|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
นิทานธรรมะสอนศิลปะการใช้ชีวิต
นิทานธรรมะสอนศิลปะการใช้ชีวิต : พระมหาวีระพันธ์ ชุติปัญโญ
ชีวิตของคนเราล้วนมีปัญหาเกิดขึ้นและต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขเรื่องที่คาใจนั้นให้ได้อยู่ตลอดเวลา อาจเป็นปัญหาที่เล็กน้อย กระทั่งเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้น แต่เราผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาก็ควรรู้จักเกี่ยวข้องอย่างผู้รู้จักปล่อยวางและเข้าใจ แม้จะไม่สามารถละวางได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ก็ควรรู้จักวางใจให้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรู้เท่าทัน แล้วปัญหาที่มีอยู่ย่อมมีทางคลี่คลายลงได้ในสักวัน
การสอนให้ผู้อื่นให้ทำตาม ไม่ควรสอนในขณะที่ตัวเองมีความโกรธและเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ควรสอนในขณะที่สติปัญญามีอยู่อย่างบริบูรณ์ และควรสอนด้วยความปรารถนาดีที่มาจากใจ เพราะหากสอนโดยการใช้อารมณ์ ผู้ถูกสอนจะไม่จำคำสอนที่ถูกว่ากล่าวตักเตือน แต่เขาจะจดจำใบหน้าที่ดุร้ายและกิริยาที่แสดงความเกรี้ยวกราดของผู้สอน นั่นถือว่าเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของผู้ถูกสอนตราบนานเท่านาน
คำพูดที่คนเราเปล่งออกมาแต่ละครั้ง ถือว่าเป็นพลังงานของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะใหม่เสมอ อาจเป็นไปในทางที่ดีหรือเลวร้ายก็อยู่ที่เราผู้ออกคำสั่งเป็นหลัก ด้วยเหตุที่คำพูดล้วนมาจากใจเป็นผู้กรองข้อมูลของถ้อยคำ ปราชญ์จึงเตือนให้รู้จักคิดเสียก่อนแล้วจึงค่อยพูด เพราะเมื่อเปล่งวาจาออกไปแล้ว นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรก็ตามมา สุนทรภู่ กวีเอกแห่งแผ่นดินสยามจึงกล่าวให้ข้อคิดเกี่ยวกับการพูดไว้ว่า
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
การค้นพบว่าตัวเองชอบอะไรนั้นชื่อว่าเป็นคุณค่าอย่างหนึ่งของการได้เกิดมา แต่การค้นพบความเป็นอิสระที่มีอยู่ในตัวเองแล้วนำไปสู่การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสงบมีค่ายิ่งกว่า เพราะทำให้เรารู้จักจัดระเบียบชีวิตของตัวเองได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของคนอื่น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวเราค้นพบความสุขที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งถือว่าเป็นความสุขที่เรียบง่ายแต่งดงามในความทรงจำของการได้ชีวิตมา
คนที่ไม่รู้จักการดำเนินชีวิตอย่างผู้มีปัญญา ชื่อว่าเป็นชีวิตที่มืดบอดจากความดีงามทั้งหลาย เพราะเมื่อสติปัญญาถูกปิดบัง การเห็นสิ่งต่างๆย่อมกลับกลายเป็นความพร่ามัวไปในที่สุด แม้นว่าเราจะชื่อว่ามีตาที่มองเห็น แต่หากไร้ปัญญาในการทำความเข้าใจ เราก็เป็นได้แค่คนตาดีที่ไม่สามารถแสวงหาความดีงามมาประดับชีวิตได้เช่นเคย
โปรดทำความเข้าใจไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรที่เราไม่รู้เสียเลย และก็ไม่มีอะไรที่เรารู้ไปเสียทุกอย่าง ถ้าเราทำความเข้าใจอย่างนี้อยู่เสมอ เราจะรู้ว่า ควรจะปัดปัญหาที่เปรียบเสมือนเส้นผมที่บังตาไม่ให้เราเห็นภูเขา คือ ความจริงที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างไร
บางครั้งปัญหาของชีวิตก็เกิดจากเรื่องเล็กๆที่เราไม่เคยมอง กระทั่งก่อตัวเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา เศษผงเล็กๆที่เข้าตาคนอื่น เรามักจะช่วยเอาออกจากตาของเขาได้ แต่เมื่อปัญหาอันเปรียบเหมือนเป็นผงเล็กๆที่เข้าตาตัวเอง เรากลับมีความรู้สึกว่ามันช่างยากลำบากที่จะทำให้ออกไปจากตาได้ ดังนั้น เราจึงไม่ควรมองข้ามปัญหาเล็กๆที่อยู่ใกล้ชิด แต่ควรรู้จักมองปัญหาที่ใกล้ตัวด้วยใจที่มีวิจารณญาณ เพื่อไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ยิงในโอกาสต่อไป
การปรับทัศนคติของชีวิตถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากรู้จักปรับความเห็นในมุมที่เป็นบวก เราย่อมรู้จักที่จะคัดเลือกสิ่งดีให้กับตัวเอง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ตาม แต่หากมีทัศนคติที่ติดลบ มองโลกแต่แง่ร้ายในฝ่ายเดียว เราย่อมเหมือนคนที่อยู่ในมุมที่คับแคบ ย่อมก่อให้เกิดความอึดอัดขัดเคือง แม้จะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะเรามองว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเลวร้ายไปเสียหมด อนาคตที่ควรจะถูกต่อยอดเป็นความดีงามจึงยุติบทบาทลงในทันที
บางครั้งการพ่ายแพ้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตรู้สึกแย่เสมอไป เพราะหากเคยได้รับแต่ชัยชนะเพียงอย่างเดียว เราย่อมไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกอีกด้านหนึ่งที่เป็นความผิดหวัง ด้วยเหตุที่ไม่เคยแพ้ เมื่อวันหนึ่งความผิดหวังเข้ามาเยือน ย่อมทำให้เราระทมตรมตรอมจากภาวะที่พ่ายแพ้นั้น แต่หากเรียนรู้ที่จะแพ้บ้างในบางโอกาสที่เหมาะสมเพื่อยอมรับที่จะแก้ไขสิ่งที่บกพร่องให้ดีขึ้น เมื่อชัยชนะใหม่มาครอบครอง เราย่อมรู้จักรสชาติชองความสมหวังอย่างรู้คุณ
การที่เราผิดพลาดแล้วได้รับการให้อภัยจากผู้อื่น ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างมากของชีวิต เพราะเป็นการได้รับโอกาสที่จะแก้ไขสิ่งบกพร่องให้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน เราก็ควรรู้จักที่จะพัฒนาตนเองให้ดีกว่าเดิม มิใช่ยินดีกับการได้รับการให้อภัยแล้วหยุดเรียนรู้ที่จะแก้ไข เพราะเมื่อวันหนึ่งที่ไม่มีใครเห็นใจ เราจะเดียวดายจากคนรอบข้างที่เคยเห็นคุณค่าในตัวเรา เพราะเราเป็นผู้ผลักไสให้เขามองเราว่าเป็นคนไร้ค่าด้วยตัวของเราเอง
Create Date : 05 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 11:07:44 น. |
|
21 comments
|
Counter : 1394 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เนระพูสี วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:11:20:30 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:12:15:09 น. |
|
|
|
โดย: พจมารร้าย วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:12:33:54 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:12:36:19 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าจ๋อ(ตูดแดง) IP: 58.147.40.112 วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:13:19:13 น. |
|
|
|
โดย: fonrin วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:15:23:35 น. |
|
|
|
โดย: whitelady วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:19:50:29 น. |
|
|
|
โดย: เนระพูสี วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:6:15:10 น. |
|
|
|
โดย: fonrin วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:20:12:53 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:17:22:54 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:23:02:56 น. |
|
|
|
โดย: นางฟ้าอรชร วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:19:35:11 น. |
|
|
|
โดย: คนดอย IP: 222.123.209.42 วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:8:29:26 น. |
|
|
|
โดย: โสนบ้านนา วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:16:56:54 น. |
|
|
|
โดย: fonrin วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:8:10:57 น. |
|
|
|
โดย: เนระพูสี วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:12:36:38 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:20:05:27 น. |
|
|
|
โดย: เด็กเคร็ง เมย์ IP: 118.175.161.73 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:15:42:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|