Smileyค่อยๆ ก้าวอย่างทารก เพื่ออิสระภาพของชีวิตSmiley

Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
18 กันยายน 2549
 
All Blogs
 

บทความพิเศษ บัณฑูร ล่ำซำ :ชูธงวัฒนธรรม สู้ทุน"เทศ" อย่าทำอะไร เกินตัว

บัณฑูร ล่ำซำ :ชูธงวัฒนธรรม สู้ทุน"เทศ" อย่าทำอะไร เกินตัว

หมายเหตุ "มติชนสุดสัปดาห์"

บทความพิเศษนี้เรียบเรียงจากปาฐกถาพิเศษ ของ นายบัณฑูร ล่ำซำ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เรื่อง
"การบริหารจัดการธุรกิจในยุคทุนเทศทับทุนไทย" ในงานดินเนอร์ทอล์ค
ของ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ร่วมกับสมาคมนักศึกษาเก่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9
กันยายน 2549 ณ โรงแรมลีการ์เดนส์ จังหวัดสงขลา


มีรายละเอียดดังนี้



ทุนนั้นมี 2 แบบ คือ (1)
กลัวว่าทุนข้างนอกจะเข้ามาและทำได้ดีกว่าและครอบงำไทย (2)
กลัวว่าเงินทุนจากข้างนอกจะไม่มาที่ไทยแล้วจะโยกย้ายไปที่อื่น
ซึ่งเงินทุนนั้นมีทั้งอยากให้อยู่และอยากให้ไป
โดยการที่ทุนนั้นจะอยู่หรือไปก็เป็นสิทธิของทุนนั้นๆ
เนื่องจากจะต้องหาผลตอบแทนที่ดีที่สุดไปเรื่อยๆ


กรณที่ทุนเข้ามาแล้วเราไม่ชอบก็คือเมื่อเขาเข้ามาแล้วชนะเรา
คือทำธุรกิจได้ดีกว่าเรา

เช่น ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัดในขณะนี้
เมื่อเข้ามาเปิดในไทยปัจจุบันมีอยู่จำนวนมาก พร้อมทั้งมีสิ่งที่ดีกว่า
ราคาดีกว่าและทำให้ผู้บริโภคหันหน้าเข้าหาร้านเหล่านี้ในขณะที่ร้านชำแบบ
เดิมของคนไทยสู้ไม่ได้เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการสิ่งที่สามารถให้
ผลตอบแทนที่ดีที่สุด เพราะผู้บริโภคทุกคนย่อมมีโจทย์ในใจของตนว่าจะทำอย่างไรให้เงินใน
กระเป๋าของตนได้มาซึ่งผลตอบแทนที่ดีที่สุด


เมื่อร้านชำได้รับผลกระทบตรงนี้จึงมีการประท้วงขึ้น
ส่งผลให้ความกดดันเหล่านั้นไปอยู่ที่ภาครัฐว่าจะมีการจัดการอย่างไร
จะแก้ไขด้วยวิธีใด หรือว่าจะมีการออกกฎหมายทุนต่างชาติหรือไม่


ขณะเดียวกัน ก็จะมีการเปิดการค้าเสรีที่ยังไม่สามารถทำกันได้เนื่องจากไม่มีใครยอมใคร
เปรียบเทียบได้กับการเล่นฟุตบอลที่ไม่มีใครเล่นตามกติกา 100%
เชื่อว่าการเจรจาจะไม่จบลงอย่างง่ายๆ


ทั้งนี้ จากการที่การเจรจานั้นยังตกลงกันไม่ได้
เป็นเพราะว่าโลกเราในปัจจุบันไม่มีใครที่สามารถสั่งใครได้
แม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาเองก็ตาม




ในความรู้สึกของผมที่โตมากับฝรั่ง ได้เรียนรู้ระบบของฝรั่งมาโดยตลอด
การที่ตกลงกันไม่ได้เป็นเพราะการแบ่งทรัพย์ของโลกยังไม่ลงตัว
แบ่งทรัพย์ในอนาคตไม่ได้เพราะทุกคนจะต้องดูแลเลี้ยงดูผู้คนของตัวเอง


เช่น เรื่องของรองเท้าที่มีการผลิตในเมืองจีนแต่นำไปขายที่นิวยอร์ก
เมื่อมาวิเคราะห์ดูแล้วผู้ที่ได้ผลประโยชน์เรื่องของราคามากที่สุดคือนิวยอร์ก
ส่วนผู้ที่เป็นแรงงานนั้นได้ไม่มาก


ในขณะนี้ผลประโยชน์ส่วนมากอยู่ที่ซีกโลกตะวันตก เนื่องจากเขามีความรู้
มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เนื่องจากเขามีความต้องการที่จะอยู่ดีกินดี
ด้านความกดดันทางการเมืองระหว่างประเทศระหว่างซีกโลกตะวันออก
และซีกโลกตะวันตก ในลักษณะการสร้างกติกาจะเป็นตะวันตกเท่านั้นที่จะชนะ
เนื่องจากเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเองและได้คำนวณผลมาเรียบร้อยแล้ว
ถ้าเขาไม่ชนะก็จะทำการแก้ไขกติกานั้นใหม่


แล้วเราควรจะทำอย่างไรในการหาแนวทางกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
เวลาเช่นนี้ก่อนอื่นตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะทำอย่างไรให้สามารถอยู่ได้
ไม่ใช่คนไทยถูกทุนเทศทับ ซึ่งคำถามเหล่านี้ไม่ได้คำตอบง่ายๆ
มันเป็นคำถามที่กว้างกว่านั้น ลึกกว่านั้น
คือ การที่ให้ประเทศไทยอยู่ได้ในโลกด้วยความเป็นคนไทย
วัฒนธรรมไทย ความเป็นไทยที่ภาคภูมิใจ
ซึ่งจะอยู่ได้อย่างไรในโลกที่เงินทุนต่างประเทศเข้ามาอย่างมหาศาล
หรือจะเป็นหน่วยเศรษฐกิจหนึ่งในโลกของทุน


เป็นโจทย์ที่น่าคิด



สําหรับธุรกิจสถาบันการเงินนั้นจะสู้กับกระแสโลกได้อย่างไร

ที่ผ่านมา มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มากขึ้นเกี่ยวกับสถาบันการเงินจะทำอย่างไร
เพื่อรองรับกับการเข้ามาของทุนต่างชาติ

สถาบันการเงินก็ได้ขะมักเขม้นและมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานและ
สู้อย่างเป็นไทย ปัญหาที่มากกว่าคือ ไทยจะเป็นแค่ลูกจ้างบริษัทต่างประเทศหรือว่าเป็นบริษัทลูกของต่างประเทศ
เราทุกคนเป็นเจ้าภาพในตัว ถ้าไม่ระวังจะถูกกลืนไปหมด


สถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ไทยส่วนมากนั้นการบริหารงานยังเป็นของคนไทย
โดยทุนที่เข้ามาเป็นทุนเทศ รวมถึงธนาคารกสิกรไทยด้วย
แต่การจัดการต่างๆ ยังเป็นของคนไทยอยู่ ซึ่งภูมิใจในขั้นหนึ่งว่าไม่ได้ล้มไป


วิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาเป็นเหมือนประตูที่ผุพังอยู่แล้ว
แค่ต่างชาติเอาเท้ามาบีบเบาๆ ก็พัง ไม่มีใครทำเราแต่เป็นเราที่ทำตัวเอง
หลงระเริงอยู่กับฟองสบู่

ในความเป็นจริงแล้วเวลาที่ล้มลงมาสิ่งที่ตามมาคือ ทุนใหม่เข้ามาทันทีเพราะทุนเก่าสูญ ทุนใหม่เข้ามาซื้อหุ้นในราคาที่ถูก
เมื่อปี 1998 ธนาคารได้มีการเพิ่มทุนโดยขายให้ต่างชาติในราคาหุ้นละ
88 บาท แต่แล้วเศรษฐกิจเอเชียก็ล้มอีกรอบทำให้ราคาหุ้นลดลงมาเหลือ
15 บาท เท่ากับเราหลอกต่างชาติได้

ระบบเศรษฐกิจไทยนั้นได้รับบทเรียนทำให้ไทยมีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
จะทำให้ไม่เกิดวิกฤตแบบเดิมอีก ด้วยการที่มีการยับยั้งไม่ทำอะไรเกินตัว
สำหรับผู้บริโภคนั้นต้องพิจารณาตัวเองว่ากู้เกินตัวหรือเปล่า


ถ้ามากไปก็มีทุกข์




การหาทางสู้มีทางเดียว คือ ความรู้ ทำอย่างไรให้สินค้ามีประสิทธิภาพ
ความรู้ต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา คนที่มีความรู้
มีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะสามารถสู้คนอื่นได้
ถ้าเรามีความรู้น้อยก็จะไม่เห็นช่องทางในสนามรบ


สิ่งที่ควรแก้ไขคือในเรื่องของภาษาซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ
เป็นช่องทางของความรู้


เราเป็นคนไทยอยู่กับภาษาไทยเราต้องพูดภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย
รู้สึกไม่ดีมากๆ ที่เห็นคนไทยพูดไทยคำอังกฤษคำ
เนื่องจากเราจะสูญเสียความเป็นไทยด้วยตัวของเราเอง


แค่ภาษายังไม่ระวังก็จะถูกกลืนไปเรื่อย


การรู้ภาษาต่างประเทศไม่ได้ทำให้เสียศักดิ์ศรี แต่เป็นการเสริมพลัง
ถ้าเด็กไทยไม่รู้ภาษาต่างประเทศเลยจะเสียเปรียบ
เชื่อว่าต่อไปในอนาคตในอินเตอร์เน็ตจะมี 2 ภาษากลาง
คือภาษาอังกฤษและภาษาจีน


ทั้งนี้ เรื่องภาษาถือเป็นพื้นฐานสำคัญให้คนรุ่นต่อไปมีความสามารถ


สมัยก่อนเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ธนรคารมักจะแข่งขันกันด้วยการหาเงินฝากโดยผู้จัดการรุ่นเก่าจะวิ่งออก
ไปหาเงินฝาก ทำให้สามารถช่วยยกระดับของธนาคารได้ แต่ในปัจจุบันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เมื่อสินค้ามีมากขึ้นกว่า 100
ประเภท และมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ


ผู้ที่เคยเก่งแบบเดิมก็จะไม่เก่งอีกต่อไปเพราะว่าโลกรองรับกติกาการแข่งขัน ทุกธุรกิจเจอคำถามนี้ทุกคน
ไม่มีใครอยู่นิ่งเพื่อให้ได้ซึ่งส่วนแบ่งทางการตลาด


ผู้ที่มีความรู้น้อยไม่มีการพัฒนาความรู้
ก็ไม่สามารถบุกเอาชื่อยี่ห้อของไทยไปสู่ตลาดโลกได้


สิ่งที่เราจะสามารถสู้คนอื่นได้จะต้องอาศัยองค์ความรู้เป็นเรื่องสำคัญ
อย่างแรกคือ อย่าทำอะไรให้เกินตัว เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด
เพราะถ้าเราล้มเขาก็เหยียบเรา และสอง
อย่าหยุดความเพียรในการพัฒนาความรู้


ช่วงนี้เข้าใกล้การเลือกตั้งเข้ามาทุกที
คณะผู้วิเศษเริ่มปะทะคารมกันเพื่อแสดงศักยภาพในเรื่องต่างๆ
แต่ไม่เคยมีใครหาเสียงด้วยการบอกว่าอย่าทำอะไรเกินตัว
เพราะการหาเสียงแบบนี้คงไม่ชนะ




โดยสรุปแล้วเศรษฐกิจไทยปัจจุบันนี้ในระยะสั้นถือว่ายังพอไปได้
เพราะการส่งออกยังดีอยู่ แต่ทั้งนี้
นักธุรกิจต้องไม่ดำเนินธุรกิจอย่างเกินความสามารถของตนเอง
ไม่ว่าอะไรก็ตาม
พร้อมทั้งต้องพัฒนาองค์ความรู้ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
เพราะความรู้เดิมนั้นใช้ไม่ได้แล้ว


ที่สำคัญอย่าคาดหวังว่าใครจะเข้ามาแก้ปัญหาให้ได้
ไม่ว่าจะมีคำสัญญาอย่างไรก็ตาม


แต่ในระยะยาวนั้นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้มากกว่า
โดยเฉพาะด้านการศึกษาและภาษาที่ใช้ในการติดต่อกับต่างชาติ



ทุกวันนี้เราจะปิดกั้นการเข้ามาของทุนต่างชาติไม่ได้ ทำได้อย่างมากเพียงถ่วงเวลาการเปิดเสรีออกไปเท่านั้น
เพราะต่างชาติเป็นผู้สร้างกติกาในการแข่งขันที่คำนวณไว้หมดแล้วว่าต้อง
ชนะ และใช้ดับเบิลสแตนดาร์ดมาตลอด


แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยอยู่ได้อย่างสง่างามบนเวทีโลก
โดยที่หากเศรษฐกิจไทยอยู่ได้ก็จะทำให้ความเป็นไทย
วัฒนธรรมไทยอยู่ได้เช่นกัน


โจทย์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับองค์ความรู้พื้นฐานที่ยอมรับว่าจุดอ่อนของประเทศไทย
คือความไม่มีความรู้อย่างเพียงพอ
ขณะที่ความรู้เดิมที่มีอยู่นั้นก็ใช้ไม่ได้แล้วในโลกปัจจุบัน ดังนั้น
ต้องไม่ทำธุรกิจแบบเชือดคอตัวเอง
ต้องระมัดระวังมากขึ้นเพราะเรามีบทเรียนมาแล้ว


ทั้งนี้ ไม่เชื่อว่านโยบายของรัฐจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้
ไม่ได้คิดว่าคณะผู้วิเศษจะเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหาได้


ช่วงนี้มีแต่การลด แลก แจก แถม นโยบายต่างๆ มากมาย
แต่ประชาชนก็ชอบเป็นครรลองของเรื่องการเมืองที่นักการเมืองจะหาเสียง
เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะหน้าเหลี่ยมหรือหน้าหล่อ
ไม่มีใครพูดว่าต้องทำด้วยความเพียร ทำอย่างเดียวพอ
ไม่เช่นนั้นก็ไม่ชนะแน่

ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่ลงแรง แต่ก็มีคนพูดเช่นนั้นอยู่
ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เหนือการเมือง


ดังนั้น ต้องดูด้วยความมีสติ และหากมีรัฐบาลแล้วก็ต้องการให้รัฐบาลดูแลการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ดี


โดยเฉพาะด้านการศึกษาในระยะยาวเพื่อให้มีความรู้
การใช้ภาษาต่างชาติเพื่อติดต่อธุรกิจ
เพราะความรู้ที่ดีส่วนใหญ่ถูกบันทึกไว้เป็นภาษาอังกฤษ




อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากนี้ไปจนถึงปีหน้า คือ
เรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เริ่มมีมากจนเกินไปแล้ว


แต่ทั้งนี้ ไม่รู้ว่าใครมีหนี้มากเกินตัว
เป็นเรื่องที่นักธุรกิจต้องพิจารณาตัวเองว่ามีหนี้มากเกินไปหรือไม่


ยอมรับว่าคนเราก็ต้องมีหนี้บ้าง
เพื่อให้เศรษฐกิจมันหมุนเวียนโดยตัวเองจะรู้ดีที่สุด


และในส่วนของธนาคารเองก็วิตกเช่นกัน
เพราะหากปล่อยหนี้มากเกินไปก็กังวลกับหนี้เสีย
แต่หากไม่ปล่อยหนี้ก็ไม่มีรายได้เช่นกัน
อยู่ที่ว่าทำอย่างไรที่จะปล่อยสินเชื่อโดยไม่ให้มีหนี้เสียจนเกินไป


ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าธนาคารต่างก็ปรับนโยบายการปล่อยสินเชื่อใหม่ท
ี่แม้ปากจะพูดว่าปล่อยสินเชื่อ แต่ลึกๆ แล้วก็พิจารณาอย่างละเอียดมากขึ้น
เป็นสัญญาณที่ต้องระวังมากขึ้น แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ยังมีสัญญาณเตือน


เรื่องหนี้ต้องแก้ไขเพราะมันโยงกันไปทั้งระบบ ดังนั้น ต้องดูอย่างมีสติ
ซึ่งรัฐบาลก็ทำได้ในระดับหนึ่ง

ที่มา




 

Create Date : 18 กันยายน 2549
0 comments
Last Update : 18 กันยายน 2549 19:12:12 น.
Counter : 751 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


akae
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีเพื่อนๆทุกคน เรา akae ยินดีต้อนรับ
หน้า Blog อั๊พเดทก่อนหน้า
>>>วันเกิดเจ้าตัวน้อย น้องไอโซ่
>>>เที่ยงเมืองนารา เกียวโต [AOTS]
>>>akae ล่องแก่งลำน้ำเข็ก พิษณุโลก
www.buzzidea.tv
Custom Search
คลังกระทู้เก่า DSM
คลับเพื่ออิสระภาพทางการเงิน
ห้องสินธร เรื่องการเงินและหุ้น
พันทิปดอทคอม
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
หนังสือพิมพ์ข่าวสด
หนังสือพิมพ์เนชั่นสุดสัปดาห์
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
หนังสือพิมพ์มติชน
หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก
นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์
นิตยสารศิลปวัฒนธรรม
นิตยสารเนชั่นนอลจีโอกราฟฟิก
นิตยสารบ้านและสวน


ข่าวหุ้น
ข่าวธุรกิจ
กระทู้จากห้องสินธร Pantip.com
New Comments
Friends' blogs
[Add akae's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.