ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นเขาบอกว่าชีวิตเปลี่ยนไปมหาศาล หลังจากถ่ายภาพช็อตเด็ดชายชาวอิหร่านถูกระเบิดขาขาดเป็นคนแรกที่บริเวณ ซอยสุขุมวิท 71 หน้าโรงเรียนเกษมพิทยาพร้อมกับโพสต์ลงในสังคมออนไลน์โดยมีสื่อต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาขอสัมภาษณ์มากมาย

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้หัวกระไดปากซอยปรีดีพนมยงค์ 20 (สุุขุมวิท ซอย 71) ก็ไม่เคยแห้งนับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่เขาไม่ได้หยุดแค่นั้น ล่าสุดถ้าตามทวิตเตอร์ก็จะเห็นความเคลื่อนไหวน่ารักๆ เขาเริ่มสอนการใช้โซเชียลมีเดีย ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก พร้อมกับสอนภาษาอังกฤษให้กับเพื่อนๆ ในวินมอเตอร์ไซค์ จนหลายคนชื่นชอบในความใฝ่รู้ของมอเตอร์ไซค์วินกลุ่มนี้

"พูดได้ครับว่ามีวันนี้ เก็บเงินจากการออกอีเวนต์ เป็นวิทยากรพูดเรื่องโซเชียลฯ จนซื้อรถมอเตอร์ไซค์เงินสดๆ มีลูกค้ากว้างขึ้นมาก ความสนใจก็ขยายไปไกล จากแค่ขับวิน ส่งเอกสาร นี่ก็รับซ่อมคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษก็กำลังเรียนอยู่แบบงูๆ ปลาๆ พร้อมกับถ่ายทอดไปยังเพื่อนๆ ในวินที่สนใจ ทั้งหมดนี้เพราะทวิตเตอร์ครับ" จ้อน เดชชาติ พวงเกษ ยิ้มสนุกตามนิสัย

วันสบายๆ ไทยรัฐออนไลน์บุกไปอัพเดตชีวิตวันนี้ วันที่ทุกคนเรียกเขาว่าเจ้าพ่ออีเวนต์เป็นอย่างไร

ทวีตดังโด่ง ต่อยอดความโด่งดัง...

"ตั้งแต่วันที่ทวีตรูปนั้นออกไป งานชุกมากมายมาถึงวันนี้เลยครับ..." จ้อน เดชชาติ พวงเกษ เจ้าของทวิตเตอร์มอเตอร์ไซค์รับจ้าง @motorcyrubjang ย้อนเหตุการณ์ให้ฟัง สีหน้าเขายังตื่นเต้นไม่หาย วันนั้นตนได้ยินเสียงระเบิดแล้วก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ นึกว่าเป็นเสียงหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด สักพักเพื่อนก็ขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วมาบอกว่ามีระเบิด เพื่อนก็ไม่รู้บอกว่าระเบิดพลีชีพผมก็เลยรีบไปดู แต่ตอนนั้นตำรวจและนักข่าวยังไม่มา ผมเลยรีบถ่ายรูป ถ่ายเสร็จก็อัพทวิตเตอร์ พอทวีตได้พอประมาณ ผมก็ไปเข้าร้านอินเทอร์เน็ต เพื่อที่จะเอารูปไปอัพโหลดในเว็บบล็อก  

"ผมสนใจใช้ทวิตเตอร์ เพราะเป็นคนที่ชอบท่องเว็บ อ่านข่าว เคยได้ยินผู้คนต่างๆ พูดกันมากมายในโลก social media ว่าทวิตเตอร์เป็น social media หนึ่งที่มีการรับ-ส่ง ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว จึงสนใจที่จะติดตามข่าวสาร follow เหล่าบรรดานักข่าวเพื่ออัพเดตข่าวสารมาได้ 2-3 ปีแล้ว มีโอกาสมากมายแบบวันนี้เพราะทวิตเตอร์จริงๆ" จ้อนย้ำและบอกว่าก่อนที่จะเจอกัน ค่ายมือถือดังก็ทวีตเชิญมาร่วมออกอีเวนต์ แน่นอนว่าเขามีค่าตัว ไม่แตกต่างไปจากดาราฮอตๆ ออกงาน 

'อีเวนต์' ที่ 'ไม่เว้น' ของคนดัง..!

มีค่าตัว-เราสงสัย จ้อนยิ้มเขินๆ ใครจะนึกว่าหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณ ซอยสุขุมวิท 71 หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2555 ที่ผ่านมานับเนื่องจากสื่อต่างประเทศ สื่อไทยเข้ามาขอสัมภาษณ์ วันนั้นเป็นต้นมา จากมอเตอร์ไซค์รับจ้างและรับส่งเอกสารธรรมดา จะกลายเป็นหนึ่งในเจ้าพ่ออีเวนต์ ที่มีงานชุกมากที่สุดเมื่อเทียบกับนักทวีตหน้าใหม่คนอื่นๆ

"จะพูดว่าโด่งดังก็ได้ แต่เป็นดังในโลกอินเทอร์เน็ต โลก social network (หัวเราะ)" จ้อนออกตัว อีเวนต์ส่วนใหญ่มีเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น วิทยากรตามมหาวิทยาลัยต่างๆ รับงานสัมมนา หัวข้อที่ถนัดก็คือการสร้างแรงบันดาลใจ ออกอีเวนต์สินค้าที่เขารับเชิญไปบ้าง" จ้อนบอกว่าเรตไม่สูงมากเหมือนกับ เจมส์ จิรายุ หรืออั้ม พัชราภา ส่วนใหญ่คนจะใส่ซองให้ 3,000-5,000 บาท

"ไม่น้อยไม่มากเกิน นอกจากงานอีเวนต์แล้ว งานที่มีเข้ามาตั้งแต่ผมมีชื่อเสียงก็หลั่งไหลมามากมาย ที่แปลกที่สุดก็คือ งานรับจ้างตามเมียน้อยของผู้มีชื่อเสียงคนดังเมืองไทย" จ้อนหัวเราะดังพลางปิดปาก จนคนในวินมอเตอร์ไซค์หันมานึกว่าท่าทางดังกล่าวต้องมีเรื่องอะไรลับๆ มาเล่าสู่กันฟังแน่ๆ

"ฟังแล้วอย่างไปบอกใครนะ เขามาจ้างให้ผมขับรถไปแอบดูคนรักของผู้จ้างว่าวันๆ ทำอะไรบ้าง เดินทางไปที่ไหน ไปกับใคร ซึ่งรายได้ก็ดีมาก (เน้นเสียง) รวมๆ แล้ว 3 วันผมได้ค่าจ้างเกือบ 2 หมื่น ถือว่าเป็นงานจ๊อบที่มีรายได้ดีที่สุดตั้งแต่โด่งดังจากทวิตเตอร์มา และเงินก้อนนี้ก็ผสมๆ กันทำให้เขาถอยรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ได้ 1 คันด้วยเงินสดๆ"

ความสามารถรอบด้าน...!

นอกจากงานอีเวนต์แล้ว สิ่งที่จ้อนไม่ลืมก็คือ การถ่ายทอดความรู้เรื่องเทคโนโลยี โซเชียลเน็ตเวิร์ก ความรู้เรื่องไอที พร้อมกับการศึกษาความรู้ทางภาษาอังกฤษให้กับเพื่อนที่ขับมอเตอร์ไซค์วินด้วย

"ผมคิดว่าภาษาอังกฤษ กับเรื่องไอทีเป็นเป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งปัจจุบันและอนาคต อย่างเรื่องคอมพิวเตอร์ผมก็ซื้อหนังสือคอมพิวเตอร์เบื้องต้นมาศึกษาเอง ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษนอกจากอาศัยอ่านแล้ว การฝึกภาษาที่ดีที่สุดก็คือการดูภาพยนตร์ วิธีคือผมจะไม่ดูหนังที่พากย์ไทย หรือบรรยายไทยเลย ใช้ฟังและดูภาษาอังกฤษจากหนังล้วน เพราะถ้ามีซับไทยเราก็จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูด พูดว่าอะไรเพราะภาษาอังกฤษสำเนียงมันก็ไม่เหมือนกัน อย่างคนอังกฤษ กับคนอเมริกัน อังกฤษกับอังกฤษ บางทีสำเนียงยังไม่เหมือนกันเลย ก็ฝึกกันไป หรืออย่างอ่าน หรือฟังคำที่ไม่เข้าใจมาก็เอามาถามลูกค้าที่เป็นอาจารย์ในซอยปรีดีพนมยงค์ ซอย 20 เขาก็ใจดีสอนให้หมด พอเรามีความรู้มาระดับหนึ่งก็มาถ่ายทอดต่อ เพื่อนในวินมอเตอร์ไซค์ก็เป็นเหยื่อทดสอบความรู้หลายคน" 

"บางครั้งก็มีพูดคุยสนทนาภาษาอังกฤษกับลูกค้าต่างชาติเพราะในซอยนี้ต่างชาติเยอะ เพื่อนพูดไม่ได้ ผมก็เข้าไปช่วยสื่อสารให้ ว่างๆ ระยะหลังก็ทวีตเป็นภาษาอังกฤษบ้างเพื่อฝึกฝน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของสภาพอากาศและการรายงานจราจรในพื้นที่ตามประสาวินมอเตอร์ไซค์ที่เราขี่ไปไหนมาไหน เห็นเหตุการณ์อะไร รถติด ฟ้ามืด ก็ถ่าย (ยิ้ม) และบางครั้งเราเบื่อที่จะทวีตเป็นภาษาไทย แต่ใจจริงๆ อยากเก่งภาษาอังกฤษ"

จ้อนยังพูดอีกว่า ตนเองไม่ได้ใช้เป็นแค่ทวีต หรือพูดภาษาอังกฤษได้ ยังมีความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์ รับลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซ่อมคอมพิวเตอร์ต่างๆ บางทีก็รับซ่อมคอมฯแถวตามบริษัทที่อยู่บริเวณในซอยนี้แหละ

"เรื่องซ่อมคอมพิวเตอร์เหมือนอย่างโฆษณาเรื่องรับจ้างส่งเอกสาร ผมใช้ความรู้ทางคอมพิวเตอร์สร้างบล็อกแล้วใส่คำค้นเช่น สุขุมวิท 71 ซ่อมคอมพิวเตอร์ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อให้คนแถวนี้กดกูเกิลและเจอบล็อกโฆษณาของผมแบบเจาะจงเลย (หัวเราะ) ดังนั้นถ้าใครอ่านตรงนี้ หากคุณอยู่ย่านสุขุมวิท 71 แล้ว คอมพิวเตอร์มีปัญหา บูทเครื่องไม่ขึ้นก็เสิร์ชหาคำว่า รับซ่อมคอมสุขุมวิท 71 หรือวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างสุขุมวิท 71 มันก็ขึ้นมาหน้าแรก แล้วโทรมาผมก็ไปซ่อมให้ในราคาย่อมเยา"

เผื่อแผ่ ผองเพื่อน...!

นอกจากจะหาโอกาสให้กับตัวเองแล้ว จ้อนยังสร้างโอกาสให้กับเพื่อนๆ ในวินมอเตอร์ไซค์แห่งนี้ด้วยการสอนคอมพิวเตอร์ สอนให้รู้ถึงประโยชน์ของโลกอินเทอร์เน็ตอีกด้วย

นายจริต ปูคะภาค หรือ ต๋อม มอเตอร์ไซค์รับจ้างเบอร์ 5 ในวินเดียวกับจ้อน เป็นอีกหนึ่งคนที่สนใจเรื่องไฮเทค บอกว่า ถ้าจะพูดว่ามีจ้อนเป็นแรงบันดาลใจก็คงจะไม่ผิด

"ผมแอบเอาไอแพดของลูกมาให้เขาสอนสมัครไวไฟที่ กทม.ปล่อยให้ใช้ฟรี 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็ลองเข้าเว็บไซต์ต่าง เข้าเว็บไทยรัฐออนไลน์ เนชั่น และสำนักข่าวอื่นๆ เพื่ออ่านข่าวสารบ้านเมืองที่เราสนใจ ซึ่งรวดเร็วดี ไม่ต้องเสียเงินซื้อหนังสือพิมพ์ด้วย ตอนนี้ก็ลองๆ หัดใช้ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊กอยู่ แต่เสียดายต้องเอาไอแพดไปคืนลูกซะก่อน" (หัวเราะ)

นายวรธน เกตรา  หรือ ทุม มอเตอร์ไซค์รับจ้างเบอร์ 1 ในวินเดียวกัน เป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นความสำคัญของโซเชียลเน็ตเวิร์ก กล่าวว่า ตนเองเพิ่งมีเฟซบุ๊ก ส่วนใหญ่นอกจากใช้อ่านข่าวสารแบบไม่ต้องซื้อหนังสือพิมพ์แล้ว ก็ยังใช้เฟซบุ๊กในการสื่อสารกับเพื่อนๆ ในวินด้วย

ชื่อเสียง - เหรียญสองด้าน

แม้ 'จ้อน' วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจะได้ความนิยมและชื่นชมมากมายจากช่องทาง social network แล้ว เขาบอกว่าอยากจะขอบคุณทุกคนที่เข้ามา follow และ unfollow ซึ่งบางคนก็อยากติดตามความคืบหน้าจากผม และบางคนก็ไม่ชอบผมก็ไม่ว่า... แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องทนรับกับกระแสความคิดของคนอื่นที่ ว่าร้าย นินทา ดูถูก จากทางทวิตเตอร์ และทางข้อความโทรศัพท์....

"ทวีตด่า ว่าทำอย่างนี้อยากเด่นอยากดัง หรือ ด่าเราว่าเสื้อผ้าเลอะๆ ยังใช้อยู่ ด่าอย่างโน่นอย่างนี้ คนเราก็แปลกนะ เห็นคนอื่นดังก็อิจฉา เหมือนโรคจิต (หัวเราะ) บางทีส่งข้อความมาว่า มารบกวนเป็นเดือน เหมือนดาราดังคนอื่นๆ โดน จนทนไม่ไหวเลยบล็อกเบอร์ไว้ และอีกเหตุการณ์หนึ่งตอนที่ TPBS เชิญไปพูดให้ นักศึกษา ม.กรุงเทพฟัง ก็มีข้อความส่งมาบอกว่าคนที่แกว่าโรคจิตๆ นั่งดูแกอยู่ พอโทรกลับไปก็ไม่มีใครรับสาย แต่ก็ได้เข้าแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ผมไม่คิดอะไร ก้มหน้าทำงานก็พอแล้ว" จ้อนกล่าวสรุป

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวดีๆ การหาโอกาส การสร้างโอกาส และไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป จากแค่มอเตอร์ไซค์วิน สู่เซเลบออนไลน์ สู่โลกแห่งความจริง.