เอเซอร์ เปิดตัวสินค้ากลุ่มไฮบริด ลูกผสมระหว่างแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ก ลงตลาด 2 รุ่น หวังเจาะกลุ่มคนอยากเปลี่ยนคอมพิวเตอร์และคนชอบเล่นเกม...
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. นายนิธิพัฒน์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้หลากหลาย ในส่วนผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กนั้นจำเป็นต้องตอบสนองการใช้งานได้มากขึ้น ปัจจุบันบริษัทได้พัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮบริด (Hybrid) ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งการทำงานและความบันเทิง เข้าถึงข้อมูลได้หลายรูปแบบทั้งการสัมผัส การสั่งงานด้วยเสียง หรือคีย์บอร์ด ขณะเดียวกันก็ต้องมีรูปร่างแตกต่างจากโน้ตบุ๊กแบบเดิมๆ อีกด้วย
ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาด เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า จากรายงานของไอดีซี (บริษัทวิจัยด้านการตลาดระดับโลก) ระบุว่าปัจจุบันตลาดโน้ตบุ๊กมีแนวโน้มปรับลดลงกว่า 20-30% สะท้อนให้เห็นความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย โน้ตบุ๊กจึงจำเป็นต้องตอบโจทย์ได้มากขึ้นภายใต้การออกแบบที่ผสมผสานระหว่างแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ก ซึ่งบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนิยมหันมาให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา รวมถึงด้านการออกแบบมากขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก ขณะที่เอเซอร์จะเน้นการมีแพลตฟอร์มหลากหลายให้ลูกค้าเลือกควบคู่ระดับราคาที่หลากหลายให้ลูกค้าสามารถจับต้องได้
นายบุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์โมบิลิตี้ เอเซอร์ กล่าวว่า ปัจจุบันโน้ตบุ๊กหน้าจอสัมผัสของเอเซอร์มีระดับราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 14,900 บาท ซึ่งเป็นแนวโน้มที่มีการปรับลดราคาลงอย่างชัดเจน จากอดีตที่โน้ตบุ๊กหน้าจอสัมผัสจะมีราคาเริ่มต้นราว 17,900 บาท โดยแนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับภาพตลาดรวม อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดรวมโน้ตบุ๊กในปีนี้อาจมีส่วนแบ่งตลาดเป็นกลุ่มไฮบริดราว 15% แต่หากรวมตลาดโน้ตบุ๊กหน้าจอสัมผัสทั้งหมด เชื่อว่าอาจมีส่วนแบ่งถึง 45-50%
รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์โมบิลิตี้ เอเซอร์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮบริดคอมพิวเตอร์ โดยเปิดตัวเอเซอร์ แอสไปร์ พี3 ไฮบริด อัลตร้าบุ๊ก (Acer Aspire P3 Hybrid Ultrabook) และเอเซอร์ แอสไปร์ อาร์7 ไฮบริด โน้ตบุ๊ก (Acer Aspire R7 Hybrid Notebook) เพื่อตอบสนองการใช้งานหลากหลาย โดยทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยภายในช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยบริษัทตั้งเป้าจำหน่ายแอสไปร์ พี3 ไฮบริด อัลตร้าบุ๊ก ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มแมสและผู้ที่ต้องการเปลี่ยนโน้ตบุ๊กให้รองรับการใช้งานได้ทั้งการเป็นโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต ประมาณ 5,000-10,000 เครื่องต่อเดือน ขณะที่แอสไปร์ อาร์7 ไฮบริด โน้ตบุ๊ก ซึ่งมีจุดเด่นที่หน้าจอสัมผัสที่สามารถรองรับการสัมผัสได้อย่างสมบูรณ์แบบและเน้นประสิทธิภาพของเครื่อง ออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มเกมมิ่งรวมถึงคนทำงานกราฟฟิก บริษัทตั้งเป้าจำหน่ายไว้ที่ 1,000 เครื่องต่อเดือน.