|
"พระประวัติ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ" บทส่งท้าย
ต่อมาในวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๕ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานที่ดิน ที่สัตหีบให้แก่กองทัพเรือ เพื่อจัดตั้งเป็นฐานทัพเรือ ต่อไปดังพระราชกระแส ดังนี้
พระราชกระแสตอบเสนาธิการทหารเรือ ลับ ที่ ๒/๒๔๙ วังพญาไท วันที่ ๑๖ กันยายน พทุธศักราช ๒๔๖๕ ทูล กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ลายพระหัตถ์ที่ ลงวันที่ ๖ เดือนนี้ หารือเรื่องจะจัดสัตหีบเป็นฐานทัพเรือนั้น ตรงตามความปรารถนา ของหม่อมฉันอยู่แล้ว เพราะที่ให้สั่งหวงห้ามที่ดินไว้ ก็ด้วยความตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้ เป็นฐานทัพเรือ และไม่อยากให้โจทย์กันวุ่น จึงได้กล่าวไว้ดังว่า สำหรับเผื่อจะมีผู้ขอจับจอง ฝ่ายเทศาภิบาล จะได้ตอบไม่อนุญาต ได้โดยอ้างเหตุว่า หม่อมฉันต้องการ เมื่อบัดนี้ทหารเรือจะต้องการที่นั้น ก็ยินดีอนุญาตให้ และให้สั่งไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว
ราม ร.
ในวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ได้ทรงกระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เสด็จในกรมฯ ทรงดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ อีกตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่สอง ที่พระองค์กลับมาดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ
จัดซื้อเรือหลวงพระร่วง
เรือหลวงพระร่วง
ในปี พ.ศ.๒๔๕๗ ข้าราชการทั้งหลาย พากันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และได้ปรึกษากันในอันที่จะ แสดงความจงรักภักดี กตัญญูกตเวที บรรดาข้าราชการมีความเห็นว่า เป็นการจำเป็นที่ จะต้องมีการป้องกัน ราชอาณาจักร ทางทะเล จึงเห็นพ้องกันว่า ควรจะได้มีการช่วยกัน ออกทุนทรัพย์ คนละเล็กละน้อย เพื่อรวบรวม ซื้อหรือสร้างเรือรบ ถวายพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวสักลำหนึ่ง
ในการดำเนินการจัดหาเงินทุนนี้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสะดวก จำเป็นต้องตั้ง เป็นสมาคมขึ้น พระบาทสมเด็จ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบ และได้พระราชทาน ชื่อสมาคมที่จัดตั้งนี้ว่า "ราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยาม" และทรงรับเป็น องค์อุปถัมภ์สมาคม พร้อมทั้งพระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สมทบด้วย สำหรับเรือ ที่จะจัดซื้อนี้ได้รับพระราชทาน นามว่า "เรือหลวงพระร่วง"
เรือตอร์ปิโด ท.๓
เรือตอร์ปิโด ท.๓ เสด็จในกรมฯ ทรงได้รับพระกรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น ข้าหลวงพิเศษออกไป จัดสรรหาซื้อเรือในภาคพื้นยุโรป พระองค์ได้เสด็จ เสาะแสวงหาอยู่หลายประเทศ จึงได้ทรงพบเรือพิฆาตตอร์ปิโด ของบริษัททอร์นิครอฟท์ แห่งประเทศอังกฤษ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า "เรเดียนท์" ทรงพิจารณาเห็นว่าเป็นที่เหมาะสม แก่ความต้องการของ กองทัพเรือ และเป็นเรือที่เพิ่งต่อขึ้นใหม่ จึงได้ทรงชี้แจง มายังกรรมการ ราชนาวีสมาคม ซึ่งคณะกรรมการ ของสมาคม ก็มีความเห็นชอบด้วย
เสด็จในกรมฯ ทรงเป็นผู้บังคับการเรือพระร่วง เองพร้อมด้วยนายทหารเรือไทย และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ซึ่งเป็นทหารเรืออังกฤษ นำเรือจากประเทศอังกฤษ เข้ามาถึง กรุงเทพมหานคร ปรากฏพระเกียรติยศ เป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทย สามารถเดินเรือทะเลได้ไกลถึงเพียงนี้ จึงถือเป็นเกียรติประวัติของราชนาวีไทย และเป็นการปรากฏ พระเกียรติคุณแห่งเสด็จในกรมฯ
เรือหลวงพระร่วงได้เดินทาง เข้ามาถึงประเทศเมื่อ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ การต้อนรับ และการสมโภชเรือหลวงพระร่วง ได้เป็นไปอย่างมโหฬาร และเอิกเกริกอย่างยิ่ง ในพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชทานเลี้ยง เนื่องในการฉลอง เรือหลวงพระร่วง ณ สมาคมสหทัยสมาคม เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๔๖๓ ได้ทรงกล่าวถึงพระเกียรติคุณ ของเสด็จในกรมฯ ในการนำเรือพระร่วงมาสู่ประเทศไทยว่า "...ส่วนกรมหลวงชุมพร ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วว่า เป็นนายทหารเรือไทยคนแรก ที่นำเรือรบไทยมาจากต่างประเทศได้ และที่ยากมากปานใด ในการนำมานั้น ท่านทั้งหลาย คงพอจะเดาเอาได้ เมื่อทราบว่าบรรดาลูกเรือนั้น เป็นชาวต่างประเทศทั้งนั้น และที่นำมาได้ โดยสวัสดิภาพ ก็แสดงให้เห็นได้ว่า เป็นผู้ชำนาญทะเลจริง นับว่าสมควร ที่จะได้รับความขอบใจ ของข้าพเจ้าและท่านทั้งหลาย..."
เสด็จในกรมฯ ได้ทรงปฏิบัติราชการสืบมา จนได้รับพระราชทานเลื่อนยศจาก พลเรือโท ขึ้นเป็น พลเรือเอก เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๓ ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระอิสริยศักดิ์ เลื่อนจาก "กรมหมื่น" ขึ้นเป็น "กรมหลวง" เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๖๓ ดังประกาศ ในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๓ เล่ม ๓๗ และ ในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เสด็จในกรมฯ ทรงดำรงตำแหน่ง เสนาบดี กระทรวงทหารเรือ ทรงบัญชาการทหารเรือเต็ม ตามตำแหน่งดัง ประกาศตั้ง เสนาบดีในหนังสือราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๖ เล่มที่ ๔๐
สิ้นพระชนม์ที่ชุมพร
เสด็จในกรมฯ ทรงดำรงตำแหน่ง เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ก็ได้กราบบังคม ลาออกจากราชการ ไปตากอากาศ เพื่อพักผ่อน รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๖ ทั้งนี้ก็เพราะ เสด็จในกรมฯ ทรงมีสุขภาพ ไม่สมบูรณ์ และประชวร พระโรค ภายใน อยู่ด้วย ทางกระทรวง ทหารเรือ ได้สั่งให้กระบวนเรือที่ ๒ จัด ร.ล.เจนทะเล ถวายเป็นพาหนะ และกรมแพทย์ทหารเรือ ได้จัดนายแพทย์ประจำพระองค์ ๑ นาย พร้อมด้วยพยาบาลตามเสด็จไปด้วย
เสด็จในกรมฯ ได้เสด็จออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๖ เสด็จในกรมฯ ได้เสด็จไปประทับ อยู่ที่ด้านใต้ปากน้ำ เมืองชุมพร ซึ่งเป็นที่เสด็จในกรมฯ ทรงจองไว้จะทำสวน ขณะที่เสด็จในกรมฯ ประทับอยู่ที่จังหวัดชุมพรนี้ ก็เกิดเป็นพระโรคหวัดใหญ่ เนื่องจากถูกฝน ทรงประชวรอยู่เพียง ๓ วัน ก็สิ้นพระชนม์ที่ ตำบลทรายรี ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ สิริพระชนมายุได้ ๔๔ พรรษา
ร.ล.เจนทะเล
ในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ร.ล.เจนทะเล ได้เชิญพระศพ จากจังหวัดชุมพรมายังกรุงเทพฯ และมาพักถ่ายพระศพสู่ ร.ล. พระร่วง ที่บางนา ต่อจากนั้น ร.ล.พระร่วงได้นำพระศพ เข้ามายังกรุงเทพฯ นำพระศพประดิษฐาน ไว้ที่วังของพระองค์ท่าน พระบาทสมเด็จ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระราชทาน จนถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระศพ ไปพระราชทานเพลิง ณ พระเมรุท้องสนามหลวง
พระโกษฐ์กุดั่นน้อย ที่วังนางเลิ้ง
พระราชทานเพลิงศพ ณ พระเมรุสนามหลวง ๒๔ ธ.ค.๒๔๖๖
พระราชทานเพลิงศพ ณ พระเมรุสนามหลวง ๒๔ ธ.ค.๒๔๖๖
พระอิสริยศักดิ์
๒๓ มิถุนายน ๒๔๓๓ นายเรือโท เทียบเท่ายศ นาวาตรี ในปัจจุบัน
๓ พฤษภาคม ๒๔๔๔ นายเรือเอก เทียบเท่ายศ นาวาเอก ในปัจจุบัน
๕ พฤษภาคม ๒๔๔๗ พลเรือตรี
๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๔๗ กรมหมื่นชุมพรเขตอุดมศักดิ์
๓๐ ธันวาคม ๒๔๖๐ พลเรือโท
๒๓ เมษายน ๒๔๖๓ พลเรือเอก
๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๖๓ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ทรงรับราชการในตำแหน่งต่างๆ ของกองเรือ ตามหลักฐานที่ปรากฏ
ผู้บังคับการเรือ ร.ล. มูรธาวสิตสวัสดิ์ ๒๔๔๓ รองผู้บัญชาการกรมทหารเรืออีกตำแหน่งหนึ่ง ๑๖ กันยายน ๒๔๔๔ รองผู้บัญชาการกรมทหาร ๒๕ ตุลาคม ๒๔๔๗ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ๑ มีนาคม ๒๔๔๘ ผู้ช่วยเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ (ยกฐานะกรมขึ้นเป็นกระทรวงทหารเรือ) ๒๓ ธันวาคม ๒๔๕๓ เสด็จอออกประจำการชั่วระยะหนึ่ง ๑๔ เมษายน ๒๔๕๔ จเรทหารเรือ ๑๕ มกราคม ๒๔๖๐ เสนาธิการทหารเรือ ๑ สิงหาคม ๒๔๖๐ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ๒๗ กันยายน ๒๔๖๑ รักษาการณ์ตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ๑๓ ตุลาคม ๒๔๖๕ เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ๑ เมษายน ๒๔๖๖
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นบำเหน็จความชอบ ดังต่อไปนี้
ประถมจุลจอมเกล้าวิเศษ ๒๑ กันยายน ร.ศ. ๑๑๙ (๒๔๔๐)
มงกุฎสยามชั้น ๑ มหาสุราภรณ์ ๑๗ มกราคม ๒๔๔๗
เข็มเงิน เสด็จประพาสยุโรป ๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๕๐
เข็มพระชนมายุสมมงคลชั้น ๑ ทองคำลงยา ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๒
เหรียญบุษปมาลากาไหล่ทอง ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๒
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๕ ชั้นที่ ๒ ๓๐ มกราคม ๒๔๕๓
เข็มข้าหลวงเดิม ๑๔ สิงหาคม ๒๔๕๔
มหาโยธินรามาธิบดี ๒๓ กรกฎาคม ๒๔๖๑
ประถมาภรณ์ช้างเผือกชั้นที่ ๑ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๖๑
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๖ ชั้นที่ ๑ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๔
ตรารัตนาวราภรณ์ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๖๔
เหรียญจักรมาลา ๑๓ มีนาคม ๒๔๖๕
เหรียญราชินี นพรัตน์ราชวราภรณ์ มหาจักรีบรมราชวงศ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
ตราเซนต์มอรีสและเซนต์ลาซาร์ ชั้นที่ ๑ ๑๗ มิถุนายน ๒๔๕๐
แม้ว่าดวงพระวิญญาณ ของพระองค์จะทรงสถิตย์อยู่ ณ แดนสุขาวดี บนสรวงสวรรค์แล้ว พระบารมีของพระองค์ ยังคงแผ่ไพศาลไปทั่วทุกสารทิศ คอยปกป้องคุ้มครอง พสกนิกร ผู้จงรักภักดี ที่เคารพเทิดทูนพระองค์ โดยเฉพาะทหารเรือทุกคน ซึ่งเปรียบประดุจ ลูกหลานของพระองค์ และดลบันดาล ให้ประสบความสำเร็จ ในสิ่งอันพึงปรารถนาอยู่เป็นนิจ
อนุสรณ์ที่ปรากฏอยู่อย่างมากมาย ทั่วประเทศ มีทั้งพระอนุสาวรีย์ พระรูป ศาลกรมหลวงชุมพร พระฉายาลักษณ์ พระสาทิศลักษณ์ เหรียญที่ระลึก ตลอดจนพระนามที่ปรากฏ เป็นชื่อของสถานที่ต่างๆ เป็นประจักษ์พยานได้ เป็นอย่างดี พระองค์ทรงเป็น ปูชนียบุคคลของทหารเรือ ชั่วนิรันดร ดั่งเพลงปลุกใจอันไพเราะ และมีความหมายลึกซึ้ง ที่ทรงนิพนธ์ ให้ทหารเรือทุกคน ได้ขับร้องสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้
"...ส่วนตัวเราตายไว้ยืน ไว้ยืนแต่ชื่อ ให้โลกทั้งหลายเขาลือ ว่าตัวเราคือ ทหารเรือไทย..."
ขอขอบคุณข้อมูลจาก //www.navy.mi.th/
Create Date : 20 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 5:00:02 น. |
|
29 comments
|
Counter : 2781 Pageviews. |
|
|
|
โดย: the Vicky วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:5:15:23 น. |
|
|
|
โดย: ประกายดาว วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:5:15:46 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:6:00:26 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:7:10:53 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:7:35:51 น. |
|
|
|
โดย: Jannyfer วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:8:29:17 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:9:07:42 น. |
|
|
|
โดย: เป๋อน้อย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:9:19:07 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:10:05:11 น. |
|
|
|
โดย: ดาวทะเล วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:10:26:49 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:10:33:18 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:10:41:44 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:11:05:08 น. |
|
|
|
โดย: akojajaa วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:11:58:59 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:12:12:54 น. |
|
|
|
โดย: เหมียว IP: 76.105.182.121 วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:15:01:27 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:15:44:07 น. |
|
|
|
โดย: whitelady วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:16:16:51 น. |
|
|
|
โดย: MoneyPenny วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:17:35:24 น. |
|
|
|
โดย: Htervo วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:17:55:48 น. |
|
|
|
โดย: แซนด์ซี วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:19:21:28 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:21:22:32 น. |
|
|
|
โดย: sailamon วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:22:29:57 น. |
|
|
|
โดย: torti วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:14:18:13 น. |
|
|
|
โดย: ขอขอบพระคุณสำหรับข้อมูลมาก ๆ ค่ะ IP: 158.108.2.6 วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:18:35:27 น. |
|
|
|
โดย: widetalks IP: 125.25.141.14 วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:27:13 น. |
|
|
|
โดย: widetalks IP: 125.25.135.72 วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:07:11 น. |
|
|
|
โดย: da IP: 124.120.15.123 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:1:51:53 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มาอ่านประวัติตอนจบพอดี ชอบเพลงที่ท่านทรงนิพนธ์ด้วยค่ะ
"...ส่วนตัวเราตายไว้ยืน ไว้ยืนแต่ชื่อ ให้โลกทั้งหลายเขาลือ ว่าตัวเราคือ ทหารเรือไทย..."
นี่ขนาดไม่มีแฟนเป้นนายทหารเรือนะคะ ไม่งั้นยิ่งอิน
มีความสุขมากๆ นะคะลุงกล้วย