สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
9
11
14
16
17
18
20
21
23
25
26
28
29
31
 
 
All Blog
The Healer (Twilight Fanfic) บทที่11 - งานคืนสู่เหย้า
วันนี้เป็นวันที่แดดแรงหลงฤดูแน่ๆ เป็นวันที่หาได้ยากจริงๆ ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ควรจะถูกห่อหุ้มด้วยความหนาวเย็นไปเรียบร้อยแล้ว หากแต่มันกลับกลายเป็นวันที่อบอุ่นและเจิดจ้าที่สุดด้วยอุณหภูมิราวๆ 21 องศาเซลเซียส ทุกๆ คนดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะอากาศดีเพียงอย่างเดียวหรอก แต่เพราะอาทิตย์นี้จะมีงานสำคัญด้วยน่ะสิ เสาร์นี้จะมีงานคืนสู่เหย้า และคืนวันศุกร์ซึ่งก็คือคืนนี้ จะมีการแข่งขันนัดสำคัญ แม้กระทั่งพวกผู้ชายที่เคยหลบลี้หนีหน้าฉันก็กลับมาเป็นมิตรอีกครั้งอย่างน่าประหลาด พวกเขาโบกมือและทักทายฉันด้วย นี่คงเป็นเพราะการขาดเรียนของเหล่า “พี่ชายตัวดี” ของฉันนั่นเอง วันนึ้จึงมีแค่ฉันกับเจคอบเท่านั้นที่มาเรียนตามปกติ

วันนี้ช่วงพักกลางวันเราเลยมานั่งกับกลุ่มเพื่อนๆ ของแอนาเบล ที่โต๊ะอาหารมีเพื่อนสาวสองคนที่เรียนคาบที่สี่มาร่วมด้วยเธอคือเอ็มม่าและซาร่า รวมทั้งเทเล่อร์, โจเอลและเด็กผู้ชายเงียบๆ ที่ชื่อเอเดรียนอีกคน ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องแผนการในคืนนี้และคืนพรุ่งนี้อย่างออกรสออกชาติ

“ฉันตื่นเต้นจริงๆ นะนี่ มันต้องสนุกยิ่งกว่าปีที่แล้วแน่ๆ ฉันรู้สึกได้เลยหล่ะ” แอนาเบลกล่าว

“อะไรทำให้เธอคิดงั้นเหรอ?” ฉันอดถามไม่ได้

“ปีที่แล้วฉันไปงานกับไมค์น่ะสิ เพราะงั้นอะไรๆ ในปีนี้ก็ต้องดีกว่าเดิมอยู่แล้ว” เธอตอบพร้อมกับทำหน้าขำๆ

“งั้น มีแผนอะไรสำหรับงานคืนสู่เหย้ากันล่ะ?” เอ็มม่าถาม

ฉันแอบมองไปทางเจคอบซึ่งกำลังคุยอยู่กับเทเล่อร์ สงสัยจริงๆ ว่าเขาได้ยินเรื่องที่ฉันกำลังคุยอยู่หรือเปล่า ฉันยังไม่รู้แผนการของเขาอยู่ดี แต่ฉันก็อยากให้เขาไปด้วยใจจะขาด นี่เป็นงานเต้นรำงานแรกในชีวิตของฉันและเขาก็ควรไปอยู่ที่นั่นด้วยเพื่อร่วมเต้นรำกับฉัน ถึงแม้เราจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ตามทีเถอะ

“ฉันว่าพวกเราน่าจะเตรียมตัวไปงานด้วยกันนะ มันน่าสนุกออก ใช่มั้ยล่ะ? ถ่ายรูปด้วยกันก่อนแล้วค่อยออกไปที่งาน เนสซี่ เธอขับนะ รถเธอดูดีที่สุดในหมู่พวกเราแล้วน่ะ” แอนาเบลจัดแจงบรรยายแผน

“ได้เลย ไม่มีปัญหาจ้ะ”

“เฮ้ เนสซี่ ถ้าเธอเป็นคนขับรถงั้นเราน่าจะไปเตรียมพร้อมกันที่บ้านของเธอนะ” ซาร่าถามเชิงขอความเห็น แต่ฉันรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงแผนการที่จะใช้ฉันเป็นทางผ่านเพื่อที่เข้าถึงตัวพี่ชายผู้น่าหลงใหลของฉันหรือแท้จริงแล้วคือพ่อของฉันนั่นเอง ทำไมเธอยังหวังอยู่อีกฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

“อืม โอเค ฉันต้องขออนุญาติพ่อกับแม่ก่อน แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะ”

“ปาร์ตี้หลังงานเลิกที่บ้านเทเล่อร์จะต้องสนุกสุดยอดแน่ๆ บ้านเขาสวยมาก แถมยังมีห้องเฉพาะสำหรับเล่นเกมที่ชั้นใต้ดินอีกด้วยนะ” เอ็มม่าบอก

เทเล่อร์ได้ยินชื่อตัวเองในบทสนทนาของพวกเราจึงหันมา

“พวกเธอติดหนี้ฉันครั้งนึงนะ พ่อแม่ฉันจะให้ฉันเก็บกวาดทั้งบ้านเพื่อแลกกับการจัดปาร์ตี้น่ะ” เขาบอก

“เถอะน่า เทเล่อร์ คุณก็รู้ว่าพวกเราน่ะซึ้งใจแค่ไหน” เอ็มม่าตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มมีนัย เขายิ้มตอบ อันที่จริงฉันก็พอจะรู้อยู่ว่าเขาทำไปไม่ได้เพื่อเอาใจพวกเราหรอก แต่เพื่อเอาใจเธอต่างหาก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะคาดหวังให้คืนพรุ่งนี้เป็นการเริ่มต้นสำหรับอะไรสักอย่างก็เป็นได้

“งั้นพวกเราผู้ชายจะไปเจอที่งานเลยนะ?” เขาถาม

ฉันมองไปที่เจคอบอีกครั้ง เขาจะไปงานกับพวกผู้ชายเหรอ? ฉันค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะพาสาวอื่นไปงานหรอก แต่ก็ยังดีใจอยู่ดีที่ได้ยินอย่างนั้น

“คุณจะไปงานเต้นรำกับพวกเขาใช่มั้ย?” ฉันอดถามเขาไม่ได้

เขาพยักหน้าและยิ้มตอบ ฉันยิ้มกว้างกลับไป

“นี่แอนาเบล ฉันตื่นเต้นที่จะได้เจอคริสเตียนจริงๆ นะ” ซาร่าบอก

ฉันเห็นแอนาเบลมีสีหน้าแดงระเรื่อขึ้น ฉันเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้เห็นเขาสักที มันเหมือนกับว่าฉันรู้จักเขาไปเรียบร้อยแล้วจากการที่ได้ยินได้ฟังแอนาเบลพูดถึงเขา ฉันรู้ว่าเขาชอบ ดร.เป๊บเปอร์ เขาชอบเล่นสโนวบอร์ดและถ้าทำให้เขาหัวเราะหนักๆ ละก็ เขาจะน้ำตาเล็ดออกมาเลยทีเดียว ฉันแทบอดไม่ไหวที่จะได้เห็นตัวจริงของเขาเสียที

เธอมักจะเล่าเจาะลึกถึงรายละเอียดของเขาเลยหล่ะ อย่างเช่นครั้งแรกที่เขาจูบเธอ วันถัดมาเธอก็รีบโทรมาหาฉันแต่เช้า เขาเดินมาส่งเธอที่บ้านหลังจากออกเดทและจูบเธอตรงระเบียงบ้านก่อนที่จะกล่าวราตรีสวัสดิ์กับเธอ ฉันก็หวังมานานเหมือนกันว่าระหว่างเจคอบกับฉันมันจะง่ายขนาดนั้นบ้างแต่แน่นอนว่าอะไรๆ ก็ยังคงยุ่งยากอยู่ดี แต่ยังไงก็ตามฉันก็ยังสนุกสนานกับการได้ร่วมดีใจและได้เพ้อฝันตามเรื่องของเธอไปพร้อมๆ กันเธอมักจะเล่าทุกๆ รายละเอียดของการเดททุกครั้งให้ฉันฟัง เป็นต้นว่า เขาแต่งตัวแบบไหนและคำพูดโรแมนติกๆ ที่เขาบอกกับเธอ

“ฉันก็แทบรอให้พวกเธอพบเขาไม่ไหว เขาเองก็ตื่นเต้นมากๆ เหมือนกัน ไว้ฉันจะรีบโทรไปหาเขาทันทีที่เราถึงบ้านเทเล่อร์เลยหล่ะ” เธอบอก

“ถ้าเขากลายเป็นไอ้โรคจิตขึ้นมาละก็ ฉันไม่ให้เข้าบ้านจริงๆ นะ” เทเลอร์ล้อ
ฉันหัวเราะชอบใจขณะที่แอนาเบลหันไปหาเขาแล้วปาองุ่นใส่

ฉันตื่นเต้นมากเกินกว่าที่จะหลับได้ลงในคืนนั้น เหมือนกับย้อนเวลากลับไปคืนก่อนไปโรงเรียนวันแรกอีกครั้ง เรากลับมาถึงบ้านหลังจากเกมการแข่งขันก่อนงานคืนสู่เหย้าเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน แน่นอนว่าทีมของพวกเราแพ้ เป็นผลให้แอนาเบลชวนพวกลุงๆ อาๆ ของฉันเข้าร่วมทีมฟุตบอลในปีหน้าอีกครั้ง ฉันดีใจที่ครอบครัวทั้งหมดของฉันมาร่วมงานด้วยในที่สุด ถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่ามันออกจะน่าเบื่อสำหรับพวกเขามากแค่ไหนที่ต้องมานั่งดูเฉยๆ เอสเม่และคาร์ไลส์ก็มานั่งดูการแข่งขันด้วย ไม่มีครอบครัวคัลเลนผู้เก็บเนื้อเก็บตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกคนมาร่วมนั่งเชียร์และต่างก็ดูเหมือนเป็นครอบครัวมนุษย์ธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป

ชุดไปงานของฉันแขวนอยู่ที่บานประตูห้องน้ำ อลิซช่วยฉันเตรียมการเครื่องแต่งตัวที่จะใส่ไปงาน มันดูสวยงามน่าหลงใหลที่สุด ฉันหยิบไม้แขวนที่ห้อยชุดมาครอบไว้ที่คอ ชุดสวยก็ทาบทับอยู่กับตัวฉันพอดี ฉันนึกภาพว่าจะดูเป็นยังไงเมื่อใส่มันในคืนพรุ่งนี้

พอดีว่าคนเขียนเค้าไม่ได้พูดถึงชุดของเนสซี่ที่ใส่ไปงานเลย ก็เลยจิ้นเอาเองว่ามันน่าจะออกมาประมาณนี้สำหรับชุดไปงานคืนสู่เหย้า จะเป็นเดรสที่เลยเข่ามาหน่อยนึง


ฉันเริ่มฝันกลางวันถึงการเต้นรำกับเจคอบ และนึกสนุกอยากเล่นอะไรขึ้นมาจึงเดินไปเปิดเพลงช้าที่เป็นเพลงโปรดของฉันและเริ่มเคลื่อนตัวพริ้วไหวไปมาอยู่หน้ากระจก ฉันมองดูชายกระโปรงพัดพริ้วไปมาตามท่วงทำนองของเพลงแล้วหัวเราะคิกคักให้กับความบ้าบอของตัวเอง

ทันใดนั้นฉันก็พลันเหลือบไปมองที่หน้าต่างเพราะนึกขึ้นได้ว่าเปิดมันทิ้งเอาไว้ พอมองออกไปนอกหน้าต่างด้านล่างก็พบว่าเจคอบกำลังยืนพิงเค้าเตอร์ห้องครัวในบ้านของเขา กำลังมองมาที่ฉันพร้อมรอยยิ้มบนหน้า ฉันหน้าแดงฉับพลันด้วยความเขินอาย รีบหยิบชุดแขวนคืนที่เดิมแล้วปิดไฟเข้านอนทันที


วันต่อมาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก ท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้มแต่กระนั้นอากาศก็ยังอบอุ่นผิดฤดูอยู่ดี สำหรับซาร่าเธอคงผิดหวังน่าดูที่พบว่าพ่อของฉันไม่อยู่บ้านเมื่อพวกเธอมาถึง พวกผู้ชายทุกคนในบ้านออกไปข้างนอกเพื่อปล่อยให้สาวๆ ได้ใช้พื้นที่อย่างเต็มที่
ทุกคนพากันทึ่งเมื่อเห็นขนาดของบ้าน จนแอนาเบลออกปากว่าปีหน้าฉันคงต้องรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้หรือแม้แต่ปาร์ตี้ธรรมดาๆ แล้วแต่จะมีตั้งแต่นี้ต่อไป

ส่วนเอสเม่กับซาร่าแทบไม่อยู่ห่างกันเลยตลอดเวลาที่อยู่ในบ้าน ฉันเฝ้าดูแอนาเบลซึ่งทำตัวเป็นกันเองเข้ากับครอบครัวของฉันได้ง่ายมาก เธอพูดคุยกับอลิซและแม่อย่างสนิทสนมราวกับว่าพวกเธอได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เธอไม่รู้สึกเก้อเขินเมื่ออยู่ต่อหน้าโรซาลี่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เอ็มม่าเอาแต่มองกลับไปกลับมาเปรียบเทียบระหว่างตัวเธอกับโรซาลี่ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลยนี่นา

หลังจากที่พวกเราแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย ก็ตัดสินใจมาเล่นสนุกหน้ากล้องกันต่อ พวกเราหัวเราะอย่างสนุกสนานเต็มที่ขณะที่ทำท่าถ่ายรูปตลกๆ ของตัวเองที่สวนหลังบ้าน เอสเม่ทำอาหารให้พวกเรารองท้องเสียก่อนที่จะไปงานเต้นรำ

ส่วนนี่ก็เป็นระเบียงหลังบ้านคัลเลนที่มีพื้นที่สวนอยู่ด้วยนิดหน่อย ถัดไปก็จะเป็นสระว่ายน้ำและบ้านริมสระของเจคอบ (ที่ไม่ได้อยู่ในรูปอ่ะนะแหะๆ)


“เนสซี่ ครอบครัวเธอนี่สุดยอดไปเลย” แอนาเบลบอกพร้อมกับโอบแขนรอบตัวฉันขณะที่แม่ถ่ายรูปคู่ให้พวกเรา

ฉันหัวเราะอย่างมีความสุข “ฉันรู้จ้ะ”

“มาสิ ฉันจะถ่ายรูปเธอกับเบลล่าให้” เธอบอกขณะที่เอื้อมมือไปรับกล้องถ่ายรูปจากแม่

“จ้ะ ฉันก็อยากถ่ายรูปกับเธอเหมือนกันนะ แอนาเบล” แม่พูดพร้อมกับยื่นกล้องให้เธอ

แม่ก้าวมายืนข้างๆ ฉันและเราก็โอบแขนรอบเอวของกันและกันและแนบศรีษะเข้าหากัน แอนาเบลมีสีหน้าพิศวงนิดหนึ่งตอนที่เธอยกกล้องขึ้น

“กล้องเป็นอะไรไปเหรอ?” ฉันถาม

“เปล่าจ้ะ ขอโทษที ฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่าพวกเธอหน้าคล้ายกันมาก”

แม่หัวเราะ “เป็นธรรมดาเวลาที่เธออยู่กับใครนานๆ เธอก็มักจะละม้ายคล้ายคนๆ นั้นเข้าไปทุกทีๆ น่ะ”

แอนาเบลหัวเราะ

“เอ้ายิ้ม!”

ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ยินเสียงรถแล่นมาตามถนน ครอบครัวคนอื่นๆ ของฉันกลับมาแล้ว คาร์ไลส์เป็นคนแรกที่ก้าวลงจากรถและเดินมาที่ลานหลังบ้าน

“ช่างเป็นเซอร์ไพรส์ที่น่ารักอะไรอย่างนี้ กลับมาบ้านก็มีแต่สาวสวยเต็มบ้านไปหมด พวกเธอดูดีทุกคนเลย” คาร์ไลส์ชมขณะที่เอสเม่เดินตรงไปหาเขาและจูบเบาๆ ที่แก้ม

“หวัดดีค่ะ ปู่ เอ้ยพ่อ! นี่แอนาเบล, ซาร่าและเอ็มม่าค่ะ” ฉันแนะนำขณะที่ผายมือไปที่แต่ละคน

“พ่อเธอก็เท่ห์ไม่หยอกเหมือนกันนะ” ฉันได้ยินซาร่ากระซิบกับเอ็มม่า

“ดีใจที่ได้พบพวกหนูทุกคนนะ อาแน่ใจว่าพวกเธอต้องสนุกกับงานเต้นรำคืนนี้แน่นอน” คาร์ไลส์แทนตัวเองว่าอากับพวกเธอ ด้วยความจริงที่ว่าเขายังดูหนุ่มเกินกว่าที่จะเป็นลุงของใคร

คนอื่นๆ ในครอบครัวที่เหลือทยอยกันเดินเข้ามาที่สวนหลังบ้าน ทุกคนยังสวมกางเกงยีนส์อยู่เลย เจคอบเป็นคนสุดท้ายที่เดินผ่านประตูออกมา เขาดูตกตะลึงไปเล็กน้อยพอเห็นฉันเข้า ฉันเห็นพ่อเหลือบกลับไปมองเขาและเจคอบก็เสเงยหน้าขึ้นดูฟ้าแก้เก้อ

“พวกคุณยังไม่แต่งตัวอีกเหรอเนี่ย?” แอนาเบลถามเพราะเห็นพวกเขายังอยู่ในชุดลำลอง

พ่อหัวเราะแล้วตอบ “พวกผู้ชายน่ะใช้เวลาเตรียมตัวแค่สิบนาทีก็พอแล้ว”
ฉันรู้ว่าที่จริงแล้วพวกเขาใช้เวลาน้อยกว่านั้นซะอีก

พวกเราถ่ายรูปกันต่ออีกหลายรูปและอยู่คุยเล่นกันอีกพักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจออกจากบ้าน ฉันแอบมองเจคอบสองสามครั้งและพบว่าเขาก็กำลังจ้องมองมาที่ฉันอยู่เสมอๆ เช่นกัน ฉันรู้สึกได้ว่าสายตาเขาจับจ้องอยู่ที่ฉันตลอดเวลา สงสัยจริงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ฉันเดินไปหาพ่อแต่ท่านกลับเร่งฉันให้ออกไปที่งานได้แล้ว

“ไว้เจอกันที่งานนะเนสซี่” พ่อพูด

แล้วพวกเราทั้งสี่คนก็ก้าวขึ้นรถของฉันและมุ่งหน้าไปที่งานเต้นรำ
โรงยิมถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นฉากในหนังของวัยรุ่นเรื่องหนึ่ง สายรุ้งกระดาษและลูกโป่งสีสันสวยงามถูกจัดวางกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ไฟคริสต์มาสก็ถูกนำไปห้อยแขวนตกแต่งแป้นบาสเก็ตบอล



ฉันชอบทุกอย่างในงาน ทุกคนลงไปเต้นอยู่บนฟลอร์เต้นรำ ฉันมองดูแสงระยิบระยับจากลูกบอลดิสโก้และไฟหลากสีฉายกระทบเข้ากับใบหน้าของแต่ละคน เอ็มม่าและซาร่ารีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อนๆ ของเธอ ฉันว่าเธอต้องรีบไปเล่าเรื่องที่ไปบ้านฉันให้พวกเขาฟังอย่างแน่นอน ส่วนแอนาเบลลากแขนฉันเข้าไปที่ฟลอร์ทันที

“เร็วเข้า เต้นหน่อย!” เธอพูดขณะดึงฉันเข้าไป

เสียงดนตรีเป็นจังหวะระทึกหนักหน่วง แทบจะรู้สึกได้ว่ามันสะเทือนเข้าไปถึงตับไตไส้พุงของฉันเลยทีเดียว ฉันสนุกกับการเต้นไปทั่วฟลอร์ พวกผู้หญิงที่เหลือเข้ามาร่วมกับเราทีหลัง พวกเราหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเต็มที่พร้อมกับถ่ายรูปไปด้วย ฉันเห็นครอบครัวของฉันเพิ่งมาถึง พ่อกับแม่ยิ้มให้ฉันในขณะที่พวกเขากำลังเดินมา ฉันออกจะอิจฉาในความสง่างามเวลาที่พวกท่านอยู่ด้วยกัน



พ่อสวมสูทสีดำมันขลับขณะที่แม่เองก็ดูสง่างามไม่แพ้กันในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้ม ฉันโบกมือเพื่อเรียกให้พวกเขามาเต้นด้วย และได้ยินพ่อพยายามเกลี้ยกล่อมแม่อยู่พักหนึ่ง ไม่ช้าไม่นานพวกท่านก็เดินมาหาฉันพร้อมด้วยอลิซ, แจสเปอร์, โรซาลี่และเอ็มเม็ต ฉันกวาดสายตาไปรอบๆ โรงยิมเพื่อมองหาเจคอบแต่ไม่เห็นเขาเลย ซักพักฉันก็เห็นเทเล่อร์ ฉันได้ยินเจคอบบอกว่าจะมากับเขานี่ ฉันเดินไปหาเทเล่อร์เพื่อถามว่าเจคอบอยู่ที่ไหน

“เมื่อกี้เขายังอยู่ตรงนี้อยู่เลยเนสซี่ ไม่รู้ไปไหนแล้วเหมือนกัน” เขาบอก

ใจฉับวูบหล่น บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจไม่มาแล้วก็ได้ แล้วแอนาเบลก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ตัวฉันและลากฉันกลับเข้าไปในฟลอร์อีกครั้ง

“มาเร็วเนสซี่ มาเต้นกับพวกเราหน่อย” เธอบอก

ฉันหันกลับไปหาเธอและตามเธอกลับไปที่ฟลอร์ แต่สายตายังคงกวาดไปทั่วห้องเพื่อมองหาเจคอบแต่ก้ไม่เห็นเขาอีกเลยเช่นกัน (อ้าว... เจค แกหายหัวไปอยู่ไหนล่ะเนี่ย) งานเต้นรำเป็นไปอยู่อย่างนี้เกือบตลอดทั้งคืน เราหยุดพักเพื่อหาอะไรดื่มกันนิดหน่อย ส่วนฉันก็ใช้เวลาสอดส่ายสายตาอย่างระวังระไวขณะที่เราเดินไปรอบๆ ยิมแต่ก็ไม่มีวี่แววเจคอบเลย

คืนเต้นรำล่วงเลยไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ดนตรีเริ่มผ่อนคลายเป็นจังหวะช้าลงเรื่อยๆ ฉันนั่งลงที่โต๊ะและเฝ้าดูคนอื่นๆ จับคู่กันเต้นรำในเพลงช้า นี่คงเป็นตอนที่แย่ที่สุดของงานละมั้งเนี่ย ฉันมองดูแอนาเบลเต้นรำกับไมค์ เธอหันมาทำหน้าตลกล้อเลียนเขาทุกครั้งที่เขาหมุนเธอให้หันมาทางฉัน ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเขาชวนเธอไปเต้นรำได้ยังไง เขาดูวางท่างี่เง่าออกจะตาย ตอนนั้นเองที่พ่อเดินมาที่โต๊ะแล้วยื่นมือออกมาหาฉัน

“คงไม่เป็นการทำให้ลูกอับอายหรอกใช่มั้ยถ้าจะเต้นรำกับพ่อสักเพลง?” พ่อถาม

ฉันถอนใจแล้วยื่นมือออกไปเป็นการตอบรับ

“คงจะขายหน้าอยู่บ้างหล่ะค่ะเพราะคนเดียวที่หนูเต้นด้วยคือพี่ชายของหนูแต่ก็นะ...” ฉันตอบ

พ่อจับมือเดินนำฉันไปยังฟลอร์เต้นรำ ซื่อบื้อจริงๆ เลยเรา ฉันคิด

“พ่ออาจจะต้องขอโทษลูกในเรื่องนั้น พ่อคิดว่าการไปโรงเรียนด้วยกันกับพ่อคงไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะพ่อที่อ่านความคิดได้ด้วย พ่ออยากให้ลูกรู้ว่าผู้ชายทุกคนในห้องนี้อยากเต้นรำกับลูกใจจะขาด เป็นความผิดของพ่อเองที่ไปขู่ให้พวกเขากลัว”

ฉันกลอกตาไปมา

“หนูก็ว่างั้นหล่ะค่ะพ่อ” ฉันตอบแต่ตายังคงมองหาเจคอบ

“พ่อพูดจริงๆ นะ เจ้าสเป็นซ์คนนั้นเถียงกับตัวเองทั้งคืนว่าจะขอลูกเต้นรำ โชคร้ายที่เขากลัวเกินกว่าที่จะลอง”

ฉันมองไปทางสเป็นซ์ผู้ซึ่งกำลังจ้องมองฉันจากอีกฝั่งห้องทันที เขากำลังยืนพิงกำแพงอยู่

ฉันมองพ่อด้วยสีหน้าว่า “เราจำเป็นต้องคุยเรื่องนี้กันจริงๆ เหรอคะ” เขาหัวเราะ

“ลูกรู้มั้ยว่าคนเป็นพ่อส่วนใหญ่น่ะไม่ต้องรับมือเรื่องหนุ่มๆ กับลูกสาวเร็วขนาดนี้ ปกติแล้วก็อีกตั้งเก้าหรือสิบปีโน่นแน่ะ ถ้าพ่อเป็นพ่อของคนธรรมดาทั่วไป”

“พ่อคะ เราจำเป็นต้องคุยเรื่องนี้กันจริงๆ เหรอคะ”

เขาถอนใจ

“พ่อแค่อยากให้ลูกรู้ว่า แม่กับพ่อรักลูกมากแค่ไหน”

“หนูก็รักพ่อกับแม่มากค่ะ” ฉันบอกอย่างไม่อยากให้เรื่องยาว ฉันยังไม่อยากให้มันกลายเป็นฉากซึ้งๆ ของพ่อลูกในงานเต้นรำ

“เราอยากให้ลูกรู้ว่า ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง เราก็เชื่อใจลูกนะ”
นี่ตกลงเราจะเล่นบทซึ้งกันจริงๆ เหรอเนี่ย? ฉันคิด ฉันยังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นบทแสดงความรักยิ่งใหญ่ระหว่างพ่อกับลูกในเวลาแบบนี้

“หนูทราบค่ะพ่อ” ฉันตอบน้ำเสียงไร้น้ำอดน้ำทนด้วยหวังว่าเราจะจบการสนทนานี้เร็วๆ

“และเราอยากให้ลูกรู้ว่า เรารู้ดีว่าลูกจะตัดสินใจถูก เพราะลูกได้เติบโตมาเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียวและสง่างาม”

ฉันยิ้มตอบ “ขอบคุณค่ะพ่อ”

พ่อไม่ได้ตอบอะไรอีกหลังจากนั้น จนเราเต้นรำกันจนจบเพลง

“ลูกลองไปชวนสเป็นซ์เต้นรำสิ ดูท่าคืนนี้เขาคงไม่กล้าชวนลูกเองหรอก” พ่อบอกกับฉันหลังเดินกลับมาที่โต๊ะ

ฉันเลิกคิ้วใส่เขา หลังจากความคิดเลยเถิดเกินงามของสเป็นซ์ต่อฉัน เคยสร้างปัญหาให้พ่อมาแล้ว พ่อยังจะอยากให้ฉันไปชวนเขาเต้นรำอีกเหรอ? พ่อยักไหล่

“พ่อจะยกโทษให้เขาซักครั้ง อีกอย่างมันคงดูประหลาดถ้าคืนนี้ลูกจะได้เต้นรำกับพี่ชายแค่คนเดียว จริงมั้ย?”

ฉันเดินข้ามห้องไปยังฟากที่สเป็นซ์ยืนอยู่ เขาดูประหลาดใจที่ฉันเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง ฉันได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นแรงขึ้น

“หวัดดีสเป็นซ์” ฉันทัก

“เฮ้ เนสซี่”

แล้วก็แทนที่ด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด

“เอ่อ.. เธอจะเต้นรำกับฉันได้ไหม?” ฉันเอ่ยชวน

ความเงียบงันกลับคืนมาอีกครั้ง

“สเป็นซ์?”

“ได้ ได้สิได้เลย” เขาตอบ

ฉันยื่นมือให้เขานำไปที่ฟลอร์ มือของเขาสั่นน้อยๆ และเริ่มมีเหงื่อออก ฉันวางมือลงบนไหล่ของเขาขณะที่เขาประทับมือเข้ากับเอวของฉัน ฉันมองแล้วยิ้มให้เขานิดหนึ่ง พยายามให้เขาผ่อนคลาย เขายิ้มตอบกลับมาอย่างเกร็งๆ

“คืนนี้เต้นรำสนุกมั้ยล่ะ?” ฉันถามเขา

“อื้ม”

แล้วฉันก็มองไปรอบๆ ฟลอร์เพื่อหวังว่าจะเจอเจคอบที่ไหนซักแห่ง และเห็นอลิซกับแจสเปอร์กำลังเต้นรำกัน ฉันยิ้มให้อลิซและเธอก็ยิ้มตอบ โชคไม่ดีนักที่แจสเปอร์แยกเขี้ยวยิ้มเยือกเย็นให้สเป็นซ์อีกครั้ง ฉันรู้สึกว่ามือเขากระตุก เขาคงกำลังเถียงกับตัวเองในใจว่าจะยังเต้นต่อไปหรือว่าจะวิ่งหนีดีละมัง

ฉันถอนหายใจและมองเหม่อออกไปไกลหวังลึกๆ ในใจว่า น่าจะเป็นเจคที่ฉันกำลังเต้นรำอยู่ด้วย (ขอโทษนะสเป็นซ์) ฉับพลันฉันก็รู้สึกว่ามือของสเป็นซ์กระชับฉันเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น เหมือนกับเขาจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่แคร์สายตาของเหล่า “พี่ชาย” ของฉัน ฉันเริ่มกังวลเพราะไม่อยากเต้นรำใกล้ชิดใครขนาดนี้ ฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด ฉันเงยหน้าขึ้นมองเป็นการปรามแต่เขากำลังเตรียมที่จะพูดอะไรซักอย่าง

“เนสซี่ ผม...” เขาชะงักค้างอยู่แค่นั้นขณะที่ฉันรู้สึกถึงฝ่ามือที่อบอุ่นบนหลังของฉัน

“เนสซี่ ได้โปรดเต้นรำกับผม” เจคอบกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู สัมผัสจากลมหายใจของเขารวยรินอยู่ข้างๆ ต้นคอของฉัน

(โอ้โห! เจค แกมาขโมยตัวนางเอกแบบนี้เลยเหรอเนี่ย สงสารสเป็นซ์อีกแล้วอ่ะ)

ฉันรู้สึกได้เลยว่าแก้มของฉันเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ฉันมองกลับไปที่สเป็นซ์ สีหน้าเขาบ่งบอกถึงความพ่ายแพ้(ต่อเจคอบ) เขาแพ้ก่อนที่จะมีโอกาสได้ทันสู้เสียอีก เขาเดินจากไปอย่างเงียบๆ ฉันหันกลับมาหาเจคอบ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อฉันมองเขาเต็มตา เขาดูสมบูรณ์แบบที่สุด ฉันไม่เคยเห็นเขาแต่งตัวเป็นทางการมาก่อนเลย เขาสลัดคราบเครื่องแต่งกายสบายๆ มาแต่งตัวไปงานได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ แน่นอนหล่ะว่าไม่ผูกไทด์

(ฉันก็เพิ่งจะคิดว่าแกหล่อก็งานนี้แหล่ะเจคเอ๊ย...)

ฉันวางแขนทั้งสองบนไหล่ของเขา เกือบจะต้องขเย่งจนสุดปลายเท้าเสียแล้วเพราะเขาสูงกว่าฉันมาก ฉันรู้สึกถึงอ้อมแขนอันอบอุ่นที่โอบกระชับรอบเอวดึงฉันเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น ฉันเงยหน้ามองขึ้นไปเพื่อที่จะได้พบกับสายตาของเขาที่มองลงมาเช่นกัน

เราแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลย มันรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างของเราทั้งคู่ หัวใจของฉันเริ่มเต้นรัวและเพิ่งรู้สึกตัวว่าเราอยู่ใกล้กันแค่ไหน ร่างกายของเราทาบประกบกันพอดีกระทั่งฉันรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจเขาที่ทาบอยู่กับเนื้อตัวของฉัน

ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกเหมือนถูกทรมาน รู้ดีว่าฉันไม่สามารถคิดกับเขาในทางที่ฉันต้องการได้ ฉันติดอยู่ตรงกลางระหว่างความหวังที่เราจะสามารถเป็นอะไรกันได้มากกว่านั้น แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขายังไม่พร้อมที่จะเป็นอะไรกับฉันในทางนั้น ฉันต้องดึงตัวเองออกมาเพราะสิ่งที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่มันทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อเรายิ่งอยู่ใกล้กัน เมื่อฉันไม่มีทางได้สมใจในสิ่งที่หวัง ฉันก็ไม่อยากทรมานตัวเองมากไปกว่านี้ ฉันพยายามผละออก

“เจค” ฉันกระซิบ “ได้โปรด... มันใกล้เกินไปแล้ว” ฉันดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของเขา

เขาไม่ได้พูดอะไรกลับยิ่งรั้งตัวฉันให้แนบแน่บยิ่งขึ้น ลมหายใจฉันขาดห้วง ฉันคงจะแหลกเหลวคามือเขาเป็นแน่ เขาไม่แคร์เลยหรือไงกันว่ามันจะส่งผลยังไงกับฉันบ้าง? หากเมื่อเขาผละจากไปและความจริงเข้ามาแทนที่ ฉันรู้ดีว่าฉันคงจะต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์แสนสาหัสอีกครั้งเมื่อมันจบลงและไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเต้นรำ

เขาโน้มตัวลงมาและฉันรู้สึกถึงริมฝีปากของเขาไล้แผ่วเบาอยู่กับหน้าผากของฉัน ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้แก้มฉันแดงปลั่ง ฉันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปหาและบังคับให้เขาจูบฉันแต่ฉันไม่มีความกล้าขนาดนั้น ฉันได้แต่ก้มหน้ามองตรง ริมฝีปากนุ่มๆ ของเขาแตะแก้มฉันเบาๆ และหยุดลงข้างๆ ริมฝีปากของฉัน ฉันหยุดหายใจ แขนรั้งไหล่ของเขาแน่นขึ้น ได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นแรงขึ้นอีก ฉันตระหนักว่าร่างกายของเขาอุ่นขึ้นเมื่อเหงื่อหยดเล็กๆ ของเขาหล่นลงบนต้นคอของฉัน ได้โปรดจูบฉัน ฉันคิด

เพลงหยุดลงและเขาก็เช่นกัน ไม่นะ! ฉันปล่อยให้ตัวเองมีความหวังเพื่อที่จะผิดหวังในท้ายที่สุดละหรือ ฉันผิดหวังต่อตัวเองจริงๆ ที่ปล่อยใจอย่างโง่เง่าถึงเพียงนั้น ฉันกลัวที่จะมองหน้าเขา เขาจะมีปฏิกิริยากับฉันยังไงนะ?

ฉันรวบรวมความกล้าที่จะเชิดหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้าของเขา ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป เพียงแต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือบางทีฉันอาจจะรู้แต่กลัวเกินไปหากว่าคิดไปเอง เขายิ้มตอบฉัน กุมมือฉันเอาไว้ วิธีที่เขาลูบไล้ที่หลังมือของฉันด้วยนิ้วโป้งให้สัมผัสลึกซึ้งอย่างเหลือเชื่อที่สุด

“เจค! เนสซี่! เร็วเข้า เราจะไปกันแล้วนะ! อาฟเตอร์ปาร์ตี้!” แอนาเบลตะโกนเรียกจากระยะไกล

ฉันหันหน้าไปทางเธอ เธอกำลังโบกมือเรียกเรา ตอนที่ฉันกำลังเดินไปหาเธอ ฉันเหลือบเห็นครอบครัวของฉันแวบหนึ่ง ในรอยยิ้มของพ่อกับแม่มีร่องรอยของความเศร้าเจืออยู่บางๆ ขณะที่เราโบกมือให้กัน


************************ จบบทที่ 11 ************************

PS. : ในที่สุดเจ้าเจคก็ตัดสินใจได้สักทีนะ ฉันดีใจกับแกด้วยจริงๆ และเริ่มจากบทนี้เป็นต้นไป เนื่องจากเจคตัดสินใจได้แล้วว่าจะมองเนสซี่ในแบบหญิงสาวและคนรักจริงๆ เสียที ก็เลยเปลี่ยนคำแทนตัวเป็นผม และเรียกเนสซี่ว่าคุณแล้วจ้า




Create Date : 15 สิงหาคม 2552
Last Update : 16 สิงหาคม 2552 10:16:52 น.
Counter : 4502 Pageviews.

13 comments
  


แถมๆ แฟชั่นสำหรับเบลล่าในงานเต้นรำคืนสู่เหย้า คนเขียนอธิบายว่ามันเป็นชุดกระโปรงคอกเทลสีน้ำเงินเข้ม งานคอกเทลส่วนใหญ่จะเป็นกระโปรงสั้นเลยเข่ามานิดนึง คล้ายชุดของหนูน้อยเนสซี่นั่นแหล่ะ แต่อยากให้เบลล่าเซ็กซี่ขึ้นกว่าเดิมอีกนิด เลยนึกภาพออกมาเป็นชุดนี้

เซ็กซี่มะ

โดย: amuro4ever วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:20:48:56 น.
  
รอตอนต่อไปอยู่นะคะพี่อุ๋ม

กดดันๆๆๆๆ

คิคิ
โดย: kookkaid IP: 119.42.98.75 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:14:37:43 น.
  
รอนิดนึงนะ วันนี้ขอหยุดพักเฉยๆ นอนกลิ้งเกลือก และทำงานบ้านเล็กน้อยนิดนึง ...

(เริ่มออกอาการขี้เกียจแล้วสิ)
โดย: amuro4ever วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:14:57:20 น.
  
ขออ่านด้วยนะ ชอบมากต้องขอบคุณอย่างแรง
โดย: pa-to31 IP: 222.123.241.179 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:17:06:07 น.
  
ช่วยแต่งต่อด้วยนะครับ สนุกมากๆ

จะเข้ามาชมทุกวันครับ รบกวนช่วยแต่งต่อด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
โดย: เอครับ IP: 125.24.123.46 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:17:24:18 น.
  
รอ ติด ตาม ตอน ต่อ ไป คร่า ..*-*
โดย: นู๋มด IP: 114.128.161.252 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:17:35:28 น.
  
พี่อุ๋มไม่ปล่อยให้พวกเรารอนานหรอกชิมิคะ ^ o ^
โดย: นู๋มาย IP: 124.121.236.158 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:18:59:31 น.
  

เว้นไว้เช็คเรตติ้งหน่อยนะ แป่ว! อันที่จริงแล้วขี้เกียจ

อาทิตย์นี้ท่าทางจะงานเข้าตั้งแต่ต้นสัปดาห์เลยอ่ะ อาจจะไม่ได้แปลเร็วอย่างที่เคย รอกันหน่อยนะ
โดย: amuro4ever วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:7:23:13 น.
  
มาทำให้อยากแล้วจากไปให้รอนานอีกละ

แต่พี่อุ๋มคงไม่ทำให้น้องๆๆ รอนาน (จนเกินไปหรอก)

จิงมะคะ เหอเหอ

กดดันๆๆๆๆ ต่อไป
โดย: kookkaid IP: 210.4.138.41 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:10:39:59 น.
  
เพิ่งเข้ามาครั้งแรกคะ ขอบคุณมากๆคะ คุณอุ๋ม
รอต่อนะค่ะ
โดย: paaratee IP: 125.25.186.166 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:22:44:58 น.
  
วันเน้อ่านตั้งแต่บทที่ 4 จนมาถึงบทนี้แล้วค่ะ
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ
อย่าให้รอนานนะค่ะ....เด๋วจาลงแดงซะก่อน..อิอิ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แปลให้ได้อ่านกาน

แอบกดดันนิสนึงอย่าให้รอนานนะค่ะ..แหะๆ
โดย: เปิ้ล IP: 203.146.0.227 วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:16:59:35 น.
  
ขอบคุณนะค่ะ ที่แปลมาให้อ่านกัน
โดย: cha IP: 58.9.248.21 วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:20:14:03 น.
  
ขอบคุณนะคะ เพิงมาเป็นสมาชิกรักคนแปล อ่านจนไม่อยากทำอะไรเลยติดๆๆๆๆ
แปลต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ
โดย: parn IP: 124.120.249.59 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:31:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

amuro4ever
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]