ด้วยเงินมันล่อใจ เพราะถ่ายครั้งหนึ่งมันได้เป็นแสนๆ เลยนะ สมัยก่อนแสนหนึ่งมันเยอะมาก อย่างเราไปถ่ายมิวสิค ตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ถึงสองทุ่มของอีกวัน เราก็ได้สองหมื่นบาท แต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วสองหมื่นก็ถือว่าเยอะแล้ว”

“หลังจากเริ่มถ่ายชุดว่ายน้ำแล้ว ก็มาถ่ายนู้ดครั้งแรกเป็นของนิตยสารที่อยู่ในเครือเพนท์เฮ้าส์ อย่างนิตยสารฟอร์เมน เราขึ้นปกเป็นคนแรกและเล่มแรกของเขาด้วย ค่าตัวก็ได้แค่ 7 หมื่นเพราะมันก็ไม่ได้โป๊อะไรมาก แค่กอดอกใส่ทูพีช และหลังจากนั้นมาก็ถ่ายให้นิตยสารแนวแบบนี้เป็นคนเแรกๆ ของหัวนั้นๆ หรือบางทีก็มีพิมพ์เพิ่มเป็นครั้งที่ 2”

“สมัยนั้นไม่ค่อยมีนางงามถ่ายนู้ดหรอก เราเป็นคนที่ฉีกภาพนางงามเลย เพื่อนๆ ที่เดินแบบด้วยกันยังเบะปากใส่ ซึ่งเราไม่สนหรอก เราได้เงินให้พ่อให้แม่เลี้ยงพี่เลี้ยงน้อง และที่การมาถ่ายนู้ดมันก็ฮือฮาอยู่นะ แต่ก็ไม่ได้นึกถึงนะว่าลดดีกรีจากนางงามมาเป็นนางแบบนู้ดไหม แต่พอสักพักหนึ่งทุกคนทำตามเราหมดเลย มันเป็นการลดหรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน และอีกอย่างก็ไม่ค่อยได้ไปคลุกคลีในวงการนางงามซักเท่าไร ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว คือเราไปประกวดก็ไม่ได้หวังตำแหน่งอะไร เพราะว่าที่ไปประกวด ผู้ใหญ่เขาเป็นคนเลือกให้ไป”

“ก็ไม่ได้เสียดายมงกุฎหรือตำแหน่งนะคะ สายสะพายนี่แทบจะผุขาด แขวนอยู่ที่บ้าน เราอยู่แบบติดดินไม่เคยทำตัวแบบไฮโซ เสื้อผ้าแบรนด์นงแบรนด์เนมไม่ต้องมาคุยแต่ถ้ามีคนซื้อให้ก็เอานะ แต่ซื้อเองไม่เอา แค่ใส่ราคา 199 บาท กินข้าวกับปลาร้าสับกินข้าวน้ำพริกผักต้ม อร่อยกินข้าวแกงข้างทาง แต่ก็อย่าถึงขั้นขึ้นรถเมล์เลยนะมันร้อน(หัวเราะ)”

แก้ผ้าทุกครั้ง ร้องไห้ทุกครั้ง

“ตอนที่ถ่ายนู้ดมันก็โอเคนะ งานเยอะมากแทบจะทุกเล่มถ่ายมาเยอะมาก แต่ก็มีบางเล่มที่แรงมากแทบจะไม่ปิดเลย ถ่ายกับนายแบบโดมอนแมนไม่ได้ใส่อะไรเลยทั้งนายแบบและก็เรา ซึ่งตอนนั้นก็ได้อยู่หลายแสนนะ เราคิดว่าเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายแล้ว เลยกะว่าจะทิ้งทวน แต่ก็ยังมาถ่ายนิตยสาร Cute อีก (หัวเราะ) และที่จะแขวนเต้าก็เพราะว่ามันถ่ายมาทุกเล่มแล้ว ไม่มีเล่มไหนให้ถ่ายแล้วไง”

“สมัยก่อนการถ่ายนู้ดมันสวยก็คือสวยเลย ไม่มีการมีรีทัช แต่งรูปช่วยเลยนะ ถ่ายกันแบบสดๆ แต่เวลาที่ต้องแก้ผ้าทีไร ร้องไห้ทุกที มีปัญหาทุกครั้ง อย่างถ่ายคาราโอเกะเหมือนกันจะร้องไห้ทุกที เพราะว่าโมโหแบบว่า ตกลงให้ถ่ายแบบนี้ แต่พอช่างภาพสั่งแอ็กชั่นปุ๊บ ก็สั่งให้เราเขยิบชุดว่ายน้ำลงมาเรื่อยๆ หรือบางทีก็เอาพวงมาลัยมาคล้องคอเราเป็นศาลพระภูมิเลย และที่ร้องไห้ก็เพราะเวลาทำงานเขาต้องการมากกว่าที่ตกลงกันไว้ เราไม่ชอบการเอาเปรียบใครเลย แล้วอย่ามาเอาเปรียบเรา ซึ่งตอนนั้นโต้แย้งไม่ได้เพราะอยู่หน้างานกำลังถ่ายอยู่ หรืออย่างเขาใช้สติกเกอร์แปะหัวนมไว้ แล้วใส่เสื้อกั๊กเป็นยีนส์ ใส่กระโปรงสั้นเป็นยีนส์ แล้วพอถ่ายปุ๊บ ก็เปิดนิดหนึ่งให้เราเอาเสื้อออกแบบจะได้เห็นเต้านมเยอะๆ อะไรอย่างนี้ หรือก็อีกนิดหนึ่ง จะนิดจนมันจะหมดแล้วนะ ก็เลยร้องไห้บอกว่าพักก่อน”

โกอินเตอร์ถ่ายนู้ดให้กับนิตยสารต่างประเทศ
"มีโมเดลิ่งติดต่อมาให้ไปถ่ายนิตยสารชื่อ scandal เป็นเล่มแรกที่เป็นขาวดำทั้งเล่มเลย ซึ่งเป็นของสิงคโปร์แต่วางแผงไปทั่วเอเชีย คือถ่ายที่เมืองไทยแต่ทุกอย่างเป็นทีมงานจากสิงคโปร์ ซึ่งโกอินเตอร์ก็มีเล่มนี้เล่มเดียวนี่แหละ และเกจินู้ดก็จะบอกเลยว่าพี่เป็นคนนำเทรนด์ในการถ่ายนู้ด ประมาณว่านางงามแล้วมาถ่ายนู้ด เป็นคนแรกๆ แหกคอกมาก่อน และพอไปถ่ายเล่มไหนก็ขายดีทุกเล่ม"

สารภาพอาย ถ่ายโป๊แหกแข้งแหกขาให้คนดู แต่ก็ทำและรับสภาพ เพราะไปลงทุนทำอาชีพอื่นก็เจ๊งหมด

“มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น ส่วนหนึ่งมันก็จำเป็นนะ ถ้าเราลองมองย้อนไปข้างหลังไม่มองเฉพาะตัวเราที่กินอยู่สบายแต่งตัวสวยงาม อยากเที่ยวไหนก็ได้เที่ยว อยากทำไรก็ได้ทำ แต่ลองมองย้อนไปข้างหลังของเราว่าเราต้องทำเพื่อครอบครัวเรานะ คือยอมทำทุกอย่าง บางคนก็บอกว่าเป็นผู้หญิงไม่เหมาะสมกับการมาทำแบบนี้ ทุกคนเขาจะพูดและก็เจอคำถามนี้เหมือนกัน บอกว่าทำไมไม่หาอย่างอื่นทำ ทำไมต้องมาแก้ผ้าถ่ายแบบโป๊ให้เด็กเขาดู แล้วมันเป็นอนาจาร แล้วมันจะรู้สึกไม่ดีต่อสังคม เราก็เถียงกลับไปเหมือนกัน และในส่วนของศักดิ์ศรี คนเรามันก็ต้องมียางอายกันทุกคนใช่ไหม เดินไปไหนเราก็ต้องกล้าเผชิญหน้าว่า อีเนี่ยแก้ผ้าถ่ายโป๊ถ่ายนู้ด แหกแข้งแหกขา เราก็ต้องรู้สึกอาย แต่ทีนี้ด้วยสังคมของคนเรา อยากจะพูดแต่ไม่กล้าหรอก เราต้องรู้สึกด้วยตัวเราเอง เรารู้มันไม่ดีหรอกแต่ว่ามันมาทางนี้แล้ว ทำไงได้ เรียกได้ว่าตกกระไดพลอยโจรแล้ว ถามว่าทำไมไม่ทำอาชีพอื่น ก็ทำนะหลากหลายเลยแต่ก็เจ๊งหมด เปิดร้านอาหารก็เจ๊ง ทำโมเดลิ่งก็เจ๊ง ซึ่งถ่ายนู้ดรุ่งสุดแล้ว”

กูยอมแก้ผ้า โชว์หม้อ โชว์นม ไปเลย แต่ไม่ยอมเป็นเมียน้อยใคร เบื่อผู้ชายคุยกันตามอง “นม” จ้องแต่ “เป้า”

“ผู้ชายชอบมองว่าผู้หญิงนู้ดจะเอาได้แบบง่ายๆ จะฟันได้ง่ายๆ เรื่องเซ็กซ์ ผู้หญิงแก้ผ้าถ่ายนู้ดเอาได้ แต่มันไม่ง่ายหรอก ไม่มีใครได้เอาง่ายๆ หรอก แต่ถ้ารักแล้วกินข้าวแกงข้างทางขึ้นรถเมล์ก็เอาได้ ไม่งั้นจะมาอยู่สภาพแบบนี้เหรอ (หัวเราะ) ถ้าจะเอาผัวรวยๆ พวกเสี่ยรวยๆ อยากได้เราเป็นเมียน้อยทั้งนั้น มีติดต่อเข้ามาเยอะมาก ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจก็มีแบบบิ๊กๆ ระดับประเทศ บางทีก็มีมาบอกเลยว่า มึงคบกับใครอยู่ตอนนี้ ไปบอกเลิกให้หมดนะ แล้วมึงอยากได้อะไรก็ไปเอา รถคันไหน รุ่นไหน บ้านหลังไหนราคาเท่าไหร่ หรือเอาไปเลยให้เงินใช้เดือนละเท่าไหร่ก็แล้วแต่เถอะ อย่างเวลาเราเดือดร้อนก็โทร.ขอได้ทีละสามหมื่น ห้าหมื่นอย่างนี้”

“ถ้าตัดสินใจเป็นเมียน้อยคงสบายมาก แต่ว่าผู้ชายที่เขามาชอบเรา เราไม่ชอบจะให้มาถูกร่างกายเรา เราไม่เอา แต่ว่าเอาเงินนะเอา เวลาคบใหม่ๆ หรือกำลังจีบ ถ้าเราเดือดร้อนแล้วขอยืมเงินเขาก็ให้นะให้ยืมนะ แต่ยังไม่เคยเสียตัวนะ เพราะพอถึงกำหนดเวลาที่จะไปกินข้าวเราก็จะหายไปเลย(หัวเราะ) แต่ก็มีคนหนึ่งที่เราชอบมาก ถ้าพูดไปแกจะต้องนึกได้ ผู้ชายคนนี้แบบก็เป็นนักการเมือง หล่อด้วยและหน้าตาดีเป็นผู้ใหญ่แบบว่าดีมาก แค่โทร.คุยธรรมดาหรือบางทีก็ทานข้าวบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายกันเพราะว่าเขาก็มีเมียอยู่ แต่เราก็ชอบเขาเพราะเขาสามารถให้คำปรึกษาเราได้ด้วย เขาเป็นผู้ดี ไม่ลามกไม่ได้มาแบบผู้ชายคนอื่นๆ ผู้ชายที่คุยตอนเนี่ยคุยกับเราแต่ตาจ้องนมจ้องหม้อของเรา”

“พูดๆ มาเนี่ยก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า ถ่ายนู้ดแก้ผ้าขนาดนี้แล้วจะไม่เป็นเมียน้อยใคร แต่เราเชื่อตัวเอง เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขนาดเราเป็นเมียหลวงเองยังคิดเลย แล้วคนเป็นเมียน้อยจะขนาดไหน เพราะว่าบางคนมองแบบไม่ดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าถ่ายนู้ดมาต้องแรง กล้าแก้ผ้าแต่ไม่กล้าเป็นเมียน้อยเป็นไปได้เหรอ”

“บอกเลย กูยอมแก้ผ้า ถ่ายแบบ โชว์หม้อโชว์นมไปเลย แต่ไม่ยอมขายแล้วกัน ทำแบบนี้มันเท่กว่าเยอะ แค่เขาได้ดูแต่ไม่ได้สัมผัส และเราก็ไม่ได้ไปทำตัวผิดศีลธรรม ไม่ชอบเลยกับการที่แบบว่าไปแย่งผัวชาวบ้านเขา ถึงบอกว่าเรารักษาตรงนี้มาจนจะแก่ตายอยู่แล้วแต่ก็ยังเจอนะ เราไม่เคยไปทำกับใครไปแย่งผัวชาวบ้า ไปเป็นเมียน้อยผัวเขา แต่เรากลับมาเจอแบบนี้กลับกลายเป็นว่า เราจับได้ว่าสามีคนที่กำลังจะขอหย่ามีเมียน้อย”

เผยชีวิตรักนู้ดเอเชีย ที่ผู้ชายคนไหนๆ ก็อยากกิน แต่คดีพลิก แท้จริงเป็น “ทอม” สารภาพเห็นผู้หญิงแล้ววูบวาบใจเต้นแรง ยิ่งเห็นผู้หญิงถอดเสื้อผ้ามันมีอารมณ์เหมือนที่ผู้ชายเห็นผู้หญิงแก้ผ้า

“เราเริ่มคบกับผู้ชายก็ตอนเป็นนางแบบแล้ว แต่ถ้ากับสาวๆ นี่คบมาก่อนที่จะคบกับผู้ชาย เพราะว่าเป็นทอมตอนเป็นวัยรุ่นถึงได้ซ่าไง คือตอนวัยรุ่นชอบผู้หญิง ก็รู้ตัวว่าตัวเองเป็นทอมมาตั้งแต่เด็กๆ ที่ตัดผมสั้นไปประกวดนางงาม รู้จิตใจตัวเองว่าชอบผู้หญิง ผู้หญิงมันน่ารักดี สมัยก่อนไม่มีทอมดี้จะมีเป็นเพื่อนกัน ประมาณว่าแอบแฝงว่าเราชอบเขา เขาไม่รู้หรอกว่าเราแอบชอบเขา”

“ก็เคยคบและมีอะไรกับผู้หญิง โมเมนต์นี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่รู้ตัวว่าเราชอบผู้หญิง คือมีเพื่อนผู้ชายเยอะ จนลืมคิดว่าเราเป็นผู้หญิง แต่เวลาพออยู่ใกล้ผู้หญิงใจเต้นตึ้บๆ มันร้อนวูบวาบๆ แต่พอเวลาไปนั่งกับเพื่อนผู้ชายจะตบหัวกันกลายเป็นแบบไม่รู้สึกอะไร แต่แฟนผู้หญิงที่คบกันเขาเป็นางแบบเหมือนกัน คบกันได้ประมาณ 2-3 ปี แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยหรอกนะ และที่ต้องห่างกันก็เพราะเขาต้องกลับไปอยู่บ้าน ทีนี้เราก็ไม่ได้ไปมีอะไรกับใคร หรือไปคบกับใครอีก เราก็แค่แบบเป็นสไตล์ของเรานี่แหละ”

“ก็ลืมคิดไปว่าทำไมพี่ไม่รักสวยรักงาม คิดไม่ถึงเลย คิดแต่ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงแค่ร่างกายเท่านั้นเอง ส่วนหนึ่งที่มาประกวดนางแบบเพราะว่าการที่เราอยู่ใกล้ผู้หญิงสวยๆ เรามีความสุข หรือถ้างานนัดให้มาเดินแบบบ่ายสองก็จะมาตั้งแต่เที่ยงเพื่อมาดูสาวๆ หรืออย่างเวลาเห็นผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำ เราก็จะรู้สึกว่าน่ารักตัวร้อนวูบๆ เลยนะใจเต้นเลย จริงๆ เวลาตัวเองถอดเสื้อผ้าหมดก็ไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เวลาเห็นคนอื่นถอดแล้วมันมีความสุข ซึ่งการที่ถอดอาจจะมีคนชื่นชมเรา เราก็เฉยๆ ขอบคุณเขาไป แต่ถ้าพอเห็นผู้หญิงถอดมันก็เหมือนอารมณ์ผู้ชายเห็นผู้หญิงถอดนั่นแหละ แต่ถ้าผู้ชายถอดนี่ไม่มีอารมณ์ร่วมเลยนะ”

เปิดใจรักครั้งแรกกับผู้ชายแท้ๆ พร้อมยอมรับว่ามีเซ็กซ์เพราะโดนขืนใจ แต่ทำยังไงได้เพราะรักและเต็มใจ

“กับผู้ชายครั้งแรกก็โอเคอยู่ ก็คือเป็นแฟน แต่ไม่ได้เสียตัว เขาคนนี้ก็โอเคอยู่ เป็นลูกชายของบริษัทก่อสร้าง ชื่อคุณปอง คือพี่ก็ยังไม่ได้เปิดใจรับเขาหรอกนะ พอดีตอนนั้นเขามาชอบเราตีงวงมาคู่กับคนชื่อโป้ง แล้วปองก็เป็นเพื่อนกับโป้ง ทีนี้โป้งชอบเราแต่ปองชอบเราก่อน เสร็จแล้วปองก็ชอบเราออกอาการมากเลยว่าชอบเรา อย่างเราไปเดินแบบที่ไหน เขาก็จะตามไปหาเรา เราก็เลยยอมคบกับเขา ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกคนรวยหรอกนะ และที่เห็นใจเขาก็เพราะว่าเขามีความอดทนในการมารอเรา เราเลยใจอ่อนที่จะยอมคบเขา”

“ทีนี้เขาจะไปเรียนที่ญี่ปุ่นและ 6 เดือนกลับมาครั้งหนึ่ง เราร้องไห้ใหญ่เลย และเพิ่งรู้ว่าหลงรักผู้ชายคนนี้แล้วแบบไม่รู้ตัว ซึ่งคบกันมานานสักพักแต่ก็ยังไม่มีอะไรกัน ขนาดไปคอนโดของเขาที่พัทยากันสองต่อสอง เขาก็สะกิดขอเลย พูดว่าขอปองนะ ขอปองนะ เราก็ตอบไปว่าไม่ให้หรอก และพอเขาเริ่มไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นแล้ว เราก็เริ่มถ่ายเยอะขึ้น มีงานเดินแบบชุดว่ายน้ำ และเราไปถ่ายชุดชั้นในกุลสตรี อยู่ดีๆ เขาถามเราขึ้นมาคำหนึ่งว่าทำไมต้องไปถ่ายอย่างนี้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ถ่ายนู้ดนะ เขาไม่ชอบไงเขาก็เลยเริ่มตีตัวออกห่างเรา ยอมรับเลยว่ารักผู้ชายร้องไห้เลย เพราะเป็นผู้ชายคนแรกที่เรารู้สึกว่ารัก”

“มีเซ็กซ์ครั้งแรกเหรอ โอ้ย.....ไม่อินหรอก เจ็บจะตาย มีครั้งแรกกับผู้ชายเขาเป็นสจ๊วต คือเราไปชอบเขามาก ซึ่งอารมณ์ตอนนั้นมันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน เราก็ไม่ได้รักว่าเป็นแฟนหรอก มันโดนปล้ำด้วยเพราะเราไม่ยอม มันก็เลยปล้ำเอา ทำไงได้ชีวิตมันไม่ได้สวยเหมือนโรยกุหลาบไว้เนอะ แล้วหลังจากนั้นก็มีแฟนเป็นดารา เป็นนักร้อง แต่ถ้าให้พูดถึงเรื่องความสุข ซึ่งมันมีน้อยกว่ากับการมีอะไรกับผู้หญิงอยู่แล้ว ความรู้สึกมันน้อยกว่า แต่ก็ใช่ว่าเราก็มีอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงมากมาย ส่วนใหญ่ความรักก็ได้แค่ชอบ”

“และที่บอกว่าการมีอะไรกับผู้ชาย มันไม่ได้มีความสุขเหมือนมีอะไรกับผู้หญิงเพราะกับผู้หญิงเราจะเป็นฝ่ายกระทำไง แต่กับผู้ชายเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ มันก็ไม่ค่อยชอบหรอก แต่ว่าเราก็ต้องพยายามคิดว่าเราเป็นผู้หญิงมันก็ต้องมีสามีเนอะ”

ประสบอุบัติเหตุรถชนจนนมแตก ต้องเฟดตัวออกจากวงการไปเปิดร้านลาบ ถูกสามีสวมเขาทำสาวข้างบ้านจนท้อง 5 เดือน เป็นหนี้หมดตัวต้องกินข้าววัด

“ช่วงหลังๆ เวลามันก็ผ่านไป เด็กวัยรุ่นมันขึ้นมาเยอะ แถมค่าตัวถูกๆ เด็กขึ้นมาใหม่ ค่าตัวไม่แพง เรียกกันหลักพันหลักหมื่นด้วยซ้ำไป ยิ่งสมัยนี้ยิ่งค่าตัวถูกกันไปอีก และพอปี 50 หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุขับรถชนจนนมแตกแล้ว จนเราติดอยู่ในรถคาพวงมาลัย ก็เลยเป็นสาเหตุทำให้เฟดตัวออกมาจากวงการ และรวมไปถึงเปิดร้านนวดก็ยังเจ๊ง ก็เลยทำให้เรากลับไปที่ชัยภูมิบ้านเกิด ก็ไปเปิดร้านขายลาบกับเงินก้อนสุดท้ายพร้อมยังต้องไปกู้เพิ่ม”

“เราทำทุกอย่างนะดิ้นรนทำทุกอย่างแต่มันไม่สำเร็จ เกิดปัญหาขึ้นเพราะเมื่อญาติที่เปิดร้านข้างๆ เรา เขาคิดว่าเราไปทับไลน์ขายอาหารตามสั่งเหมือนเขา เลยทำให้เราต้องปิดร้านเพื่อจะได้จบๆ ปัญหาไป บวกกับดอกเบี้ยที่เราไปกู้มายิ่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทบต้นทบดอก”

“ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เรามาเจอคนที่ใกล้ชิดทรยศหักหลัง พอออกจากวงการเพราะอุบัติเหตุก็มาเจอกับสามี เราจดทะเบียนสมรสกัน แต่ช่วงที่ไปอยู่ชัยภูมิก็ยังเข้าออกเข้าออกกรุงเทพฯ อยู่เรื่อย แต่แล้วประมาณ 2 ปีที่แล้วเขาแอบไปได้กับเด็กผู้หญิงข้างบ้าน จนท้อง 5 เดือน และมีนักข่าวมาบอกว่าตอนนี้เขาผูกแขนกันแล้วนะ เขาเปิดตัวพาซ้อนรถกันพากันไปไหนแล้ว แต่ก็ช่างหัวมันก็ปล่อยเขาไป ไม่ได้ถาม ถามว่ารักเขาไหม ก็เฉยๆ อายนะไม่ใช่ไม่อาย คือมันแบบเสียหน้ามากเลย ผัวเราไปเอากับคนอื่นจนมีลูก และผู้หญิงคนนั้นดันไปโฆษณาว่าได้กันมาตั้งหลายปีแล้ว เออ...เอาเถอะชั่งมึงเถอะ ไม่เคยไปโวยวายเลยนะ และตอนนี้ก็ไปเซ็นหย่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่าน แต่มีการบอกให้เรารับผิดชอบเรื่องรถเขา ก็เลยบอกว่ารถเธอก็ส่วนรถเธอ รถฉันก็ส่วนรถฉัน คนละคันไม่เกี่ยวกัน”

ชีวิตตกอับถูกโกงซ้ำซาก เหลือเงินไม่ถึง 30 บาท หันหน้าขอข้าววัดกิน เผยขัดห้องน้ำสะเดาะเคราะห์เผื่อชีวิตจะดีขึ้น

“พอชีวิตมันพังแบบนั้น หลังจากนั้นก็มาอยู่กับพี่สาวที่ภูเก็ตทำกิ๊ฟช้อปส่งร้านเสริมสวยเล็กๆ น้อยๆ แต่สุดท้ายก็โดนโกงเก็บเงินไม่ได้ แถมเขายังย้ายร้านหนีอีกด้วย เป็นช่วงที่ลำบากอีกครั้ง ไม่มีเงินกินข้าว เลยต้องไปกินข้าววัดเพราะว่าค่าใช้จ่ายที่นั่นแพงมาก แล้วทำไรก็ไม่ดี พอโดนโกงก็เลยไปล้างห้องน้ำวัด ขัดส้วมวัด ไปกินข้าววัด โอ้ย...หลวงตาก็ใจดีให้ของใช้มาเยอะแยะเลยทั้งกับข้าว แล้วเราก็เอามาแจกเพื่อนๆ ข้างห้อง”

“บางทีก็ไปล้างถ้วย ล้างจานที่วัด และการที่เราเข้าไปกินข้าววัด ล้างห้องน้ำ กวาดลานวัดก็เหมือนเป็นการไปสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง เพราะเขาบอกว่าดวงไม่ดีให้ไปล้างไปขัดห้องน้ำวัดแล้วมันจะหายซวยไง แล้วเราก็ถือว่าเป็นการทำบุญมีความสุข รู้เลยว่ามันเป็นช่วงเวลาหนึ่ง มันเป็นช่วงๆ ที่แบบว่ามันต้องตกมันเหมือนเข็มนาฬิกา แต่แล้วมันก็ต้องขึ้น คนเรามันมีขึ้นมีลง ซึ่งที่คิดแบบนี้ก็เพราะว่าชีวิตเราเป็นแบบนี้บ่อยเดี๋ยวล้มเดี๋ยวลุก ขึ้นลงขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นจะไม่กลัว”

“ตอนนั้นมันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก มันคิดแต่ว่าอะไรมันก็รุมเร้าเราไปหมด ทำอะไรก็ไม่ดี คนที่อยู่ใกล้ตัวเราแท้ๆ ยังทรยศเราได้เลย มันไม่มีอะไรดีนอกจากเข้าวัด วัดนี่เป็นที่พึ่งของทุกๆ คน อย่ามาคิดว่าแก่แล้วค่อยเข้าวัดดีกว่า หรือไม่ใช่เข้าแต่ตอนเป็นทุกข์ไปวัด ตอนสบายใจตอนคุณมีความสุขคุณไปวัดบ้าง อยากให้เป็นแบบนี้ไงเพราะเราตอนที่เข้าไปอยู่วัดเรารู้สึกเห็นแต่คนที่ต้องการสิ่งตอบแทน ขนาดคุณหญิงคุณนายขับรถเก๋งใส่ทองเส้นเป็นโซ่ ยังไปรอขอกับข้าววัดประมาณว่าเอาปลาทอดหน่อยคะ เอาต้มยำ เอาปิ่นโตมารอ โอ้โห....อะไรกันเนี่ยคุณมาทำบุญหรือมาเอาบุญกันเนี่ย คือมาเอาบุญที่คนอื่นเขาทำกัน และจากที่เคยมีเงินเป็นแสนๆ บางครั้งแค่หาเงินให้ได้ 1 บาทเพื่อให้ครบ 30 บาทเพื่อจะได้ข้าวสักจาน ยังค้นยังรื้อทั้งห้องเลย”

(น้ำตาเริ่มคลอ) “คิดแล้วมันก็น้อยใจ ตอนที่เรามีเราก็ให้ความช่วยเหลือเขา แต่พอเราไม่มี โทร.หาใครก็มีแต่คนบอกว่าลำบากเหมือนกัน เราก็เข้าใจเขาอยู่นะ แต่ตอนเรามีสามหมื่น ห้าหมื่นยังให้เขาได้ อย่างคนน้องเราก็ส่งเรียนจนได้ผัวเป็นเศรษฐี แต่พอเราโทร.ไปหาเขาไม่คุยหรอกเขาให้แม่เขาคุย เขาก็ทำตัวไฮโซ ถ้าเขาอ่านก็อยากให้เขาเห็น”

เจ็บมาเยอะ โทษตัวเองที่รักคนอื่นมากไปไม่รักตัวเอง ผู้ชายทั้งโลกหายากที่จะรักจริง

“ก็ต้องโทษตัวเองที่รักคนอื่นมากไปไม่คิดถึงตัวเอง ตอนที่มีเงินมีทองใครเดือดร้อนเราก็ให้ เวลามีความรักก็ยอมที่จะรักกับผู้ชายจนๆ คิดว่าเอาความจริงใจเข้าหากัน แล้วก็ช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัว สุดท้ายถูกหักหลัง ทั้งๆ ที่มีเศรษฐีมีคนรวยๆ มาเสนอให้ทุกอย่างก็ไม่เอา ก็เลยอยากบอกน้องๆ รุ่นหลังเลยว่า อยากทำไรก็ทำไปเถอะให้นึกถึงตัวเราเอง ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าเราจะเป็นเมียน้อยเมียเก็บใคร และถ้าคิดแบบเราก็จะเป็นแบบนี้ ไม่ต้องไปสนใจใครหรอก”

“ไม่ได้อยากส่งเสริมให้ใครเป็นเมียน้อยใครนะ พูดถึงว่าอะไรที่ทำได้ก็ทำไป แต่แบบว่าบางครั้งฝืนใจบ้าง บางครั้งก็ต้องยอมทำ อย่าแบบว่าเอาแต่ใจตัวเองไม่งั้นจะเป็นแบบนี้ แล้วการช่วยเหลือคนให้มองไกลๆ ก่อนแล้วก็อย่าช่วยบ่อยครั้งมาก ไม่ใช่เขาอยากกินปลาเราก็ให้แหให้เบ็ดเขาไป อย่าไปหาปลาให้เขากินเลย และที่สำคัญคือเรื่องความรักที่เขาบอกก็จริง เรื่องความรักอย่าไปจริงใจกับมันมากเลย เพราะมีรุ่นน้องมันบอกว่า รักแล้วเจ็บอย่าไปรักเลย มีแต่พ่อกับแม่เท่านั้นที่รักเราจริงๆ ผู้ชายทั้งโลกหายากที่จะมารักเรา ใหม่ๆ ก็บอกรักกันทั้งนั้น”

“ตอนนี้มันยังไม่ได้วางแผนอะไรเลย ขอพักผ่อนสมองก่อนแล้วกันให้มันโล่งๆ แล้วมันจะเห็นช่องทางของมันเองเพราะคนอย่างเรามันไม่ยอมแพ้ไง ถามว่าอยากเข้าวงการอีกไหม ตอนนี้เด็กใหม่ก็เยอะ และเราก็ห่างวงการนี้ไปมาก ถ้าเข้าไปแล้วทำเบื้องหลังก็น่าพอจะทำได้ หรืออาจจะหาเด็กคนหนึ่งมาดูแล ปลุกปั้นให้เขาทำงานในวงการ ซึ่งเราก็จะดูแลเขาให้ดีที่สุด และตอนนี้เองก็ได้มาอยู่กับป๋าแจ๊ส ที่รู้จักกันมา 10 กว่าปีแล้ว สมัยที่ยังเป็นนางแบบ ตอนนี้ป๋ามาเปิดร้านให้เช่าชุดชื่อร้านว่าทองมณโฑ อยู่รัชดา ซอย 7 ป๋าให้มาช่วยดูแลร้าน เราก็มาช่วย ดีกว่าไม่มีงานทำ”


Create Date : 31 พฤษภาคม 2559
Last Update : 31 พฤษภาคม 2559 9:55:23 น. 0 comments
Counter : 3957 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.