Group Blog All Blog
|
"สุข"เกิดจากการไม่เบียดเบียน สร้างกริตเตอร์ | ฟังเพลง | ดารา | เกมส์ มีสติ...ตื่นอยู่ตลอด...มีความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน(การทำให้หายไป)... .........เป็นผู้รู้...ผู้ตื่น...ผู้เบิกบาน(ไร้ทุกข์) ***พิจารณาให้ความสุขเกิดอยู่เสมอ เป็นการน้อมความรู้สึกเข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่ง จะเกิดการเห็นได้ว่าเราเป็นทุกข์เพราะอดีตและอนาคต แต่ความเป็นปัจจุบันเท่านั้นที่เราสัมผัสได้ ....คือความสุข Free TextEditor แวะบ้านนี้ทีไรรู้สึกร่มเย็นเป้นสุขมากค่ะ
เป็นเพราะข้อธรรมะดี ๆ ที่ควรนำไปปฎิบัตินั่นเอง ที่ตัวเองหายไปนานก็เพราะน้ำท่วมละค่ะ โดย: Ably วันที่: 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:20:47 น.
"ไพรสณฑ์" ไหนค่ะ ต้องขอโทษที่ถามนะค่ะเพราะไม่แน่ใจว่ารู้จักกันหรือเปล่า ขอบคุณนะค่ะสำหรับข้อความที่ส่งมาให้ถูกใจค่ะเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว
โดย: วรรณี IP: 113.53.209.8 วันที่: 9 ธันวาคม 2553 เวลา:12:14:39 น.
..........คุณวรรณี คงหมายถึง Fw. mail ใช่ใหมครับ
เป็นการนำเสนอแนวทางธรรมะทั่วไปครับคงไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว จุดประสงค์เพื่อผู้สนใจธรรมะหรือผู้ที่ต้องการชีวิตที่ดีกว่าจะได้พบทางออก เพราะผมก็เคยไม่เข้าใจมาก่อนจึงปฏิบัติแบบคลำทาง จึงต้องการเขียนประสบการณ์ของตนเองออกมา เพราะลำพังการอธิบายสั้นๆอาจจะทำให้ไม่เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนได้....ซึ่งผมเห็นว่าการสอนธรรมะในปัจจุบันขาดการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง การไม่เข้าใจทำให้ไม่นำแนวทางการสอนของพระพุทธองค์มาปฏิบัติจึงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ .......นอกจากที่เขียนในหนังสือ(ทางวิเวกฯ)แล้ว ก็สามารถที่จะอ่านในเว็บนี้ก็ได้ ถ้ามีความสนใจในรายละเอียดเพิ่มเติมแต่ค่อนข้างจะย่นย่อรายละเอียดอาจจะไม่เพียงพอ. การอธิบายแบบย่อทำให้ไม่เกิดความเข้าใจได้ ยกตัวอย่างเช่น "อย่าเห็นขันธ์ห้าว่าเป็นเราหรือของเรา เพราะมันไม่เที่ยง จึงให้ละวาง" อธิบายเท่านี้คงไม่เข้าใจ เพราะมันมีรายละเอียดที่เกี่ยวโยงไปถึงความเป็นธรรมชาติของกาย การปรุงแต่งของจิตและกาย การเกิดเป็นอารมณ์ ซึ่งมีอธิบายรายละเอียดในอภิธรรม แต่เท่าที่พบ คนเรียนอภิธรรม ก็ยังไม่เข้าใจอภิธรรมเพราะการเข้าใจธรรมะนั้นมันอยู่คนละมิติกับความรู้สึกธรรมดานั่นเองจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่เข้าใจธรรม เพราะมันต้องมีความศรัทธา คือน้อมความรู้สึกเข้าไปในธรรม เห็นความเป้น"อนิจจัง"หรือความไร้สาระของชีวิตจึงเกิดการแสวงหา จึงจะมีจิตที่ละเอียดอ่อนจึงจะสื่อสารธรรมะให้เกิดทางความรู้สึกได้. .......มันจึงเป็นสิ่งที่ผมนำเสนอการนำธรรมะของพระพุทธองค์มาอธิบายอย่างศาสตร์ทั่วไปเพื่อผู้ที่เปรียบเหมือน "บัวพ้นน้ำ" จะได้พบทางออก เห็นทางดับทุกข์ ออกไปจากการครอบงำของธรรมชาตินี้ได้. โดย: ไพรสณฑ์ (ไพรสณฑ์ ) วันที่: 11 ธันวาคม 2553 เวลา:12:04:46 น.
สวัสดีค่ะ..คุณไพรสนฑ์...ดิฉันซื้อหนังสือคุณมาอ่านแล้วน่ะค่ะดีมากๆเลยค่ะ...
โดย: มายา IP: 113.53.65.8 วันที่: 12 ธันวาคม 2553 เวลา:16:05:37 น.
ไม่ทราบว่ายังมีเล่มไหนแนะนำอีกบ้างไหมค่ะ แนวเดียวกันค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ
โดย: มายา IP: 113.53.65.8 วันที่: 12 ธันวาคม 2553 เวลา:16:15:57 น.
ขอบคุณ คุณมายาที่รายงานให้ทราบ ที่ส่งไปเป็น Fw. mail จุดประสงค์ก็เหมือนที่ตอบคุณวรรณีไปแล้ว
........จุดมุ่งหมายของผมคือต้องการให้ผู้ซื้อหนังสือของผมได้รับผลตามที่ต้องการ จึงเปิดบล็อคเพื่อเป็นศูนย์กลางในการแสวงหาคำตอบ แต่ดูแล้วก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร แต่กลับไปโผล่อยู่ที่อื่นที่ไม่ได้ตั้งใจเอาไว้ ก็ลองเข้าไปติดตามในลิ้งค์นี้นะครับ ผู้ซื้อหนังสือผมเขากำลังถามข้อข้องใจต่างๆอยู่ //payakorn.com/webboard_ans.php?q_id=34465 ส่วนหนังสืออื่นคงยังไม่มีอะไรแนะนำนะครับ คือในระดับที่ผมเห็นว่าสมควร......เพราะผมเองก็อ่านมาเยอะก็ทำได้แค่เคลิ้มเท่านั้น จึงต้องเขียนเอง. (อย่างนี้คงชัดเจนนะครับ) โดย: ไพรสณฑ์ IP: 180.180.5.136 วันที่: 12 ธันวาคม 2553 เวลา:18:35:13 น.
ขอบคุณ นะคะ ที่ ส่งข้อความดีๆ มาให้อ่าน จิงๆ ก็ ฝึก นั่งสมาธิสวดมนต์ อยู่คะ เบื่อ ทางโลก แล้ว ทางโลกเป็น มายา เป็น กลลวง ทั้งนั้น น่าเบื่อ คะ นั่งสมาธิได้ ระดับหนึ่งแต่ ยังไม่ทะลุโลก คะ ว่างๆก็ ส่งมาให้อ่านอีกนะคะ ที่ sanookguide@yahoo.com
ชอบอ่านคะ ว่าแต่หนังสือพี่ ชื่อหนังสืออะไรคะ จะได้ไปซื้อมาอ่าน บ้าง โดย: อิงๆ คะ IP: 182.232.19.54 วันที่: 12 ธันวาคม 2553 เวลา:19:51:03 น.
การตื่นอยู่เสมอ อธิบายเพิ่มเติมนะครับ จุดมุ่งหมายคือฝึกให้ตนเองมีความรู้สึกที่ตื่นอยู่,มีสติ มีความรู้สึกตัวเกิดอยู่ได้ตลอด ไม่ให้ขาดหายไป ต้องฝึกทีละน้อยเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยก่อน ถ้าเกิดเห็นได้ว่า ความรู้สึกที่ตื่นอยู่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี เราก็จะอยากมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่เสมอ แต่ปัญหาคือเราไม่สามารถที่จะทำได้อยู่ตลอดนั่นเองจึงต้องมีการฝึก.... เมื่อเราตื่นนอน ประมาณตีสี ตีห้า ก่อนจะลุกไปทำกิจธุระอย่างอื่น ให้ปลุกความรู้สึกของตนเองให้ตื่นขึ้น ปลุกกายทุกส่วนให้ตื่นขึ้น เป็นการตื่นทั้งจิตและกาย ให้จำอาการที่เกิดขึ้นว่า จิตตื่น กายตื่นมีอาการอย่างไร เพื่อเราจะนำมาใช้ในขณะเวลาปกติคือต้อง รักษาอาการนั้นไว้นั่นเอง หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ให้เราทำความรู้สึกเหมือนกับกำลังจะนั่งสมาธิ มันจะสลัดความรู้สึกต่างๆออกไปจากกายก็จะเป็นอาการที่ตื่นอยู่เช่นกัน คือเป็นอาการเดียวกัน หรือฝึกบ่อยๆอาการอย่างนี้เราสามารถที่จะฝึกได้ แม้ขณะที่กำลังทำงานอยู่ หรือกำหนดจิตให้เป็นสมาธิในขั้นอุปจารสมาธิ กำหนดจิตไว้ที่ลมหายใจหรือกำหนดไว้ในกายให้รักษาอาการที่เกิดขึ้นไว้ คือการทำสมาธิขณะลืมตานั่นเอง มีสมาธิขณะทำงาน กำหนดความรู้สึกไว้ที่อิริยาบถ เหมือนการฝึกสติปัฎฐานสี่นั่นเองแต่เป็นการนำมาใช้จริง ประเด็นของการฝึกคือให้มีความรู้สึกตัวอยู่เสมอ ไม่ขาดตอน มีอยู่ตลอด เราจึงต้องมีเทคนิคหลายอย่างมาใช้ร่วม ถ้าฝึกอย่างเดียว มันจะเกิดอาการ ดื้อ คือเกิดอาการเฝือ เราต้องเปลี่ยนวิธีเพื่อให้มันเกิดต่อเนื่องได้ ถ้าเรา รักษาอาการตื่นอยู่หรือรู้สึกตัวอยู่ได้ตลอดจึงจะมีความมั่นคงเกิดขึ้น หรือมี ความตั้งมั่นนั่นเองเหมือนเราฝึกขี่จักรยาน ผลที่เกิดนำไปใช้งานได้คือต้อ ประคองตัวตั้งมั่นได้ตลอดจนเกิดความชำนาญนั่นเอง ........แต่การปฏิบัติทางความรู้สึก สิ่งที่เป็นอุปสรรคคือ การยึดมั่น ทำให้จิตมีอาการดิ้นรน มันจึง ไม่อยู่กับที่ ดังนั้นเราต้องฝึกขัดเกลาอาการยึดมั่นต่างๆไปด้วย การยึดมั่นที่เราสัมผัสอยู่เสมอ คือรสอาหารฝึกการไม่ลิ้มรสอาหารในขณะรับประทานอาหารให้มีสติเกิดอยู่ฝึกบ่อยๆจะเห็นอาการ ยึดมั่นที่เกิดอยู่ ให้ฝึกการมีความรู้สึกตัวอยู่เสมอมันจะทำให้เราแยกความรู้สึกออกจากสิ่งที่มา กระทบได้เราจึงจะเข้าใจที่ท่านบอกว่า เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ความเป็นตัวตน หรืออัตตาจึงจะไม่เกิดขึ้นได้การสัมผัสทางความรู้สึกจึงจะเกิดเป็นความเข้าใจว่าสิ่งที่ท่านพูดนั่นมัน คืออะไร ฯลฯ ผลที่เกิดขึ้นเราจะเกิดความรู้สึกที่เป็นอิสระ เมื่อเป็นอิสระความทุกข์ก็น้อยลงหรือหมดไปได้ .......มันจึงเป็น วิธีดับทุกข์ได้นั่นเอง ถ้าเราตั้งเป้าหมายในการปฏิบัติคือการดับทุกข์เราจึงจะเห็นว่าเรา ต้องแก้ไขที่ความรู้สึกของเรานั่นเอง คือการตื่นอยู่เสมอ จึงจะเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ได้จริง จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ ................................................................................................. โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.85.123 วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:7:31:04 น.
อยากทราบว่าหนังสือ ดวงดาว,มนุษย์และเหตุการณ์ทางสังคม หาซื้อได้ที่ไหนครับ
โดย: คนเมืองนรา IP: 182.52.164.77 วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:9:33:04 น.
สร้างกริตเตอร์ แวะมาทักทายก่อนไปนอนคร่าาาาาาา ง่วงก้ง่วง วายุภัครมนตราก็สนุก เฮ้อ!!!!!!!!!ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณไพรสณฑ์ โดย: เกศสุริยง วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:23:01:10 น.
ขอบคุณสำหรับ ธรรมะ ดีดี ที่ส่งมาให้
สำหรับเราแล้ว มาเกิดบนโลกนี้เพราะความโง่ของตนเอง ที่หลงผิดอย่างมหันต์ ตอนนี้กลับตัวกลับใจแล้วเอานะไหนก็เกิดมาแล้ว ขอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกันกับเวลาที่เหลืออยู่ ขอทำความปราถนาที่เคยตั้งใจให้ดีที่สุด สำหรับเรา สุข และ ทุกข์ เป็นของร่างกายนี้ และของโลกใบนี้เท่านั้น ไม่ใช้ของเราเลย (กว่าจะรู้อืม ก็คลำหามานานเหมือนกัน) เราไม่เคยดับทุกข์อันใดเลยตั้งแต่เกิดมา แต่เราโง่เองทุกครั้งที่คิดว่า เราได้ดับทุกข์แล้ว แท้ที่จริงทุกข์นั้นเขาดับเองเพราะเหตุ หรือปัจจัยที่ทำให้ทุกข์เกิดนั้นหมดไปแล้วต่างหาก ดังคำพระว่า ท่านพระอัสสชิได้แสดงธรรมมีใจความย่อ ๆ ว่า "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุและความดับแห่งธรรมนั้น พระศาสดาทรงสั่งสอนอย่างนี้" แต่หลายครั้งจากเล็กจนโต ความโง่ของเรามันมากนัก ทำให้เราหลงเข้าใจผิดคิดว่าทุกข์อันนั้นเป็๋นของเรา อืมกว่าจะรู้ว่าโง่ก็ ทุกข์มากๆ เลยสุดบรรยาย หว้งว่าคงเป็นอีกแนวทางที่จะทำให้ค้นพบทาง ที่คาดหวังไว้ ขออย่าได้ทิ้งความฝันอันนั้น สักวันต้องสำเร็จ อยากแนะนำเว๊บ //www.sangthipnipparn.com/ แสงทิพย์นิพพานเพื่อเข้าพระนิพพานได้รวดเร็วทันใจ สำหรับเราสามารถยืนยัน และการันตี 100 เปอร์เซนต์ว่าทำได้จริง หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะร่วมพิสูจน์ความจริงนี้ โดย: ทิพย์ IP: 87.200.51.124 วันที่: 20 ธันวาคม 2553 เวลา:14:04:24 น.
.......หนังสือ "ดวงดาว,มนุษย์และเหตุการณ์ทางสังคม" ไม่มีจำหน่ายครับ เพราะเสนอสำนักพิมพ์ไม่มีใคร กล้าพิมพ์ และผมก็เห้นว่ามันยังต้องมีสถิติ เพื่อการใช้ งานมากกว่านี้หน่อยเลยยังไม่พิมพ์ออกมา. ถ้าใครต้องการให้แจ้งไปทางอีเมลล์นะครับผมจะส่งเป็น ไฟล์ไปให้ทางอีเมลล์ ลองศึกษาดู ซึ่งมันมีความสัมพันธ์ กับหนังสือ "ทางวิเวกฯ " ในแง่ของ แนวคิด ทฤษฎี แต่ว่ามุ่งใช้ประโยชน์ต่างกัน..... e-mail...นี้ amarasinn@yahoo.co.th (มี n สองตัวนะครับ) ***ผู้ที่ซื้อหนังสือ ทางวิเวกฯ ขอรับได้นะครับ เป็นการศึกษาในเชิงวิชาการก็ได้ จะเห็นได้ว่า "ทฤษฎีสัมพัทธภาพ"ของ ไอน์สไตน์ มีความสอดคล้องกับ"ทฤษฎีธาตุทั้งสี่ " เป็นอย่างมาก คือมนุษย์มีสถานะที่แท้จริงคือความเป็นพลังงาน ที่เกิดจากการปรุงแต่งของธาตุทั้งสี่ นั่นเอง การรู้ความจริงนี้ทำให้ปล่อยวางการยึดมั่นลงได้ โดย: ไพรสณฑ์ (ไพรสณฑ์ ) วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:15:11:14 น.
แวะมาฝากบ้านสามวันนะคะ มีธุระต้องขึ้นโคราชไปช่วยเพื่อนรุ่นพี่ที่รักกัน มากพาเด็กไปแข่งขันนาฏศิลป์สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมที่อุดรธานีค่ะ และจะนำภาพมาฝากกันนะคะคุณไพรสณฑ์ โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:8:18:21 น.
ดีมากทุกคนเกิดมาอยู่กับธรรมชาติ เราต้องรู้เท่าทันธรรมชาติ ขอบคุณสำหรับความรู้
โดย: นวพล IP: 223.205.59.110 วันที่: 1 มกราคม 2554 เวลา:17:53:44 น.
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2554
ขอให้ทุกท่าน ร่ำรวยความสุข....(ทางใจเป็นสิ่งที่ทุกท่านทำเองได้) ปราศจากทุกข์ทั้งปวง...(ก็เป็นสิ่งที่ทำเองได้เช่นกัน) .......เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แล้วแต่ใครจะต้องการ.............. โดย: ความสุขฯ (ไพรสณฑ์ ) วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:6:42:37 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 15 มกราคม 2554 เวลา:0:57:47 น.
br/>
สร้างกริตเตอร์ แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ ระลึกถึงเสมอนะคะคุณไพรสณฑ์ โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 มกราคม 2554 เวลา:11:15:38 น.
ข้อคิดเรื่องวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์ เรียนรู้ทางวัตถุและพลังงานจากการสังเกตปรากฏการณ์ แล้วจินตนาการความเป็นไป แล้วสร้างสมการความสัมพันธ์ในเชิงสูตรทางคณิตศาสตร์ในภายหลัง นำสูตรคณิตศาสตร์ที่มีต่างๆกัน มาประกอบเข้าด้วยกัน ได้สูตรใหม่ขึ้นมา แล้วจึงตีหมายหมายของมันออกมาว่าจะมีปรากฏการณ์อย่างไร แล้วทำการพิสูจน์สมมติฐานโดยการหาสิ่งแย้ง หากแย้งไม่ได้จะถือว่ามันเป็นความจริงอยู่ในระดับหนึ่ง จนกว่าจะมีทฤษฎีอื่นมาแย้ง จนบัดนี้ปรากฏว่ากลศาสตร์ของนิวตันใช้ได้ในช่วงหนึ่ง แล้วจะไม่จริงต่อไปต้องใช้ทฤษฎีควันตัมและทฤษฎีของไอสไตน์ แต่อย่าลืมว่าการศึกษาแบบนั้นมันก็เป็นเหมือนตาบอดคลำช้าง จับไปตรงไหนก็พบส่วนหนึ่งของช้างทั้งนั้น ไม่สามารถเข้าใจช้างได้ ส่วนเรื่องทางจิตนี้ เป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์เข้าใจไม่ได้ อย่างเช่นคนที่ปฏิบัติสมาธิได้นี้ เป็นอาการที่มีความสุข ทางวิทยาศาสตร์ก็จะหาทางอธิบายไปในทางสารเคมี เช่นว่าร่างกายมีการหลั่งสารบางอย่างคล้ายสารเสพติด ซึ่งในปัจจุบันก็มีการทดลองหาสารเคมีบางอย่างฉีดเข้าไปหรือกินเข้าไปแล้วก็ดูว่ามีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งจะเป็นเรื่องต้องพึ่งทางวัตถุไป (หาอ่านได้ตามเว็บ) แล้วก็ควบคุมไม่ได้ ส่วนเรื่องสมาธิเป็นการควบคุมด้วยตัวเอง โดย: suwit_j IP: 118.173.235.141 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:15:51:24 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:49:41 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:1:08:01 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:29:04 น.
Thanks: ฝากรูป dictionary ห่างหายไปเสียสองสามวัน มัวแต่ยุ่งกับเรื่องงานอยู่ค่ะ วันนี้ว่างสิ่งแรกที่ทำคืออัฟblogและนำรูปมาฝากกัน ระลึกถึงและขอบคุณมิตรภาพบนโลกไอทีค่ะคุณไพรสณฑ์ โดย: เกศสุริยง วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:47:23 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:9:26:44 น.
สร้างกริตเตอร์ แวะมาทักทายยามค่ำๆ วันนี้อยู่พาหุรัดทั้งวัน เพิ่งกลับมาได้สักครู่ใหญ่ กรุงเทพรถติดมากเพราะมีชุมนุมเสื้อแดงและเสื้อเหลือง วันนี้ได้อุปกรณ์ครบแล้วพรุ่งนี้คงยุ่งมากงานงวดเข้ามาแล้ว วันที่๒๓-๒๕ แสดงเวทีกลางและต่อจากนั้นก็แสดงแสงสีเสียงต่อเลย เสร็จจากงานนี้คิวจ่อเลยค่ะ วันที่๑๐เมษา ประกวดรำกลองยาว วันที่๑๓เมษาแสดงพิธีเปิดงานสงกรานต์เมืองอินทร์ ที่อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ว่ากันไป ชีวิตต้องดำเนินต่อไป คุณไพรสณฑ์สบายดีนะคะ โดย: เกศสุริยง วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:20:39:54 น.
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ "ขอให้ คุณไพรสณฑ์ มีหัวใจที่แข็งแรง พอที่จะรับทั้งความสุขและความทุกข์ได้...ตลอดไปนะคะ" โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:22:08:09 น.
ขอบคุณสำหรับคำอวยพร และการมาเยี่ยมเยียน
......การมีธรรมะ คือการพัฒนาภพภูมิให้สูงขึ้น คือการมีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่นั่นเอง........ โดย: ไพรสณฑ์ (ไพรสณฑ์ ) วันที่: 16 เมษายน 2554 เวลา:16:48:59 น.
มาส่งคุณไพรสณฑ์ เข้านอนคร่าาาา พรุ่งนี้เริ่มทำงานกันอีกแล้วใช่ไหมคะหลังจากหยุดมาเสียหลายวัน มีความสุขมากมายนะคะ โดย: เกศสุริยง วันที่: 17 เมษายน 2554 เวลา:22:58:20 น.
สวัสดีค่ะท่านไพรสณฑ์
โดย: แครอล IP: 182.53.48.10 วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:14:24:36 น.
สวัสดีค่ะท่านไพรสณฑ์ หนังสือทางวิเวกดีจังเลยค่ะ
อ่านไม่กี่หน้าก้โดนใจ ขอบคุณมากค่ะ โดย: แครอล IP: 182.53.48.10 วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:18:17:32 น.
//glitter.postjung.com/glitter.php?img=data/2011042619/2hhdeue.gif
โดย: แครอล IP: 182.53.48.10 วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:19:40:27 น.
สวัสดียามสายค่ะ ท่านไพรสณฑ์
โดย: แครอล IP: 125.25.35.51 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:8:25:14 น.
ขอบคุณคุณ แครอลนะครับที่แจ้งให้ทราบ... ก็อยากแนะนำว่าให้อ่านให้จบนะครับ ว่าผู้เขียนต้องการนำเสนออะไร.... ...บทสรุปของการปฏิบัติธรรมคือ เมื่อไม่มีข้อสงสัยอะไรอีกแล้ว ก็ต้องหยุดนะครับ หยุดความรู้สึกตัวเองนั่นเอง ถ้าอ่านจนจบก็คงจะเข้าใจเหตุผลว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น เพราะถ้าไม่หยุดมันก็คือการดิ้นรนอยู่นั่นเอง เพราะความรู้สึกของเรานั่นเองปรุงแต่งอยู่ เราจะรอให้มันหยุดเองไม่ได้นะครับเราต้องทำให้มันเกิดขึ้น ...ดังที่แสดงไว้ในหน้าแรกๆของบล๊อคนี้ ซึ่งเป็นบทสรุปของเนื้อหาข้างในนั่นเอง คือหยุด และทบทวนตนเองอยู่เสมอที่จะไม่ทำตนให้คนอื่นเดือดร้อน จึงจะเกิดเป็นความสงบภายใน.... โดย: ไพรสณฑ์ IP: 101.108.98.184 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:8:59:18 น.
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ
สมัครสมาชิกของบล็อกทำไงคะท่าน โดย: แครอล IP: 125.25.35.51 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:9:52:29 น.
ต้องเป็นสมาชิก BlogGang.com ต้องสมัครมีบล็อคของตนเองนั่นเอง. แต่ถ้าไม่ต้องการบล็อค ก็เข้าไปอ่านได้ครับ บางบล็อคก็เปิดให้โพสท์แสดงความเห็นได้ โดยไม่ต้องเป็นสมาชิก บางบล็อคก็ไม่เปิดอ่านได้แต่โพสท์ไม่ได้แต่ทุกบล็อคเข้าไปอ่านได้ .....อย่างที่ผมตอบนี่ผมก็ไม่ได้ล็อคอิน โพสท์แบบคนทั่วไป ซึ่งต้องใช้การยืนยันรหัส โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.53.103 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:10:17:08 น.
ขอบคุณค่ะ
โดย: แครอล IP: 125.25.35.51 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:12:14:43 น.
รู้สึกว่าต้องเป็นสมาชิกเวปพันทิพย์ด้วยอะค่า
ไม่เอาดีกว่า คือบางทีอยากใช้ตัวการ์ตูนที่มีอยู่ข้างล่างค่ะ น่ารักแอ๊บแบ๊วดี ถ้าท่านไพรสณฑ์ว่าง ขอเชิญอ่านนิยายของแครอลบ้างนะคะ โดย: แครอล IP: 125.25.35.51 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:12:19:10 น.
แครอลอยู่ที่เวปiastroclub.comค่ะ
โดย: แครอล IP: 125.25.35.51 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:12:21:01 น.
ได้เข้าไปอ่านแล้วครับ แต่โพสท์ไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นสมาชิก ความจริงบล็อคแก๊งค์มีหลายกลุ่มนะครับ กวี,เรื่องสั้น,นิยายก็มี ของผมจัดอยู่ในหมวด ข้อคิด-ธรรมะ ซึ่งก็มีหลากหลายนะครับ ตามแต่ว่าแต่ละท่านจะมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร คลิ๊กเข้าไปที่ Bloggang.com จะเห็นหมวดหมู่ของบล๊อคต่างๆที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ ลองเลีอกเข้าไปเลีอกอ่านดูก็ได้ การเข้าไปอ่านเฉยๆไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ บางบล๊อคอาจจะแสดงความเห็นได้ด้วย...และมีการประกวดนล็อคด้วยครับ จะเห็นว่าคนที่เข้ามาโพสท์จะแสดงตำแหน่งที่ได้รับด้วย เช่นอ.เกศสุริยง, ป้า.ร่มไม้เย็น อยากเข้าไปอ่านก็คลิกที่ชื่อของท่านได้เลย....มันจะลิ๊งค์ไปที่บล็อคของแต่ละท่าน โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.45.140 วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:7:21:36 น.
สวัสดีค่ะ ท่านไพรสณฑ์
แครอลอยากวางภาพเวลาโพสต์บ้างอะค่ะ เลยอยากเป็นสมาชิก ตอนนี้นิยายลุงกับป้าไปไกลถึงจันทบุรีค่ะ คนยืมเอาไปอ่านด้วย โทรมาบอกว่า จะไปซื้อที่ทำสวน เลยติดมือเอาไปอ่าน 555+นิยายเรื่องนี้ ฮ็อตจริงๆค่ะ โดย: แครอล IP: 125.25.61.12 วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:9:53:53 น.
เป็นสมาชิกจึงจะโหลดภาพได้ครับ โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.33.186 วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:15:03:11 น.
ขอบคุณค่ะ
โดย: แครอล IP: 101.108.125.203 วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:18:19:00 น.
สวัสดียามสายค่ะ ท่านไพรสณฑ์
อ่านทางวิเวกแล้ว ยังไม่จบ ยังไม่รู้จะถามอะไรดี เพราะอ่านแล้วเข้าใจง่ายค่ะ ภาษงดงามมากๆ โดย: แครอล IP: 125.25.20.123 วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:8:26:07 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 3 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:48:58 น.
สวัสดีค่ะ นิทานลุงกับป้า หายไปเลยค่ะท่าน ยืมกัน
แล้วส่งต่อ เลยส่งหนังสือเล่มอื่นไปให้ท่าน3เล่มค่ะ โดย: แครอล IP: 101.108.112.87 วันที่: 4 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:36:44 น.
ได้รับแล้วครับขอบคุณมาก โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.34.230 วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:02:07 น.
สวัสดีค่ะ ไม่ได้มาทักทายเพราะสุขภาพไม่ค่อยดีเลย
โดย: แครอล IP: 101.108.108.112 วันที่: 8 พฤษภาคม 2554 เวลา:18:14:31 น.
แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอนะครับคือการรักษากาย .......ส่วนการรักษาใจแนะนำให้ปฏิบัติธรรม คือวางความรู้สึกให้มีธรรมะ,มีศีลเป็นอารมณ์(ศีลสังวรณ์) ให้อยู่ในความรู้สึกนั้นเสมอ ให้มีความรู้สึกอยู่ใน "มิติ" นั้นอยู่เสมอ ถ้าเป็นไปได้ให้มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่ตลอด .......การปฏิบัติธรรมคือมีธรรมเกิดขึ้นในใจนั่นเอง มีอยู่ตลอด โดย: ไพรสณฑ์ (ไพรสณฑ์ ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:31:28 น.
ขอบคุณค่ะท่านไพรสณฑ์
แต่จะอยู่ยังไงคะกับความทรมานทางกายที่หนักมาก มีธรรมอยู่ในใจแต่ร่างกายเจ็บปวด เราต้องคิดยังไงคะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ โดย: แครอล IP: 182.53.58.130 วันที่: 12 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:05:32 น.
ความจริงผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันนะครับ ว่าถ้าตนเองอยูในสภาวะอย่างนั้นจะรู้สึกยังไง เพียงแต่เห็นว่าความรู้สึกที่มีธรรมะนั้นมันจะเป็นความรู้สึกที่นุ่มนวลปล่อยวางการยึดมั่น ถ้ากายทุเลาอาการเจ็บปวดลงมั่ง ลองปฏิบัติดูนะครับ ลองปฏิญาณว่าจะมีธรรมะอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการคิด การพูด การทำ ก็ให้อยู่ในกรอบของการเป็นผู้มีธรรมะอยู่ตลอด ....แต่ก็ต้องอนุโลมปฏิโลม เมื่อถึงที่สุดเราจะพบว่าเราต้องมีความรู้สึกที่มีธรรมะอยู่เสมอ มันจึงจะพ้นไปจากความเศร้าหมองได้ มีการสำรวมเกิดขึ้น ...................................................................... ....การปฏิบัติธรรมคือการเอา "ธรรมะ"มาไว้ในใจเสมอ(เกิดในความรู้สึก) ให้มีธรรมเกิดในใจเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนมีการเป็นอยู่ในธรรมเท่านั้น...คือแนวทางปฏิบัติ ......................................................................... โดย: ไพรสณฑ์ IP: 101.108.113.252 วันที่: 13 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:06:20 น.
ค่ะ ท่านไพรสณฑ์
แครอลจะลองทำดูนะคะ โดย: แครอล IP: 125.25.53.160 วันที่: 13 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:00:44 น.
สวัสดีวันหยุดค่ะท่านไพรสณฑ์
แครอลได้ไปปฎิบัติตามที่ท่านแนะนำ ก็ได้ในระดับนึงค่ะ อ่านหนังสือของท่านไปด้วย แครอลกำลังปลงและวางค่ะ ร่างกายไม่ใช่ของเรา ความเจ็บปวดเป็นแค่เราไปปรุงแต่งว่ามันปวด แครอลจะมารายงานให้ทราบอีกนะคะ ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ โดย: แครอล IP: 125.25.28.246 วันที่: 16 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:35:58 น.
***วิธีปฏิบัติให้ได้ผลเร็ว คือเราต้องมีความพร้อมที่จะปล่อยวางทุกสิ้งได้ไม่ต้องการสิ่งใดแล้วนอกจากการพ้นทุกข์ได้ แล้วกำหนดเอา ธรรมะเป็นที่พึ่งคือมีธรรมะอยู่ในใจเสมอ มีศีลสังวรณ์... ....เวลาปฏิบัติให้สังเกตุความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันเป็นสื่อที่ทำให้เรามีความรู้สึกที่พ้นไปจากทุกข์เกิดขึ้น เหมือนเราเข้าไปอยู่ในความรู้สึกหนึ่ง(มิติหรือสภาวะหนึ่ง) เราจึงต้องฝึกการมีธรรมะอยู่ในใจบ่อยๆให้เกิดความเคยชิน แรกๆจะทำไม่ได้นานเพราะกายมันต่อต้าน คือกายมันไม่รู้เรื่อง เราต้องฝึกสำรวมกายด้วย เพราะอาการนั้นจะส่งผลทางกายเป้นการสำรวม ...เมื่อทำบ่อยๆ เราจึงจะเห็นอาการปรุงแต่งทางความรู้สึกนั้นเป็นทุกข์ จึงอยากจะมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่เสมอ แต่ปัญหาคือมันอยู่คนละมิติกับที่เป็นอยู่ตามปกติ เราจึงต้องฝึกบ่อยๆให้เกิดเป็นความเคยชิน เอาความรู้จากอภิธรรมมาใช้พิจารณาร่วมด้วย คือกายเป็นการปรุงแต่งกันอยู่ของธาตุทั้งสี่ เป็นการทำงานร่วมกันของขันธ์ห้า เพื่อให้เกิดความรู้สึกละวางจากกาย ที่สุดเราจึงต้องเห็นว่ามันเป็นการทำงานของธรรมชาติอยู่เท่านั้น .....สิ่งที่เราคิดมันจะส่งผลให้เกิดทางความรู้สึก ถ้าเราคิดว่ามันเป็นตัวเรามันก็จะทำหน้าที่เป็นตัวเรา ถ้าเราคิดว่ามันเป็นการทำงานของธาตุธรรมชาติมันก็จะไม่มีความรู้สึกที่เป็นตัวเราเกิดขึ้น เราก็จะเห็นว่าการสร้างความรู้สึกเป็นการหลงการปรุงแต่งของธรรมชาติ จะเป็นความรู้ที่เป็นเหตุผลเกิดขึ้น แต่ว่าเป็นเหตุผลที่สัมผัสได้ทางจิตหรือความรู้สึกจึงจะเกิดเป็นความเข้าใจ เมื่อเข้าใจจึงจะเกิดนำหนัก มีคุณค่าทางความรู้สึกเกิดขึ้น เหมือนกับที่เราเข้าใจการอธิบายความรู้ต่างๆนั่นเอง เมื่อเข้าใจจึงจะจะเห็นความเป็นเหตุผล โดย: ไพรสณฑ์ (ไพรสณฑ์ ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:35:03 น.
ลำกับการปฏิบัติ มีธรรมะอยู่ในใจเสมอ(มีศีลสังวรณ์)--->การเข้าไปอยู่สภาวะหนึ่งทางความรู้สึก(มิติทางความรู้สึก)--->ส่งผลทางกายเป็นการสำรวม--->เห็นทุกข์ที่เกิดจากการปรุงแต่งทางความรู้สึก--->เห็นการทำงานของธาตุธรรมชาติ--->ทบทวนอยู่เสมอเพื่อให้เกิดความรู้สึกที่เป็นเหตุผลสมบุรณ์เกิดขึ้นได้(คือตัวเราเป็นการทำงานของธาตุทั้งสี่นั่นเอง) โดย: ไพรสณฑ์ (ไพรสณฑ์ ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:47:27 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:41:41 น.
ขอบคุณมากค่ะ บางครั้งแครอลก็ทำได้ค่ะ
พักนี้หลุดบ่อยมาก เพราะโดนรังแก จากเพื่อนร่วมสำนัก จากคนใช้ จากคนรอบข้าง ใจเข้มแข็ง แต่ร่างกายอ่อนแอ ทำให้ว่อกแว่กค่ะ จะพยายามทำค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ โดย: แครอล IP: 182.53.55.251 วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:43:35 น.
ผมแนะนำให้มองความรู้สึกของเราเหมือนสวิทช์ไฟ ให้สับสวิชไปสู่โหมด ปิดไฟ คือไม่รู้สึกอะไรต่อสิ่งที่มากระทบ..............อาจจะขัดแย้งต่อความรู้สึกของเรา แต่มันเป็นความจริงทางธรรมชาติ โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.59.187 วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:34:57 น.
โห เก็ทมากค่ะ กับข้อความข้างบน
การสับสวิทต์ไปสู่โหมดปิดไฟ แครอลน่าจะทำได้นะคะ ขอบคุณท่านไพรสณฑ์มากค่ะ โดย: แครอล IP: 125.25.29.209 วันที่: 20 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:01:30 น.
มีเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมาถามค่ะ
พระจีบสาว พระโพสต์เพลงรักผิดศีลไหมคะ พระมีอารมณ์ขี้อิจฉา โทรไปยุแหย่ให้ศิษย์โหราโกรธกัน พระองค์นี้อาบัติป่าวคะ โดย: แครอล IP: 125.25.29.209 วันที่: 20 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:06:49 น.
ผมจะไม่ตอบว่าผิดหรือไม่ผิดนะครับ.... ..ในฐานะที่เราเป็นผู้ปฏิบัติธรรมเราต้องมองที่ตัวเราเอง ไม่ไปมองที่คนอื่นเพราะเราแก้ไขคนอื่นไม่ได้ ความเห็นแบบนี้สำคัญมากครับ ถ้าเป็นพระแล้วประพฤติไม่เหมาะสมก็เป็นเรื่องของท่านเองไม่ใช่เรื่องของเรา หรือไม่ใช่พระก็เหมือนกัน เป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา ยกเว้นแต่ว่าเรามีหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.45.171 วันที่: 20 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:00:50 น.
มีความเห็นว่าเป็นคำถามที่ดีมาก คือดีในแง่ของการอธิบายธรรม คือการที่เราไปมองเห็นความผิดของคนอื่นนั้น เพราะความมีอัตตาอยู่ ถ้าพิจารณาให้กระจ่าง จะเห็นได้ว่าเราเป็นทุกข์เพราะเรื่องของคนอื่น คือเอาเรื่องภายนอกมาทำให้ตนเองเกิดทุกข์ ....ความละเอียดอ่อนของจิตจึงจะแยกแยะได้ว่าเราสำคัญผิดในตัวเองนั่นเองการเห็นความจริงนี้จึงจะเห็นความเป็นเหตุผลได้ โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.45.171 วันที่: 20 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:31:12 น.
การหลุดพ้น อาจจะเป็นคำศัพท์ที่มองดูเกินเอื้อมนะครับ แต่ถ้าเรามีความสุขจากการปฏิบัติธรรม เราก็จะพ้นไปจากความเศร้าหมอง ซึ่งก็คือการหลุดพ้นนั่นเอง ........มีความสุขจากการมีธรรมะอยู่ในใจ หรือการเป็นอยู่อย่างผู้มีธรรมนั่นเอง อาจจะง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ปฏิบัติ ว่ายินดีจะสละความต้องการแบบโลกิยะหรือไม่ ถ้ายินดีก็ให้ปฏิบัติธรรมเต็มรูปแบบเลยไม่ต้องลังเล ท่านจะหลุดออกไปจากการปรุงแต่งทางความรู้สึก แต่ที่มันยากเพราะเรามักคิดว่ามันต้องค่อยเป็นค่อยไปมันเลยไปไม่ถึงสักที่เท่านั้น...เพราะเรามักจะมีข้อแม้มีความไม่พร้อมในการเข้าถึงนั่นเอง ถ้าเห็นว่าปฏิบัติธรรมมานานก็ยังไม่เห็นผล ก็เพราะเหตุนี้ โดย: ไพรสณฑ์ IP: 125.25.25.170 วันที่: 26 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:40:48 น.
ขอบคุณครับ ขออนุญาติศึกษาธรรมะจากท่านเช่นกันครับ อนุโมทนาสาธุครับ
โดย: shadee829 วันที่: 1 มิถุนายน 2554 เวลา:19:24:57 น.
สวัสดค่ะท่านไพรสณฑ์
หายไปนานเกี่ยวกับสุขภาพของแครอลเองค่ะ ขอบคุณที่ชี้แนะและตอบธรรมะจนกระจ่างนะคะ เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้ดีมากเลยค่ะ โดย: แครอล IP: 124.122.215.45 วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:18:33:15 น.
สวัสดีค่ะท่านไพรณฑ์...กลับมาแล้วค่า หายไปนานเลย
ไม่ค่อยสบายค่ะ โดย: แครอล IP: 124.122.215.45 วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:18:35:02 น.
ที่ไปมองเห็นความผิดของคนอื่นคือเค๊ามาปลุกปั่นจนเวปแตกไปแล้วค่ะ ทะเลาะกันมากมาย แครอลโดนด้วยแต่ไม่ทะเลาะตอบ
เพราะคิดว่าใครจะคิดยังไงกับเราไม่ใช่เรื่องของเราค่ะ ขอบคุณที่ตอบจนหายข้องใจนะคะ โดย: แครอล IP: 124.122.215.45 วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:18:38:44 น.
สวัสดีวันศุกร์ค่ะท่านไพรสณฑ์
ฝนตกทุกวันเลยนะคะ มาแอบอ่านธรรมะดีๆค่ะ โดย: แครอล IP: 192.168.200.8, 14.207.154.130 วันที่: 10 มิถุนายน 2554 เวลา:10:10:34 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 2 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:26:03 น.
|
ไพรสณฑ์
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?] การปฏิบัติธรรม... คือการมีสติรู้ความจริงของชีวิต ชีวิตคือความเป็นธรรมชาตินั่นเอง การมองชีวิตในมุมกลับจึงเห็นความจริงว่ามันคือการเกิด-ดับของความเป็นธรรมชาตินั่นเองที่เป็นอยู่คือการยึดมั่น... ...การเห็นความจริงนี้จึงเป็นการเห็น"สัจจะธรรม"จึงพบคำตอบเกิดขึ้นว่าพวกเรามาทำธุระอะไรกันอยู่บนโลกใบนี้. แท้จริงมันคือการเกิด-ดับของความเป็นธรรมชาติเท่านั้น...คือความจริงที่จะต้องทำความเข้าใจ เพราะการเข้าใจว่าเป็น "ตัวเรา"มันเป็นการหลงอยู่ในการปรุงแต่งของความเป็นธรรมชาติเท่านั้น. ...การเข้าใจมันตามจริง.... จึงเห็นความเป็นเหตุผลเกิดขึ้น..."ตัวเรา"เป็นเพียงการสมมุติของธรรมชาติเท่านั้น จึง เกิดความวิเวก วังเวง เพราะมันเป็นความจริงนั่นเอง
Friends Blog
Link |
มันจะอธิบายความจริงให้เราเข้าใจ ว่าความจริงมันเป็นอย่างนั้น แต่ความเป้นตัวเรานั้นมันปรุงแต่งขึ้นมา ถ้าความรู้สึกของเราสัมผัสความจริงนี้ได้ เราจึงจะเข้าใจได้ว่าการรู้มันตามจริงนั้น มันมีความเป็นเหตุผลเกิดในความรู้สึกของเราได้
แต่การเข้าใจว่ามันเป็นตัวเราอยู่นั้น เป็นการหลงการสมมุติของธรรมชาติ
.........การรับรู้ในความจริง จึงทำให้เห็นความเป็นสาระเกิดขึ้น