ทำไมโลกถึงช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย
เราๆท่านๆ คงเคยได้ยินคนพร่ำบ่นให้ได้ยินว่า โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเลย อยู่บ่อยๆ จะด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือความไม่ประสีประสากับชีวิต หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมอยากให้เรามองดูความไม่ยุติธรรมของโลก ของธรรมชาติในมุมมองใหม่ ที่แท้จริงแล้วโลกมันก็ไม่เคยยุติธรรมแต่ไหนแต่ไรมา ตั้งแต่กำเนิดแล้วเสียด้วยซ้ำ เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมความไม่ยุติธรรมของพระเจ้า หรือของโลกโดยคุณจะเรียกมันว่าความลำเอียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็ได้ แล้วรู้จักใช้มันให้เกิดประโยชน์กับชีวิตคุณให้มากที่สุด เรื่องมันก็เป็นดังนี้ครับ
โดยมากความคาดหวังของคนเราต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต จะออกมาในรูปเช่นนี้ ถ้าเราทำงานอย่างหนักในทุกๆเรื่อง เราก็ควรจะได้ผลตอบแทน ร่ำรวยตามกำลังทั้งหมดที่เราทุ่มเทมันลงไป หรือ เรารักเขามาก เราทำเพื่อเขามาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องไหน อะไร ทุกสิ่งเราให้เขามาเสมอมา เราก็ควรได้รับรักจากเขา สมน้ำสมเนื้อกันซิ หรืออาจจะเป็น เราเป็นคนใจบุญ ทำบุญทำทานทุกเรื่อง ทุกที่ ทุกเวลา ขอให้เป็นเรื่องบุญ กุศล ทำทานหรือบริจาคอะไร เราไม่เคยพลาด เราก็ควรได้สิ่งดีๆตอบแทนกลับมามากๆสิ ทำไมถึงทำบุญไม่ขึ้นนะ และอะไรอื่นๆอีกมากมายที่เกี่ยวกับความรู้สึกที่เราคาดหวังว่ามันต้องเป็น 50-50 แต่ขอโทษครับ โลกในความเป็นจริง โดยธรรมชาติแล้วส่วนมากมันเป็นอะไรก็ได้เช่น 80-20, 74-26 หรือ 65-35 แต่ไม่ใช่ 50-50 เพราะสิ่งที่คุณคาดหวัง กับสิ่งที่มันต้องเกิดขึ้นจริงมันผิดไป คุณอาจพบได้ในตัวอย่างอื่นๆที่เป็นธรรมดาสามัญพบเห็นกันอยู่ทั่วไป เช่น
80% ของเงินออมทั้งประเทศที่ฝากไว้กับธนาคาร อยู่ในมือของคนประมาณเพียง 20% ของคนทั้งประเทศ, OK เราออกไปทำงานทั้งหมด 264 วันใน 1 ปี ด้วยชุดทำงานประมาณ 20% ของชุดทั้งหมดในตู้ของเรา (ที่เหลือเก็บไว้ดูเล่นต่างหน้า) หรือ ยอดขาย กำไร ทั้งหมดที่บริษัทได้รับ มิได้มาจากการทุ่มเททรัพยากรส่วนใหญ่ (เช่น สินค้าทุกหมวด, พนักงานทุกคน, กลยุทธ์หรือเครื่องมือทุกชิ้น) กระจายเท่าเทียมกัน แต่มาจากทรัพยากรส่วนน้อย (สินค้าบางตัวที่โดนใจลูกค้า, พนักงานบางส่วนที่มีคุณภาพ, กลยุทธ์หนึ่งหรือสองอันที่ตรงเป้าที่สุด) เป็นต้น
ผู้ที่เห็นกฏความไม่เท่าเทียม ความลำเอียง และความอยุติธรรมโดยธรรมชาติเหล่านี้เป็นคนแรก เกิดขึ้นเมื่อราวร้อยกว่าปีก่อน เป็นชาวอิตาลี ชื่อว่า Vilfredo Pareto เขาสังเกตพบความสัมพันธ์ระหว่างรายได้ความมั่งคั่งของผู้คนกับสัดส่วนประชากรในอังกฤษมีการกระจายตัวอย่างไม่สม่ำเสมอแต่กลับกระจุกตัวอย่างมีนัยสำคัญ เขาพยายามอธิบายปรากฎการณ์นี้ ด้วยเหตุผลที่ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็เป็นการจุดประกายให้ผู้คนได้เห็นความไม่สมดุลทางธรรมชาติบางอย่างที่อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้ และผู้ที่นำมันมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดคนหนึ่ง คงจะต้องเป็นคนผู้นี้แน่ Richard Koch ผู้เขียนหนังสือ The 80/20 Principle : The Secret of Achieving More with Less Koch บอกว่า สมัยเขาเป็นนักศึกษา และได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งนั้น เขาไม่จำเป็นต้องทำงานหนักมาก แต่ให้อาจารย์รู้สึกประทับใจที่เขามีความรู้มากๆรู้ลึกๆ ในบางเรื่อง ไม่ใช่ในแบบว่ามีความรู้ปานกลางในทุกๆเรื่อง นั่นคือเขาเชื่อว่า ในการสอบไล่เพื่อจบปริญญาตรีของ OXFORD นั้น 80% ของคำถามข้อสอบทั้งหมดมาจากความรู้ที่เรียนประมาณ 20% แต่ความยากอยู่ที่ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า 20%ของความรู้ที่ว่าอยู่ที่ไหน?
เราจะทำความประทับใจให้คนรักเราอย่างไรโดยใช้ความพยายามเพียงแค่ 20% แต่ตรงเป้าพอที่จะทำให้เขาประทับใจและรักเราอย่างหัวปักหัวปำถึง 80% หรือเราควรจะใช้เวลาและความพยายามในการทำงานอย่างไม่หนักลำบากเกินไป (20%) แต่ตรงเป้าที่หัวหน้างานต้องการมาก (80%) และได้งานรวมทั้งรายได้ที่ดี เป็นต้น สุดท้ายคือ เราจะใช้ช่วงเวลาของชีวิตเริ่มต้นที่สำคัญประมาณ 20% ตั้งแต่ 0-20 ขวบปีให้มีคุณค่า มีรากฐานที่ดีอย่างไร เพื่อให้ช่วงชีวิตเราที่เหลืออีก 80% ทั้งชีวิต มีคุณภาพ มีความหมาย มีประโยชน์ต่อสังคมและมีความสุขตลอดไป
กฎ 80/20 เปรียบเสมือนลูกเต๋าถ่วงน้ำหนักที่พระเจ้าเป็นผู้ทอดให้มนุษย์เล่น ถ้าคุณๆอยากจะเล่นให้ได้ดี ให้ได้กำไร คุณจำเป็นต้องรู้ว่าพระเจ้าถ่วงน้ำหนักลูกเต๋าไว้ด้านไหน อย่างไร และคุณจะต้องรู้ว่าต้องแทงหรือหาประโยชน์จากมันอย่างไร
แล้วคนที่ตัดพ้อกับตัวเองบ่อยๆว่า โลกช่างไม่ยุติธรรมเลย ยังจะเชื่อเรื่อง โลกจะยุติธรรมกับคุณอีกหรือครับ?
Create Date : 30 เมษายน 2549 |
|
24 comments |
Last Update : 30 เมษายน 2549 22:58:41 น. |
Counter : 578 Pageviews. |
|
|
|
ไม่เคยตั้งคำถามว่า โลกยุติธรรมกับเราไหม
รู้แต่ว่าตัวเราเองไม่ยุติธรรมกับโลกซะเลย
มองโลกแบบเข้าข้างตัวเองประจำเลยฮะ