พฤศจิกายน 2552

1
2
3
4
6
7
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
The Healer (Twilight Fanfic) บทที่22 - การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย
มาแล้วจ้า!!!!

นักบินประจำเครื่องเพิ่งประกาศแจ้งว่าเครื่องบินกำลังจะลงจอดภายใน 20 นาทีนี้แล้ว เพราะการตัดสินใจบินในนาทีสุดท้ายแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลยทำให้ฉันโชคร้ายที่ต้องต่อเครื่องถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกที่นิวยอร์คและอีกครั้งที่ฝรั่งเศส ขอบคุณรอยยิ้มพิฆาตใจชายของตัวเองจริงๆ ที่ทำให้เจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ แทบจะไม่ได้สังเกตพาสปอร์ตของฉันเอาเสียเลยจนกระทั่งผ่านศุลกากรออกมา

ฉันได้เปรียบตรงที่น้าอลิซไม่สามารถมองเห็นอนาคตของฉันแต่กระนั้นก็ยังหวังว่าที่บ้านจะยังไม่มีใครเอะใจว่าฉันหนีมา อย่างน้อยฉันก็ล่วงหน้านำมาก่อนพอสมควรหล่ะถ้าพวกเขาพยายามจะหยุดฉัน เพื่อพยายามฆ่าเวลาระหว่างที่ต้องนั่งแกร่วอยู่บนเครื่องบิน แผนการหลากหลายก็ผุดขึ้นภายในหัวของฉัน ยิ่งใกล้จุดหมายปลายทางเข้าไปเท่าไหร่ความมั่นใจของฉันก็ยิ่งลดลงไปเท่านั้น สิ่งที่ฉันมีก็เพียงแค่ที่อยู่เพื่อให้ติดต่อกลับในจดหมายของพี่สาวคริสเตียนเท่านั้น แล้วฉันจะต้องทำยังไงต่อไปล่ะ? เดินไปเคาะเรียกที่หน้าประตูเลยเหรอ?

นึกๆ แล้วก็โกรธตัวเองเหลือเกินที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลของพวกโวลตูรีให้มากกว่านี้ เท่าที่ฉันรู้ก็คือฉันต้องบินมาที่อิตาลีแล้วพยายามหาทางเข้าถึงตัวเด็กผู้หญิงที่ทุกคนต่างก็พากันเกรงกลัวในพลังอำนาจ –เจน-- ขอแค่ได้สัมผัสเธอนิดเดียวแล้วฉันก็จะสามารถใช้พลังของเธอต่อกรกับตัวเธอเอง หรือกระทั่งใครก็ตามที่เข้ามาขวางทางฉันในการชิงตัวแอนาเบลคืน

ฉันเริ่มหวั่นวิตก ถ้าเกิดฉันพลาดล่ะ? ฉันคงทิ้งเจคอบเอาไว้ให้ทุกข์ทนอย่างแสนสาหัสอยู่เบื้องหลัง ภาพสีหน้าสุดท้ายของเขายังคงแจ่มชัดอยู่ในใจฉัน ทุกครั้งที่ฉันหลับตาลง ดวงตาที่แสนเศร้าสร้อยในตอนที่ฉันขับรถออกมาก็จะคอยวนเวียนมาปรากฏในมโนภาพอยู่ตลอดเวลาราวกับว่ามันถูกตีตราประทับไว้บนเปลือกตาของฉันนี่เอง ฉันต้องการเขา..ต้องการสัมผัสจากเขาเหลือเกิน อยู่ๆ ความรู้สึกต้องการที่พึ่งพึงก็เอ่อท้นไปทั้งร่างกายของฉัน อยากให้ใครซักคนมาปลอบโยน อยากให้ใครซักคนมากระซิบบอกฉันว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ฉันจะต้องมีชีวิตรอดกลับไปหาเขาให้ได้

ฉันไม่ทันได้คิดเลยว่าการหนีมาของฉันจะส่งผลอย่างไรต่อครอบครัวของฉัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพ่อและแม่ ถ้าหากว่าฉันมีชีวิตรอดกลับไป พวกท่านคงโกรธจนอยากจะฆ่าฉันเลยหล่ะมั้ง

ขณะที่ลงจากเครื่องและเดินไปเรื่อยๆ ตามทางของเทอร์มินอลนั้นฉันก็รู้สึกเคว้งขึ้นมา ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือจะต้องทำอะไร ความสำนึกรับรู้วิ่งเข้ามาประทะฉันอย่างเต็มแรง..ฉันยังเป็นแค่เด็กคนนึงอยู่นั่นเอง ฉันคิดอะไรของฉันกันนะ? ฉันคิดว่าฉันจะสามารถช่วยแอนาเบลได้โดยลำพังอย่างนั้นเหรอ? ฉันเดินออกมาจนถึงด้านนอกของตัวอาคาร บรรยากาศขมุกขมัวและท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆหนา ชะเง้อตัวมองหาแท๊กซี่หรือยานพาหนะอะไรสักอย่างซึ่งก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะบอกปลายทางให้คนขับพาไปได้ยังไง ในเมื่อฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน

ฉันทบทวนความคิดซักพักว่าจะรอให้พ่อกับแม่บินมาถึงอิตาลีก่อนดีไหมนะ แต่แล้วฉันก็สูดหายใจลึกๆ รวบรวมสติแล้วบอกกับตัวเองอย่างให้กำลังใจว่าฉันทำได้ เท่าที่ต้องทำก็คือหาทางแตะตัวเจนให้ได้ เรื่องง่ายๆ ..

ฉันหลับตานิ่งอยู่ราวนาทีหนึ่งพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดโดยแอบหวังลึกๆ ว่าจะมีแผนการที่ดีกว่านั้นปิ๊งขึ้นมาในสมอง และทันใดนั้นฉันก็ได้กลิ่นหอมหวานที่ผิดปกติ มันไม่ใช่กลิ่นมนุษย์! เปลือกตาทั้งคู่ของฉันเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติและพบว่ามีชายผมยาวเป็นลอนคลื่นยืนอยู่ตรงหน้าฉันพอดี

“อา..เนสซี่” เขาเอ่ย “รู้ไหม ฉันรู้สึกได้ว่าเธอจะต้องมาที่นี่ ฉันไม่ควรจะประหลาดใจเลยที่ฉันคิดถูก แต่เธอทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ ”

เขาสอดส่ายสายตาเพื่อสำรวจฉันและดวงตาสีแดงเข้มซึ่งคนทั่วไปมองเผินๆ แล้วอาจจะเข้าใจผิดว่ามันเป็นสีเบอร์กันดีเข้มของเขาก็ส่องประกายวิบวับราวกับว่าจะประกาศให้รู้ถึงความปิติยินดีและตื่นเต้นของผู้ครอบครองมัน

“อาโรคงกระสันอยากพบเธอเดี๋ยวนี้แล้ว เขาได้สั่งการให้ฉันคอยสอดส่องครอบครัวของเธอมาสักระยะหนึ่งแล้ว” เขาเว้นระยะนิดหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ

“เธอช่างเติบโตขึ้นมาเป็นสาวน้อยที่แสนสวยจริงๆ จำฉันได้หรือเปล่า? ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เห็นเธอช่างแจ่มชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง”

แน่หล่ะ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ เขาเป็นหนึ่งในองค์รักษ์ของอาโร ฉันแสกนตามองดูบริเวณรอบๆ อย่างรวดเร็วเพื่อหาทางหนีทีไล่ มีดวงตาแวววับหลายคู่กำลังจ้องเราอยู่จากมุมต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคารผู้โดยสารแห่งนี้ ฉันถอนหายใจ ท่าทางจะไม่มีทางออกง่ายๆ จากที่นี่แน่ ต่อให้วิ่งหนีฉันก็คงจะถูกลูกสมุนแวมไพร์จับตัวได้โดยง่าย ไหนๆ ฉันก็กำลังหาวิธีที่จะเข้าไปที่ปราสาทโวลเตอเรียอยู่แล้วนี่ ตอนนี้ไปแบบมีผู้นำทางให้ด้วยก็ดีไม่น้อย..

“ฉันดีมิทรี่” เขาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพลางยื่นมือข้างหนึ่งออกมาเป็นการเชื้อเชิญตามแบบแผนโบราณ ฉันวางมือลงในมือเขาอย่างไม่เต็มใจนัก เขายิ้มรับแล้วนำพามือของฉันไปที่จมูกพร้อมกับสูดหายใจลึก

“ช่างเป็นกลิ่นอายที่แสนวิเศษเหลือเกิน กลิ่นเฉกเช่นมนุษย์หากแต่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง”

เขายังไม่ยอมปล่อยมือฉันในขณะที่ยกมืออีกข้างโบกเรียกรถ และแล้วเมอซีเดสสีดำพร้อมกับกระจกทึบสีเดียวกับตัวรถก็แล่นเข้ามาเทียบตรงที่ฉันยืนอยู่แทบจะทันที เขาเปิดประตูแล้วโน้มตัวเชื้อเชิญให้ฉันขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังและตามเข้ามานั่งข้างๆ

ทันทีที่จัดแจงเข้ามานั่งในรถแล้ว ฉันก็สังเกตเห็นชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับกำลังจ้องฉันอย่างไม่วางตาจากการมองผ่านกระจกส่องหลัง

“สัญชาติญาณของฉันไม่มีพลาดเลยเฟลิกซ์ ฉันรู้สึกได้ว่าเธอจะต้องมาเพื่อเดอะฮีลเลอร์เพียงลำพัง” ดีมิทรี่พูดพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างยินดี

“อา..ไม่ต้องสงสัยเลย” เฟลิกซ์ตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง เขายังคงจ้องมองฉันอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ขึ้นรถมาจนทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด ฉันเลยรีบเบนสายตาออกไปมองที่นอกหน้าต่างแทน

ตลอดระยะทางที่เหลือมีแต่ความเงียบสงัด ฉันเหม่อมองผู้คนที่พากันเดินไปมาขวักไขว่ข้างทาง สังเกตเห็นตึกและอาคารสมัยเก่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว สมาธิของฉันแตกซ่านกระจัดกระจาย ฉันไม่อยากคิดถึงครอบครัวของฉัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันต้องไม่นึกถึงเจคอบเพราะฉันจะร้องไห้ออกมาในรถนี่ไม่ได้ ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขาเห็นหรอกว่าฉันกลัวมากแค่ไหนและฉันจะไม่ขี้ขลาดตาขาวเป็นเด็กเล็กๆ แน่ ฉันจะต้องเข้มแข็ง และในขณะนั้นเองฉันก็ตัดสินใจสวดภาวนา ฉันไม่เคยสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้ามาก่อน แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันล่อแหลมอย่างนี้ฉันก็ยังมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ กับการค้นพบว่าตัวเองยังมีความหวังและยังเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์อยู่ ฉันรู้ว่าพระเจ้าจะต้องประทานมันมาให้อีกสักครั้งแน่ๆ

เมื่อรถยนต์เมอซิเดสหยุดลงที่หน้าอาคารโบราณหลังใหญ่ ประตูซี่เหล็กสีดำซึ่งมีลวดลายเถาวัลย์อ่อนช้อยก็เปิดออกทันที

Photobucket

เฟลิกซ์บังคับรถให้เคลื่อนที่เข้าไปยังอุโมงค์มืดซึ่งทอดตัวอยู่ภายใต้อาคารแห่งนั้น

ในที่สุดฉันก็เห็นช่องแสงรำไรที่ปลายอุโมงค์ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นตามระยะทางเดินรถที่ใกล้เข้าไป เขาขับเรื่อยมาและชะลอรถลงตรงสถานที่ที่ดูเหมือนห้องบอลรูมใหญ่ๆ ที่เต็มไปด้วยประตูโค้ง นี่คงจะเป็นโรงเก็บรถยนต์ของพวกโวลตูรีแน่ โรงรถของบ้านเราแทบจะเทียบกับความใหญ่โตกว้างขวางของที่นี่ไม่ได้เลย ฉันไม่เคยเห็นรถมากมายหลากหลายชนิดอย่างนี้มาก่อน เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเจ้าของรถยนต์ทุกยี่ห้อและทุกยี่ห้อที่ว่านั่นก็ล้วนแล้วแต่หรูหรามีระดับแทบทั้งสิ้น

และแล้วรถก็หยุด ฉันค่อยๆ ก้าวออกจากเมอซีเดสคันงามอย่างช้าๆ เมือมองขึ้นไปยังเพดานด้านบนก็พบกับรูปโมเสกของพระเป็นเจ้าและสวรรค์ ฉันพ่นลมออกจมูกทำเสียงครางเบาๆ ขนาดโรงเก็บรถยนต์ยังหรูหราเลิศเลอซะขนาดนี้

“กรุณาตามมาทางนี้” ดีมิทรี่ค้อมศีรษะให้ฉันเป็นการเชื้อเชิญ

Photobucket
<ซ้ายดีมิทรี่ ขวา-เฟลิกซ์>

เราเดินผ่านโถงทางเดินอันใหญ่โตโอ่อ่าซึ่งเจิดจ้าและมีสีสันสดใสเนื่องจากแสงอาทิตย์ส่องกระทบกระจกสีสันต่างๆ จากบานหน้าต่าง นอกจากฉันและองค์รักษ์โวลตูรีแล้วยังมีแวมไพร์อีกหลายตนที่เดินไปมาผ่านโถงทางเดินนี้ อากัปกิริยาของพวกเขาเมื่อสังเกตเห็นฉันก็คือเหลือบมามองแล้วหลบสายตาหันกลับไปสนใจยังสิ่งที่ตนทำอยู่เมื่อครู่อย่างรวดเร็ว

ดีมิทรี่นำฉันมาหยุดลงเบื้องหน้าประตูไม้บานใหญ่สีเข้มซึ่งถูกแกะสลักไว้อย่างประณีตวิจิตรบรรจง มีชายร่างกำยำยืนคุมเชิงอยู่ที่บานประตูแต่ละฝั่ง หนึ่งในนั้นเอื้อมมือเปิดประตูบานหนึ่งให้ฉัน

“เชิญสุภาพสตรีก่อน” ดีมิทรี่เอ่ยพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเดินเข้าไปในห้อง

ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในและหยุดลงตรงกลางห้อง มันเป็นห้องที่กว้างขวางมาก เพดานสูงโปร่งเหนือพื้นห้องถูกแต่งแต้มด้วยลายริ้วเดินเส้นทองและประดับอัญมณีล้อมไว้เพื่อขับให้ลวดลายดูเด่นชัดขึ้น หน้าต่างเพียงบานเดียวในห้องก็เป็นบานหน้าต่างกระจกสีแบบเดียวกับกระจกทุกบานในปราสาท เตาผิงซึ่งทำด้วยหินสลักเป็นจุดที่โดดเด่นที่สุดในห้องนี้

Photobucket

ไฟถูกจุดรอเตรียมไว้ก่อนที่เราจะเข้ามาแล้ว สังเกตจากการที่ตอนนี้ท่อนฟืนส่งเสียงปะทุเป็นระยะๆ เปลวไฟเต้นพริ้วไหวส่องประกายแสงสีทองกระทบกับพื้นหินอ่อน มันเป็นห้องนอนที่หรูหราอลังการอยู่ไม่น้อย ขาดอย่างเดียวก็คือเตียง แต่กลับมีเก้าอี้กำมะหยี่ตัวใหญ่ตั้งอยู่กึ่งกลางห้องแทน

Photobucket

“นี่คือห้องของเธอ” ดีมิทรี่เอ่ยบอกขณะที่ฉันกำลังสำรวจห้องเพลิน

“ห้องของฉัน??”

“ถูกต้อง อาโรเป็นผู้กำกับด้วยตัวเองเลยทีเดียวเพื่อให้พร้อมต้อนรับการมาถึงของเธอ เราถือโอกาสจัดเตรียมทุกสิ่งที่เธอจำเป็นต้องใช้ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่น เครื่องแต่งกาย หากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็แจ้งมาได้เลย”
ฉันส่ายหน้า คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนเกือบจะชิดเป็นเส้นเดียวกัน

“ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่นานขนาดนั้น”

“ห้องนี้ไม่ดีเท่ามาตรฐานของเธอรึ?” เขาถามด้วยความกังขา โดยไม่ได้นึกถึงความหมายที่แท้จริงของถ้อยความนั้นเลย ถึงจะไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ก็เถอะนะ แต่ห้องที่ไม่มีเตียงจะนอนเข้าไปได้ยังไงกันล่ะ! เป็นคุณคงคิดว่าพวกเขาคงจะทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้ว และก็น่าจะรู้ว่าฉันต้องนอนดังนั้นจึงควรจะมีเตียงสิ

“เปล่า แต่ฉันมาที่นี่เพื่อแอนาเบลและฉันก็ตั้งใจอย่างแรงกล้าเลยหล่ะที่จะกลับบ้านหลังจากนี้”

“อาโรคงจะผิดหวังมาก เขาตั้งตารอวันที่เธอจะก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเรา บางทีเชลซีอาจจะเปลี่ยนความตั้งใจของเธอได้”

และแล้วก็บังเกิดความเงียบงันขึ้นในระหว่างที่ฉันเหลือบตามองเขา ฉันไม่มีทางอยู่ที่นี่หรอกแล้วคนพวกนี้ก็ไม่ใช่ครอบครัวอะไรที่ไหนเลย ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าสำหรับพวกโวลตูรีแล้วฉันเป็นอะไร และฉันก็ขอปฏิเสธที่จะกลายเป็นของสะสมชิ้นนึงของพวกนี้

เฟลิกซ์เดินวนรอบตัวฉันช้าๆ สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ร่างกายของฉันแล้วกวาดขึ้นๆ ลงๆ อย่างมีนัย ฉันเริ่มสั่นสะท้านเพราะการจ้องมองอย่างจาบจ้วงนั้นทำให้ฉันสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันใด กิอันน่าเห็นความดีงามอะไรในตัวหมอนี่กันนะ? สายตาที่จ้องมาช่างน่าขยะแขยงที่สุด!

“ช่างงดงาม..และหาได้ยากจริงๆ” เขารำพึง

เฟลิกซ์เอื้อมมือมาและใช้นิ้วลูบไล้ใบหน้าของฉันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันหันหน้าหนีเกือบจะทันที

“ฮืม..สงสัยจริง..จะต้องแลกด้วยของกำนัลแบบไหนกันนะถึงจะได้เธอมาอยู่ใกล้ๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ฮึ..คิดว่าจะหว่านสเน่ห์ใส่ผู้หญิงได้ทุกคนหรือไงกัน

“แล้ววันหนึ่งคุณก็อาจจะเบื่อฉันแล้วทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดี..เหมือนที่คุณทำกับกิอันน่าใช่มั้ย?” ฉันถามอย่างเหยียดๆ “เธอไม่มีค่าพอที่จะเก็บไว้ใช่มั้ย?”

“อา...เธอก็รู้เรื่องกิอันน่าด้วยสินะ จะพูดยังไงดีล่ะ? ฉันเป็นประเภทที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องการบอกเลิกใครน่ะ ฉันเกลียดความรู้สึกพะอืดพะอมเวลาที่จะต้องมานั่งอธิบายเหตุผลในการเลิกกัน แล้วก็คิดได้ว่าถ้าเธอไม่มีตัวตนซะ ฉันก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกแบบนั้น แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก ตอนที่ฝังคมเขี้ยวลงไปครั้งแรกน่ะเธอพอใจมาก แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะยินดีนักในตอนที่ชีวิตกำลังจะถูกพรากไปและเธอสำนึกได้ว่าฉันไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด”

ฉันถมึงตามองเขา ช่างเป็นการกระทำที่เลือดเย็นและน่ารังเกียจเหลือเกิน กิอันน่าผู้น่าสงสาร.. คริสเตียนจะรู้บ้างไหมว่าแท้จริงแล้วเขานำพาแอนาเบลมาพบกับพวกที่ทำลายชีวิตพี่สาวของตัวเอง ไม่ใช่ผู้ให้ชีวิตอย่างที่เขาคิด

“เธอควรจะพักผ่อนเสียก่อนที่จะถูกเรียกพบ อาโรต้องยินดีแน่ที่ได้เจอเธอ” ดีมิทรี่กล่าวพร้อมกับเดินไปที่ประตูห้องในขณะที่เฟลิกซ์ยังคงยืนนิ่ง

“มาเถอะเฟลิกซ์ นายมีโอกาสอีกมากมายที่จะเอาชนะใจเธอทีหลัง” ดีมิทรี่กล่าวอย่างตั้งใจถากถาง

“ลาก่อน สาวน้อย” เขาหันมากล่าวอำลากับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพร้อมกับขยิบตาให้ก่อนจะเดินตามดีมิทรี่ออกไป

ฉันรีบปิดประตูแล้วล็อคทันที ทำไมถึงได้รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและความหวังอย่างนี้นะ ฉันดันเก้าอี้กำมะหยี่ไปใกล้เตาผิง ทิ้งตัวลงนอนแล้วพิงหัวเข้ากับที่วางแขน พยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมา ฉันต้องสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้เพราะรู้ดีว่าที่นี่มีหูตามากมายที่คอยจับความเคลื่อนไหวของฉันอยู่ ดังนั้นฉันจึงหลับตาลงแล้วพยายามเพ่งความสนใจไปที่ความอบอุ่นจากกองไฟในเตาผิงแทน มันทำให้ฉันคิดถึงเจคอบขึ้นมาในทันใด

ฉันคิดถึงเขาเหลือเกิน มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้เลย ถ้าหากว่านี่คือเวลานั้นล่ะ-จุดจบของฉัน-หวังเพียงแค่จะได้มีโอกาสบอกกับเขาอีกสักครั้งว่าเขามีความหมายต่อฉันมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ฉันต้องการยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ..ฉันอยากให้ฉันได้มีโอกาสอีกสักครั้งที่จะขอโทษเขา ฉันอยากบอกเขาว่าฉันเสียใจที่พาตัวเองหนีจากเขามาแบบนี้ เป็นการจากมาที่โหดร้ายมากและฉันก็ได้แต่หวังว่าครอบครัวของฉันคงไม่อนุญาติให้เจคอบมาตามตัวฉันกลับไป

ฉันไม่รู้เลยว่าเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดนั้นดังอยู่นานแค่ไหนก่อนที่ฉันจะตกใจตื่นขึ้นมา ราวกับว่าฉันกลับไปอยู่ในฝันร้ายเก่าๆ อีกครั้ง ฉันรู้สึกทรมานทุรนทุรายตามเสียงนั้นไปด้วยเพราะมันดังอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย ฉันยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหูแล้วซุกหน้าเข้ากับมุมเก้าอี้กำมะหยี่แต่ก็ยังไม่วายได้ยินมันอยู่อีก หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้นในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าของเสียงร้องโหยหวนนั้นคือแอนาเบล!

เสียงร้องด้วยความทุกข์ทรมานดังอยู่ตลอดทั้งคืน มันหยุดลงเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะดังขึ้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า

“เธอเปลี่ยนไม่ได้!! หยุดทรมานเธอซะที!!” ฉันร้องตะโกนในขณะที่มือยังคงปิดหูไว้แน่น นี่ฉันทำอะไรให้เธอไม่ได้เลยหรือ??

................................

ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีบนพื้นหินอ่อนหน้าเตาผิง คงจะหน้ามืดหมดสติไปหลังจากนั้น นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันอยู่ในห้องนี้แต่เท่าที่รู้ก็คือตอนนี้เสียงร้องครวญครางของแอนาเบลหยุดลงสักพักนึงแล้ว มีเสียงคลิกดังที่ประตูพร้อมกับบานประตูที่ถูกผลักให้เปิดออก ดีมิทรี่ก้าวเข้ามายืนอยู่ที่หน้าประตู

“ตามฉันมา” เขาบอก

ฉันลุกขึ้นจากพื้นและเดินตามเขาไปโดยเร็ว เราเดินผ่านห้องโถงที่เคยสว่างไสวเจิดจ้าเมื่อตอนกลางวัน หากแต่ตอนนี้มันมืดและหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ เขาเดินนำฉันไปยังประตูบานใหญ่ซึ่งเปิดออกในทันทีที่ฉันก้าวไปถึง มันเป็นประตูที่นำไปสู่หอคอยของปราสาท เพดานที่สูงถึงสองชั้นและช่องหน้าต่างถูกสร้างอย่างมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ห้องนั้นดูโปร่งและอากาศถ่ายเทได้สะดวกแต่มันกลับยิ่งทำให้ฉันหนาวสั่น ฉันเหลือบมองผู้คนที่ยืนกระจัดกระจายจับกลุ่มคุยกันอยู่ภายในห้อง บ้างก็หันมามองฉันเป็นระยะๆ แล้วก็หันกลับไปสนทนากันต่อ สายตาของฉันเพ่งไปที่ชายสามคนผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ไม้ของแต่ละคน

แล้วฉันก็ไล่สายตาเรื่อยไปจนถึงเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ถัดจากบัลลังก์และเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ถัดไป เจนนั่นเอง เด็กหนุ่มคนนั้นคือคริสเตียน.. เพียงแต่มีบางอย่างเปลี่ยนไป เนื้อตัวเขาเปลี่ยนเป็นขาวซีด รูปร่างดูได้สัดส่วนมากขึ้น แต่ส่วนที่น่าขนลุกที่สุดก็คือนัยน์ตาของเขา มันกลายเป็นสีแดงเพลิงและกำลังจดจ้องมาที่ฉันด้วยความปรารถนาแรงกล้าบางอย่าง เขากลายเป็นแวมไพร์แรกเกิดและฉันก็เป็นเหยื่อที่เย้ายวนที่สุดภายในห้องนี้ เขาดูกระหายเลือดมากกว่าที่จะประหลาดใจที่เห็นฉันมา หรือไม่อาโรก็คงจะบอกเขาแล้วว่าครอบครัวของฉันเป็นใคร

สิ่งเดียวที่ฉุดรั้งเขาเอาไว้ไม่ให้กระโดดเข้าขย้ำคอฉันตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินเข้ามาในห้องนี้ก็คือเจน เขาก้าวออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ทำตัวจุกงอจนต้องถอยหลังกลับไปยังตำแหน่งเดิมพร้อมกับรอยยิ้มอย่างวางท่าที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าหล่อนเมื่อฉันเหลือบมอง เท่าที่ฉันต้องทำก็คือเข้าถึงตัวเธอให้ได้ แล้วรอยยิ้มอวดดีนั่นก็จะถูกลบหายออกไปจากใบหน้าเธอตลอดกาล

และที่ด้านหน้าของพวกเขา แอนาเบลถูกตรึงไว้บนแท่นหินอ่อนนั่น! เธอนอนทอดร่างสลบไสลไม่รู้สึกตัวแต่ฉันยังได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นอยู่และหน้าอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ โล่งอกไปทีที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันรีบวิ่งไปที่แท่นทันที สภาพของเธอเลวร้ายกว่าที่ฉันเคยนึกกลัว ตัวเธอซีดขาว หายใจออกเป็นห้วงๆ ผมยาวที่เปียกเหงื่อลีบติดใบหน้า ตามท่อนแขนมีแต่รอยเขี้ยวที่เกิดจากการถูกกัดมากมายและรอยใหม่ที่กำลังทำการรักษาตัวเองอยู่

“เรเนสเม่ ช่างน่าประหลาดใจอะไรเช่นนี้! ดีมิทรี่ ของกำนัลจากเจ้านี่น่าประทับใจจริงๆ ดูสิว่ามันนำอะไรมาให้เรา” ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ตรงกลางลุกขึ้นยืน ฉันจำได้ว่าเขาคืออาโร

อาโรเดินตรงเข้ามาหาฉัน ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มเจิดจ้าด้วยความปีติยินดีและยื่นแขนทั้งสองออกมาข้างหน้าเป็นเชิงให้ฉันเข้าไปสวมกอดตอบ แต่เมื่อฉันแยกเขี้ยวทำหน้าถมึงทึงใส่ เขาก็ค่อยๆ ลดแขนลงอย่างเสียดาย

“เธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้” ฉันกัดฟันพูดอย่างห้วนๆ

“นั่นฉันก็สังเกตเห็นเหมือนกัน เชื่อเถอะว่าเราได้ทดสอบมาหลายๆ ครั้งแล้ว”
ฉันกัดฟันกรอด

“แล้วกลุ่มคัลเลนเป็นอย่างไรบ้างล่ะ? ฉันน่าจะไปเยี่ยมพวกเธอให้บ่อยหน่อยนะ”

“ครอบครัวคัลเลนของเราสบายดี” ฉันตอบโดยพยายามเน้นเสียงคำว่า “ครอบครัว” ฉันรู้ดีว่าอาโรเกรงกลัวพลังอำนาจที่ซุกซ่อนอยู่ภายในคำๆ นี้มากแค่ไหน

“ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น” เขาตอบโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ หากแต่เดินไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแท่นพร้อมกับเหลือบมองลงไปที่แอนาเบล

“ฉันน่าจะรู้ว่าต้องเป็นคาร์ไลส์แน่ที่ได้เจอกับเดอะฮีลเลอร์เข้าก่อน ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเขาทุกอย่างเลย ใช่มั้ยล่ะ?” เขาหัวเราะหึๆ

“ได้โปรด..ปล่อยเธอไปเถอะ คุณใช้ประโยชน์อะไรจากเธอไม่ได้หรอก” ฉันร้องขอ

“ฉันไม่ค่อยจะเชื่อเช่นนั้นนะ” เขารำพึงเบาๆ ทำท่าเหมือนกำลังคิดวิเคราะห์อะไรบางอย่าง

“คริสเตียน คุณทำได้ยังไง?!” ฉันครางขณะที่หันไปหาเขา ฉันรู้ดีว่าตอนนี้เขาคงได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ฉันพูดแน่ๆ เขาหันมาสบตาฉัน สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความทรมานใจอย่างที่สุด

“ผมไม่รู้เลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้..ผมไม่รู้ว่าผมจะกลายเป็นอะไร ผมแค่ต้องการที่จะเก็บตัวเธอไว้ตลอดไป”

“เธอไม่ใช่ของๆ คุณนะ!” ฉันร้องตะคอกเสียงดัง “คุณพาเธอมาที่นรกนี่ เพียงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นอมตะงั้นเหรอ?!”

“ก็ผมไม่รู้นี่ว่าเธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้!” เขาตะโกนตอบอย่างสำนึกผิดด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ “ผมคิดว่าเราจะเปลี่ยนด้วยกันทั้งคู่ แล้วเธอก็จะเลือกผมแทน”

“แล้วถ้าเกิดพวกเขาฆ่าคุณล่ะ? เหมือนที่พวกเขาฆ่าพี่สาวคุณน่ะ? คุณเคยคิดถึงเรื่องนั้นบ้างมั้ย??”

“พี่สาวผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้!! ผมมีแอนาเบลแล้ว!”

คริสเตียนพุ่งถลาเข้ามาหาฉันแต่ก็ทรุดตัวลงกับพื้นแล้วขดตัวดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดเสียก่อน ฉันมองไปที่เจน แม่หนูน้อยนั่นแสดงรอยยิ้มราวกับเทพธิดาอย่างเบิกบานใจ

“พอได้แล้ว ฉันเริ่มจะเบื่อกับการโต้เถียงนี้เต็มที ได้โปรดเรเนสเม่ ฉันอยากรู้เต็มทีแล้วว่าเธออยู่ดีมีสุขอย่างไรบ้าง” อาโรเอ่ยพร้อมกับยื่นมือมาให้ฉัน

ฉันถอนหายใจ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ ดังนั้นฉันจึงเดินเข้าไปหาอาโรอย่างช้าๆ แล้ววางมือข้างหนึ่งลงบนฝ่ามือของเขา ฉันเห็นความทรงจำต่างๆ ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา และเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ฉันได้เก็บงำความคิดใดๆ ที่เป็นความลับเอาไว้เลย เขาได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง.. ทุกช่วงเวลาแห่งความสุขของฉันกับครอบครัว, ทุกจุมพิตและช่วงเวลาส่วนตัวระหว่างฉันกับเจคอบ

โทสะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเขาฉวยเอาความทรงจำส่วนตัวอันมีค่าของฉันไป ฉันออกแรงบีบมืออาโรหนักขึ้นและดูดเอาพลังของเขาเข้ามาภายในตัวฉัน ฉันต้องการช่วงชิงสิ่งที่เขาพรากไปจากฉันคืนมา รวมทั้งความทรงจำที่เขาพรากมาจากคนอื่นๆ ที่เขาได้สัมผัสด้วย

ความทรงจำดำมืดเริ่มหลั่งไหลเข้ามาภายในจิตใจของฉัน ฉันเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง..ทุกเหตุการณ์ แม้กระทั่งความลับที่ถูกผนึกซ่อนไว้อย่างมิดชิดของเขา และในทันทีที่เขาเริ่มรู้ตัวว่าฉันทำอะไรลงไป ฉันก็ได้ยินเสียงผัวะพร้อมกับรู้สึกแสบๆ คันๆ ที่ใบหน้า ฉันถึงกับเซถลาลงไปนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น พลางยกมือขึ้นลูบหน้าข้างที่ถูกตบเมื่อครู่ ความเจ็บเตือนให้ฉันรู้ว่าตัวเองมีความเป็นมนษย์อยู่มากแค่ไหน สายตาฉันเลื่อนไปหามาร์คัสผู้ซึ่งยืนนิ่งไร้อารมณ์หากแต่เหลือบมามองฉันนิ่ง เขาไม่รู้เรื่องเลย ฉันคิดในใจ

“เด็กโง่!” อาโรสบถพร้อมกับเหลือบตามองจ้องฉัน ฉันจ้องตอบเขาอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใดในขณะที่สายตาที่จ้องมองฉันอย่างเกลียดชังเมื่อครู่ค่อยๆ เปลี่ยนกลับมาเป็นปกติราวกับไม่เคยมีวี่แววแห่งโทสะอารมณ์อยู่เลย เขาต้องเป็น ดร. แจ็คกิลกับมิสเตอร์ไฮด์ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน

<น่าจะเคยดูกันนะ ด๊อกเตอร์แจ็คกิลกับมิสเตอร์ไฮด์อ่ะ ที่เป็นคนสองบุคลิก คนนึงดีสุดขั้ว ส่วนอีกคนชั่วสุดขีด ถ้าจำไม่ได้มันจะมีภาคต่อชื่อ Mary Rielly ที่จูเลีย โรเบิร์ตเล่นเป็นสาวใช้อ่ะ อันนี้น่าจะเคยดูกันเนาะ>

“พลังของเธอช่างพัฒนาได้น่าประทับใจจริงๆ” อาโรกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติสเมือนว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ระเหิดกลายเป็นไอหายวับไปในอากาศแล้ว ช่างเป็นคนที่เปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วจริงนะ

“เธอคือเพชรน้ำเอกที่หาได้ยากจนฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า....” พูดจบสายตาของเขาก็เลื่อนไปจับจ้องยังร่างของแอนาเบลที่นอนอยู่ตรงหน้า

ฉันค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้าไปหาแอนาเบล เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
“เนสซี่?” เธอเรียกชื่อฉันเบาๆ ฉันพยายามฝืนยิ้มแล้วพยักหน้าตอบเธอ ดึงมือเธอมากุมเอาไว้แล้วลูบเบาๆ

“ไกอัส ฉันคิดว่าเราน่าจะลองดูอีกครั้ง” อาโรสั่งการ
ไกอัสเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา ฉันรู้สึกได้ว่าแอนาเบลถึงกับสะดุ้งและเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว นิ้วมือของเธอสั่นระริกอยู่ภายในฝ่ามือทั้งสองข้างของฉัน
“ทำไมถึงไม่เลิกทรมานเธออีก?! พวกคุณต้องการอะไรกันแน่?!” ฉันร้องถาม

“ความคิดใหม่เพิ่งผุดขึ้นมา..ความคิดที่เรเนสเม่..เธอเองนั่นแหล่ะที่จุดประกายความคิดนี้ให้กับฉัน” อาโรกล่าวอย่างเย็นชา

คำพูดของอาโรเหมือนลูกศรที่พุ่งตรงเข้าปักที่กลางหัวใจฉันอย่างแรง เมื่อสำนึกได้ถึงแรงบันดาลใจต่างๆ ที่อาโรพล่ามถึง ชิ้นส่วนของจิ๊กซอชิ้นเล็กๆ ที่ฉันนึกไม่เคยนึกถึงถูกนำมาประติดประต่อเข้าด้วยกัน ทุกอย่างเข้ามาอยู่ตรงที่ของมันโดยมีฉันที่เป็นสเมือนจิ๊กซอชิ้นสุดท้ายที่เข้ามาเติมเต็มภาพปริศนานั้นให้กระจ่าง

ฉันเริ่มนึกถึงคำทำนายที่อีไลเซอร์เคยนึกกลัวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฉันไม่ควรมาที่นี่ การตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นของฉันอาจไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดก็ได้ แต่มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วต่างหาก ถ้าหากฉันไม่มาช่วยแอนาเบล ถ้าหากฉันยอมรออยู่ที่บ้าน ฉันก็คงจะช่วยเธอได้โดยทางอ้อม

ฉันได้แต่มองตามเฉยๆ เพราะสมองกำลังมึนตื้อไปหมดในตอนที่ไกอัสจับแขนของแอนาเบลขึ้นมาแล้วฝังคมเขี้ยวลงไปอีกครั้ง แอนาเบลมองมาที่ฉันด้วยสายตาหวาดกลัวและทุกข์ทน ความเจ็บปวดแล่นตรงเข้าสู่ร่างเธอในทันทีพร้อมกับที่เธอเริ่มกรีดร้องโหยหวนเพราะทรมานจากพิษแวมไพร์

“ได้โปรด..หยุดมันที!” แอนาเบลร้องขอ

“สงสัยจริงเรเนสเม่ ว่าเธอจะสามารถดึงพลังของแอนาเบลออกไปสักพัก...แค่พอให้เธอไม่สามารถรักษาตัวเองได้ แล้วเธอก็อาจจะเปลี่ยนร่างได้ ทำได้ไหม?”

ฉันมองลงไปที่แอนาเบลซึ่งกำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานอยู่บนแท่นหิน เธอจะกลายเป็นอะไรล่ะ? ฉันถามตัวเอง แล้วสิ่งนี้จะนำไปสู่การอุบัติของมหาสงครามที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อนหรือเปล่า?

“ไม่ได้” ฉันตอบ “เธอเปลี่ยนไม่ได้หรอก คุณไม่เข้าใจหรือไงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”

“เธอต้องทำตามที่ฉันขอ” เขาตอบสั้นๆ แล้วก้มลงพูดกับแอนาเบลแทน

“เธอไม่อยากให้ความเจ็บปวดหายไปหรอกเหรอ? ปล่อยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิแล้วมันจะหายวับไปก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวเสียอีก”

“ฉันทำไม่ได้!”

“ลงมือ!” เขาตะคอกตอบกลับมา

ความเงียบกินเวลาชั่วขณะไม่นานแอนาเบลก็ออกปากขอร้องกับฉันเอง

“ได้โปรด...” เสียงเธอสะดุดเป็นห้วงๆ “ได้โปรดเถอะนะ..เนสซี่”

ฉันไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้ ฉันปล่อยให้คำทำนายเป็นจริงขึ้นมาไม่ได้ ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของฉันทั้งนั้น ฉันหวังให้ฉากเลวร้ายทั้งหมดนี้เป็นเพียงความฝันเท่านั้น ฉันไม่ได้มาที่นี่ ปาฏิหาริย์ของฉันหายไปไหนหมด??

“เอาหมามา!” อาโรสั่งการเมื่อเห็นฉันยังมีทีท่าลังเล

“ไม่นะ” ฉันกระซิบด้วยเสียงแหบปร่ากับตัวเอง เป็นไปไม่ได้! ฉันภาวนาให้ตัวเองคิดผิด แต่กลับไม่ใช่ พวกองค์รักษ์ช่วยกันลากตัวเจคอบเข้ามาในห้องในสภาพมนษย์ แต่ก็ถูกทำร้ายยับเยิน นัยน์ตาที่เศร้าสร้อยที่ฉันได้เห็นครั้งสุดท้ายที่หน้าบ้านมาบัดนี้มันยิ่งดูเลวร้ายกว่าเป็นร้อยเท่า เขาพยายามดิ้นรนที่จะยืนด้วยตัวเอง เลือดไหลอาบใบหน้าจากหน้าผากลงมายังคาง

“ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะ” ฉันขอร้อง น้ำตาไหลอาบแก้มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“เจน” อาโรสั่ง

ฉันเห็นเคอบทรุดตัวลงกับพื้นและดิ้นทุรนทุรายเพราะความเจ็บปวด สองขาของฉันก้าววิ่งออกไปหาเขาโดยอัตโนมัติแต่ก็ถูกฉุดรั้งไว้โดยพวกองค์รักษ์

“หยุดนะ!!” ฉันร้องตะโกนบอกเจน

เธอหันมาสบตากับฉัน ราวกับว่าการดิ้นรนอย่างสิ้นหวังของฉันสร้างความสนุกสนานให้เธออย่างเต็มที่ รอยยิ้มอย่างวางท่านั้นกลายเป็นยิ้มร่าด้วยความสาสมใจจนเขี้ยวขาวๆ ของเธอส่องกระทบกับแสงไฟ เจนละสายตาจากฉันแล้วสะบัดหน้าไปทางเจคอบเพื่อทรมานให้หนักขึ้นอีก เขาแทบจะดิ้นไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ

เมื่ออาโรยกมือเป็นสัญญาณให้เจนหยุด เจคอบก็ถูกปล่อยให้นอนหอบอยู่กับพื้น พยายามรักษาตัวเอง

“เรเนสเม่...” อาโรผายมือไปยังแอนาเบลที่นอนสลบไสลอย่างอ่อนแรง

“ฉันทำไม่ได้”

ในทันที เจคอบเริ่มดิ้นทุรนทุรายอีกครั้ง ฉันเห็นเขาพยายามขดตัวเพื่อสกัดกั้นความเจ็บปวด เขาไม่ต้องการให้ฉันเห็นความอ่อนแอของเขาแต่ถึงยังไงฉันก็ทนดูไม่ได้เช่นกัน พวกนี้กำลังจะฆ่าเขา!

สำนึกในใจของฉันเริ่มกระจ่างขึ้นเรื่อยๆ ว่าแท้จริงแล้วฉันเป็นปีศาจร้ายแบบไหน ฉันสามารถยืนนิ่งมองแอนาเบลเจ็บปวดทรมานได้เพราะฉันรู้ว่ามันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้เกิดอภิมหาสงคราม แต่ฉันไม่สามารถทนเห็นเจคอบอยู่ในสภาพนั้นได้แม้เพียงชั่วนาทีเดียว ฉันไม่รีรอที่จะหยุดมัน

ขณะที่ทาบฝ่ามือลงบนท่อนแขนข้างหนึ่งของแอนาเบลเพื่อซึมซับพลังแห่งการรักษาออกจากร่างของเธอ ความคิดที่จะฉุดรั้งเจคอบให้อยู่กับฉันไปตลอดกาลก็เริ่มทำให้ฉันหวาดผวาอยู่ลึกๆ เขาจะยังคงโกรธฉันอยู่หรือเปล่า.. และฉันจะมีชีวิตรอดกลับไปเพื่อกล่าวขอโทษเขาหรือเปล่า...

ในตอนนั้นเองฉันก็เริ่มรู้สึกถึงแสงสว่างที่กำลังเยียวยาร่างกายของแอนาเบลอย่างต่อเนื่องอยู่นั้นค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาสู่ฝ่ามือและร่างกายของฉัน ไกอัสและอาโรที่กำลังรอคอยอยู่อย่างใจจอใจจ่อที่ริมแท่นมองดูการทำงานของพิษที่กำลังกระจายไปทั่วร่างของ แอนาเบลอย่างรวดเร็วในทันทีที่พลังถูกถ่ายเทมาที่ฉัน

ดูท่าว่าสันนิษฐานของอาโรจะเป็นผล แอนาเบลเริ่มต้นกรีดร้องอย่างสุดเสียง ทุกคนที่มองดูเธออยู่ก่อนหน้านี้ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปตามๆ กันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน เป็นเพราะการที่เธอถูกกัดมาก่อนหน้านี้แล้วหรือเปล่าที่ทำให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เร็วกว่าปกติ? หรือเป็นเพราะยังคงมีพิษตกค้างอยู่ภายในร่างกายของเธอ?

พริบตาเดียวผิวกายของแอนาเบลก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดหากแต่แข็งแกร่งดุจหินอ่อนและเย็นยะเยือกดั่งเช่นน้ำแข็ง รูปร่างและโครงหน้าเปลี่ยนแปลงไปหากแต่ดูได้สัดส่วนยิ่งขึ้น ทุกอย่างดูลงตัวและสมบูรณ์แบบ แต่แล้วทันใดนั้นหัวใจของเธอก็หยุดเต้นลงไปซะเฉยๆ แอนาเบลนอนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ฉันหยุดการดึงดูดพลังและมันก็เคลื่อนย้ายกลับไปยังร่างของเธอตามเดิม มีแสงสว่างเรืองรองขึ้นรอบๆ แต่แล้วก็ดับวูบหายไปอย่างรวดเร็ว ฉันฆ่าเธอ?!

“ปล่อยพวกเขาซะ อาโร” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง

ฉันหันหน้าไปตามน้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยนั้นทันที คาร์ไลส์นั่นเองและที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็คือพ่อและแม่ ตามด้วยลุงเอ็มเม็ตต์, ป้าโรซาลี่, น้าอลิซและอาแจสเปอร์ เซ็ธกับลีอาและเหล่ามิตรแท้ของพวกเรา-กลุ่มเดนาลี ดีมิทรี่และเฟลิกซ์เป็นผู้นำทางพวกเราทั้งหมดเข้ามา

“คาร์ไลส์! สหายรักของเรามาเยี่ยมหรือนี่!!” อาโรแสร้งทำเป็นยินดีและกระตือรือร้นกับการมาถึงของพวกเขา

ฉันจับสายตาของแม่ได้เป็นอย่างแรกในชั่วขณะนั้นและได้พบกับสายตาหวั่นวิตกและเป็นทุกข์ที่สุดแบบเดียวกับเมื่อ 6 ปีก่อนที่ลานหิมะ พ่อรั้งตัวแม่เอาไว้เพราะเกรงว่าจะทำอะไรผลีผลามลงไป แน่หล่ะ ฉันรู้ดีว่าแม่อยากจะฝ่าเข้ามาแย่งตัวฉันคืนใจแทบขาด ฉันคงได้นิสัยใจร้อนไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้มาจากแม่แน่ๆ ฉันได้แต่มองตอบแม่ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเสียใจ พยายามขอโทษในสิ่งที่ฉันทำลงไปทั้งหมด

“ปล่อยพวกเขาซะ” พ่อคำราม

“เกรงว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ภายใต้สิทธิการครอบครองของคุณอีกต่อไปแล้วนะ” อาโรแถลงเจตจำนงที่แท้จริงออกมา

มันเกิดขึ้นไวกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก ครอบครัวของฉันย่อตัวตั้งท่าเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะ ขณะที่ลีอาและเซ็ธก็เปลี่ยนร่างเตรียมจู่โจมในทันทีที่การต่อสู้เปิดฉากขึ้น เหล่าองค์รักษ์ก็ขยับจัดแถวเตรียมพร้อมเช่นกัน

ความเงียบเข้ามาแทรกตัวอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างก็รอว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ลงมือก่อน ดูเหมือนว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้คงไม่ต้องมาตีสำนวนหาข้ออ้างกัน เพราะคงไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลกันอีกต่อไปแล้วเนื่องจากเจตนารมณ์แท้จริงของอาโรเป็นที่ประจักษ์ด้วยการกระทำและคำพูดของเขาแล้ว

และแล้วเหล่าองค์รักษ์ก็เริ่มขยับตัวไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังมาจากด้านหลังของฉัน คราวนี้ไม่ใช่เสียงแอนาเบล เมื่อฉันหันหลังไปมองก็เห็นไกอัสตัวลอยอยู่เหนือพื้น ร่างถูกอัดติดกับกำแพงห้องและยังคงร้องโหยหวนด้วยความทรมานราวกับว่าเจนกำลังใช้พลังของเธอเล่นงานไกอัสอยู่

ที่พื้นตรงหน้าไกอัส แอนาเบลยืนยกแขนข้างหนึ่งชูขึ้นเหนือศีรษะเหมือนกับเธอเป็นผู้ที่กำลังตรึงเขาไว้บนกำแพงนั้น และเมื่อเธอตบแขนลงมาอย่างรวดเร็ว ร่างของไกอัสก็หล่นตุ้บลงมาสู่พื้น เสียงร่างหล่นกระแทกกับพื้นดังสนั่น ไกอัสแน่นิ่งไม่ไหวติง ดวงตาปิดสนิทราวกับคนตาย นี่ไม่ใช่เรื่องที่เคยเห็นกันมาก่อน แวมไพร์จะถูกฆ่าได้ก็โดยการฉีกร่างเป็นชิ้นๆ แล้วเผาให้กลายเป็นจุณเท่านั้น

“ยอดเยี่ยมมากๆ ” เสียงอาโรเอ่ยขึ้น

สายตาของฉันผละจากไกอัสไปจับจ้องอยู่ที่แอนาเบลแทน เธออยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ใครซักคนตรงหน้า ฉันสังเกตรูปลักษณ์ใหม่ของแอนาเบล ไม่หลงเหลือความอ่อนหวานและอบอุ่นอยู่เลยหากแต่ถูกแทนที่ด้วยความงามที่ใครเห็นเป็นต้องตกตะลึง ดวงตาสีแดงเพลิงของเธอจับจ้องอยู่ที่ฉันไม่วางตา รอยยิ้มแสนอบอุ่นที่ทำให้ใครต่อใครต่างพากันหลงใหลจางหายไป แว่บหนึ่งที่ฉันคิดถึงมันและถามตัวเองว่าจะมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มเช่นนั้นอีกไหม?

คิ้วทั้งสองของเธอขมวดเข้าหากันขณะที่สูดหายใจเข้าออกอย่างแรง สายตาที่จ้องมองมาที่ฉันเริ่มฉายแววแรงกล้ายิ่งขึ้น ขาทั้งสองของฉันก้าวถอยไปสองสามก้าวโดยอัตโนมัติเมื่อนึกขึ้นได้ในวินาทีนั้นเองว่า เธอเป็นแวมไพร์แรกเกิด! และฉันก็เป็นสิ่งที่น่าเย้ายวนที่สุดภายในห้องนี้!!

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

จบแล้วนะ ตามสัญญา ยังอยู่ในวันที่ 16 น๊าาาา





Create Date : 16 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2552 23:27:32 น.
Counter : 4428 Pageviews.

68 comments
  
นับถอยหลังอีก 3 วันเองน๊า ... อีก 2 ตอนนิดๆ จะจบทัน New Moon มั้ยเนี่ย?!?!
โดย: amuro4ever วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:07:39 น.
  
นึกว่าจะได้อ่านตอน22ซะแว้ว
รออยู่นา.....
โดย: gt IP: 203.156.93.149 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:50:54 น.
  
มาต่อเร็วๆนะพี่อุ๋ม รอไม่ไหวแล้ว 555+

ตอนที่ 21 ที่เหลือแล้วต่อ 22เลยนะคะง

คุ้มค่าที่รอคอย

ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ

ร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกพี่อุ๋มจัง อิอิ
โดย: นิก IP: 125.25.5.104 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:38:56 น.
  
รอแบบใจจดใจจ่อเลยทีเดียว .....ขอบคุณนะคะ
โดย: BB IP: 118.173.254.249 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:12:31 น.
  
ดีใจจัง
โดย: หมิว IP: 61.19.65.137 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:50:01 น.
  
มาหลอกให้อยาก แล้วจากไป
แต่ยังไงก็จะรอ
รออ่านนะคะ ^-^
โดย: AA IP: 125.25.118.21 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:03:48 น.
  
รอ...คอย
โดย: ปป IP: 202.183.217.5 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:17:02 น.
  
ขอต่อคิวรอด้วยใจจรดจ่อ
โดย: pads IP: 124.121.201.156 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:22:39 น.
  
มาไว ๆ นะคะ
รักพี่อุ๋มที่สุดเลยยยย

โดย: Minnie IP: 125.24.170.34 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:05:12 น.
  
มารอด้วยคนค่ะ
โดย: NaMe IP: 10.90.6.57, 202.28.181.7 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:38:22 น.
  
รอ...คอยเธอมาแสนนาน เอิ๊ก ๆ
สู้ ๆ นะคะ
โดย: biiggii IP: 202.176.71.32 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:45:29 น.
  
thanks........very much
โดย: GT IP: 203.156.93.149 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:42:24 น.
  
ขอบคุณมากกกค่ะ ติดตามอ่านมานาน อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกรำคาญเรเนสเม่อ่ะ ทำตัวงี่เง่า น่ารำคาญ ทำให้เรื่องมันบานปลาย รู้สึกน่าเบื่อขึ้นมาเลยอ่ะ รู้สึกว่าตอนแรกๆ สนุกกว่าเยอะ
โดย: gf IP: 110.49.169.158 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:37:31 น.
  
ขอบคุณด้วยคน ค่ะๆๆๆๆ
โดย: ปาน IP: 61.47.40.66 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:22:50 น.
  
กำลังสนุกเลยค่ะ อยากอ่านต่อเร็วๆจัง ขอบคุณนะค๊า
โดย: bb IP: 118.173.255.96 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:04:03 น.
  
ได้อ่านแล้ว เย้ๆๆๆๆๆ

ขอบคุณค่ะพี่อุ๋ม
โดย: นิค IP: 118.174.49.73 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:25:40 น.
  
มันทนไม่ได้ .....
อยากอ่านต่อเร็ว ๆ จัง
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สู้ ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
คืนนี้ฝันหวานค่ะ สาว ๆ ทุกคน
โดย: biiggii IP: 202.176.71.163 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:23:19 น.
  
สนุกมากเลยค่ะ ติดตามมาโดยตลอดทั้ง 22 ตอน เป็นกำลังใจให้คุณอุ๋มนะคะ หัวใจเริ่มเต้นแรงอีกครั้ง รอตอนสุดท้ายด้วยใจระทึกค่ะ อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
โดย: อ้อม ชัยนาท IP: 118.173.227.88 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:03:04 น.
  
แปลน่ารักกว่าคนแปลของไทยอีกนะคะ ฮิๆ

ของไทยแปลแบบผู้ใหญ่เกิ้น แปลแบบนี้น่าัรัก สนุกกว่าอีก

แต่ก็นั้นละ ช่างมัน เอาเป็นว่าแอบติดตามเงียบๆอยู่นะึคะ



รักแจสเปอร์ 5555
โดย: NB IP: 110.164.133.229 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:21:35 น.
  

ขอบคุณคร้า....หนุกหนาน
โดย: ฟ้่า IP: 58.11.66.81 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:3:47:55 น.
  
อีก 2 ตอน จบไม่ทัน new moon แล้วอ่า ไม่เป็นไรเดี๋ยว ไปตามกรี๊ดในหนังต่อ เจคอบเท่ห์ได้อีก...
โดย: kino IP: 125.27.127.48 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:27:15 น.
  
สนุกแต่ไม่ชอบอ่ะ

เซ็ธน่าสงสาร คู่วิญญาณเป็นแวมไพร์

เรเนสเม่ทำไมงี่เง่าจัง เฮอะ
โดย: Beetajow-great IP: 61.19.238.200 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:34:28 น.
  
ดูnew moon แล้ว เจคอบหล่อมากกกก
โดย: GT IP: 203.156.93.149 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:05:12 น.
  
รออ่านต่ออยู่นะคะ
เข้ามาดูทุกวันเลย
โดย: tue IP: 110.164.170.80 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:42:46 น.
  
เข้ารอด้วยคนค่ะ
โดย: ปาน IP: 124.122.160.217 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:25:21 น.
  
รออ่านต่อด้วยคนนะคะ .. สนุกมากๆเลยลุ้นอยู่อ่ะ
เมื่อไหร่จะได้อ่านตอนต่อไปค่ะ เป็นห่วงเจคอบจัง


โดย: piggy IP: 58.64.70.90 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:13:20 น.
  
รออ่านอยู่นะ

พี่สาวคนสวย

เหลือ 2 ตอนนะ

อิอิ

โดย: nick IP: 113.53.41.224 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:47:52 น.
  
สงสัยคนแปล หายไปดูnew moon แน่เลย
ใครดูแล้ว คิดว่าเป็นไงบ้าง
โดย: m IP: 203.156.93.149 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:09:42 น.
  
กำลังตื่นเต้นเร้าใจสุดๆๆ เลย
ว้ากๆๆ รออ่านต่อไป
โดย: kookkaid IP: 210.4.138.40 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:18:43 น.
  
ไปดู new moon มาแล้วจร้า
สงสารเจคอบมากๆเลย
และแอบอ่านภาคภาษาอังกฤษ
ของบทที่ 23-24 แล้วค่ะ
ประมาณรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง
เนสซี่ ก่อปัญหาจัง ตาเจคอบ
ก็ต้องทนเพราะรักเด็ก........
ก็รอไม่ไหวนี่ กำลังสนุกเชียว
แต่ยังงัยก็จะตั้งแต่รออ่านภาค
ภาษาไทยนะค่ะ
โดย: tue IP: 110.164.135.159 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:10:42 น.
  
คนแปลหายไปไหนอ่า รออ่านอยู่น้า...
โดย: kino IP: 125.27.126.220 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:20:11 น.
  
ยังไงก็รออยู่นะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ อากาศเปลี่ยนแปลง
โดย: bb IP: 118.173.254.22 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:38:41 น.
  
ขอโทษทีจ้า พอดีเสาร์อาทิตย์ไปงานสัมมนาที่ต่างจังหวัด แล้วพอกลับมาก็เป็นหวัด มึนตี้บซะงั้น เลยไม่ได้แปลเลย

ไงก็รอนิดนึงนะจ๊ะ
โดย: amuro4ever วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:36:04 น.
  
++ ขอให้หายป่วยไวๆนะคะ ++
รักษาสุขภาพให้แข็งแรงดีๆ จะได้มีแรงมาแปลต่อ อิอิอิ
(ยังรออ่านอยู่ทุกวันนะคะ )
โดย: piggy IP: 58.64.79.251 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:49:06 น.
  
get well soon ka.
รออยู่นะคะ
โดย: tue IP: 110.164.180.165 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:10:12 น.
  
หายไวๆๆ จ้า
โดย: ปาน IP: 124.122.89.207 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:44:35 น.
  
หายไวไว นะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
โดย: หมิว IP: 61.19.65.151 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:13:30 น.
  
หายไวไวนะคะพี่อุ๋ม

รออ่านอยู่ค่ะ

2 ตอนแล้ว อิอิ

แอบลุ้นให้แปล the war ต่อ

แต่คงไม่มีหวังอ่ะ
โดย: นิค IP: 125.25.186.77 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:26:22 น.
  
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ตามอ่านอยู่นะคะ ^^
โดย: ying IP: 203.146.192.100 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:58:01 น.
  
โอ๊ย เกือบขาดใจแล้วค่กับการรอคอย
รู้สึกว่าเนสซี่เด็กจริงๆก็ตอนนี้แหละ
สงสารเจคมาก เท่อะไรปานนั้น
ขอบคุณมากค่ะที่สละเวลาแปลให้พวกเราอ่าน
เป็นกำลังใจให้นะคะ
โดย: y-ing IP: 124.120.172.22 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:38:53 น.
  
เป็นกำลังใจให้นะคะ
โดย: Ann21 IP: 119.42.97.139 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:09:11 น.
  
รออยู่นะค่ะ
จะเข้ามาดูทุกวันเลย
โดย: tue IP: 110.164.84.133 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:39:12 น.
  
รออ่านตอนต่อไปๆๆ


กะลังสนุกเลย


พี่ไม่สบายหายไวๆๆน่ะค่ะ


รออ่านๆๆ


ขอบคุณพี่มากๆๆเลยยน่ะค่ะ ที่แปลมาให้อ่าน


วันนี้นั่งอ่านทั้งวันเลย สนุกๆๆ ^^
โดย: LNforever IP: 124.122.164.112 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:03:42 น.
  
รออยู่นะ สู้เขา ตอนที่23
โดย: T. Cullen IP: 58.8.240.212 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:01:28 น.
  
เข้ามาดูแว้ว ไม่สบายยังไม่หายเหรอค่ะ
ยังงัยก็จะรอ
โดย: tue IP: 110.164.81.99 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:24:14 น.
  
ร อ รอ รอ รอ
โดย: mm IP: 125.26.67.79 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:57:24 น.
  
ยังไม่หายป่วยเหรอคะ เงียบไปเลย..ขอให้แข็งแรงเร็วๆ นะคะ
โดย: kino IP: 125.27.129.69 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:48:15 น.
  
พี่อุ๋มแปลได้เก่งจริงๆเลยย

อัพเรวๆน้า

รออ่านอยุค่า



ปล.. แจสเปอร์+อลิซน่ารักมั้ ก กก
โดย: Numcha IP: 124.122.243.215 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:52:44 น.
  
หายเร็ว ๆ นะคะ รออยู่ ขอบคุณมาก
โดย: lemon.freeze IP: 61.90.5.198 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:10:23 น.
  


รออยู่นะค่ะ
โดย: r IP: 58.9.96.87 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:36:04 น.
  
อยากอ่านตอนต่อไปมากค่ะ แปลได้เก่งมากเลยค่ะ
อ่านแล้วอินมากๆ ค่ะ รบกวนแปลต่อนะคะ
โดย: Apple IP: 124.121.162.28 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:44:02 น.
  
รออยู่นะคะ
อิอิ

สู้ ๆ ค่ะ
แปลเก่งได้อีกกกก


^ 0 ^
โดย: i am IP: 202.12.97.115 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:2:18:38 น.
  
รอ รอ รอ รอ รอ รอ รอ รอ
โดย: tue IP: 110.164.143.59 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:27:18 น.
  
รออยู่นะคะ
โดย: Apple IP: 124.121.162.28 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:19:10 น.
  
ขอโทษด้วยยยยย เครื่องเจ๊ง เพิ่งจะเปิดขึ้นเมื่อกี้นี้เอง เฮ้อ...
โดย: amuro4ever IP: 115.67.104.172 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:19:28 น.
  
เย้ ๆๆ
คุณอุ๋มมาแล้ววว


รอ ๆๆ นะคะ
สู้ ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
โดย: i am IP: 202.12.97.115 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:36:50 น.
  
สงสัยอีกนานกว่าจะได้อ่าน
โดย: g IP: 203.156.93.149 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:35:17 น.
  
เครื่องเสียหรือคะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ
แบบว่ารออ่านอย่างเดียวเกรงใจมากเลย
แต่ขอบอกว่า แปลได้สนุกมาๆ ค่ะ
โดย: Apple IP: 125.25.81.245 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:43:56 น.
  
เอาใจช่วยสุดๆอ่ะ
โดย: tue IP: 110.164.173.137 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:17:41 น.
  
สู้ๆ นะ ทั้งคนทั้งคอม อีกนิดเดียวจะจบแล้ว เอาใจช่วยอีกคน
โดย: kino IP: 125.27.126.170 วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:9:08:04 น.
  
ชอบมากกกกกกกๆเลยค่ะ
แปลต่อไวๆนะคะ


ขอบคุณนะคะ

เอาใจช่วยค่ะ
โดย: pretz IP: 125.24.157.108 วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:22:10:50 น.
  
เอะ หายนานเลยนะคะเนี่ย
ไม่สบายยังไม่หายเหรอคะแปลต่อสิคะจะได้เป็นยารักษาที่ดี เฮอๆๆๆ เฝ้ารอทุกวันมาดูวันละหลายรอบ
เฮ้อ สู้ๆนะ
โดย: y-ing IP: 124.120.165.148 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:1:24:40 น.
  
มีไรให้ช่วยมั้ยค่ะ ทั้งคนทั้งเครื่อง ท่าจะแย่
เป็นกำลังใจให้ ไม่ไหวก็พักก่อน ชาร์จไฟให้เต็มที่ (แล้วขอ 2 ตอนรวดเลยนะ อิอิ.... เกรงใจจัง)
โดย: lemon.freeze IP: 58.8.95.217 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:13:59:22 น.
  
พี่อุ๋มขา แปลต่อไวๆ นะคะ อยากอ่านมากเลย
เป้นกำลังใจให้นะคะ
โดย: Apple IP: 125.25.41.194 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:17:15:36 น.
  
ส่งข่าวบ้างนะ ว่าเป็นงัยมั่ง
หายไปเลย เป็นห่วงจัง
โดย: tue IP: 110.164.145.85 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:19:34:21 น.
  
ว๊าว
ชอบรูปเก้าอี้สีม่วงจังเลยค่ะ
(เกี่ยวกันไหมนี่)
5555


ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะค่ะ
โดย: เฌอเบีย IP: 61.90.67.136 วันที่: 12 ธันวาคม 2552 เวลา:20:13:03 น.
  
อ๊า~ แย่แล้วๆ เนสซี่ทำอะไรลงไปเนี่ยะ กำจริงๆ

ขอบคุณพี่อุ๋มค้า จ๊วฟฟฟฟ
โดย: Eric Mun IP: 110.164.203.102 วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:13:35:14 น.
  
สนุกมากค่ะ เป็นกำลังใจให้แปลต่อไปนะคะ
โดย: pummy IP: 124.120.50.220 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:10:06:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

amuro4ever
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]