"ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)"
Group Blog
 
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
8 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
จาก "ลออ ไกรฤกษ์ " สู่เจ้าพระยามหิธร ตอนที่ ๕



เจ้าพระยามหิธร

เรียบเรียง ประวัติ ผลงาน และ บทบาท ของ เจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) เนติบัณฑิตหมายเลข ๑ แห่งประเทศไทย ผู้เป็นตัวอย่าง และแรงบันดาลใจให้คนไทยและเด็กไทยทุกคน

ผู้เขียน: เทาชมพู
อยู่ในส่วน: ประวัติศาสตร์

หน้าที่ 5 - "คดีพญาระกา "

เจ้านายที่มีบทบาทอยู่ในคดี "พญาระกา" องค์แรกก็คือพระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรวรรณ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ท่านเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเขียน ซึ่งเรียกกันว่าเขียนอิเหนา เพราะเป็นละครหลวง รำเป็นตัวอิเหนาได้งดงามไม่มีใครสู้ กล่าวกันว่าเป็นเจ้าจอมที่โปรดปรานท่านหนึ่ง เมื่อประสูติพระราชโอรส สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็พระราชทานกริชแถมมาให้นอกเหนือจากพระแสงดาบที่พระราชทานพระราชโอรสทุกพระองค์ รับสั่งว่า "เป็นลูกอิเหนา"



กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ต้นราชสกุลวรวรรณ ทรงได้เลือดศิลปินทางเจ้าจอมมารดาเขียนมาไม่น้อย โปรดนิพนธ์บทละคร บทกวีและการแสดง พระนิพนธ์สำคัญๆที่เรารู้จักกันก็อย่างเช่น "สาวเครือฟ้า" ซึ่งทรงดัดแปลงจากอุปรากร Madame Butterfly ทรงเป็นเจ้าของโรงละครนฤมิตร์ ที่ได้เข้าไปแสดงถวายหน้าพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวังบ่อยๆ

ในรัชกาลที่ ๖ พระธิดา ๒ พระองค์ในกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คือพระวรกัญญาปทาน พระคู่หมั้น และพระนางเธอลักษมีลาวัณย์ พระมเหสี ทั้งสององค์ทรงรับมรดกศิลปินจากพระบิดา ในพระปรีชาด้านการแต่งบทประพันธ์

แต่เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเหตุการณ์ตอนปลายรัชกาลที่ ๕ ซึ่งละครนฤมิตร์กำลังเฟื่องฟู เช่นเดียวกับเจ้านายในสมัยนั้น กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงมีหม่อมหลายคน และในจำนวนนี้ก็มีนางละครโด่งดังในคณะละครนฤมิตร์ที่ได้เป็นหม่อมด้วย ชื่อพักตร์

หม่อมพักตร์ซึ่งคงยังสาวและสวย ไม่ได้เป็นสุขกับฐานะของตน จึงทิ้งตำแหน่งหม่อม หนีออกจากวังไปเมื่อปลายเดือนธันวาคม ๒๔๕๒ ไปอาศัยอยู่ที่บ้านฝั่งธนบุรี แต่กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เองก็ไม่เต็มพระทัยจะสูญเสียหม่อมพักตร์ จึงทรงติดตามไปเพื่อจะเอาตัวกลับมา เกิดเรื่องราวกับเจ้าของบ้านเป็นเรื่องอื้อฉาวถึงขั้นพวกเขาพร้อมใจกันทำเรื่องถวายฎีกาว่ากรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงบุกรุกเข้าไปถึงในบ้าน เอะอะใหญ่โตเป็นที่เดือดร้อนแก่ราษฎร เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบจากฎีกา ก็มีพระราชดำรัสห้ามกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ไม่ให้ทำอีก

แม้ว่ากรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ไม่ได้ตัวหม่อมพักตร์กลับไปอย่างพระประสงค์ แต่เธอก็อยู่บ้านนั้นต่อไปอีกไม่ได้ จำต้องออกจากบ้านฝั่งธน มาอาศัยการอารักขาของตำรวจพระนครบาลทางฟากพระนคร ซึ่งขึ้นกับเสนาบดีคือเจ้าพระยายมราช

เจ้าพระยายมราชเห็นผู้หญิงคนเดียวจะเป็นชนวนให้เดือดร้อนกันไปทั้งกรม ก็เกลี้ยกล่อมให้หม่อมพักตร์กลับเข้าวังสวามีของเธอไปเสียให้หมดเรื่อง แต่เธอก็ยืนกรานไม่สมัครใจกลับท่าเดียว เจ้าพระยายมราชเห็นเป็นภาระยืดเยื้อแก่นครบาล ก็เลยไปทูลปรึกษาเจ้านายที่คิดว่ามีบารมีพอจะคุ้มครองหม่อมพักตร์ได้ คือกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทราบเรื่องก็ทรงต้อนรับและให้การคุ้มครองด้วยดี เรื่องก็สงบไป แต่ว่ากรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ไม่พอพระทัย ยังกริ้วหนักและทรงบ่นกับใครต่อใครว่าเสนาบดีนครบาลเป็นใจให้หม่อมของท่านหนี ดังนั้นแทนที่เรื่องจะจบ ก็เลยเกิดเป็นเรื่องใหญ่โตวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมขึ้นมา

มาถึงเดือนพฤษภาคม ปี ๒๔๕๓ บทละครเรื่องใหม่ของนฤมิตร์ พระนิพนธ์ในกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ที่จะไปแสดงถวายหน้าพระที่นั่ง มีชื่อว่า "ปักษีปะกรนัม เรื่องพญาระกา " เมื่อนิพนธ์เสร็จ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงนำไปให้กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอาภากร ต้นราชสกุล อาภากร ณ อยุธยา)

เพื่อขอให้ทรงแต่งทำนองขับร้องให้ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงอ่านแล้วรู้สึกว่าเนื้อเรื่องพิกลๆ ก็ไม่ทรงรับทำ แต่ทรงคัดบทกลอนบางตอนไว้แล้วนำไปหารือกรมหลวงพระจักษ์ศิลปาคม (พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ต้นราชสกุลทองใหญ่ ณ อยุธยา พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๔) กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม อ่านแล้วก็นำไปถวายให้กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อ่านบ้าง

เนื้อเรื่องของ" พญาระกา " อย่างย่อๆ มีอยู่ว่า พญาระกามีเมียมาก มีเมียตัวหนึ่งเป็นนางไก่ญี่ปุ่นซึ่งไม่พอใจตัวพญาระกา พอได้โอกาสก็แยกฝูงไป พบไก่ชนที่ปลายนาเกิดรักใคร่เป็นชู้กัน พอรู้ถึงพญาระกา ก็ตามไปตีไก่ชนจนแพ้และหนีไป นางไก่ญี่ปุ่นก็หนีเตลิดไปพบตาเฒ่านกกระทุงริมบึง ตาเฒ่าเอาไปเลี้ยงไว้ แต่ยายเฒ่านกกระทุงหึงหวง ประกอบกับได้ข่าวว่าพญาระกาผู้มีฤทธิ์กำลังติดตามค้นหา นกกระทุงจึงไล่นางไก่ญี่ปุ่นไปหาพญาเหยี่ยว พญาเหยี่ยวเห็นว่ารับไว้จะเกิดปัญหา จึงส่งนางไปถวายพญานกเค้าแมว นกเค้าแมวเกิดความปฏิพัทธ์นางไก่ญี่ปุ่น ไม่รังเกียจว่าเสียเนื้อตัวมาแล้ว เพราะนกเค้าแมวก็กินของโสโครกอยู่แล้ว จึงได้นางไก่เป็นเมีย

ในบทตอนนี้มีกล่าวติเตียนชัดเจนว่า พญาเค้าแมวเป็นผู้หลงระเริงในราคะ จนลืมความละอายต่อบาป เอาเมียของอาเป็นเมียได้ ฝ่ายนางนกเค้าแมวมเหสีได้ข่าวก็มาหึง แต่พญาระกากลับเข้าข้างนางไก่ ไล่ตีนางนกเค้าแมวหนีกลับเข้ารังไป

ต่อมาพญาเค้าแมวยกทัพจะไปรบกับพญาระกา แต่เมื่อเผชิญหน้ากันยังไม่ทันรบพุ่ง ก็พอดีจวนรุ่งเช้า พญาระกาขันขึ้นมา ส่วนนกเค้าแมวตาฟางเพราะแสงอรุณเลยแพ้ เลิกทัพหนีไป

กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อ่านแล้ว ทรงเห็นว่า เป็นเรื่องแต่งว่ากล่าวกระทบกระเทียบเปรียบเปรยพระองค์ในกรณีหม่อมพักตร์ ก็กริ้วมาก ประกอบกับทรงได้ข่าว(ซึ่งรู้ภายหลังว่าไม่จริง)ว่าพระเจ้าอยู่หัวได้ทอดพระเนตรบทละครแล้ว มิได้ทรงทักท้วงแต่อย่างใด ซ้ำยังกำหนดจะให้เล่นถวายในวันที่ ๓ มิถุนายน เสียอีก ถ้าหากว่าเล่นขึ้นมาเมื่อไรก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต พระองค์คงจะได้รับความอัปยศอย่างมาก ทรงเห็นพระเจ้าอยู่หัวเองก็ไม่ทรงพระเมตตาพระราชโอรสเสียแล้ว ถึงปล่อยให้ละครเล่นเรื่องนี้ต่อหน้าราชสำนักได้

อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่ากรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงเป็นผู้มีพระทัยเร็ว เมื่อกริ้วเรื่องนี้มาก ก็ถึงขั้นบรรทมไม่หลับทั้งคืน เช้าก็ทรงประชุมข้าราชการกระทรวงยุติธรรมมาแจ้งเรื่องให้ทราบ และ ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงเจ้าพระยายมราชเล่าเรื่องนี้พร้อมส่งบทละครไปด้วย ทรงเห็นว่าเมื่อเหตุการณ์เป็นไปถึงขั้นนี้ ก็ทรงโทมนัสเกินกว่าจะอยู่ดูหน้าผู้คนได้ ขอให้เจ้าพระยายมราชจัดการตามแต่เห็นสมควร แล้วก็เสด็จลงเรือไปแต่ลำพัง ไปอยู่ที่ศาลเจ้าองครักษ์ที่ปลายคลองรังสิต

ก่อนหน้าเกิดเรื่องนี้ ราววันที่ ๒๐ เมษายน กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เคยทำหนังสือทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายขอลาออกจากตำแหน่งเสนาบดี ทรงแถลงเหตุผลว่า ประชวร มีอาการปวดพระเศียรเป็นกำลัง ในสมองร้อนเผ็ดเหมือนหนึ่งโรยพริกไทยระหว่างมันสมองกับกระดูก คิดและจำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ทำงานแม้แต่นิดหน่อยก็เหนื่อย หมอไรเตอร์ตรวจพระอาการแล้วว่าจำต้องหยุดงานพักรักษาพระองค์ จึงกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งเสนาบดี พระเจ้าอยู่หัวทรงเก็บลายพระหัตถ์ฉบับนี้ไว้เฉยๆไม่มีพระบรมราชโองการลงมา และไม่เปิดเผยให้ผู้ใดทราบ จนเกิดเรื่อง" พญาระกา " ขึ้น

วันรุ่งขึ้นหลังจากกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เสด็จออกจากพระนครไปโดยมิได้กราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงยุติธรรมรวม ๒๘ คนก็ประชุมกัน แล้วลงชื่อถวายฎีกาขอลาออกจากราชการตามกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งถ้าหากว่าออกไปจริงๆ กระทรวงและศาลยุติธรรมก็จะล้ม ดำเนินการต่อไปไม่ได้ เพราะขาดข้าราชการสำคัญถึง ๒๘ คน เรียกว่ายกกระทรวงออกไปก็ว่าได้

ในฎีกานี้ ผู้ลงชื่อเป็นอันดับต้นคือพระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์ ปลัดทูลฉลอง และอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้คือขุนหลวงพระยาไกรสี(เทียม บุนนาค) อธิบดีศาลต่างประเทศ

เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องวุ่นวายที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนั้นก็ว่าได้ ประจวบเหมาะกับบ้านเมืองมีเรื่องใหญ่อยู่แล้ว ให้พระเจ้าอยู่หัวทรงพะวงอยู่ถึง ๒ เรื่อง เรื่องแรกคือท่านดยุคโยฮันน์ อัลเบร็คต์ แห่งเม็คเคล็นเบอร์ก เชวริน กำลังจะเสด็จเยือนสยาม ทางไทยไม่ต้องการให้มีเหตุขลุกขลักอะไรในบ้านเมืองเมื่อแขกเมืองมาถึง

เรื่องที่สองคือคนจีนในพระนครพร้อมใจกันประท้วงหยุดงานตั้งแต่ ๑ มิถุนายน รัฐบาลกำลังเฝ้าระวังเต็มที่ไม่ให้เกิดเหตุร้ายแทรกแซง ก็ไม่มีใครนึกว่าจะเกิดเหตุที่สาม คือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้น "สไตร๊ค์ " ราวกับจะแข่งกับคนจีนเสียเอง แล้วสาเหตุเรียกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ว่าได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับระบบงานในกระทรวง

พอฎีกาทูลลาออกของข้าราชการ ๒๘ คนหลุดจากมือไปถึงทางการ ก็วุ่นวายกันไปทั้งกระทรวงและพระบรมมหาราชวัง คนกลางในเรื่องนี้คือเจ้าพระยายมราชได้พยายามห้ามปรามไกล่เกลี่ยเท่าไร ข้าราชการทั้ง ๒๘ (ซึ่งว่ากันว่าขุนหลวงพระยาไกรสีเป็นแกนนำ)ก็ยืนกรานจะทำจนได้

ดังนั้นเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบเรื่องฎีกา ก็ทั้งพิโรธและโทมนัสอย่างมาก ทรงมีพระบรมราชโองการให้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่หลายพระองค์รวมทั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมกุฎราชกุมาร(คือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)เข้าเฝ้าด่วนเพื่อสอบสาวราวเรื่อง เพื่อจะนำไปสู่การพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิด ส่วนข้าราชการทั้ง ๒๘ คนนั้น พระเจ้าอยู่หัวพิโรธมาก ถึงกับทรงเรียกว่า ' ๒๘ มงกุฎ ' และให้เขียนชื่อปิดไว้ที่ปลายพระแท่นบรรทมเพื่อทรงสาปแช่ง

จดหมายเหตุรายวัน ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจดพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนนี้ไว้ว่า


'ไม่มีแบบแผนอะไรเลยที่จะทำเช่นนี้ ทั้งในเมืองไทยเมืองฝรั่ง จะหาอะไรที่จะแก้แทนคนพวกนี้ไม่ได้จนนิดเดียว เปนอย่างอัปรีย์ที่สุดที่แล้ว หาอะไรเปรียบไม่ได้ เอาการส่วนตัวมายกขึ้นเปนเหตุที่จะงดไม่ทำการตามน่าที่ราชการ นับว่าปราศจากความคิด ปราศจากความกตัญูญูต่อพระเจ้าแผ่นดิน และต่อแผ่นดิน ถือนายมากกว่าเจ้า"


พระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์ นับว่าโชคดีมากที่มีกัลยาณมิตรแท้จริง คือกรมขุนศิริธัชสังกาศ ทรงยื่นมือเข้ามาช่วยในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่มีใครอื่นช่วยเหลือได้
พอทราบเรื่อง กรมขุนศิริธัชสังกาศก็เสด็จมาที่บ้านพระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์ทันทีในตอนกลางดึก ปลุกเจ้าของบ้านขึ้น บังคับให้เขียนหนังสือสารภาพผิด ขอพระราชทานอภัยโทษ และขอถอนหนังสือกราบถวายบังคมลาออก

กรมขุนศิริธัชสังกาศ นำหนังสือของพระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระเจ้าอยู่หัวทันที ไม่ให้รอช้าข้ามวัน ท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ธิดาของเจ้าพระยามหิธร เล่าว่าสามีของท่านคือ หม่อมหลวง ปิ่น มาลากุล ได้พบหลักฐานที่เก็บไว้ในหอจดหมายเหตุ แล้วนำมาให้ท่าน ท่านบันทึกไว้เกี่ยวกับหนังสือกราบถวายบังคมลาออกจากราชการว่า


" คุณพ่อเขียนหนังสือดี ไม่มีการหมิ่นพระบรมราชานุภาพแม้แต่น้อย คุณพ่อเขียนว่าการที่รับราชการอยู่ทุกวันนี้ได้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้า แต่ในทางวิชาการนั้นต้องพึ่งพระปัญญาของกรมหลวงราชบุรีฯ เมื่อกรมหลวงราชบุรีฯทูลลาออก คุณพ่อก็หมดปัญญาที่จะฉลองพระเดชพระคุณต่อไป ส่วนหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษนั้น คุณพ่อเขียนว่า ได้กระทำไปเพราะความโง่เขลาเบาปัญญา และถ้าแม้บังอาจกระทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเช่นนี้อีกแล้ว ก็ขอพระราชทานถวายชีวิต"

กรมขุนศิริธัชสังกาศได้นำหนังสือของพระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์เข้าไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย พระเจ้าอยู่หัวก็ค่อยคลายพระพิโรธลง ข้าราชการอื่นๆอีก ๒๖ คนก็ได้ทำตามคือทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษหมดทุกคน เว้นแต่คนเดียวคือขุนหลวงพระยาไกรสี ซึ่งมีหนังสือกราบบังคมทูลด้วยโวหารว่าตนมิได้เป็นผู้ผิด

บันทึกส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเจ้าพระยารามราฆพ ทรงกล่าวถึงขุนหลวงพระยาไกรสีไว้ว่า

" หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์(กฤดากร) เล่าต่อไปว่า ขุนหลวงพระยาไกรสีนั้นไม่เรียบร้อยเช่นคนอื่นๆ แสดงตนกระด้างกระเดื่อง และว่าได้มีหนังสือทูลเกล้าฯแก้ตัวไปโดยโวหารหมอความ ทำให้พระเจ้าอยู่หัวกริ้วมาก จะลงพระราชอาญาให้เป็นตัวอย่าง"

เรื่อง ๒๘ มงกุฎที่ว่านี้ ปรากฏว่าคนต้นคิดไม่ใช่พระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์ แต่เป็นขุนหลวงพระไกรสี ท่านจึงถูกถอดจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ และเคราะห์ร้ายซ้ำสอง ถูกถอดจากบรรดาศักดิ์ เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆได้กลับเข้ารับราชการทั้งหมด แต่ก็แน่ละว่า อนาคตทางราชการไม่มั่นคงเท่าเดิม



เจ้านายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพญาระกา ต่างก็ได้รับผลกระทบคนละอย่าง กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ กลับเข้ามากราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ และได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทรงพ้นตำแหน่งเสนาบดีไปตามที่เคยกราบถวายบังคมลามาก่อน หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์ กฤดากรขึ้นเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมแทน

ส่วนกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงถูกลงโทษอย่างเจ้านาย เรียกว่าติดสนมคือต้องเข้ามาประทับในพระบรมมหาราชวังออกไปไหนไม่ได้มีกำหนด ๑ ปี มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล แต่ว่าหม่อมและพระโอรสธิดาเจ้าไปเยี่ยมได้เป็นเวลาตามสมควร

เจ้านายพระองค์ที่สามคือกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งมีส่วนให้กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์เข้าพระทัยผิด ถูกห้ามเข้าเฝ้าจนสิ้นรัชกาล แต่กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ นั้นติดสนมอยู่ไม่นาน แค่ถึงเดือนกรกฎาคม กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ก็ทูลเกล้าทูลกระหม่อมขอพระรา ทานอภัยโทษให้ ท่านก็เลยได้พ้นโทษ กลับไปวังของท่าน

เวลาล่วงมาถึงเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เสด็จสวรรคต

ข้อมูลลุงกล้วยนำมาจาก วิชาการ.คอมครับ

คงเหลือตอนสุดท้าย "เจ้าพระยามหิธร...ตอนจบ" ลุงกล้วยจะนำเสนอต่อไปครับ








Create Date : 08 เมษายน 2550
Last Update : 8 เมษายน 2550 0:44:42 น. 23 comments
Counter : 1870 Pageviews.

 

นอนดึกเหมือนกันนะคะ...ลุงกล้วย



โดย: น้ำหวานพิษ วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:0:56:52 น.  

 
แสบตามากค่ะ บล็อกลุงกล้วยเนี่ย.....แต่อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเยอะเลยค่ะ


โดย: nattabe วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:1:01:38 น.  

 
สวัสดีครับคุณน้ำหวานพิษ
จะไปนอนแล้วครับ วันนี้นอนดึกไปนิดครับ ขอให้มีความสุขวันอาทิตย์นะครับ


สวัสดีครับคุณnattabe
ปรับตัวหนังสืออีกนิดนะครับ จะได้อ่านสบายตาครับ ขอบคุณมากครับ ขอให้มีควาสุขนะครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:1:18:59 น.  

 

หวัดดีตอนดึกๆเมืองไทยค่ะลุงกล้วย มาอ่านความรู้ดีดีที่ลุงกล้วยนำมาฝากทุกวันค่ะ
พรุ่งนี้วันหยุดอีก 1 วันของเมืองไทย ลุงกล้วยอย่าลืมพักผ่อนเยอะๆนะคะ ....ฝันดีค่ะ


โดย: Htervo วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:1:49:49 น.  

 
สวัสดีคะลุงกล้วยสบายดีนะคะ เอาเรื่องราวประวัติศาสตร์มาฝากอีกแล้ว ขอบคุณนะคะแต่ก้ออ่านไม่หมดอะคะ ตามประสาของคนขี้เกียจอ่านแบบหนูอะนะ อย่าว่าเลยเด้อคุณลุงกล้วยคิดถึงเหมือนเดิมนะคะ


โดย: bagarbu วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:2:35:12 น.  

 
ลุงกล้วย .. ไม่ได้เข้ามาคุยกันพักใหญ่ๆ เลยจ้ะ สบายดีไม๊ค่ะ ..

ตอนนี้เราอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่แล้วนะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:6:37:23 น.  

 


ดี.แวะมาส่งความสุขให้ลุงกล้วย ยามเช้านะคะ





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:8:27:34 น.  

 
สวัสดีครับคุณบุ๋
ขอบคุณมากครับ คุณบุ๋มก็อย่าลืมดูแลสุขภาพนะครับ


สวัสดีครับคุรหน่อย
ลุงกล้วยไปบ้านคุณหน่อยแล้วช้ามากครับ เลยกลับมาตั้งหลักก่อนครับ ลุงกล้วยคิดถึงนะครับคุณหน่อย แล้วจะแวะไปใหม่ครับ


สวัสดีครับคุณนิด
ปิ๊กมาแอ่วบ้านกาครับ ปี๋ใหม่เมือง มาลดน้ำดำหัวคนเฒ่าก็ดีเน่อครับ ขอฮื้อคุณนิดอยู่เย็นเป้นสุขเน่อครับ
ลุงกล้วยกึ๋ดเติงเน่อครับ




โดย: ลุงกล้วย วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:9:38:37 น.  

 
เข้ามาอ่านต่อจากเมื่อวานค่ะ เข้าตำราน้ำผึ้งหยดเดียวแท้ๆเลยนะคะเนี่ย ผู้หญิงคนเดียวทำยุ่งไปทั้งวัง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นและมีการบันทึกไว้อย่างละเอียดมากเลย แต่ถ้าลุงกล้วยไม่ไปค้นหามาให้อ่านก็คงไม่รู้หรอกค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่นำมาเล่าสู่กันฟัง


มีความสุสขมากๆและรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
เราสองคนค่ะ


โดย: ฝากเธอ วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:9:42:36 น.  

 
สวัสดีครับคุรดี
ลุงกล้วยขอบคุณมากครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:9:47:39 น.  

 
สวัสดีครับคุณทั้งสอง
เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ช่วยเตือนสตินะครับ เวลามองปัญหาอย่ามองมุมแคบครับ ทุกสิ่งอย่างผ่านไปแล้ว แค่มองเป็นข้อเตือนใจนะครับ ขอให้คุณทั้งสองมีความสุขนะครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:9:56:01 น.  

 
แฮ่ๆๆๆ แวะมารายงานตัวค่ะลุงกล้วยจ๋า
สวัสดีปีใหม่ไทยนะค่ะ เปิ้นห่างหายไปนานเลยคิดถึงบ้างไหมน๊า

ต่อไปก็เหลือสามวิชาแล้วค่ะ สอบ 21-22 นี้

วันนี้เลยรีบมาทักทายทันทีเลยหลังจากสอบเสร็จ

มีความสุขมากๆนะค่ะ คิดถึงค่ะ


โดย: fonrin วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:14:05:13 น.  

 
สวัสดีค่ะลุงกล้วย
มาอ่านเรื่องราวดีๆเช่นเคยจ้ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
จริงอย่างลุงกล้วยบอก
เห็นหน้าเจ้ามาริต้าก็ลืมเรื่องกลุ้มๆแล้ว

อากาศร้อนๆดูแลสุขภาพด้วยนะค้ะ



โดย: ชะตาฟ้า วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:16:52:45 น.  

 
ลุงกล้วยมีเรื่องราวดีๆเข้ากะยุคมาเสนออีกแย้ว...



สบายดีนะคะ


โดย: Love U forever. วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:18:16:05 น.  

 



สุขสันต์วันหยุดค่ะลุงกล้วย


โดย: Htervo วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:20:05:56 น.  

 
เอาสาระดีๆมาฝากกันเสมอเลยนะคะ ตามอ่านมานานแต่เพิ่งจะมาคอมเม้นนี่แหละ ขอบคุณมากค่า


โดย: hitch-hiker วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:20:42:26 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูล และเรื่องราวดีๆค่ะ


โดย: ดาว..กลางวัน (ดาว..กลางวัน ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:22:00:09 น.  

 

พญาระกา น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น "พญาไก่แจ้" ค่ะลุงกล้วย ซีสงสารกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ท่านเป็นพระบิดาแห่งกฏหมายไทยด้วย


โดย: แซนด์ซี วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:22:32:15 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณลุง

แวะมาทักทายและแอบหอบความรู้กลับบ้านค่ะ

ขอบคุณนะคะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:22:47:02 น.  

 


....มาบอกคิดถึงลุงกล้วยค่ะ แวะมาส่งลุงกล้วยเข้านอนด้วย.......ฝันดีนะคะลุงกล้วย


โดย: Htervo วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:3:37:38 น.  

 
กรมหลวงประจักษ์ท่านไม่ถูกกับ ร.6 และพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีดั้งในประวัติต้นรัชกาลที่6 ที่ร.6 ท่านเขียนไว้ว่ากรมประจักษ์เขีนยบัตร์สนเทห์ด่าแม่ท่าน


โดย: April IP: 203.146.245.29 วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:07:43 น.  

 
ก็ไม่แปลกที่ท่านจะไม่รุ่งเรืองนักในตอนปลายรัชกาลที่ 5 และในสมัย ร.6 นี้เลิกพูดได้เลย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะท่านเป็นคนแข็งเกินไปหรือเปล่าที่ไม่ยอมตามน้ำตามกระแส,ร.6 ท่านไม่ได้ด่าแค่กรมประจักษ์คนเดียวอย่างกรมพระยาดำรงก็อ่วมไม่ไช่เล่นข้อหาระดับชาติซะด้วย


โดย: April IP: 203.146.245.29 วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:16:54 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.120.5.122 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:6:14:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุงกล้วย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงกล้วย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.