สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
9
11
14
16
17
18
20
21
23
25
26
28
29
31
 
 
All Blog
The Healer (Twilight Fanfic) บทที่ 6 - คำเชิญ
“ว่างๆ เราไปเที่ยวกันบ้างมั้ย?” แอนนาเบลพูดขณะกำลังรวบรวมข้าวของเตรียมกลับบ้าน

“อื้อ ได้แน่นอน” ฉันตอบ

“อันที่จริงคืนวันศุกร์นี้จะมีปาร์ตี้สระว่ายน้ำนะ ถ้าเธออยากไป.. เธอควรจะไปนะ”

“ปาร์ตี้สระน้ำตอนค่ำเหรอ?”

“ใช่แล้ว เป็นคลับแนวคันทรี่ที่มีสระว่ายน้ำด้วย เราจะย่องเข้าไปตอนกลางคืน สเป็นซ์เคยทำงานที่นั่นช่วงหน้าร้อนเมื่อ 2 ปีก่อน เขามีกุญแจ แล้วที่นั่นก็ไม่เคยเปลี่ยนล็อคด้วย”

ฉันรู้สึกต่อต้านอยู่เดี๋ยวเดียว กิจกรรมห่ามๆ แบบไม่ยั้งคิดของวัยรุ่นฟังดูน่าเย้ายวนใจต่อฉันไม่น้อย

“ไปสิ ฟังดูน่าสนุกนะ” ฉันตอบ

“เยี่ยม! ไว้ฉันจะบอกรายละเอียดทั้งหมดทีหลังนะ”


ขณะที่ฉันกำลังเก็บรวบรวมสมุดหนังสืออยู่นั้น ฉันก็เห็นเจคอบมายืนรออยู่ที่ประตู ฉันกำลังเดินไปหาเขาแต่แอนาเบลไวกว่า

“เธอคงจะเป็นเจคอบสินะ?” เธอพูดกับเขาพร้อมกับยื่นมือออกไปหา

เจคอบยิ้มและจับมือกับเธอ

“อื้ม แล้วเธอคือ?”

“แอนาเบล เฮ้ มือเธอร้อนชะมัดเลย! เธอนั่งทับมือตัวเองตลอดทั้งคาบหรือไง?”

เจคหัวเราะ เธอหันกลับมาหาฉันแล้วทำปากขมุบขมิบจับความได้ว่า “น่ารักเป็นบ้า!”
ฉันยิ้มตอบ หวังว่าเจคอบคงไม่ทันสังเกตเห็นนะ

“เอาหล่ะ ไว้เจอกันนะเนสซี่ อย่าลืมวันศุกร์นี้ล่ะ! เธอก็ได้รับเชิญด้วยนะเจคอบ!” เธอตะโกนบอกขณะที่เดินจากไป


“ศุกร์นี้มีอะไรเหรอ?” เจคอบถามฉันด้วยความสงสัยขณะที่เราเดินไปโรงอาหาร

“ก็มีปาร์ตี้สระว่ายน้ำตอนค่ำน่ะสิ”

“ตอนค่ำเหรอ?”

ฉันยักไหล่เป็นการตอบ

“แล้วเธอจะไปงั้นเหรอ?”

“ฉันอยากไป คุณคงไม่คิดว่าพ่อกับแม่ฉันจะเป็นห่วงหรอกใช่มั้ย?” ฉันบอก

“ฉันก็ไม่คิดว่างั้นนะ ใช่ว่าเราต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธอซะหน่อย ต้องห่วงพวกนั้นมากกว่า”

“คุณจะไปด้วยใช่ไหม?”

“ฉันไม่อยากจะไปทำให้งานกร่อยหรอกนะ พวกเขาเป็นเพื่อนเธอนี่นา”

“ล้อเล่นกันใช่มั้ยเนี่ย? พูดจริงเหรอ?”

“อะไรกันล่ะ”

“ใช่เจค งานคงจะกร่อยแย่เลยถ้าคุณไป ฉันคงจะอายคนทั้งงานถ้าพวกเขารู้ว่าฉันมีหมาตัวโตล่ำบึ้กเป็นเพื่อนสนิท” ฉันตอบไปอย่างตั้งใจแดกดัน

“คิดว่าเล่นมุขนี้แล้วตลกงั้นสิ?”

เขาพูดพร้อมกับยิ้มยิงฟันแบบที่ฉันชอบ ฉันเอามือชี้ตัวเอง “ขำกลิ้งเลยเหอะ”

อย่างรวดเร็ว เขาคว้าตัวฉันขึ้นพาดไหล่จนตัวลอยอยู่ในอากาศ ฉันหัวเราะและทุบหลังของเขาด้วยมือ “ปล่อยฉันลงน่า!” ฉันพยายามพูดให้ชัดที่สุดในขณะทีหัวเราะไปด้วย

“เอ่อ..ห้ามเล่นขี่ม้าส่งเมืองกันที่โถงทางเดิน” น้ำเสียงลังเลพูดขึ้น

เจคอบวางฉันลง อาจารย์ใหญ่นั่นเอง เขาเงยหน้าขึ้นมองเจคอบ รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะใช้คำสั่งกับเจค

“ขอโทษครับ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก” เจคอบพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจที่สุด

“ใช่ มั่นใจนะว่ามันจะไม่เกินขึ้นอีก” เขากล่าวอย่างรวบรัดตัดความขณะก้าวให้พ้นทางเจคอบ ฉันเอาแต่หัวเราะคิกๆ


ตอนเราเดินไปเข้าแถวซื้ออาหาร ฉันสังเกตเห็นถาดของเขาค่อนข้างว่าง

“วันนี้ไม่ค่อยหิวเหรอ?” ฉันถาม

“ไม่อ่ะ ฉันจะกลับไปกินอาหารที่บ้านเธอทำไว้ดีกว่า”

ตอนที่เราเดินไปที่โต๊ะ ฉันก็สะดุดเข้ากับสายตาของสเป็นซ์ ฉันมองไปทางโต๊ะที่เขานั่งก็เห็นเพื่อนของเขาอีกสองคนกำลังมองมาที่ฉันเช่นกัน วินาทีที่ฉันหันไปเห็นพวกเขาก็รีบหลบสายตา แล้วฉันก็เหลือบไปเห็นพ่อกำลังส่งสายตาพิฆาตไปยังโต๊ะของสเป็นซ์

ฉันเดินไปนั่งข้างๆ แม่ ส่วนเจคนั่งลงที่อีกข้างของฉัน
“พ่อเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉันถามแม่

แม่ชำเลืองมองไปทางพ่อและพยายามลูบไหล่พ่อไปมาเพื่อหวังจะช่วยลดแรงตึงเครียดที่มีลง

“ลูกก็รู้นิสัยพ่อเค้าดีนี่นา เขาออกจะเป็นห่วงเกินไปหน่อย”

“ไม่ใช่แค่ต้องได้ยินความคิดของเจ้าเด็กพวกนี้เท่านั้นนะ” พ่อกระฟัดกระเฟียด “แต่ดันต้องมานั่งฟังพวกนี้คุยโม้เรื่องนั้นเรื่องนี้กันเสียงดังอีก ผมต้องทนนั่งฟังตลอดคาบที่สาม” พ่อถอนหายใจแรง

“เจ้าพวกนี้จะมีโอกาสเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ไหนได้?” เขาพูดกับตัวเอง

จู่ๆ ฉันก็เห็นลุงเอ็มเม็ตเดินบึ่งข้ามโรงอาหารมาแต่เขาไม่ได้เดินมาที่โต๊ะเรา พระเจ้า! ฉันคิด เขากำลังเดินไปที่โต๊ะของสเป็นซ์ ฉันเห็นเขาเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งกับพวกนั้น เขายิ้มเหี้ยมเกรียม ฉันมองไปทางพ่อซึ่งขณะนี้กำลังยิ้มแบบเดียวกัน

“เฮ้พวก คงไม่รังเกียจถ้าฉันจะขอนั่งด้วยคนใช่มั้ย?” เอ็มเม็ตเอ่ยกับพวกเขา ฉันได้ยินชัดเจนจากโต๊ะประจำที่เรานั่งกันอยู่

ทั้งสามคนมองเอ็มเม็ตด้วยสายตาหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาส่ายหน้าเร็วๆ และขยับเก้าอี้ออกเพื่อให้เกิดระยะห่างจากเอ็มเม็ตที่สุด

“ได้ยินมาว่าพวกแกพูดจาลับหลังถึงครอบครัวฉันแบบไม่ใช่ลูกผู้ชายเท่าไหร่.. โดยเฉพาะกับพวกผู้หญิง”

“มะ-ไม่มีทาง พวกเราไม่เคยพูดนะ” สเป็นซ์รีบสารภาพออกมา

“ฮึ่ม.. ฉันสงสัยว่า..” เอ็มเม็ตพูดพร้อมแกล้งทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก “ครอบครัวฉันคนไหนหนอ ที่พวกแกกำลังพูดถึงอยู่”

สามคนนั้นมองจ้องเอ็มเม็ตด้วยสายตาอย่างคนขวัญกระเจิง

“คงไม่ใช่โรซาลี่ของฉันนะ ใช่มั้ย?” เอ็มเม็ตส่ายหน้าไปมาแล้วหัวเราะ

“ไม่ คงไม่ใช่หรอก ฉันก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่เธอน่ะห่างไกลกับพวกนายคนละชั้นเลย อีกอย่าง ฉันไม่คิดว่าพวกนายจะรับมือเธอไหวหรอกนะ ฉันเองยังแทบแย่เลย... ถ้านายเข้าใจว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร”

เอ็มเม็ตส่งยิ้มกว้างมาหาโรซาลี่ผู้ซึ่งส่งจูบตอบกลับไป เขาพูดต่อ “ฮื่ม...แล้วก็หวังว่าคงไม่ใช่อลิซนะ เพราะเธอน่ะเป็นสาวประเภทที่ต้องจ่ายค่าบำรุงเยอะหน่อย เชื่อฉันเหอะพวก พวกนายคงได้ถังแตกภายในไม่ถึงชั่วโมงแน่ๆ อีกอย่าง ฉันก็นึกภาพไม่ออกอีกเหมือนกันว่าแจสเปอร์จะทำยังไง ถ้าหมอนั่นรู้ว่าพวกนายคิดสกปรกๆ กับเธอ”

พวกเขาหันมามองทางแจสเปอร์ซึ่งกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขาวๆ อย่างน่าสะพรึงกลัวทันที ฉันเห็นใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดลงทันใด
(ขนาดนั้นเลยเรอะ?!)

“เอาหล่ะ ฉันหวังว่าเพื่อประโยชน์ของตัวพวกนายเอง นายคงไม่มีทางพูดถึงเบลล่าหรือเนสซี่เหมือนกันใช่มั้ย? เพราะไอ้คนล่าสุดที่เคยพยายามน่ะนะ มัน...”

เอ็มเม็ตแกล้งทำท่าเอานิ้วชี้ปาดคอตัวเองแล้วส่ายหัวแบบช่วยไม่ได้

“เพราะแบบนี้ไงพวกเราถึงต้องย้ายมาที่นี่ เอ็ดเวิร์ดน่ะค่อนข้างจะปกป้องแฟนกับน้องสาวของเขาเอามากๆ ซะด้วยสิ”

เอ็มเม็ตแกล้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่ขณะหนึ่งแล้วเอ่ย “อย่างน้อยก็ในแง่มุมบ้าๆ แบบนี้น่ะนะ”
(คือปกติก็เป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว นี่ยิ่งมา่คิดจาบจ้วงล่วงเกินสาวๆ อีกยิ่งแล้วใหญ่)

พวกนั้นมองมาทางพ่อ ผู้ซึ่งกำลังยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมและจ้องขเม็งกลับไปยังพวกเขา
(เอ่อ... สเป็นซ์ ฉันละสงสารแกจริงๆ ว่ะ XD)

เจคพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต

“ไม่ตลกเลยนะ” ฉันพูดกับเขา

“ไม่เอาน่าเนสซี่ พวกนั้นดูท่าเหมือนกำลังจะฉี่ราดอยู่รอมร่อแล้ว”

ฉันมองกลับไปที่โต๊ะนั้นอีกครั้ง อยู่ๆ เอ็มเม็ตก็ยิ้มกว้างขึ้นมา

“เอาหล่ะพวก คุยกับพวกนายนี่สนุกจริงๆ ไว้เจอกันวันหลังนะ” เขาบอก สีหน้าของแต่ละคนอ่านได้ว่าพวกเขาคงหวังอย่างแรงกล้าที่จะไม่ต้องเจอะเจอกับเอ็มเม็ตหรือผู้ชายคนไหนในครอบครัวของพวกเราอีกเป็นแน่



ความเห็น : ตอนนี้นี่อยากยกให้เอ็มเม็ตเป็นพระเอกจริงๆ เหอะพับผ่า! ก็เฮียแกเล่นตีบทโหด (ทั้งที่จริงๆ แล้วติ๊งต๊อง) ได้ขนาดนั้นอ่ะ สงสารก็แต่สเป็นซ์กับพวกเท่านั้น โถ...... คงเก็บไปนอนผวาเลยดิ่



Create Date : 08 สิงหาคม 2552
Last Update : 15 สิงหาคม 2552 2:44:16 น.
Counter : 3717 Pageviews.

2 comments
  
เอ็มเม็ตเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วนั่งลงข้างโรซาลี่ โอบแขนรอบไหล่ของเธออย่างสง่างาม

“หวังว่าแค่นั้นก็น่าจะพอนะ หวังว่าพวกนั้นจะสยองมากพอที่จะคิดแต่วิธีที่จะอยู่ห่างๆ จากสาวๆ ตระกูลคัลเลนเอาไว้”

ฉันส่ายหน้าและก้มลงมองมื้อกลางวันของฉัน ฉันไม่ปล่อยให้เรื่องพวกนี้กวนใจฉันหรอก บางทีอาจจะช่วยหยุดพวกนั้นจากความคิดโง่ๆ ได้บ้างและพ่อจะได้ผ่อนคลายระหว่างที่อยู่ที่โรงเรียนเสียที ฉันพยายามกำจัดเรื่องนี้ออกไปจากหัวและนึกถึงแต่ชั่วโมงสุดท้าย ฉันรู้สึกท่วมท้นและดีใจกับตัวเองเป็นที่สุด ที่ฉันอาจจะได้เพื่อนใหม่เสียที.. เพื่อนที่เป็นคนธรรมดาและเธอก็ชวนฉันไปงานปาร์ตี้แล้วด้วย

ความคิดที่จะได้ไปปาร์ตี้แบบเด็กมัธยมทำให้ฉันเคลิบเคลิ้ม เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ฉันจะสามารถแสร้งทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นวัยคะนองได้ วัยเด็กของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียจนฉันแทบไม่มีโอกาสได้ทันใช้มัน แต่ตอนนี้ฉันมาถึงจุดที่ฉันสามารถใช้ชีวิตในวัยทางกายภาพ ท่ามกลางคนอื่นๆ ได้เสียที

(ขอคั่นเวลาอธิบายนิดนึงว่า เนสซี่เติบโตเร็วมาก อายุที่ถือกำเนิดมาบนโลกหรือที่เอ็ดเวิร์ดเรียกว่า “การดำรงอยู่” คือแค่เพียง 6-7 ปี แต่อายุทางกายภาพหรือการเติบโตของร่างกายเท่ากับ 17 ปี และจะหยุดการเติบโตไว้เท่านี้ตลอดไป – ถ้ายังงง ต้องกลับไปอ่าน Breaking Dawn เล่ม2 หน้า 390 เกี่ยวกับนาฮูเอล – ดังนั้นช่วงเวลา 6-7 ปีก่อนที่เนสซี่จะโตเต็มที่ จึงเปิดตัวให้คนธรรมดารู้จักไม่ได้แน่ๆ เพราะคงน่าสงสัยอยู่ว่าเด็กคนนี้โตไวเหลือเกิน – เนสซี่ผู้น่าสงสาร 6-7 ปีนั้นคงไม่มีเพื่อนเลยสินะ)

พ่อมองมาที่ฉันแล้วยิ้มให้

“วันนี้ได้เพื่อนใหม่แล้วหรือยัง?” พ่อถาม

“ค่ะ” ฉันหน้าแดงนิดๆ พ่อคงได้ยินแล้วว่าฉันดีใจลิงโลดขนาดไหนแล้วมันก็ค่อนข้างน่าอายนิดๆ ด้วย

“เธอชวนเจคอบกับหนูไปงานปาร์ตี้ริมสระน้ำคืนวันศุกร์ด้วย” ฉันบอก

“เนสซี่ ลูกไม่คิดเหรอจ๊ะว่ามันจะเร็วไปหน่อยที่จะอยู่ท่ามกลางมนุษย์มากมายขนาดนั้น บางทีลูกอาจจะต้องการเวลาเพื่อทำตัวให้คุ้นเคยมากกว่านี้อีกหน่อย” แม่กล่าว

“หนูรับมือไหวค่ะแม่ หนูไม่เป็นไรตอนที่อยู่ท่ามกลางคุณตาและครอบครัวของเจคอบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกค่ะ หนูสัญญา” ฉันพูด น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ้อนวอน ก็ฉันอยากไปจริงๆ นี่นา

“เจคอบก็จะไปด้วยเหมือนกัน ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นละก็ เขาจะอยู่กับหนู เขาไม่มีวันปล่อยให้หนูทำอะไรที่ต้องเสียใจภายหลังหรอกค่ะ”

ฉันมองไปที่เจคอบ หวังให้เขาเออออไปกับฉันด้วย แต่เขากลับจมลึกอยู่ในห้วงความคิดอะไรบางอย่าง

“เธอไม่เป็นไรหรอก ทุกคนที่ไปงานปาร์ตี้จะกลับมาที่โรงเรียนในวันจันทร์” อลิซบอก เธอมองไม่เห็นอนาคตของเจคอบกับฉัน หรือปาร์ตี้ริมสระ แต่เธอเป็นว่าทุกคนจะกลับมาเรียนในอาทิตย์ถัดไปอย่างปลอดภัย

“งั้นเนสซี่ ลูกต้องระวังตัวเองมากๆ นะจ๊ะเวลาอยู่กับพวกเขา อย่าทำอะไรน่าสงสัยล่ะ” แม่เสริม

“แม่คะ หนูเล่นบทมนุษย์ธรรมดาได้ดีกว่าทุกคนในบ้านนะคะ” ฉันบอก สำหรับฉันมันง่ายกว่าอยู่แล้วเพราะฉันเป็นลูกครึ่งมนุษย์นี่นา

แม่ถึงกับถอนใจ “ระวังไว้หน่อยก็แล้วกันจ้ะ”
“หนูจะระวังค่ะ หนูสัญญา”

--------------------------------------------------------
โดย: amuro4ever วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:23:02:01 น.
  
คิดภาพเอ็มเม็ตเล่นบทโหดแล้ว คงตลกดีอ่ะ (ก็ปกติไม่ได้เป็นแบบนั้นนี่นา)
โดย: khim IP: 182.52.137.238 วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:15:16:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

amuro4ever
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]