บก.ปอศ.ยันจับจริงหากขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งซอฟต์แวร์ เพลง หนัง เล็งคุมเข้มห้างทั่วประเทศ หลังห้างไอทีดังให้ความร่วมมือตะลุยกวาดล้างผู้ขายผิดกฎหมาย...

พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอชื่นชมผู้บริหารห้างพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ที่ได้ประกาศเจตนารมณ์เป็นศูนย์การค้าปลอดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ 100% ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2557 เป็นต้นไป โดยจะดำเนินการยับยั้งการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ อาทิ ซอฟต์แวร์ เพลง และภาพยนตร์ ในฐานะตัวแทนของภาครัฐ เราหวังว่าผู้ประกอบรายอื่นควรยึดเป็นแบบอย่างในการประกอบธุรกิจ สอดคล้องกับที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายว่า หน่วยงานราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดขึ้นร่วมกันโดยการบูรณาการ

รองผู้บังคับการ บก.ปอศ. กล่าวต่อว่า ตำรวจยังคงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อปราบปรามกิจกรรมการค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในพื้นที่ตามห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะในห้างที่มีการจำหน่ายสินค้าประเภทอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็นชุมชนอันประกอบไปด้วย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย เจ้าของพื้นที่ และผู้บริโภค ซึ่งแต่ละฝ่ายสามารถมีส่วนร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ในการลดอาชญากรรมอันเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาได้ โดยในเรื่องความร่วมมือจากเจ้าของพื้นที่นั้น สามารถปกป้องผู้ประกอบการจากการบังคับใช้กฎหมายความรับผิดของเจ้าของพื้นที่ ทั้งในส่วนของข้อบังคับที่กำหนดภายใต้เงื่อนไขในปัจจุบันและที่อาจบังคับใช้เพิ่มเติมในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรให้ความร่วมมือในการตรวจสอบการดำเนินงานธุรกิจ โดยควรจะกวดขันกับพนักงานไม่ให้ทำการเสนอโปรแกรมคอมพิวเตอร์ละเมิดลิขสิทธิ์ให้กับลูกค้า ร่วมกันประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายย่อยหรือองค์กรธุรกิจ ให้เห็นความสำคัญของการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ถูกลิขสิทธิ์ รวมถึงขอความสนับสนุนจากผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายเครื่องที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ที่จำเป็นต่อการใช้งาน เพื่อยุติปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์จากระดับต้นน้ำ

พ.ต.อ.ชัยณรงค์ กล่าวอีกว่า ตำรวจได้ใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง ที่จะลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับการค้าปลีกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในศูนย์การค้าด้านไอที โดยได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการศูนย์การค้าให้ช่วยสอดส่องดูแล และแจ้งเตือนผู้เช่าให้งดเว้นการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของพื้นที่ให้เช่า ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการชุมชนต้นคิดต่อต้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ของ บก.ปอศ. โดยจากการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามีร้านค้าเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อยู่ประมาณ 1,200 แห่งทั่วประเทศ โดย 450-500 ร้านค้าตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ ซึ่งมียอดขายคิดเป็น 80% ของยอดขายรวมในแต่ละปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตำรวจจะจับตามองเป็นพิเศษ รวมทั้งการตั้งเป้าเร่งตรวจสอบและปราบปรามการค้าซอฟต์แวร์เถื่อนตามศูนย์การค้าทั่วประเทศอีกด้วย

"การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากภาษีอากรในแต่ละปีเป็นจำนวนมหาศาล และยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของต่างประเทศ อีกทั้งยังทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสทางการค้า โดยเฉพาะการที่ไทยยังอยู่ในข่ายประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษของสหรัฐอเมริกา ตำรวจจึงจำเป็นต้องเร่งปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด" พ.ต.อ.ชัยณรงค์ กล่าว

พ.ต.อ.ชัยณรงค์ กล่าวด้วยว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะถูกนำมาเป็นแบบเครื่องเปล่าไม่มีโปรแกรม ซึ่งมีผู้ค้าปลีกจำนวนน้อยมากที่จะมีการจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมการติดตั้งโปรแกรมถูกลิขสิทธิ์ ทำให้ผู้ซื้อส่วนใหญ่เลือกซื้อซอฟต์แวร์เถื่อน ในราคา 300-500 บาท เพื่อติดตั้งและนำมาใช้งาน ซึ่งเสี่ยงต่อการเข้าถึงของมัลแวร์และไวรัสต่างๆ ที่มากับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เหล่านั้น

นอกจากนี้ ยังรวมถึงภาคธุรกิจที่ต้องส่งออกสินค้าไปสหรัฐอเมริกา โดยการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายนั้น อาจทำให้เจ้าของธุรกิจถูกปรับและดำเนินคดี ฐานละเมิดกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ทางการขอเตือนผู้ขายว่า เรามีแผนบุกเข้าตรวจค้นถี่ขึ้น และจากการที่ได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ได้รับรู้ทั่วกันแล้ว ผู้ที่กระทำความผิดจะได้รับการพิจารณาโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ ภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 การละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการขาย การถือครองเพื่อขาย หรือการนำเสนอขายโปรแกรมเหล่านั้นมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 800,000 บาท และศาลอาจมีคำสั่งให้ปิดกิจการของผู้กระทำความผิดได้.