พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
23 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
ตื่นยุค “Mobile Device” ค้าส่ง-ปลีกไอทีปรับทัพขนานใหญ่

กระแสตื่น “โมบายดีไวซ์” ทำให้หลายธุรกิจทั้งไอทีและโทรคมนาคมต้องลุกขึ้นปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้เข้ากับเทรนด์สำคัญที่ว่ากันว่ามาแรงในปี 2555 และอาจจะทำให้เกิด Big Move ในอุตสาหกรรมไอที-โทรคมนาคมเมืองไทย ซึ่งธุรกิจค้าส่ง หรือดิสทริบิวเตอร์ ก็เป็นหนึ่งตลาดที่ต้องปรับตัวให้สอดรับกับเทรนด์นี้เช่นกัน พร้อมทั้งพยายามมองหาช่องทางขายใหม่ๆ



      “ธุรกิจ ค้าส่งไอทีตอนนี้ เป็นช่วงที่ทำเล็กไม่ได้ เพราะเล็กแล้วใครจะคุยด้วย” สมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะแวลลู ซิสเตมส์ จำกัด ฉายภาพดิสทริบิวเตอร์ที่เกิดขึ้นในวันนี้

      แม้ ปัจจุบันผู้ค้าส่งไอทีรายใหญ่จะมี 4 ราย แต่การเข้ามาของยักษ์โมเดิร์นเทรด และการที่เชนค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าหันมาจำหน่ายสินค้าไอทีมากขึ้น ทำให้การแข่งขันรุนแรง อีกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มหันมาจับจ่ายสินค้าไอทีตามห้าง เมื่อผนวกกับสภาพตลาดไอทีที่เติบโตไม่หวือหวา บวกกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีตลอดเวลา โดยเฉพาะโมบายดีไวซ์ อย่างแท็บเลตและสมาร์ตโฟน ที่ผู้คนเริ่มนิยม ส่งผลให้ดิสทริบิวเตอร์ไม่อาจหยุดนิ่งอยู่กับการขายสินค้ากลุ่มเดิมๆ ได้อีก

      สอด คล้องกับ ณัฐวุฒิ พิริยะจีระอนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยร่วมค้า เดอะซิสเต็ม จำกัด ผู้ค้าส่งและปลีกสินค้าไอที แบรนด์ “แอดไวซ์ ดิสทริบิวชั่นส์” มองว่า แนวโน้มการเข้ามาของร้านค้าในรูปโมเดิร์นเทรดและเชนสโตร์อย่างบิ๊กซี โลตัส รวมถึงเพาเวอร์มอลล์ และเพาเวอร์บาย ที่หันมาจำหน่ายสินค้าไอทีมากขึ้น เริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไอทีบ้าง แต่อนาคตหากร้านเหล่านี้มีการปรับตัว ก็อาจจะกระทบต่อธุรกิจค้าส่งและปลีกไอทีอย่างหนัก จึงต้องปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน

      การ ทำธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น ถือเป็นแนวทางการปรับตัวของเดอะแวลลูฯ ที่วางไว้ในปีนี้ โดยความใหญ่ในที่นี้ ไม่ใช่การขยายในแง่ขนาดองค์กร ทว่าเป็นสินค้าที่จะนำเข้ามาขายในร้านต้องมีความหลากหลายและไม่หยุดนิ่ง เพราะหากหยุดเมื่อไหร่เท่ากับหยุดการเติบโต

      สินค้า ใหม่ที่เดอะแวลลูฯ จะให้น้ำหนักในปีนี้ เพื่อเสริมไลน์กับสินค้าเดิมๆ ในกลุ่มโน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์พีซี เซิร์ฟเวอร์ และการให้บริการที่ปรึกษา ก็คือ สมาร์ตโฟน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตน่าสนใจ โดยปีนี้คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 7-8 ล้านเครื่อง เติบโตจากปีที่แล้วที่ตลาดอยู่ประมาณ 3-4 ล้านเครื่อง กอปรกับพฤติกรรมผู้บริโภคยอมที่จะจ่ายเงินซื้อสมาร์ตโฟนมากกว่าโน้ตบุ๊ก จึงทำให้อัตราการเติบโตของโน้ตบุ๊กเริ่มลดลง อีกทั้งมาร์จิ้นยังน้อยลง



      ที่ ผ่านมา เดอะแวลลูฯ เคยชิมลางสมาร์ตโฟน โดยขายให้ค่ายเดลล์รายเดียว แต่ไม่หวือหวามากนัก โดยปีนี้กำลังมอง 2 แบรนด์ ได้แก่ ซัมซุง และโนเกีย เพื่อจะขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น

      “แม้แบรนด์ด้านคอมพิวเตอร์จะมีการผลิตสมาร์ตโฟนออกมาขายบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของตลาด เนื่องจากยังไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค อีกทั้งบริษัทไอทียังมีความเข้าใจสภาพตลาดมือถือไม่มาก ส่วนแบรนด์มือถือเองมีความได้เปรียบในเรื่องฟีเจอร์มือถือมากกว่า”

      การ ปรับตัวอีกอย่างที่จะเห็นได้ชัด ก็คือ การขยายตลาดบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง ทั้งในส่วนของพลับลิก คลาวด์ และไพรเวต คลาวด์ โดยล่าสุด ได้ตกลงร่วมกับ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือไอเน็ต เพื่อเตรียมให้บริการระบบวีเอ็มแวร์ คลาวด์ ในรูปแบบพลับลิก คลาวด์สำหรับลูกค้าต่างๆ พร้อมตั้งทีมเพื่อศึกษาเทรนด์ และการพัฒนาของเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ไม่ให้ตกกระแส

      โมเดล การทำตลาดนี้ แวลลูฯ จะวางตัวในลักษณะเอเยนต์ เชื่อมระหว่างผู้ให้บริการและลูกค้า โดยรูปแบบการขายจะเป็นการเข้าไปนำเสนอผลิตภัณฑ์ แพกเกจค่าบริการต่างๆ ที่มีอยู่ และค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้เลือก บริษัทจะได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือนแทนตามสัดส่วนการใช้งาน (Pay per use) ส่วนการให้บริการจะเป็นเรื่องของบริษัทเจ้าของซอฟต์แวร์กับดาต้าเซ็นเตอร์ หรือผู้ให้บริการโทรคมนาคม

      “เราไม่ได้คาดหวังรายได้ เป็นการทดลองตลาด อีกทั้งกระแสคลาวด์กำลังมา เราต้องหาโอกาสให้เจอ”

      ช่อง ทางการขายที่เข้าถึงและขยายฐานลูกค้าในวงกว้างจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญสำหรับ การเพิ่มยอดขาย โดยปีนี้เดอะแวลลูฯ จะเน้นรุกออกต่างจังหวัดเพื่อให้สินค้าเข้าไปใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากสินค้าไอทีมีราคาต่ำลง สามารถเข้าถึงคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น อีกทั้งตลาดยังเติบโตต่อเนื่อง โดยจะเน้นเจาะผ่าน 4 ช่องทางหลัก คือ ไอทีชอป ห้างไอที โมเดิร์นเทรด และร้านเชนสโตร์เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่

      พร้อม กันนี้ ยังต้องการเติบโตในส่วนเอนเตอร์ไพรส์มากขึ้นด้วย เพราะปีที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ที่มีการเติบโตมากสุด เฉลี่ย 40% และปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว ขณะที่คอนซูเมอร์เติบโตเพียง 5% โดยได้เป็นพันธมิตรกับออราเคิล เพื่อเป็นผู้แทนจำหน่ายระบบเฮกซะดาต้า (Hexadata) สำหรับใช้ในระบบฐานข้อมูลของออราเคิล หลังจากปีที่ผ่านมาทดลองทำตลาด โดยคาดว่าปีนี้จะขายได้ไม่ต่ำกว่า 6 เครื่อง คิดเป็นยอดขายมากกว่า 100 ล้านบาท

      จากแนวทางการปรับตัวดังกล่าว ทำให้ เดอะแวลลูฯ มั่นใจว่าจะรักษาการเติบโตในระดับ 5% แม้จะเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่จากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ตอนนี้จึงไม่ได้มุ่งเรื่องยอดขายเป็นหลัก แต่จะให้ความสำคัญกับการทำกำไรให้ดีขึ้นกว่าตลาด

      ด้าน สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค ประเทศไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทกำลังวางแผนจะโฟกัสตลาดใหม่ในกลุ่มคอนซูเมอร์ หลังจากเริ่มเห็นแนวโน้มการเติบโตของสินค้า เช่น สมาร์ตโฟน และแท็บเลต ซึ่งปี 2554 ซินเน็คมียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% รวมทั้งจัดกิจกรรมซีอาร์เอ็มให้ลูกค้าและพันธมิตร เพื่อให้ความรู้ และชี้ให้เห็นเทรนด์การเติบโตในอุตสาหกรรมไอทีช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัวเต็ม ที่

      ปัจจุบันซินเน็คเป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ตโฟนหลักๆ 5 แบรนด์คือ เอชทีซี, ซัมซุง, โซนี่ อีริคสัน, เอเซอร์ และเดลล์ ส่วนแท็บเลตมี 3 แบรนด์คือ เอเซอร์, เอชทีซี และซัมซุง
      


      *** “บริการ” สร้างความแตกต่าง ***
      
      ณัฐ วุฒิ บอกว่า แนวทางการปรับตัวของแอดไวซ์ ดิสทริบิวชั่นในปีนี้ จะมุ่งให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายมากขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นกลยุทธ์ที่ใช้สร้างความแตกต่างจากผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที ในปัจจุบันแล้ว ยังจะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยล่าสุดผุด 2 บริการใหม่ ได้แก่ มิสเตอร์ พีซี แบรนด์ เพื่อเอาใจคอคอมพิวเตอร์พีซี โดยสามารถถามตอบปัญหาผ่านช่องทางไลฟ์แชตตลอด 24 ชั่วโมง และบริการหมอคอมพ์ที่จะประจำอยู่ทุกร้าน เพื่อตรวจเช็กเครื่องโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

      พร้อมกันนี้ ยังมีแผนจะเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มแท็บเลตเข้ามาทำตลาดเพิ่ม จากเดิมที่เน้นกลุ่มพีซีและโน้ตบุ๊กเป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง อีกทั้งยังใกล้เคียงกับความชำนาญของบริษัท โดยตอนนี้อยู่ในช่วงของการเจรจาระหว่าง 2-3 แบรนด์ คาดว่าจะทำตลาดได้ในช่วงกลางปีนี้

      นอก จากนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นเพิ่มขึ้น คือ การผันตัวสู่ตลาดค้าปลีกไอทีมากขึ้น จากเดิมที่เน้นทำตลาดค้าส่งมานานถึง 15 ปี เพื่อจะขยายตลาดให้กว้างขึ้นสู่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป โดยมีการทำโรดโชว์เป็นครั้งแรกครอบคลุม 60 จังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์กับลูกค้าเป็นระยะเวลา 4 เดือน พร้อมกันนี้ยังได้รีโนเวตร้านแอดไวซ์ ดิสทริบิวชั่น ให้มีสีสันสดใสมากขึ้น และปีนี้มีแผนจะขยายร้านค้าดีลเลอร์ “แอส วัน” (As One) จาก 200 สาขา เป็น 400 สาขา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

      จากแนวทางการ ปรับตัวดังกล่าว ส่งผลให้ปีนี้ แอดไวซ์ ดิสทริบิวชั่น คาดว่าจะมีรายได้เติบโตราว 40% จากปีที่ผ่านมารายได้รวมราว 7,900 บาท






Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 5:41:20 น. 0 comments
Counter : 1449 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.