จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส
เรื่องของตาถั่ว
เจ้าแก้วกำลังนินทาคนๆ หนึ่งในใจค่ะ นินทาดังมากออกมาเป็นตัวหนังสือด้วย คิดเสียว่าฟังนิทานก็แล้วกันค่ะเจ้าแก้วเรียกคนๆ นี้ว่า "ตาถั่ว" มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะกาลครั้งหนึ่ง ตาถั่ว หรือเฮียถั่วที่ว่านี้...ตาถั่วเป็นคนที่เจ้าแก้วได้รับมอบหมายให้ไปติดต่อธุรกิจด้วย ตาถั่วเป็นชายจีนวัยกลางคน ไม่ได้มีลักษณะเด่นเป็นพิเศษแต่เป็นแบบชาวจีนไร้พิธีรีตองที่พบเห็นได้ทั่วๆ ไป ตาถั่วเป็นนักธุรกิจค่ะ ฐานะดีทีเดียว มีโรงงานเป็นของตัวเองทุกครั้งที่พบเห็นแกมักจะเดินพุงโย้เหมือนคนท้อง เพราะไม่ใส่เสื้ออยู่ในโรงงานของแกเจ้าแก้วก็เลยได้เห็นพุงกลมๆ นั่น ถ้าใครเห็นคงคงไม่เชื่อว่าอาแปะคนนี้เป็นเจ้าของโรงงานแน่ๆบ้านของตาถั่วอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงงาน ถูกสร้างเป็นตึกสวยออกแบบมาโดยสถาปนิกชั้นยอด เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งล้วนมีแต่ของดูดีราคาแพง...แต่ที่แกเลือกมามันไม่เข้ากันสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่านลายๆ กับชุดโซฟาก็ลายพร้อยอีกเช่นกัน นอกจากนั้นแล้ว ยังถูกแซมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่สมควรทิ้งไปเสียนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเขียนหนังสือสมัยประถมของลูกสาว ซึ่งปัจจุบันไปเรียนมหาวิทยาลัยเมืองนอกเมืองนาแล้ว แต่ยังถูกเก็บไว้ใช้งานและวางไว้ข้างๆ เฟอร์นิเจอร์ใหม่เอี่ยมราคาแพงนั่น มันดูขัดแย้งกันเหลือเกิน และโดยมากเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงแกมักจะใช้ผ้าคลุมไว้ไม่ได้ใช้งานเพราะกลัวมันเลอะนอกจากนั้นตาถั่วยังเลี้ยงนกสีสวย สายพันธุ์เดียวกับนกมาคอร์แต่เป็นสีส้มสดใส เจ้าแก้วไม่ค่อยพบเห็นนกสีนี้สักเท่าไรจึงคาดว่ามันคงแพงอีกนั่นแหละ นกแก้วราคาแพงนี้อยู่ในกรงเล็กๆ ผุๆ พังๆ ตรงกันข้ามกับค่าตัวของมัน แต่นกแก้วมีความสุขดี มันรักตาถั่วมาก เชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี พูดรู้เรื่องด้วย เวลาที่แขกแปลกหน้าขึ้นไปบนบ้าน เจ้านกแก้วจะทำตัวเป็นหมาร้องเสียงดังเหมือนไซเรนจนกว่าตาถั่วจะบอกให้หยุด เจ้านกส้มนั่นถึงหยุดร้องนอกจากนั้นแล้วออฟฟิตของเฮียถั่ว หากไม่นับรวมคนงานในโรงานทั้งออฟฟิตก็จะมีแต่แกคนเดียว ตาถั่วทำหน้าที่เจ้าของโรงงาน พนักงานบัญชี พนักงานต้อนรับ พนักงานรับโทรศัพท์ พนักงาน รับออร์เดอร์ พนักงานแพ็คสินค้า พนักงานส่งของ คนขับรถ ฯลฯ และอื่นๆ ตาถั่วทำของแกคนเดียวหมดทุกหน้าที่ อะไรที่ทำไม่ได้แกค่อยจ้างคนอื่นทำ แต่ถ้าหากว่าคุณโทรไปติดต่อเรื่องงานแต่ไม่พบตาถั่ว พบคนอื่น อาทิ เช่น อาซิ่ม(ภรรยา)ลูกชาย หรือ อื่นๆ แล้วถามเรื่องงานจะได้รับคำตอบว่า "ไม่รู้" และตามด้วยคำแนะนำว่า "โทรเข้ามือถือเฮียสิ!" ทว่า...ตาถั่วชอบลืมมือถือเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง ที่แกไม่เคยหาเจอจนกระทั่งผ่านไปสองวัน ดังนั้นลูกค้าที่มาใช้บริการกรุณาช่วยตัวเองในการติดตามงานและติดตามหาตาถั่วไปพร้อมๆ กันนะคะ นอกจากนั้นแล้วตาถั่วยังเป็นคนขี้ลืมอย่างร้ายกาจ แม้กระทั่งเรื่องเงินเป็นต้นว่าให้แกโทรกลับมาแจ้งราคาสินค้า ผ่านไปสองวันตาถั่วก็ยังเงียบ เมื่อโทรถามอีกรอบปรากฏว่าตาถั่ว...ลืมเรียบร้อยแล้ว!! และบอกว่าเดี๋ยวจะรีบตีราคาให้ใหม่ แกก็จะ....เอ๋อไปนานมาก แล้วบอกว่าเดี๋ยวโทรกลับนะ ผ่านไปอีกประมาณ 2 วัน หากแกไม่ลืมแกจะโทรกลับมาเอง แต่อย่าหวังจะให้แจ้งราคาทางแฟกซ์หรืออีเมล์(ทำไม่เป็น)และเมื่อตาถั่วโทรกลับมาบอกราคาสินค้า แต่เมื่อลูกค้าอยากเพิ่มจำนวน หรือเปลี่ยนสเป็คสินค้า ตาถั่วจะเอ๋อไปทันทีแล้วแกก็จะวางหูไปประมาณ 10 นาทีก่อนโทรกลับมาใหม่ซึ่งถ้าหากว่าลูกค้าเพิ่มเติมอะไรอีก แกจะนิ่งไปแล้วขอเวลาไปคิดราคาอีกรอบ ไม่สามารถตอบได้ในทันทีทั้งๆ ที่เป็นงานที่ทำอยู่ทุกวัน และแน่นอนแกคิดเงินด้วยเครื่องคิดเลข ไม่ว่าจะเป็นหลักหมื่น หลักแสน ไปจนถึงหลักล้าน ใช้เครื่องคิดเลขล้วนๆ(ยังดีนะไม่ใช้ลูกคิด) ส่วนคอมมีไว้เปิดไฟล์ลูกค้าอย่างเดียวแกใช้ไม่เป็นหรอก...เมื่อได้รับแฟกซ์จากลูกค้าแกไม่เคยโทรกลับ ลูกค้าต้องเป็นฝ่ายโทรถามเอา ได้ความว่าแกอ่านแฟกซ์ไม่เข้าใจเลยรอให้โทรมาอยู่ล่ะ(แล้วทำไมไม่โทรมาถามเล่า?) อีกประการเมื่อได้รับราคาสินค้าจากแกแล้ว เจ้าแก้วต้องจดอย่างละเอียดทุกครั้ง เพราะว่าถ้าถามอีกครั้งราคาจะไม่เท่าเดิม(เปลี่ยนราคาเฉยเลย) มีการถามย้อนอีกว่าจริงเหรอ? มันเคยราคาเท่าๆ นี้จริงเหรอ? ต้องยืนยันซ้ำนั่นแหละค่ะถึงจะได้ราคาเดิม...ปวดหมองจริงๆ นอกจากนั้นแล้วตาถั่วยังขี้ลืมอีก 108 อย่าง สถานที่ที่เคยมาส่งแค่ครั้งเดียวแกจะจำไม่ได้ แล้วแกจะใช้วิธีเงียบหายไป ให้ลูกค้าโทรไปตามแล้วเราจะได้พบหน้าตาถั่วพร้อมสินค้าอีกครั้ง และด้วยความเอ๋อ ตาถั่วมักจะนับจำนวนสินค้าผิดบ่อยๆ เมื่อนำไปส่งลูกค้าเจ้าที่เจ้าแก้วสั่งให้นำไปส่งต่ออีกที ก็มักจะมีอาการส่งของไม่ครบจำนวน ก็จะโทรกลับมาถามว่าทำยังไงดีครับ?ขาดไป 10 ชิ้น (ก็เอาไปส่งสิคะ...) เมื่อถามว่าทำไมถึงลืมแกเล่าว่าเตรียมไว้หมดแล้ว แต่ลืมเอาใส่กล่องมาเห็นทีหลัง...ในวันว่างๆ ตาถั่วก็จะไปยืนชื่นชมสินค้าที่ตัวเองผลิตให้ตามร้านค้าแล้วก็มาถอนหายใจเฮือกๆๆ งามจัง ต่อจากงามจังก็จะโทรมาเถียงกะลูกค้าผู้ผลิต(เจ้าแก้วนี่แหละ)ว่าแพ็คเกตแบบเดิมสวยแล้วเปลี่ยนทำไมงองแงๆๆ ไม่อยากเปลี่ยนอ่ะ ประหนึ่งว่าแกเป็นหุ้นส่วนต้องบอกว่า บริษัทอีกที่เค้าบังคับฟอร์มมาค่ะ ต้องเป็นแบบนี้ แกก็ยังงองแงของเก่าสวยกว่านา...บ่นเป็นหมีกินผึ้ง...ยังไม่พอค่ะ...แกชอบขัดใจลูกค้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแพ็คเกตใส่ของหรือจำนวนการผลิต หรือบางผลิตของแถมไปกับสินค้าขัดใจหมดเลยล่ะ แพ็คเกตถ้าไม่ถูกใจแกต้องบังคับทำให้แต่ก็บ่นจำนวนการผลิตเพิ่มเติมรอบสองมีการเถียงกันว่าคุ้มไม่คุ้ม ต้องการสั่งทำเพิ่ม แต่แกไม่ยอมทำให้เพราะว่าสั่งทำน้อยไม่คุ้มได้กำไรน้อย มีการบอกว่าให้กลับไปคิดก่อน...แกก็หวังดีอ่ะนะ....แต่....เถียงกันไปจนถึงของแถม เนื่องจากแกผลิตของแถมผิดขนาดไซน์จากเล็กเป็นใหญ่(แต่ยังไงทางเราก็ต้องจ่ายอยู่ดี) จึงขอให้แกดัดแปลงของแถมเป็นอีกแบบไปเลยซึ่งไม่ยาก แต่ว่าต้องเพิ่มเงินเข้าไปหน่อยเฮียถั่วโวยวายทันทีและไม่ยอมทำให้ เนื่องจากแกบอกเปลืองเงินจึงเป็นอันว่าต้องปล่อยเลยตามเลย....อะไรฟะ?!! บางครั้งก็ยังงงๆ ตกลงที่แกเป็นหุ้นส่วนบริษัทเจ้าแก้วรึ?ทำไมแกตัดสินใจแทนได้ด้วยล่ะ...เง็งแล้วสินค้าพอไม่ได้ดั่งใจแน่นอนสิคะ เบื้องบนก็เม้งมาที่เจ้าแก้วก็ตาถั่วไม่ยอมทำให้นี่คะ... ว่าแล้วปล่อยให้คุณเบื้องบนไปคุยกะตาถั่วเอง ผลคือ....แพ้กลับมาล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดก็ต้องตามใจตาถั่วอยู่ดี ปล่อยเลยตามเลย...แล้วก็มานั่งฟังตาถั่วบ่นกระปอดกระแปดกลายเป็นความผิดทางเรา...เวรกรรม อย่างไรก็ตามตาถั่วเป็นคนใจดี จิตใจอ่อนโยน มักจะคิดเผื่อคนอื่นเสมอ แกมักจะให้ลูกค้าติดเงินประจำ โดยเฉพาะเด็กนักเรียน(เรียนโรงเรียนเดียวกับลูกแก) ที่บางทีไปขอให้แกผลิตของให้มาขายโรงเรียน ซึ่งเด็กๆ ไม่มีเงินจ่ายขอติดไว้ก่อน แกก็ยอมให้เอาของออกไปก่อน ตาถั่วดำเนินธุรกิจด้วยความลัลล้ามีความสุขมากๆ ไม่เคยมีความเครียด แม้ว่าระบบธุรกิจของแกจะจับฉ่ายแค่ไหนก็ตามที บริษัทเจ้าแก้วมักจะจ่ายเงินเป็นเช็คหรือไม่ก็โอนเข้าบัญชีแกไปเลย แต่ตาถั่วเป็นคนที่บอกว่าไม่ต้องเซ็นเช็กสลักหลังสลักหน้าหรอก เดี๋ยวลูกน้องเอามาให้เอง ทั้งที่เป็นเช็คเงินสดนะนั่นถ้าโดนเอาขึ้นเงินก็เรียบเลย...แกไว้ใจคนสุดๆ หลายๆ ครั้งที่เอาเอาสินค้ามาส่งแต่ยังไม่คิดราคามาให้ ต้องโทรทวงแล้วทวงอีกผ่านไปร่วม 3 อาทิตย์บางทียังไม่ได้บิลด์ราคาที่ต้องจ่าย....บางครั้งจ่ายเงินไปแล้ว 3 เดือนต่อมาตาถั่วก็โทรมาถามว่าจ่ายเงินรือยัง? ต้องส่งแฟกซ์สลิปการสั่งจ่ายไปให้ดู แล้วแกก็โทรมาหัวเราะบอกว่า ผมลืมไปง่ะ...จากเรื่องเงินๆ ทองๆ มาถึงเรื่องการส่งสินค้า ตาถั่วเป็นเจ้าของโรงงานที่มาส่งสินค้าด้วยตัวเองทุกครั้งไป(แล้วคนอื่นไปไหนหมด?)และแกไม่เคยส่งของตรงเวลา เช่น นัดเที่ยงวัน อาจจะได้ 5 ทุ่มหรือมาส่งเลยกำหนดไป 2-3 วัน เมื่อต่อว่าไปแกจะถามกลับมาว่า "รีบเหรอ?" อยากจะบ้าตาย!! ก็ไม่มาตรงเวลาใครจะอยู่เปิดประตูรับสินค้าล่ะคะเฮียขา...ยิ่งฟังคำอธิบายยิ่งปวดหมองเรื่องของเรื่องคือแกนั่งแพ็คสินค้าเอง แพ็คไปดิ๊งค์ไปกะคนงานแล้วเผลอเมาหลับบ้าง ตื่นบ้าง นึกได้ก็รีบมาส่งให้...กรรม ตาถั่วดำเนินธุรกิจด้วยความเอ๋อ จับฉ่าย ลัลล้า และใช้ชีวิตแบบตามใจฉันขนาดนี้ มีแต่คนถามว่าตาถั่วเคยโดนโกงไหม? แกดูโกงง่ายมาก เพราะแกไว้ใจคนให้เครดิตแถมขี้ลืมอย่างร้ายกาจ ไม่พอแกยังมั่วนิ่มสุดๆ มีปัญหาค่อยแก้ไขกันทีหลังทุกที แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ...แกรวยได้ไงวะ? ดูวิธีการจับฉ่ายของแกแล้วไม่น่าทำให้แกรวยได้เลย ใครๆ ก็ถามเจ้าแก้วว่าแกทำการค้ารอดมาได้ยังไง? ....อย่ามาถามเค้าจิ...เค้าไม่ยู้ เจ้าแก้วก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อาจเป็นได้ว่าเห็นแกแล้วสงสารโกงไม่ลงก็เป็นได้นะ ทุกๆ คนก็ปลงๆ กับแกไปแล้วล่ะเวลาแกทำไรเอ๋อๆ ทุกคนต้องโทรหาเจ้าแก้วบอกว่าไปจิกตาถั่วมาเดี๋ยวนี้....แง กรรมอะไรเนี่ย?วันดีคืนดีคุณลูกค้ามาถามว่าตาถั่วนี่แกชื่อจริงว่าอะไรเหรอ? เจ้าแก้วนิ่งไปประมาณ 2 นาที...กว่าจะนึกออก แต่ว่าดูสิทุกคนเรียกแกว่าตาถั่ว(ฉายาที่ตั้งให้)จนลืมชื่อจริงครั้งล่าสุดเจ้าแก้วกับตาถั่วสื่อสารกันไปคนละเรื่อง เจ้าสั่งแพ็คสินค้าแบบซีลหุ้มมิดแต่แกทำมาผิดแบบ เมื่อโทรไปต่อว่าตาถั่วก็เถียง "ผมบอกคุณแล้วว่าแบบเดิมสวยกว่าก็ไม่เชื่อ"แหงะ...ทำผิดเองยังมาเถียงอีก สรุปว่าแกเข้าใจความหมายคำว่าซีลไปคนละเรื่อง "ครั้งต่อไปกรุณาอย่าใช้ภาษาอังกฤษสิครับ" ตกลง...เจ้าแก้วผิดอีกแล้วใช่มะ....นี่มันศัพท์สากลน้า...ป้าด นิทานเรื่องนี้จบลงยังไงไม่รู้ มึนๆ งงๆ แต่สรุปว่าแกมีความสุขดีจนน่าอิจฉา ลัลล้ามากๆ เป็นคนที่เวลาและสังคมอันเร่งรีบไม่มีผลกับชีวิตแก ดูๆ แล้วเจ้าแก้วก็รู้สึกอิจฉาแกจริงๆ นะแต่ถ้าหายโรคความจำสั้นและตรงต่อเวลาหน่อยก็ดีนะเฮียถั่วขา....ถ้าสังคมมีคนแบบแกมากๆ คงไม่มีการโกงกันเกิดขึ้น ทุกอย่างคงอยู่อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เพียงแต่ว่าคงกลายเป็นเมืองลัลล้าตามใจฉันกันทั้งเมืองแน่ๆ เลยค่ะ