ไม่ว่าระหว่างการเดินทาง ทำงานหรือแม้แต่บนโต๊ะกินข้าว
สิ่งที่เห็นกันจนชินตาก็คือ ภาพคนหยิบ มือถือ และ แท็บเล็ต ได้ทุกที่ทุกเวลา
อุปกรณ์พวกนี้กลายเป็น อวัยวะที่ 33 ของเราไปซะแล้ว
ไม่ใช่แค่ไทยนะ แต่เป็นกันทั้งโลกเลยล่ะ
มีผลสำรวจล่าสุดในไทยและต่างประเทศที่มีคำตอบใกล้เคียงกันจนน่าตกใจ
เชื่อรึไม่ว่าสิ่งแรกที่วัยรุ่นสมัยนี้ 90% ต้องทำเมื่อลืมตาขึ้นมาตอนเช้าก็คือ หยิบมือถือขึ้นมาเช็กความเป็นไปบนโลกออนไลน์ ถ้าไม่ได้ใช้ก็จะเกิดอาการกระวนกระวาย เหมือนอะไรขาดหายไป เรียกว่าเกิดอาการเสพติดอินเทอร์เน็ตก็ไม่ผิดเท่าไหร่
แต่วัยรุ่นยังพอ คุยกันเข้าใจ สอนกันได้ ถ้าเกิดกับเด็กเล็กๆ ล่ะ อันนี้น่าห่วง เพราะพ่อแม่หลายคนก็นิยมโยนแท็บเล็ตให้เด็กเล่นตั้งแต่ยังเล็กๆ ไม่กี่ขวบ ของอย่างนี้ไม่ต้องให้ใครสอน เด็กก็สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง แถมเป็นเร็วกว่าผู้ใหญ่บางคนซะอีก
หากครอบครัวไหนดูแลใกล้ชิดปัญหา ก็จะน้อยหน่อย อย่างเคสล่าสุดในประเทศอังกฤษ เด็กอายุ 3 ขวบมีอาการเสพติดอินเทอร์เน็ต จนพ่อแม่ต้องพาเข้ามาบำบัด เพราะมัวแต่ปล่อยให้ลูกเล่นแท็บเล็ตเป็นเวลาวันละหลายชั่วโมง กว่าจะรู้ตัวก็สายไปซะแล้ว
พฤติกรรมก็สังเกตง่ายๆ คือ เด็กจะอยู่กับหน้าจอแท็บเล็ตตลอดเวลา พอถูกแยกจากเครื่องก็จะเกิดอาการงอแง ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมตัวเองได้ หากปล่อยให้เด็กเติบโตกับอาการนี้ก็มีแนวโน้มที่จะทำตัวแปลกแยกจากคนอื่น
นี่ยังไม่นับปัญหาทางกายภาพอีก เช่น การจิ้มจออย่างเดียว ทำให้กล้ามเนื้อมือพัฒนาได้ไม่เต็มที่ทุกส่วน ซึ่งส่งผลต่อการเขียนโดยตรง หรือการมองหน้าจอในระยะใกล้เป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องสายตาอีก
สิ่งที่ผู้ปกครองต้องย้อนกลับมาตัวเองจำเป็นรึไม่ ที่ต้องให้เด็กใช้เทคโนโลยีก่อนวัยอันควร
ค่อยๆ เสริมพัฒนาการที่จำเป็นก่อนดีกว่ารึเปล่าเป็นสิ่งที่ต้องคิด
ไม่ได้ห้ามใช้นะ แต่ควรเป็นแค่เครื่องมือเสริมเท่านั้น และต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีก่อนนำมาใช้ถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ