จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

บาปปาริชาต ตอนที่ 3

ตอนที่ 3




มิสึสึตัวน้อยกรีดร้องและร้องอยู่เป็นนานเลยทีเดียว กว่าผู้ใหญ่จะได้ยินเสียงนั้น เด็กหญิงแทบหมดกำลังใจหล่อนทั้งหวาดกลัวทั้งขวัญหนี หล่อนร้องไห้จนเสียงแหบแห้งและคิดว่าคงไม่มีใครได้ยินเสียงแล้ว และคงต้องตายอยู่ในนี้โดยไม่มีใครรู้เป็นแน่

ฟ้าเปลี่ยนสีไปแล้ว...สุริยายามเย็นยอแสงลางรอนลงเรื่อยๆ อย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน จนกระทั่งความมืดมิดครอบคลุมไปทั่ว แสงสว่างจากไฟฉายในมือกลุ่มคนที่ออกตามหามิสึสึ ส่องแสงแข่งกับดวงจันทร์ที่เพิ่งขยับกายขึ้นสู่นภา โชคดีนักที่คืนนั้นไม่ใช่เดือนแรม จันทร์เพ็ญดวงกลมอิ่มเอิบย่างใกล้วันเต็มดวงทอแสงสว่างนวลตา คล้ายจะช่วยส่องแสงให้คนกลุ่มใหญ่นั้นตามหาเด็กน้อยได้ง่ายขึ้น

“มิสึสึ!! อยู่ไหนลูก?” เสียงตะโกนจากมารดา รวมทั้งผู้ใหญ่หลายคนในหมู่บ้าน ที่รวมตัวกันออกตามหาหล่อนดังใกล้เข้ามา

มิสึสึจำความรู้สึกในขณะนั้นได้ดีว่าหล่อนปรีดาเพียงใดที่ได้ยินเสียงเรียก จึงพยายามร้องตะโกนตอบ แต่อนิจจาเด็กหญิงร้องไห้ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง บัดนี้เสียงแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน เสียงที่ตะโกนออกไปจึงแผ่วเบาคล้ายดังเสียงจิ้งหรีดเล็กๆ ในพงไพรเท่านั้น

แต่ดวงหล่อนคงยังไม่ถึงฆาตชีวิตจึงไม่สิ้นสุดลง เด็กหญิงพยายามงัดก้อนหินที่ปิดทางอยู่ออก พร้อมทั้งตะโกนตอบรับเสียงเรียกเหล่านั้น แต่แขนเพรียวบางของเด็กวัย 11 ขวบ ไม่ได้มีพละกำลังมากอย่างที่ใจต้องการ หล่อนไม่สามารถดึงก้อนหินใหญ่ออกได้ ที่ทำได้มีเพียงขยับเขยื้อนจนเกิดรอยแยกเล็กๆ เท่านั้น

มิสึสึสอดแขนแทรกรอยแยกนั้นออกไปภายนอกจนสุดช่วงแขน และพยายามโบกไปมาเผื่อว่าใครจะเห็นเข้า หล่อนปวดแขนไปตั้งแต่ข้อมือจรดหัวไหล่ เพราะพยายามเกร็งและโบกไปมาไม่หยุดหย่อน

ครู่ใหญ่ผ่านไปใครบางคนที่เคยส่องไฟลงมาแล้วไม่พบอะไรในบ่อน้ำเก่าแห่งนี้ เกิดนึกเอะใจเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ลอยมาตามลม เขาเดินกลับมายืนที่ขอบบ่ออีกครั้งแล้วฉายไฟส่องลงมา ครั้งนี้เขาแลเห็นมือน้อยๆ ขยับขึ้นลงอย่างอ่อนแรง

“เฮ้ย!! นั่นมือคน! มือเด็กแน่ๆ !!?” นับเป็นโชคดีของหล่อนที่เขาไม่ใช่คนขวัญอ่อน หาไม่แล้วเขาอาจจะคิดว่านั่นเป็นมือของภูตผีก็เป็นได้

หญิงสาวจำเหตุการณ์หลังจากนั้นได้ไม่แม่นยำนัก แต่รู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงใครต่อใครพากันตะโกนเรียก มิสึสึรู้ว่าตนเองจะไม่ตายแล้วสติของหล่อนก็ดับวูบลง จึงไม่สามารถบอกได้เลยว่าพวกเขาพาหล่อนออกมาจากอุโมงค์นั้นได้อย่างไร

ตรงกันข้ามกับบิดามารดาของหล่อนทั้งสองจดจำประสบการณ์ร้ายแรงนี้ชนิดฝังลึกเข้าไปในจิตใจดังแผลเป็น ที่แม้หายจากอาการบาดเจ็บแล้วแต่ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ มันช่างใกล้เคียงกับเหตุการณ์ในฝันร้ายของบุตรสาว คล้ายกับว่าใครสักคนที่ไร้ร่างไร้ตัวตนกำลังทวงชีวิตคืน ด้วยการตอบแทนชนิดเดียวกัน แต่หล่อนไม่แน่ใจว่าสามีจะมีความรู้สึกอย่างเดียวกันหรือไม่ เมื่อพูดออกไปเขากลับขมวดคิ้วคล้ายจะตำหนิหล่อน

“มันเป็นอุบัติเหตุ แค่ความบังเอิญ อย่าคิดแบบนั้นอีกไม่งั้นเธอจะตอกย้ำความเชื่อของตัวเองตามลูกไปอีกคน”

“ลูกต้องการเราเป็นที่พึ่ง ถ้าแม้แต่เรายังกลัวลูกก็จะยิ่งกลัว เพราะหาที่พึ่งไม่ได้เข้าใจไหม?”

“ค่ะ...” หล่อนจำเป็นต้องรับ เพราะจำนนสิ่งที่เขากล่าว

“ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องปกติธรรมดา เวลาแกมาเล่าเรื่องฝันร้ายก็อย่าไปกะตือรือร้นอะไรกับแกมากนัก ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าแม้แต่พวกเรายังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ยิ่งมาเกิดเรื่องนี้ขึ้นอีกแกจะยิ่งปักใจเชื่อไปกันใหญ่ เพราะงั้นทำตามที่หมอเขาแนะนำดีกว่า”

นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มิสึสึไม่เคยรู้ ว่าเหตุใดว่าบิดามารดาจึงเฉยเมยเมื่อกล่าวถึงเรื่องฝันร้ายของหล่อน พวกเขาทำราวกับกำลังคุยเรื่องจิปาถะอย่างการเลือกกับข้าวมื้อเย็นเท่านั้น

เมื่อมิสึสึออกจากบ้านไปโดยไม่บอกจุดหมาย มารดาก็เกิดหวนคิดถึงเหตุการณ์นี้ขึ้นมาอีก หล่อนไม่อาจคลายใจได้เพราะลูกสาวทำตัวลึกลับ จริงอยู่มิสึสึไม่ใช่เด็กช่างพูดหรือแสดงความรู้สึกเก่งนัก แต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้เป็นห่วง หรือปิดบังเรื่องทุกข์ใจ อีกทั้งหล่อนก็คอยสอดส่องดูแลความเป็นอยู่ของลูกสาวอยู่ตลอด จึงรู้สาเหตุที่ทำให้มิสึสึเครียดในระยะนี้

หญิงวัยกลางคนคิดไม่ตกว่านี่จะเรียกว่าหนีออกจากบ้านหรือเปล่า จึงเดินขึ้นไปบนห้องลูกสาว คาดหวังว่าอาจจะได้พบจดหมายสักฉบับที่มิสึสึเขียนทิ้งไว้ให้ ทว่าหล่อนไม่พบจดหมายอะไรเลย ยกเว้นโทรศัพท์มือถือของบุตรสาววางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ นั่นหมายความว่าไม่สามารถติดต่อมิสึสึได้จนกว่าหญิงสาวจะเป็นฝ่ายติดต่อมาเอง หล่อนไม่อาจระงับความตกใจลงเลยจึงได้แต่คว้าโทรศัพท์มือถือของบุตรสาว วิ่งลงมาข้างล่างแล้วรีบโทรศัพท์ไปหาสามีทันที!


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เนื่องจากไม่มีเครื่องบินบินตรงจากญี่ปุ่นไปลงจังหวัดลำปาง อันเป็นที่ตั้งของวนอุทยานนางครวญ หล่อนจึงต้องจับเครื่องบินต่อจากกรุงเทพฯไปอีกต่อ มิสึสึเสยผมสีน้ำตาลที่ผ่านการย้อมมาอย่างเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก หญิงสาวยอมรับว่าหล่อนมาเมืองไทยแบบกะทันหัน ไม่ได้มีการเตรียมตัวที่ดีและไม่ได้ปรึกษาใครเลยซ้ำ นอกจากถามทางจากเจ้าของภาพถ่ายนั้นทางเมล์

หากยูอิจิรู้เข้าก็คงตำหนิหล่อนว่าไม่รู้จักวางแผนเดินทางเป็นขั้นเป็นตอนอาจจะทำให้ลำบากได้ ส่วนคาโอริก็คงเชิดหน้าขึ้นหัวเราะเยาะความบ้าบิ่นของหล่อนเป็นแน่ แต่ทำอย่างไรได้เล่ามิสึสึเพียงแค่อยากหนีออกจากสถานการณ์ที่เผชิญอยู่เท่านั้น หล่อนสะอิดสะเอียนฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมานาน เป็นแรงผลักดันให้เดินทางข้ามประเทศมา โดยไม่คิดอะไรให้รอบคอบทั้งสิ้น ในการเดินทางมาประเทศที่ไม่รู้จักเช่นนี้

หญิงสาวเดินไปรับกระเป๋าจากสายพานเลื่อนด้วยท่าทางเหม่อลอย หล่อนยังไม่ได้ออกจากสนามบินประจำจังหวัดลำปางไปในทันที แต่กลับพาตัวไปนั่งที่เก้าอี้ผู้โดยสารภายในอีกร่วมชั่วโมง มิสึสึยังตอบตัวเองไม่ได้ว่ามาถึงที่นี่แล้วจะทำอย่างไร จะทำอะไรถึงจะเป็นการสิ้นสุดฝันร้ายเสียที

ยามนี้หัวใจหล่อนแห้งผากไปหมดจนขาดทั้งสติและปัญญา ความท้อแท้ทำให้นึกน้อยใจชะตาชีวิต หล่อนยอมรับว่าคิดถึงยูอิจิจับใจ หากเขามาด้วยคงจะดีไม่น้อย ยูอิจิมีความเป็นผู้นำสูงและทำอะไรรวดเร็วไม่เชื่องช้าอย่างหล่อน แต่คิดถึงเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ ป่านนี้เขาคงจูงมือคาโอริเดินเล่นอย่างเป็นสุขที่หล่อนไม่โผล่หน้าไปให้เห็นด้วยซ้ำ

ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจร่างอรชรยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างเชื่องช้า ถอนหายใจอยู่ครู่ใหญ่และพยายามตัดความคิดฟุ้งซ่านถึงคนคู่นั้นออกไป หล่อนหยิบสมุดบันทึกออกแล้วจรดปากการ่างแผนการลงไป ว่าควรจะทำอะไรบ้าง

“อย่างแรกเราต้องไปแลกเงินไทย แล้วก็ไปหาที่พัก”

นี่เป็นอีกสิ่งที่มิสึสึนึกสมเพชตัวเอง หล่อนไม่ได้จองไว้กระทั่งที่พัก เมื่อสอบถามที่เค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์เจ้าหน้าที่ไม่ได้ส่งสายตาตำหนิการไม่รู้จักวางแผนอย่างที่เข้าใจ แต่กลับคลี่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรและคิดว่าหล่อนเป็นนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็ค ประเภทเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่ได้วางแผนการณ์แน่นอน ซึ่งเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงเต็มใจให้คำแนะนำเป็นอย่างดี

“คุณอยากได้ที่พักแบบไหนคะ? โรงแรม 5 ดาว หรือเกสเฮ้าท์? แล้วราคาที่ต้องการล่ะคะ?”

เจ้าหน้าที่สาวถามมาเป็นชุดใหญ่ มิสึสึยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งหล่อนไม่นึกถึงข้อนี้ไว้เลย อีกทั้งภาษาอังกฤษของหล่อนก็แย่พอๆ กับคนญี่ปุ่นทั่วประเทศ ทำให้การสอบถามเป็นไปอย่างช้าๆ

“คือ...ที่ไหนก็ได้ค่ะ ที่ใกล้ๆ วนอุทยานนางครวญ”

“ที่ไหนนะคะ?” เมื่อถูกถามทวนหล่อนก็เกิดอาการประหม่า เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่เข้าใจภาษาอังกฤษของหล่อนหรือไม่

“วนอุทยานนางครวญ” หล่อนตอบอีกครั้ง แต่เสียงเบากว่าเดิมเป็นอันมาก

“วนอุทยานนี่กินพื้นที่เป็นพันไร่ค่ะ กว้างมาก คงต้องถามก่อนว่าคุณจะไปเที่ยวส่วนไหนคะ? น้ำตก? ถ้ำ? หรืออุทยานประวัติศาสตร์?” คำถามนั้นทำเอาหญิงสาวใบ้กินและหน้าซีดลงไปถนัดตา

มิสึสึนึกตำหนิตัวเองว่าไม่รู้จักหาข้อมูลก่อนมาให้ละเอียด เจ้าหน้าที่สาวคลี่ยิ้มคล้ายจะถามซ้ำ มิสึสึได้แต่ยิ้มแห้งๆ หล่อนเข้าใจคำถามแต่ไม่อาจตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ดังใจนึก เมื่อหล่อนไม่สามารถตอบได้เจ้าหน้าที่จึงหยิบแผ่นพับภาษาอังกฤษแนะนำการท่องเที่ยวมาให้หล่อนดู แล้วอธิบายอย่างช้าๆ

“สนามบินอยู่ตรงนี้นะคะ แล้วนี่วนอุทยานค่ะ มันกว้างใหญ่มาก” หล่อนชี้มือเป็นวงรอบบริเวณวนอุทยานให้ดู

“ไกลจัง...” หล่อนอุทานออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจความหมายจึงพยายามอธิบายต่อไป

“มันอยู่ห่างตัวเมืองออกไปอีกร้อยกว่ากิโลเมตรค่ะ คืนนี้พักในตัวเมืองก่อนดีไหมคะแล้วค่อยไปที่นางครวญ”

“ฉันอยากไปเลยไม่ได้หรือคะ?”

“ดิฉันไม่แน่ใจว่าเย็นป่านนี้แล้วจะมีรถไปถึงที่นั่นไหมน่ะค่ะ” หล่อนพูดไปก็ยกไม้ยกมือประกอบไป พยายามสื่อสารเต็มที่ เมื่อเห็นว่ามิสึสึไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษนัก

“พรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ แล้วค่อยเปลี่ยนที่พักใกล้ๆ ที่นั่น...เอ่อ สักครู่นะคะ” หล่อนเว้นวรรคไปชั่วขณะแล้วหันไปสนทนากับเจ้าหน้าที่อื่นด้วยภาษาไทย

“พี่คะ คุณญี่ปุ่นนี่อยากไปนางครวญน่ะค่ะ แนะนำยังไงดีคะ?”

เจ้าหน้าที่คนที่สองก้าวเข้ามา และพยายามแนะนำให้หล่อนเที่ยวในเมืองก่อน พร้อมทั้งชี้ชวนให้ดูภาพประกอบสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดลำปาง ไม่ว่าจะเป็นวัดเจดีย์หลวง วัดซาวหลัง(วัดเจดีย์ยี่สิบองค์) การนั่งรถม้าชมเมือง และอื่นๆ ในศิลปวัฒนธรรมประจำจังหวัดอีกมาก แต่มิสึสึไม่มีแก่ใจจะฟังนักเพราะทันทีที่เท้าแตะพื้นประเทศไทย ใจของหล่อนก็ล่องลอยไปยังจุดมุ่งหมายแล้ว หล่อนเลยแค่พยักหน้ารับอย่างแกนๆ นึกรำคาญเจ้าหน้าที่ ซึ่งตอบไม่ตรงคำถามเสียที แถมยังพยายามแนะนำให้หล่อนไปเที่ยวที่อื่นก่อนจะไปวนอุทยานนางครวญ

“แล้วพรุ่งนี้...ไปนี่” หญิงสาวจากแดนอาทิตย์อุทัยชี้มือไปที่รูปถ้ำนางครวญซึ่งจำได้ว่าใกล้สถูปนั้น

“อ๋อ...จะไปที่นี่” ทั้งหล่อนและเจ้าหน้าที่พากันถอนหายใจขึ้นมาพร้อมๆ กัน ในที่สุดก็คุยเรื่องเดียวกันได้เสียที

“ค่ะ...แต่มันไกล คงต้องเดินทางพรุ่งนี้ มีรถตู้วิ่งไปผ่านวนอุทยานนางครวญ” เวลาผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะทำการสื่อสารกันเข้าใจครบทุกกระบวนการ

เจ้าหน้าที่ประจำสนามบินจัดการเลือกที่พักให้หล่อนเป็นเกสเฮ้าท์แห่งหนึ่ง แล้วจัดแจงว่าจ้างรถสองแถวไปส่งหล่อนถึงที่พัก พร้อมทั้งนัดแนะให้มารับมิสึสึตอนเช้าเพื่อจะส่งต่อยังคิวรถตู้ด้วย ทำเอาหญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอันมากกับความช่วยเหลือนั้น นึกละลายใจที่เมื่อแรกหล่อนรำคาญพวกเขา ทั้งที่ทั้งสองคนพยายามให้ความช่วยเหลือและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้เต็มที่ แม้จะสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม

มิสึสึหยิบกระเป๋าเงินออกมา แล้วส่งแบงก์สีแดงให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนละใบ แต่ทั้งคู่ปฏิเสธที่จะรับพลางคลี่ยิ้มสยามออกมาให้นักท่องเที่ยวชม ก่อนจะบอกหล่อนว่ามันเป็นหน้าที่ของพวกเขาอยู่แล้ว หญิงสาวไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจอย่างไรจึงยกมือขึ้นไหว้ตามอย่างที่แอร์โฮสเตสบนเครื่องบินทำ สิ่งที่หล่อนได้รับกลับมาคือรอยยิ้มและประกายตาชื่นชม ทำเอามิสึสึเขินขึ้นมาเพราะไม่ค่อยมีใครฉายแววตาเช่นนี้ให้หล่อนนัก

หญิงสาวจึงค่อยยิ้มออกบ้างการมาประเทศไทยตามลำพัง อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่หวาดกลัวก็ได้ เมื่อความเอื้อเฟื้อของคนไทยที่มอบให้นักท่องเที่ยวมีมากเกินกว่าจะคาดเดา


บางที...พรุ่งนี้อาจจะวันที่สดใสสำหรับหล่อน…


อ่านต่อตอนหน้าค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ช่วงเม้าท์


มีข่าวดีและข่าวร้ายมาให้พร้อมๆ กันค่ะ ข่าวดีคือเขียนได้เกือบจบแล้วค่ะ เหลืออีก
ไม่เกิน 2 ตอน โฮ่ โฮ่ โฮ่

คงไม่ทำให้คนอ่านเสียอารมณ์เพราะลงขาดช่วงแน่ๆ ค่ะ

ส่วนข่าวร้าย...ตอนนี้คอมเสียโดนไวรัสกิน เลยยังเขียนเพิ่มไม่ได้และเอาส่วนที่เขียนเพิ่มเข้าไป
ออกจากเครื่องไม่ได้ หวังว่าตอนซ่อมเสร็จแล้วนิยายจะไม่หายไป ไม่งั้นคงเหี่ยวแน่ๆ ค่ะ
ส่วนตอนนี้ใช้โน๊ตบุ๊คส์ของน้องมาโพสค่ะ...

ในส่วนของเนื้อเรื่องขออธิบายไว้ก่อนนะคะ ว่า "วนอุทยานนางครวญที่จังหวัดลำปาง
ไม่มีอยู่จริงนะคะ เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น"


ส่วนสถานที่นั้นเจ้าแก้วจำลองมาจากวนอุทยานที่แห่งหนึ่งที่ลำปางค่ะ ซึ่งได้ไปเที่ยวมาน่ะค่ะ
ไว้ตอนหน้าจะเอารูปมาลงให้ดูกันค่ะ คือกังวลว่าถ้าใช้ชื่อสถานที่ซึ่งมีอยู่จริงแล้วนิยายเรื่องนี้
อาจจะกระทบกับแหล่งท่องเที่ยว จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นผู้เขียนจึงหลีกเลี่ยงมา
ใช้ชื่อสมมุติแทนค่ะ จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน



ปล.ตอบคอมเม้นท์เก่าไว้ในกระทู้ที่แล้วนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ







 

Create Date : 19 ตุลาคม 2552
5 comments
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 3:20:41 น.
Counter : 641 Pageviews.

 

มิสึสึมาเมืองไทยแบบมาตายเอาดาบหน้าจริงๆ เลยนะคะ มาแบบนี้น่ากลัวค่ะ

ขอให้คอมไม่เป็นอะไรและกู้ไฟล์ที่เขียนไปแล้วกลับคืนมาได้นะคะ เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ โน๊ตบุ๊คเครื่องก่อนเคยเจอไวรัสเหมือนกัน อะไรไม่ห่วง ห่วงแต่ไฟล์นิยายบทนึงที่ใช้เวลาเขียนตลอดวันหยุด ตอนไปให้ช่างดูให้ก็บอกเขาอย่างเดียวเลยว่าจะซื้อใหม่ แต่ที่เอามาให้ดูก็แค่ขอให้กู้ไฟล์นิยายบทเดียวให้เท่านั้นแหละ ช่างฟังแล้วได้แต่ทำตาปริบๆ

 

โดย: กุลธิดา IP: 71.28.112.3 19 ตุลาคม 2552 5:43:39 น.  

 

น่าสงสารมิสึสึจัง ไม่ห่วงและไม่วางแผนเลย อันตรายนะนั่น

 

โดย: หริชา (หริชา ) 19 ตุลาคม 2552 13:31:00 น.  

 

เหลืออีกไม่เกิน 2 ตอน -*- แล้วมันกี่ตอนจบล่ะคะเนี่ยะ

นึกว่าจะได้อ่านยาวๆ งุงิๆๆ

 

โดย: fly-girl IP: 124.120.165.169 19 ตุลาคม 2552 20:16:58 น.  

 

กุลธิดา : ใช่ค่ะ นางเอกเรามาแบบไร้สตินิดหนึ่ง

หริชา : เครียดมากไปเลยไม่คิดอะไรเลย

fly-girl : เกือบยี่สิบตอนค่ะ ถ้าหั่นโพสทีละครึ่งก็เกือบ 40 ตอนง่ะ

 

โดย: แก้วกังไส 22 ตุลาคม 2552 12:53:43 น.  

 

แน่ใจนะจ๊ะมิสึสึว่าจะสดใสน่ะ

 

โดย: Ice IP: 10.90.5.104, 202.28.181.11 25 ตุลาคม 2552 17:45:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.