|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
เจ้าชายน้อยองค์ใหม่ของญี่ปุ่น ความหวังที่รอมานาน
เจ้าชายน้อยองค์ใหม่ของญี่ปุ่น ความหวังที่รอมานาน
ราชวงศ์ญี่ปุ่น หรือราชวงศ์เบญจมาศ นับเป็นหนึ่งในราชวงศ์เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ยังคงมีการสืบทอดราชสมบัติสืบเนื่องต่อมาจนถึงปัจจุบัน และยังคงได้รับการเคารพจากประชาชนอยู่อย่างมิเสื่อมคลาย หากแต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นกลับต้องประสบปัญหาเรื่องการขาดซึ่งรัชทายาทชายที่จะมาสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากรัชทายาทในรุ่นปัจจุบัน เหตุเพราะรุ่นหลานของพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน มีแต่อิสตรีทั้งสิ้น แต่เนื่องจากกฎมณเฑียรบาลของราชวงศ์ญี่ปุ่น ระบุไว้ว่า ผู้มีสิทธิขึ้นครองราชย์จะต้องเป็นชายและเป็นรัชทายาทโดยตรงแห่งพระจักรพรรดิเท่านั้น แต่หากไม่มีรัชทายาท ลูกผู้พี่หรือลูกผู้น้องก็จะสามารถขึ้นครองราชย์เป็นพระจักรพรรดิได้เช่นกัน
แม้ว่าในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ญี่ปุ่น เคยมีพระจักรพรรดินีเป็นพระประมุขของประเทศมาแล้วถึง 8 พระองค์ด้วยกันในช่วงก่อนรัชสมัยเมจิ องค์สุดท้ายขึ้นครองราชย์เมื่อปี 2306 แต่ละพระองค์ล้วนแล้วแต่สืบเชื้อสายมาจากพระจักรพรรดิองค์ก่อนทั้งสิ้น และไม่มีพระองค์ใดเลยที่ทรงเป็นพระมเหสีในสมเด็จพระจักรพรรดิ และหลังจากที่เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ไม่มีจักรพรรดินีพระองค์ใดเลยที่ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสใหม่ หรือประสูติรัชทายาทด้วย แต่ปัจจุบัน ราชวงศ์ญี่ปุ่นยังคงยึดหลักตามกฎมณเฑียรบาลที่ใช้กันมานาน โดยให้เฉพาะรัชทายาทชายเท่านั้น ที่จะสามารถขึ้นครองราชย์ได้
โดยสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ทรงมีพระโอรสสองพระองค์ด้วยกัน คือ เจ้าฟ้าชายนารุฮิโต รัชทายาทลำดับที่ 1 และเจ้าชายอากิชิโน รัชทายาทลำดับที่ 2 ซึ่งการประสูติของเจ้าชายอากิชิโน เมื่อปี 2508 นับเป็นช่วงเวลาครั้งสุดท้ายที่ราชวงศ์ญี่ปุ่นได้รัชทายาทที่เป็นพระโอรส เพราะหลังจากนั้น สมเด็จพระจักรพรรดินี ทรงมีพระประสูติกาลพระธิดา 1 พระองค์ คือเจ้าหญิงซายาโกะ ในขณะที่ เจ้าชายอากิชิโน ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงกิโกะ และมีพระธิดา 2 พระองค์ด้วยกัน คือ เจ้าหญิงมาโกะ และเจ้าหญิงกาโกะ ส่วนเจ้าชายนารุฮิโต อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาซาโกะ และมีพระธิดาด้วยกัน 1 พระองค์ คือเจ้าหญิงไอโกะ ด้วยความที่เจ้าชายทั้งสองพระองค์ทรงมีพระชนมายุมากขึ้นเรื่อยๆ และพระชายาของทั้งสองพระองค์ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะทรงพระครรภ์อีกครั้ง โดยเฉพาะเจ้าหญิงมาซาโกะ ที่ทรงมีปัญหาเรื่องพระวรกายที่ทำให้ทรงพระครรภ์ยากอยู่แล้ว ทำให้ความหวังที่ราชวงศ์ญี่ปุ่นจะได้ผู้สืบทอดราชวงศ์ที่เป็นชาย เลือนลางลงทุกที
การขาดซึ่งรัชทายาทชายลำดับที่ 2 ทำให้ราชวงศ์ญี่ปุ่นประสบกับภาวะวิกฤต จนนายกรัฐมนตรี จุนอิชิโร โคอิซูมิ ต้องออกมาประกาศสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎมณเฑียรบาลของราชวงศ์เบญจมาศ เพื่อให้รัชทายาทหญิงสามารถสืบทอดราชวงศ์ได้ ถึงกับเริ่มดำเนินการเพื่อแก้ไขกฎหมายการสืบราชบัลลังก์ญี่ปุ่นปี 2490 เพื่อให้เพศหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกับเพศชายในการสืบราชบัลลังก์ญี่ปุ่น
แต่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแก้ไขกฎหมายอยู่นั้นเอง จู่ๆ ชาวญี่ปุ่นก็ได้รับทราบข่าวดีกันเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า เจ้าหญิงกิโกะกำลังทรงพระครรภ์อีกครั้งอยู่ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเริ่มมีความหวังกันมากขึ้น ที่จะได้เห็นรัชทายาทชายแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นกันอีกครั้ง และรัฐบาลเองก็ระงับการดำเนินการแก้ไขกฎหมายการสืบราชบัลลังก์ลงชั่วคราว แม้ว่าในเบื้องต้นจะยังไม่มีใครสามารถระบุได้ว่า เพศของเด็กที่อยู่ในครรภ์ของเจ้าหญิงกิโกะนั้น เป็นชายหรือหญิง แต่ก็ถือเป็นการสร้างความหวังให้กับชาวญี่ปุ่นอีกครั้ง เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เจ้าหญิงมาซาโกะทรงพระครรภ์ และพสกนิกรญี่ปุ่นต่างตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะมีพระประสูติกาล จนกำเนิดเป็น "เจ้าหญิงไอโกะ" ขึ้นมาในที่สุด
มาครั้งนี้ ชาวญี่ปุ่นดูเหมือนจะมีความหวังกันมากขึ้น แม้ว่าทางสำนักพระราชวังจะไม่ได้แถลงอย่างเป็นทางการว่า เจ้าหญิงกิโกะทรงพระครรภ์เป็นหญิงหรือชาย แต่ก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาอยู่ตลอดว่า "ดูเหมือนว่า ราชวงศ์ญี่ปุ่นจะได้ข่าวดี"
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพระครรภ์ของเจ้าหญิงทรงไม่ปกติเนื่องจากรกต่ำ ทำให้พระองค์จะทรงมีพระประสูติกาลด้วยการผ่าตัด และอาจจะทรงมีพระประสูติกาลในวันที่ 6 กันยายน ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมที่ระบุไว้ราวปลายเดือนกันยายน
กระทั่งเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหญิงกิโกะพร้อมด้วยเจ้าชายอากิชิโน ทรงเสด็จออกจากพระตำหนักในกรุงโตเกียว มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลไออิกุ โดยเจ้าหญิงกิโกะและเจ้าชายอากิชิโนยังทรงมีสีหน้ายิ้มแย้มขณะประทับอยู่ในรถพระที่นั่ง เสด็จไปยังโรงพยาบาลพร้อมกัน ทำให้ชาวญี่ปุ่นได้ตื่นเต้นกันอีกครั้ง เพราะถือว่าการเสด็จครั้งนี้ เท่ากับเป็นการนับถอยหลังที่จะได้เห็นหน้าของรัชทายาทองค์ใหม่ ที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกเร็วๆ นี้ หากแต่ความหมายของการประสูติครั้งนี้ มีมากมายเกินกว่านั้น
ล่าสุดก็ยังมีข่าวออกจากปากของพระสหายคนสนิทของเจ้าชายอากิชิโน ที่ออกมาเปิดเผยว่า จากที่เคยถามเจ้าชายไปว่า หลังจากมีพระธิดาสองพระองค์แล้ว เราจะได้เห็นพระโอรสเป็นคนต่อไปหรือไม่ เจ้าชายตรัสกับพระสหายคนนี้ว่า "น่าจะเป็นเช่นนั้น"
คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้เชื่อมั่นได้ว่า รัชทายาทชายแห่งราชวงศ์เบญจมาศ กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาแล้วจริงๆ จนในที่สุด ทางสำนักพระราชวังประกาศว่า เจ้าหญิงกิโกะ จะมีพระประสูติกาลในวันที่ 6 กันยายน แน่นอนแล้ว วันเวลาที่ราชวงศ์ญี่ปุ่นและชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศรอคอยกันมานาน และได้เห็น "รัชทายาทชาย" องค์ใหม่ของราชวงศ์ญี่ปุ่นกันเสียที
แม้จะเป็นการรอคอยที่ยาวนานถึงกว่า 40 ปี แต่ก็นับเป็นการรอคอยที่คุ้มค่า ญี่ปุ่นก็คงไม่ต้องยุ่งยากไปเปลี่ยนกฎมณเฑียรบาลที่มีมาแต่เดิมอีก เพราะเจ้าชายองค์น้อย รัชทายาทชายลำดับที่ 3 ของราชวงศ์ญี่ปุ่น ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว โดยแพทย์เปิดเผยว่า เจ้าชายน้อยมีพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรงดี และคาดว่าจะสามารถเสด็จกลับวังได้ทั้งเจ้าหญิงกิโกะและเจ้าชายน้อยในอีกราว 1 สัปดาห์
ส่วนคนที่น่าจะสบายใจมากที่สุด นอกเหนือจากเจ้าหญิงกิโกะแล้ว ก็คงจะเป็นเจ้าหญิงมาซาโกะ ที่น่าจะผ่อนคลายกับความเครียดที่จะต้องมีพระโอรสเพื่อสืบราชสมบัติให้ได้ และเจ้าหญิงไอโกะ พระธิดา ที่ได้ผลพวงทางอ้อมในการใช้ชีวิตได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องคอยคำนึงถึงเรื่องการปฏิบัติภารกิจในอนาคตข้างหน้า
เว้นเสียแต่ว่า วันหนึ่ง เจ้าหญิงมาซาโกะจะมีพระโอรสขึ้นมา นั่นก็คงต้องเป็นเรื่องที่คิดกันใหม่อีกรอบหนึ่งว่า ลำดับรัชทายาทจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่วันนี้ ญี่ปุ่นมีเจ้าชายองค์น้อยไว้ชื่นชมกัน
Create Date : 09 กันยายน 2549 |
|
1 comments |
Last Update : 9 กันยายน 2549 18:25:47 น. |
Counter : 6010 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.4 7 มีนาคม 2554 21:10:57 น. |
|
|
|
| |
|
|