คำถาม...คำตอบ...กับมุมมอง
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาไปงานสัปดาห์หนังสือมา ได้หนังสือที่อยากได้มาหลายเล่ม แต่ส่วนใหญ่ที่ได้จากงานนี้จะเป็นหนังสือ รวมคอลัมของนักเขียนที่เราชอบหลาย ๆคน ไม่ว่าจะหนุ่มเมืองจันทร์ ที่เขียนฟาร์ตฟู๊ด ธุรกิจ ในมติชนสุดสัปดาห์ คอลัมนี้เป็นคอลัมโปรด ที่จะต้องอ่านก่อนเพื่อนเมื่อซื้อมติชน คนนี้โชคดีที่วันไปเดินงาน เจอตัวเป็น ๆ ยังดิ้นอยู่เลย เลยขอลายเซ็นมาซะ บุคลิกพี่เค้าก็ขำดี หัวเราะได้ใจมาก ที่เซ็นให้ในหนังสือเขียนว่า
“เอฟเวอร์ตันยังมี 11 คน โลกก็มีหลายมุมให้มอง”
โหย แจ๋วโคตร เพราะใส่เสื้อ เอฟ ไปเดินงานวันนั้นด้วย ปลี้มไปดิ
กับหนังสือของ วรากรณ์ สามโกเศศ หนังสือเรื่อง โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ชอบคอลัมนี้เพราะเป็นการเอาเรื่อง ทางเศรษศาสตร์ มาปรับมุมคิดให้ย่อยง่ายขึ้น เข้าใจง่าย และฮาบ้าง อยากให้วิชาเรียนหลาย ๆ วิชา มีแนวทางการสอนแบบนี้บ้างจะทำให้เข้าใจและอยากเรียนรู้มากขึ้น
แล้วก็ได้หนังสือรวมคำคม ที่ อาจารย์ วรากรณ์ รวมไว้ จัดทำเป็นกล่อง ชื่อว่า word พร้อมกันสมุด note ไม่มีเส้น ให้เอาไว้ทำ note คำคมของตัวเอง ชอบจัง
...........................................................................................
จากตอนหนึ่งของหนังสือ “พลิกมุมคิด ชีวิตเปลี่ยน” ของหนุ่มเมืองจันทร์ ที่เพิ่งได้มา เค้ามีเขียนว่า เค้าได้อ่านหนังสือตอนหนึ่งของ นิ้วกลม ตอนสมัยเป็นนักเรียนแล้วก็ชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะชอบเค้าหรือเปล่า แล้ววันหนึ่งเพื่อนของผู้หญิงก็ชวนไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด เค้าถามตัวเค้าเองว่า เค้าควรจะไปมั้ย เพื่อน ๆ ถามเค้าว่า แล้วมึงอยากจะไปมั้ย คำตอบของเค้าคือ ไป เพื่อนเค้าจึงบอกว่า "งั้นมึงก็ไป ไม่งั้นอีก 20 30 ปี มึงจะกลับมาถามตัวเองว่าถ้าวันนั้นมึงไปอะไรจะเกิดขึ้น" แล้วเค้าก็ไป จากนั้นเค้าก็ได้รับคำตอบ แต่เป็นคำปฎิเสธ เค้าบอกว่า เค้าไม่ได้รู้สึกเสียใจ เศร้า แต่เค้ารู้สึกโล่ง ที่ทุกอย่างมันแจ้มชัด จากนั้นเค้าบอกว่า ถ้าเค้าไม่ไปเค้าคงมีคำถามในใจ เค้าคงไม่ได้รับคำตอบแล้วก็เก็บเป็นคำถามในใจมาจนวันนี้แน่ ๆ (ขออภัยถ้าหากเนื้อหาจะผิดพลาดเนื่องจากเรียบเรียงจากความจำล้วน ๆ) และพี่หนุ่มเมืองจันทร์ก็เขียนเสริมว่า มีหลายตอนของชีวิตที่เค้าคิดจะทำ แต่ไม่ได้ทำ พอมีโอกาสนึกย้อนหลังก็ได้แต่เสียดาย ที่เมี่อมีเวลา มีโอกาสกับไมทำมันซะ......ให้รู้แล้วรู้แรดไป แล้วก็ได้แต่เก็บเป็นคำถามในใจ
ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก
เปิดเมล์ ฟอร์เวิร์ดมาฉบับหนึ่ง
มาจะกล่าวบทไปถึงเนื้อเรื่องในเมลล์ว่า “ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก” เรื่องมีอยู่ว่า พระราชามีสหายสนิทอยู่คนหนึ่งมักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ วันหนึ่งพระราชาถูกหมากัดนิ้ว เลยถามสหายว่า เป็นลางดีหรือไม่ดี พระสหายก็บอกว่า “ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก” แต่แล้วพระราชาก็โดนตัดนิ้ว ก็ถามสหายอีกทีว่า เป็นลางดีหรือไม่ดี สหายก็บอกว่า “ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก” พระราชาโกรธมาก จึงสั่งให้เอาสหายไปขังคุกไว้ แล้วพระราชาก็ออกไปล่าสัตว์ในป่า แล้วเกิดหลงทางโดนคนป่าจับได้ คนป่าจับพระราชาไปบูชายันต์ แล้วก็สังเกตว่าพระราชามีนิ้วไม่ครบสิบ เลยปล่อยพระราชาไปเนื่องจากไม่ต้องการของมีตำหนิสำหรับการบูชายันต์ เมื่อกลับไปถึงเมืองก็เลยสั่งปล่อยสหาย แล้วบอกว่า เราเข้าใจแล้ว ว่า ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก หมายถึงอะไร ถ้าเรามีนิ้วครบ เราคงตายในป่าแล้ว จากนั้นพระราชาก็ขอโทษสหายรัก ที่ทำให้ลำบาก สหายของพระราชาจึงบอกกับพระราชาว่า โชคดีแล้วที่พระราชาสั่งขังเค้าไว้ เพราะไม่งั้นเค้าต้องเข้าป่าไปกับพระราชาด้วยแน่นอน แล้วเมื่อพระราชามีนิ้วไม่ครบ ก็ต้องกลายเป็นเค้าเองที่จะต้องตายแทน
“ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก”
.....................................................................................................
ถ้าเราเป็นครู จะเอาทั้งสองเรื่องนี้ไปออกข้อสอบ เราอยากรู้ว่า เมื่ออ่านสองเรื่องนี้จบ เค้าจะคิดกันยังงัย
สำหรับเราคิดว่า..... คำถามบางคำถาม ไม่มีเฉลย ไม่มีผิดหรือถูก ไม่มีคำตอบที่ไม่ดี มีแต่ดีมากที่สุด กับดีที่สุด
Create Date : 31 ตุลาคม 2549 |
|
10 comments |
Last Update : 31 ตุลาคม 2549 22:30:16 น. |
Counter : 649 Pageviews. |
|
|
|
เห็นด้วยเจ้าค่ะ...(ยังไม่มีเวลาไปเดินดูหนังสือ เลยเจ้าค่ะ ธรรมดาจะไปทุกปี ปีนี้สงสัยอดแหง่ ๆ เศร้า)