การทำลายก่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเก่า
ทฤษฎีบท
การทำลายเป็นเรื่องของธรรมชาติ
การควบรวมเป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดี
องค์กรบื้อ+องค์กรบื้อ=อภิมหาบื้อ
ไม่มีคำว่า "อมตะ" "ชั่วนิรันดร์" อีกต่อไป
หมดยุค "การปรับปรุงแบบต่อเนื่อง"และ"การแก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป"
เปลี่ยนกฏเองก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาเปลี่ยนให้
โลกในแนวคิด "องค์กรที่ยั่งยืน" เป็นเรื่องเหลวไหล การปรับปรุงองค์กร (เพื่อแก้ขัด) แบบเดิมจะหลีกทางให้กับความมุ่งมั่นที่จะทำลายล้าง
เควิน เคลลี่ บอกว่า "การฆ่าองค์กรง่ายกว่าการเปลี่ยนแปลง" การสร้างบริษัท Wallmart ง่ายกว่าการเปลี่ยนบริษัท Sears ให้มีรูปแบบที่เหมาะสม หรือการจ้างเซียนอินเตอร์เน็ทวัย 26 นั้นง่ายกว่าการสอนคนแก่วัย 52 ที่กลัวเว็ป ให้รู้จักมัน
แจ็ค เวลล์ เคยประกาศในฐานะ CEO ของ GE ว่าหนทางใหม่ของ GE คือ DYB.com (ย่อมาจาก Destroy Your Business) ทำลายธุรกิจ ระเบิดมันให้เป็นจุลก่อนที่คู่แข่งจะเป็นฝ่ายกระทำ
ปีเตอร์ ดรักเกอร์ เคยบอกไว้ว่า "บริษัทอายุกว่า 100 ปีที่เรารู้จักกันดี ไม่น่าจะอยู่รอดเกิน 25 ปีต่อจากนี้ โดยเฉพาะจะล้มเหลวทางโครงสร้างและเศรษฐกิจ"
เกิด....เพื่อที่จะตาย S&P มีสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับบริษัทที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 1957 จำนวน 500 บริษัท ซึ่งหลังจากนั้นอีก 40 ปีต่อมา ได้ล้มหายตายจากไป 426 แห่ง เหลือรอดชีวิตมาได้ 74 บริษัท ซึ่งในจำนวนที่รอดมาได้นี้ มีเพียง 12 บริษัทเท่านั้นที่มีผลประกอบการสูงกว่ามูลค่าตลาดหุ้นตลอด 40 ปีที่ผ่านมา อะไรคือสาเหตุ
ระวัง....การจัดการที่ดี ศจ. เคล์ตันแห่งฮาร์วาร์ด ได้วิเคราะห์ไว้ในหนังสือ The Innovator's Dilemma "การจัดการที่ดีเป็นเหตุผลสำคัญที่สุด ที่ทำให้บริษัทชั้นนำไม่อาจรักษาความเป็นผู้นำไว้ได้" เพราะเหตุบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เต็มไปด้วยชนชั้นเหล่านี้ฟังเสียงลูกค้ายักษ์ใหญ่จำนวนมากที่ใช้ระบบแบบเดียวกันเพื่อลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์และการผลิตให้มากขึ้น ดีขึ้น ซึ่งก็คือสินค้าที่มีอยู่แล้วในตลาดให้กับยักษ์ใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการศึกษาแนวโน้มของตลาดอย่างระมัดระวัง ทำให้การพัฒนาจมปลักอยู่กับแนวคิดการขยับเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยและมีลักษณะอนุรักษ์นิยมมากเกินไป ในที่สุดเขาก็สูญเสียตำแหน่งผู้นำไป
เทคโนโลยีเก่า=กับดักชิ้นโต ปฏิกิริยาที่ไร้สมองของบริษัทยักษ์ใหญ่ส่วนมากที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของนวัตรกรรมก่อให้เกิดความเจ็บปวดที่ไม่อาจเยียวยาได้ทัน พวกเขาฝังตัวเองไว้กับผลิตภัณฑ์เก่าๆ ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องช้าๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ในท้ายที่สุดคือสัญญาณแห่งความตาย
เราอาจจะเคยเห็นเครื่องพิมพ์ดีดสมัยเก่าที่ตายเพราะดิจิตอล Printer แบบใหม่ โดยที่บริษัทเครื่องพิมพ์ดีด ยักษ์ใหญ่เหล่านั้นไม่ทันได้ขยับปรับตัวทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
อุตสาหกรรมให้แสงสว่างด้วยไฟฟ้าที่เพิ่งเติบโตเมื่อประมาณหนึ่งร้อยปีมานี้ เคยทำให้อุตสาหกรรมแสงสว่างจากแก๊สตกใจตื่น พวกเขา(แก๊ส)พัฒนาการผลิตและร่วมมือกันได้ดีในการตอบโต้กลับช่วงสั้นๆ ส่งผลให้นักบุกเบิกไฟฟ้าหลายรายต้องออกจากเวทีไปก่อนเวลาอันควร แต่ทว่าดูเดี๋ยวนี้ ทุกหนทุกแห่ง มีใครไม่ได้ใช้ไฟฟ้ากันบ้าง นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเราจึงต้องหนาวกับแนวคิด "ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง" ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด, ถอนรากถอนโคน และยุคที่ไร้ความต่อเนื่องเช่นนี้
แล้วอะไรคือคำตอบ (หรือคำตอบบางส่วน)
ในเมื่อขนาดความใหญ่และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่คำตอบของระบบธุรกิจสมัยใหม่ แล้วอะไรล่ะที่จะทำให้เราอยู่รอดในยุคแห่งความสั่นไหวเช่นนี้
ความไม่เป็นระเบียบแบบแผน - คำตอบบางส่วน
GE เป็นบริษัทที่ควบรวมกิจการมากที่สุดและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ที่น่าขันคือ GE ก็เป็นบริษัทที่ ยุ่งเหยิงที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดายักษ์ใหญ่ด้วยเช่นกัน ยุ่งเหยิงไม่ใช่สับสน หากแต่ไร้ระเบียบแบบแผน พวกเขารักษาจิตวิญญาณของ Enterpreneurial Edisonian Spirit ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และแจ๊ค เวลล์มีบทบาทอย่างสูงในการที่ทำให้ นักสร้างสรรค์จำนวนมากที่นี่มีความสุขและผลิตผลงานได้สม่ำเสมอ ในขณะที่ระบบชนชั้นอันเทอะทะส่วนอื่นเอื้อมมือเข้าไปไม่ถึง พูดง่ายๆก็คือ GE มีระบบทำลายล้างตัวเองที่มีประสิทธิภาพสูง บริษัทที่ควบรวมกิจการแล้วยังประสบความสำเร็จจะต้องมีระบบทำลายล้างตัวเองที่ดีที่สุดเช่นกัน
โลกในความเห็นของฮาเมล - คำตอบบางส่วน
กำหนดวันหมดอายุให้กับทุกหน่วยธุรกิจ กำหนดเส้นตายให้กับทุกคนเพื่อที่จะแสดงคุณค่าของตัวเอง หรือไม่ก็ยุบไปเสีย จากนั้นซื้อบริษัทใหม่ๆที่มีนวัตรกรรมเพื่อดึงนักประดิษฐ์มือฉมังเข้าร่วมทีม (เช่น CISCO และ GE) แล้วปล่อยให้ผู้มีจิตวิญญาณเป็นผู้ประกอบการ และนักบุกเบิกในองค์กรได้โบยบินอย่างเสรี (โดยใช้ปีกและเงินทุนของคุณ) ให้พวกเขาได้เริ่มต้นกิจการ หากประสบผลสำเร็จก็จงซื้อมันกลับเข้ามาอีก ฟังดูเยี่ยม
สิ่งที่ไม่ใช่คำตอบ ลัทธิการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป
นิโคลาส เนโกรปองเต จาก MIT เคยกล่าวว่า "การพัฒนาแบบเพิ่มจำนวนเป็นศัตรูตัวร้ายของนวัตรกรรม"
เมื่อ Wallmart ก้าวเข้ามาในตลาดค้าปลีก กฏเกณฑ์ทั้งหมดถูกเปลี่ยน ยักษ์ใหญ่ในวงการหลายค่ายไม่อาจยืนหยัดต่อกรและล้มหายตายจากไปในสมรภูมิ ในจำนวนนั้นได้แก่ Kmart, Montgomery Ward และ Bradless ส่วนอีกหนึ่งค่ายอย่าง Sears ก็ต้องรีบลุกหน้าตาตื่นขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงและเอาตัวรอดไปได้ (แบบชั่วคราวนะ)
เราเผชิญความจริงที่ว่า กิจการยักษ์ใหญ่แทบทั้งหมดที่รอดตัวมาจากการท้าทายของม้ามืดก็ยังคงดำเนินต่อไปภายใต้เงาและอดีตอันรุ่งเรือง พวกเขายังคงอยู่แต่...ไม่ใช่ผู้นำอีกต่อไป
ทำลาย ทำลาย และทำลาย
เราทำลายเพื่อก่อให้เกิดใหม่ คนอเมริกันสูญเสียงานที่ Ford, Sears, Chrysler ที่ IBM และที่ AT&T กว่า 44ล้านคน และถูกชดเชยด้วยงานแห่งใหม่ที่ Microsoft, Dell ที่ CNN, Genentech, ที่ Fidelity และที่ Charles Schwab จำนวนกว่า 73 ล้านงาน ส่วนสหภาพยุโรปเพิ่มงานกว่า 4 ล้านตำแหน่ง โดยไม่ได้ทำลายอะไรเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้อง ทำลายและทำลาย
ตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่างเศรษฐกิจแบบเก่า/เศรษฐกิจแบบใหม่
อนุรักษ์/ทำลาย เลื่อนตำแหน่งจากภายใน/ยินดีต้อนรับคนนอก ระมัดระวังคำพูด/พูดคุยอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา เห็นด้วยตะพึด/ความขัดแย้งเฟื่องฟู จ้างงานแบบตลอดชีพ/จ้างงานแบบชั่วคราว ระบบอุปถัมภ์/ระบบคุณธรรม รอคิว/ถ้าไม่พัฒนาก็ลาออกไป รวมอำนาจ/กระจายอำนาจ เคารพผู้บริหาร/ให้เกียรติผู้ประกอบการ ประหยัด ลดรายจ่าย/ประดิษฐ์ใหม่ นวัตรกรรม จ่ายเท่ากัน/จ่ายตามผลงาน พยายามไม่ให้มีความแตกต่าง/ยกย่องความแตกต่าง จ่ายค่าจ้างระมัดระวัง/จ่ายให้คนเก่งมีผลงานไม่อั้น ตั้งรับ/รุก ยิ่งใหญ่ยิ่งดี/ยิ่งดียิ่งดี กลัว/โลภ หลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้/โหยหาชัยชนะ สงบ เงียบ มั่นคง/เร่าร้อน อึกทึก บากบั่น วางแผน/ลงมือทำ เตรียม เล็ง ยิง/ยิง ยิง ยิง มองโลกแง่ร้าย/มองโลกแง่ดี เรียบเรียงและคัดย่อใหม่จาก Re-image เขียนโดย Tom Peters
Create Date : 28 มีนาคม 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 28 มีนาคม 2549 16:33:50 น. |
Counter : 335 Pageviews. |
|
|
|