|
"พระประวัติ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ"(ตอนที่ 6 )
เจ้ากรมจเรทหารเรือ วันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๖๐ กระทรวงทหารเรือ ได้มีคำสั่งที่ ๑๘๙/๐๔๓๓๘ ให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายพลเรือตรี พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพร เขตอุดมศักดิ์ กลับเข้ารับราชการ ในกระทรวงทหารเรือ ในตำแหน่ง เจ้ากรมจเรทหารเรือ เนื่องจาก ประเทศไทย ได้เข้าสงครามโลก และทหารเรือยังขาด ผู้สามารถจริงๆ อยู่ขณะนั้น และต่อมาในวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๑ เสด็จในกรมฯ ได้รับพระราชทานยศเป็น นายพลเรือโท เมื่อทรงเข้ารับราชการ ดำรงตำแหน่งจเรทหารเรือ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๖๐ แล้ว งานสำคัญที่ทรงทำในโอกาสแรก คือในวันที่ ๓ สิงหาคม เสนาบดี กระทรวงทหารเรือ ได้ให้เสด็จในกรมฯ ทรงเป็นผู้ตรวจอาวุธ ของเชลยที่ยึดได้ และให้ทรงออกความเห็น เกี่ยวกับอาวุธเหล่านี้ว่า พวกเยอรมัน จะคิดอ่านก่อการจลาจล ขึ้นในกรุงเทพฯ หรือไม่ เสด็จในกรมฯ ทรงออกความคิดเห็นที่สำคัญไว้ดังนี้
"...ปืนแบบทหารที่มีดาบปลายปืนพร้อม จำนวน ๓๕ ปืน กระสุนสำหรับปืนนั้นชนิดธรรมดา จำนวน ๒,๖๐๙ นัด กระสุนชนิดขยายตัวได้ (ดัมดัม) จำนวน ๑๐๐ นัด ปืนที่อาจจะใช้ในการรบได้ จำนวน ๓ ปืน กระสุนธรรมดา จำนวน ๑๔๒ นัด กระสุนชนิดขยายตัวได้ (ดัมดัม) จำนวน ๑๒๐ นัด ปืนพก จำนวน ๓๗ ปืน กระสุน จำนวน ๒,๙๑๓ นัด
แค่ปืนแบบทหารที่มีอยู่นั้น เป็นปืนที่ทหารเยอรมัน เลิกใช้มานานแล้ว การที่มีปืนประจำเรือค้าขาย เรือละ ๕ - ๖ ปืนเช่นนี้ มักจะเป็นเรือ ที่จะใช้กะลาสีจีน พวกนายเรือ และต้นกลไม่ไว้ใจ จึงได้มีปืนยาว เช่นปืนทหารที่รุแล้ว เป็นต้น เอาไว้ป้องกันตัว ตามจำนวนนายเรือ แลนายช่างกล คือปากเรือประมาณ ๓ - ๔ คนบ้าง ช่างกล ๒ - ๓ คน คนละปืน ส่วนลูกระเบิด รวมทั้งหมด มีจำนวน ๑๓๖ ลูก เป็นลูกระเบิดชนิด ที่ใช้ระเบิดปลา เรือค้าขายพวกชาวคอนติเนนต์ มักจะใช้กันโดยมาก เป็นเรือค้าขาย ประเทศเดนมาร์ก เป็นต้น
เคยมีเสมอ แต่การที่เรือเหล่านี้มีอาวุธติดเรือเข้ามา ในลำน้ำเจ้าพระยา เกือบทั้งหมด ไม่ได้ลงทะเบียน ก็อาจจะทำให้เป็นที่น่าสงสัย ว่า เจ้าหน้าที่ทราบอยู่แล้ว หรือไม่ ถ้าไม่ได้บอกกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ให้ทราบ ก็เป็นอันผิดพระราชกำหนดกฎหมาย ก็คงจำเป็นต้องสงสัยว่า จะคิดอ่านการจลาจลเป็นแน่
อีกประการหนึ่ง กระสุนปืนบางจำพวก ที่มีอยู่แต่ไม่มีตัวปืนนั้น ทำให้เป็นที่สงสัยว่า เจ้าของอาจจะทิ้งน้ำเสียก่อนการจับกุมเสร็จ ส่วนปืนทหาร และปืนที่อาจจะใช้รบได้ รวมกันมีจำนวน ๓๘ ปืนนั้น ถึงจะเอามาใช้ในการก่อความจลาจล ก็จะไม่เป็นประโยชน์มากนัก เพราะเป็นปืนที่ไม่มีซองกระสุน ซึ่งต้องบรรจุกระสุนทีละนัด (เว้นไว้แต่ ที่มีอยู่ในเรือพิษณุโลกเพียง ๔ ปืนนั้นเท่านั้น)
การที่ปืนติดเรือมา ในลำน้ำเจ้าพระยาได้นั้น เจ้าหน้าที่ควรจะรู้จำนวนตัวปืน และกระสุนโดยละเอียดอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ได้ แสดงต่อเจ้าหน้าที่เลย ก็ต้องนับว่าผิด พระราชบัญญัติต้องเป็นที่สงสัย ในความมุ่งหมายที่สุด ถ้าจะคิดส่วนปืนที่ใช้รบได้ อันมีอยู่รวมกัน ๓๘ ปืน กับกระสุน ๒,๙๘๑ นัด นั้นคงคิดถัวกันได้ปืนละ ๗๘ นัด แต่การที่จะทิ้งน้ำเสียก่อน ก็อาจจะเป็นจำนวนมากขึ้น ถ้ามีแต่เพียงเท่านี้จริง ก็ดูไม่น่าจะคิดการจลาจล ได้สะดวก แม้แต่จะป้องกันตนเอง ก็ไม่พอแก่การ..." เสนาธิการกระทรวงทหารเรือ ครั้นวันที่ ๒๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๖๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จในกรมฯ พ้นจากตำแหน่งจเรทหารเรือ เข้าทรงดำรงตำแหน่ง เสนาธิการทหารเรือ เมื่อเสด็จในกรมฯ ทรงดำรงตำแหน่ง เสนาธิการทหารเรือนั้น ในปี พ.ศ.๒๔๖๓ เนื่องจากผลของการสำรวจ พื้นภูมิประเทศบริเวณสัตหีบ เสด็จในกรมฯ ทรงมีความเห็น ทางด้านยุทธศาสตร์ว่า สมควรใช้พื้นที่บริเวณ ตำบลที่สัตหีบสร้างเป็น ที่มั่นสำหรับ กิจการทหารเรือขึ้น ตามชายฝั่งและเกาะต่างๆ ในอ่าวสัตหีบ
เพราะทำเลเหมาะแก่การ สร้างเป็นฐานทัพเรือ ตามพระราชประสงค์ ในด้านการป้องกันฐานทัพ ได้ทรงให้ความเห็นไว้ว่า ควรสร้างป้อมปืนใหญ่ขนาดตั้งแต่ ๑๖ นิ้ว ลงมาจนถึง ๔.๗ นิ้ว และปืนยิงเครื่องบินด้วย โดยพร้อมขึ้นไว้ บนยอดเกาะต่างๆ ในอ่าวสัตหีบ นอกจากนี้ ควรสร้างป้อมวางปืนใหญ่ชนิดต่างๆ เพื่อป้องกันการส่งทหารยกพลขึ้นบก ของข้าศึกด้วย ส่วนสถานที่ทำการ จะต้องที่สร้างสิ่งต่างๆ เช่น โรงพยาบาล โรงทหาร โรงงาน สถานีเรือบินทะเล การประปา การคมนาคม การสุขาภิบาล ฯลฯ ดังนั้นในวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๔ เสด็จในกรมฯ ในฐานะเสนาบดี กระทรวงทหารเรือ ได้มีลายพระหัตถ์ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานที่ดิน ที่สัตหีบ เพื่อเป็นกรรมสิทธิ์ แก่กองทัพเรือ ดังลายพระหัตถ์ ดังนี้คือ
ทรงตั้งฐานทัพเรือที่สัตหีบ
แผนกปกครอง กรมเสนาธิการทหารเรือ
วันที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๕ ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ตามหลักของยุทธศาสตร์ การทหารเรือ ซึ่งกล่าวถึงฝึกหัดบำรุงความชำนิชำนาญในทางทะเล ก็ย่อมยึดถือการอยู่ทะเล เป็นการใหญ่ ตลอดถึง การรวมทัพ ก็ดี ย่อมจะยึดถือ ไชยภูมิที่เหมาะ ในเขตร์นั้น ที่จะทำการ เป็นฐานทัพได้ เป็นหลักอีกส่วนหนึ่ง จึงทำให้ นายทหาร พรรคนาวิน ทั้งสิ้นแม้แต่ เป็นชาวต่างประเทศ ก็ย่อมเห็นด้วยพร้อมกันว่า สำหรับประเทศสยาม มีอยู่แห่งเดียวที่ควรเป็นหลัก เช่นนี้ได้ ก็คือ ที่อ่าวสัตหีบ ซึ่งมีคุณแลโทษดังต่อไปนี้
๑. อยู่เป็นสถานกลางของอ่าวสยาม ๒. เป็นต้นทางของ VITAL POINT คือแม่น้ำเจ้าพระยาดังแผนที่ A ๓. น้ำลึกพอที่จะเป็นอ่าวเรือใหญ่ หรือที่ฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโดได้ ๔. มีเกาะต่างๆ เป็นที่กำบังสำหรับเล็ดลอดออกกระทำการยุทธวิธีด้วยเรือเล็กได้สะดวก ๕. ที่บนบกไม่ได้ตกเป็นสิทธิ์ขาด ของผู้หนึ่งผู้ใด โดยทรงพระมหากรุณาให้เทศาภิบาลหวงห้ามไว้ เป็นพระคุณแก่ทหารเรืออย่างยิ่ง ๖. ทางบก มีทางติดต่อกับรถไฟสายปราจีณได้สะดวกไม่ต้องกลัว Isolation ๗. โดยข้อ ๖ นั้นเองอาจติดต่อกับกำลังทางทหาร และเป็นปีกหนึ่งของกองทัพบก ฝ่ายตะวันออกได้สะดวก ๘. เป็นที่ฝึกหัดทางทะเลได้ ตลอดทั้งสองมรสุมโดยเป็นที่กำบังมิดชิด
โทษ ๑. ในเวลานี้ยังไม่มีที่ขังน้ำจืด ๒. ในเวลานี้ยังกันดารด้วยเสบียงอาหาร ๓. ในเวลานี้ยังห่างจากคมนาคม กับกรุงเทพฯ คือยังไม่มีรถไฟ ๔. ถ้าจะให้เป็นที่มั่น จะเปลืองค่าป้อมและเครื่องกัน ในข้อนี้ไม่ว่าที่ใดที่เป็นฐานทัพแล้ว ต้องป้องกันทั้งสิ้น ๕. ในชั้นต้นนี้จะจัดเป็นฐานทัพยั่งยืนไม่ได้ โดยไม่มีทุนพอที่จะสร้างในเร็ววัน ๖. เวลานี้ความไข้ชุกชุมมาก เพราะเป็นที่รกร้างโดยไม่มีใครจะถากถาง เพราะยึดเป็นกรรมสิทธิ์ของตนไม่ได้
นอกจากที่กล่าวไปถึงคุณและโทษ ก็ยังมีแต่ที่เกี่ยวข้องกับการสงคราม โดยอากาศยาน ซึ่งไม่จำเป็นจะกล่าวไปถึง เพราะในที่นี้ จักกราบบังคมทูล พระกรุณาแต่เรื่องกองทัพเรือ เท่านั้น ถึงแม้จะทำเป็นสถานีอากาศยาน ชายฝั่งทะเล ก็คงต้องยึด กองทัพเรือ เป็นหลักสำคัญ คือถ้าไม่มีกองทัพเรือแล้ว กองอากาศยานก็จะตั้งไม่ได้ โดยปราศจากอันตราย
เช่นที่กำลังเป็นอยู่ที่อ่าวมะนาว ข้าศึกในชั้นต้น ก็จำเป็นจะต้องใช้ แต่เพียงเรือเร็วขนาดเล็ก เข้าไปเผาผลาญทำลายโรงงานการเก็บ และซ่อมแซมหมดในไม่กี่ชั่วนาฬิกา ฉะนั้นในที่นี้จะขอพระราชทานงดกล่าว ถึงการสงคราม โดยทางอากาศยาน ที่กราบบังคมทูลพระกรุณา มาล้วนเป็นหลักประกอบ กับกองทัพเรือ โดยเฉพาะทั้งสิ้น
จำเดินตั้งแต่เสด็จพระราชดำเนินประพาสทะเล โดยเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำเก่า เมื่อประมาณ ๑๐ ปี มานี้ พร้อมด้วยกองทัพเรือ ไปประทับในอ่าวสัตหีบ ได้ทราบเกล้าทราบกระหม่อมว่า ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีการซ้อมรบทางเข้าตีด้วยเรือตอร์ปิโด ในที่สุดเมื่อทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพระพุทธเจ้าได้กลับเข้ารับราชการครั้งนี้เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๐ ได้ทราบเกล้าทราบกระหม่อมต่อไปว่า
เมื่อเสด็จพระราชดำเนิน คราวนั้นนอกจากมี พระราชประสงค์จะสร้าง พระราชวัง ที่ตำบลแล้ว ยังมีพระราชประสงค์ ให้เทศาภิบาล เป็นผู้หวงห้ามที่ตำบลนั้นไว้ ตลอดตั้งแต่เกล็ดแก้ว ถึงแสมสาร ซึ่งเป็นที่ดินใหญ่โตมาก หวังพระราชทานที่ดินนี้ให้เป็นสิทธิ์แก่ทหารเรือ ซึ่งเป็นพระราชวินิจฉัยตรง ในทางยุทธศาสตร์การเรือโดยแท้ ผู้ที่เคยเล่าเรียน และมีอาชีพทางทหารเรือแท้ ย่อมสรรเสริญพระราชวินิจฉัยนี้อย่างยิ่ง
ตั้งแต่นั้นมาเทศาภิบาลมณฑลปราจีณ ก็ได้หวงห้ามที่ดินรายนี้ต่อๆ กันมาตามพระราชประสงค์จนบัดนี้ แต่มาคิดด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมว่า น่าจะเป็นการกลับกลายเข้าใจผิดไปบางข้อ โดยมีเหตุเกิดขึ้นเมื่อก่อน ๓ ปีคือ ก่อนที่ข้าพระพุทธเจ้า ได้กราบถวายบังคมลาออก ไปประเทศยุโรปคราวนำ ร.ล.พระร่วง เข้ามา ในคราวฝึกซ้อมตอร์ปิโดคราวนั้น ข้าพระพุทธเจ้า ได้เป็นแม่ทัพคุมกระบวนเรือ ออกไปฝึกซ้อม และทดลองสอบกระสุนตอร์ปิโดที่สัตหีบ เห็นด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมว่า การตั้งเครื่องหมาย และทดลองต่างๆ ภายในลูกตอร์ปิโด จะทำในเรือตอร์ปิโดไม่สะดวก เพราะที่คับแคบ ควรขึ้นทดลอง ไกน้ำ ไกบก หางเสือตั้ง หางเสือขวาง และการกระดกลูกตุ้มแผ่นน้ำ ให้ทดลองเสียบนบก ทั้งได้ทราบเกล้าทราบกระหม่อมว่า
ที่ตำบลนี้ มีพระราชประสงค์ จะพระราชทาน ให้เป็นสิทธิ์แก่ทหารเรืออยู่แล้ว จึงได้บังอาจขึ้นไปถากถาง ที่จะทำโรง หรือปลูกเต็นชั่วคราว ที่แหลมเทียนตรงที่ กองเรือจอด เมื่อถางเสร็จ ได้มีกำนันมาห้าม ไม่ให้ถางต่อไป และไม่ให้ปลูกในที่นั้น อ้างว่าเป็นที่หวงห้าม เพื่อก่อสร้างพระราชวัง และได้อธิบายถึงเขตเหล่านี้ พร้อมด้วยลายลักษณ์อักษรประกอบด้วย
ในเวลานั้น จอมพลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต ยังทรงดำรงตำแหน่ง เสนาบดีกระทรวง ทหารเรืออยู่ ข้าพระพุทธเจ้า จึงได้นำความขัดข้อง ขึ้นกราบทูลตามคำชี้แจงของอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด และมีรับสั่งโดยทรงเห็นว่า เทศาภิบาล คงจะไม่เข้าใจ ในพระราชประสงค์ แต่ถึงอย่างไรก็ดี จำนวนเงินที่จะก่อสร้างต่อไปนั้น ไม่มีในงบประมาณ และถ้าจะใส่ ในงบประมาณคราวหน้า ก็จะเป็นจำนวนมากมาย เกรงด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม จะเป็นการโต้เถียง กับกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ไม่สะดวก และยังไม่จำเป็นนัก จึงเป็นอันระงับเรื่องนี้ไว้ก่อน
ครั้นต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยา ภาณุพันธุ วงศ์วรเดช ได้ทรงกำกับ ราชการทหารเรือ ข้าพระพุทธเจ้าได้นำถวายเรื่องนี้อีก โปรดเกล้าให้ทำสกีม และในที่สุดได้ดำเนินการ ไปตามความเห็น ดังรายงานการประชุม สภาบัญชาการครั้งที่ ๒ ซึ่งทรงมอบให้ ข้าพระพุทธเจ้าดำริห์ และจัดการสำรวจพื้นที่ เพื่อที่จะได้นำขึ้น ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย บัดนี้แผนที่นั้นพึ่งได้ทำสำเร็จ ข้าพระพุทธเจ้า มาเห็นว่าที่นั้น ใหญ่โตมาก เหลือที่จะปกปักรักษา ถากถางได้ ถ้าแม้พระราชทาน ให้แก่ทหารเรือตามพระราชประสงค์เดิม ทหารเรือจำเป็นจะต้องแบ่งที่ทั้งหมด ออกเป็นสองตอน
คือตอนหนึ่งที่ต้องการแท้ ต้องหวงห้ามกรรมสิทธิ์ กับอีกตอนหนึ่งไม่หวง แต่ไม่อยากให้ต่างประเทศมาจับจอง หรือรับซื้อไปได้ ข้าพระพุทธเจ้า ได้ขีดเส้นลงดังปรากฏ ในแผนที่ ซึ่งได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายมาพร้อมกับหนังสือฉบับนี้ ด้วยแล้ว การทั้งนี้ถึงแม้จะทรงพระราชดำริห์ เห็นชอบด้วยตามนี้ ก็จำต้องค่อยดำเนินการไปทีละเล็กละน้อย เพราะเป็นที่รกร้างมาก และประกอบด้วย ความไข้ชุกชุม ทั้งไม่มีใครจะกล้าถากถางลงไป เพราะไม่มีสิทธิ์ที่จะจองที่เหล่านั้นเป็นของตน ซ้ำยังมีผู้คอยห้าม การฟันไม้ถางป่า โดยเข้าใจผิดอีกชั้นหนึ่ง
เช่นทหารเรือเองก็ถูกห้าม ประจวบกับทหารเรือ ยังไม่มีทุนพออยู่ด้วย แต่การประหยัดพระราชทรัพย์ ภายหน้า ทางทหารเรือก็จะได้ดำเนินการ เป็นการเข้มงวดขึ้น การก่อสร้างก็คงจะทำได้ปีละเล็กละน้อย โดยเลิกกองทหารระยอง และบางพระ มารวมเสียที่สัตหีบ บางพระเป็นย่านกลางแท ้กับทั้งบางพระ และบ้านแพ ระยอง ซึ่งเป็นสถานีนายทหารเรือ ก็ไม่ใช่เป็นที่ป้องกัน หรืออาศัยของกองทัพเรือได้ โดยเป็นอ่าวเปิดเผยมีหาดยาวยืด เรือเข้าใกล้ไม่ได้ เช่นสะพานน้ำต้องยาวถึง ๗ เส้น เป็นการเปลืองเปล่าแท้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อเรือเลย ในการฝากเสบียงอาหาร ถ่านน้ำมัน ข้าพระพุทธเจ้ามองไม่เห็นว่า เหตุใดจึงเลือกที่เหล่านี้เป็นสถานี นอกจาก อากาศดีเท่านั้น
ตามที่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณา มาแล้วนี้ ก็หวังอยู่ในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อพระราชทานสิทธิ์ แก่กระทรวงทหารเรือ ให้มีอำนาจอนุญาต ผู้ที่จะจับจองทำไร่ ทำนาและถากถางตามควร ซึ่งไม่เกินขีดขั้นพระราชบัญญัติ การตัดไม้ ส่วนที่หวงห้ามแท้นั้น ก็จะได้เปิดใช้เช่า ทำโดยคิดราคาย่อมเยา ในปีแรกๆ เห็นด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมว่า คงจะมีผู้เช่าน้อย แต่ต่อไปสัก ๓ ปี เมื่อราษฎร ได้รับความสะดวก และเห็นผลจริงจังขึ้น กับทั้งนี้กองทหาร ไปตั้งก็จะชักชวนกันมาทำทวีมากขึ้น ความไข้ก็จะเสื่อมทราม โดยการถากถางเรียบราบลง เมื่อได้ถึงขั้นนี้แล้ว ทหารเรือคงจะก่อสร้างฐานทัพได้ ทั้งจะเป็นประโยชน์ ในการประหยัด พระราชทรัพย์ด้วย
ในระหว่างนี้ คงทำแต่เพียงโรงเรือน พออาศัยชั่วคราวขึ้นก่อน เพื่อตั้งที่ทำการสรรพาวุธ พัสดุ เชื้อเพลิง และหาวิธีขังน้ำรับประทาน และขุดบ่อน้ำใช้การ ที่หลังทุ่งไก่เตี้ยก่อน ดังได้สำรวจแล้ว ในแผนที่ว่าเป็นบึงตื้นๆ การทั้งนี้จะสำเร็จลงได้ ก็ต้องอาศัยการประหยัดทรัพย์สิน ของทหารเรืออย่างอุกฤษฐ์ โดยที่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณา มาในหนังสือของข้าพระพุทธเจ้า ฉบับก่อนนี้แล้ว ซึ่งแม้จะได้กล่าวถึง โรงเรียนพลทหารเรือที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ก็ยังหาได้กราบบังคมทูล กำหนดที่จะเลิกกองโรงเรียนพลทหารเรือที่ ๔ และที่ ๖ ไม่ ที่รอไว้ ก็เพื่อจะประสมรอย กับการที่สัตหีบนี้
ถึงแม้ยังไม่เป็นที่แจ่มแจ้งอย่างไร โดยความเขลา ของข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทาน บรมราชวโรกาศ อธิบายด้วยปาก พร้อมกับแผนที่ อีกชั้นหนึ่ง พระอาญาไม่พ้นเกล้าพ้นกระหม่อม การจะควรประการใดสุดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า
อาภากร ขอเดชะ นายพลเรือเอก เสนาธิการทหารเรือ
พรุ่งนี้เป็นบทส่งท้ายครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก //www.navy.mi.th/
Create Date : 15 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 4:54:56 น. |
|
44 comments
|
Counter : 1053 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นายสันขวาน (นายสันขวาน ) วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:4:38:53 น. |
|
|
|
โดย: Htervo วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:5:00:51 น. |
|
|
|
โดย: the Vicky วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:5:32:00 น. |
|
|
|
โดย: NuiErnik วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:6:07:11 น. |
|
|
|
โดย: ตุ๊กตาซัง วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:6:45:43 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:8:40:51 น. |
|
|
|
โดย: พิม IP: 124.121.30.49 วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:8:54:05 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:9:01:10 น. |
|
|
|
โดย: ฝากเธอ วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:9:04:53 น. |
|
|
|
โดย: อู๋ (ฟ้าสีส้ม ) วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:9:17:42 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:10:23:58 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:10:28:37 น. |
|
|
|
โดย: เป๋อน้อย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:10:33:05 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:10:37:00 น. |
|
|
|
โดย: เสลาสีม่วง วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:12:12:17 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:13:28:07 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:13:28:48 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:14:56:29 น. |
|
|
|
โดย: จิชฎา วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:16:04:50 น. |
|
|
|
โดย: largeface วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:16:12:06 น. |
|
|
|
โดย: sailamon วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:16:27:45 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:17:09:54 น. |
|
|
|
โดย: MoneyPenny วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:19:01:45 น. |
|
|
|
โดย: akojajaa วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:19:09:25 น. |
|
|
|
โดย: whitelady วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:20:24:26 น. |
|
|
|
โดย: whitelady วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:20:27:15 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:0:15:45 น. |
|
|
|
โดย: แซนด์ซี วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:0:35:37 น. |
|
|
|
โดย: akojajaa วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:6:15:13 น. |
|
|
|
โดย: NuiErnik วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:9:47:10 น. |
|
|
|
โดย: ปะการังหอม วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:10:08:38 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ญ่า (kayook ) วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:19:25:55 น. |
|
|
|
โดย: somjuay IP: 58.136.60.116 วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:13:42:36 น. |
|
|
|
โดย: ตระ IP: 202.143.129.19 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:40:53 น. |
|
|
|
โดย: da IP: 124.120.15.123 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:1:50:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|