W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 

Flash lesson: ทดลอง fill in flash กับการถ่าย portrait


บล็อคนี้ขอเขียนไว้เป็นการจดบันทึกกันลืมนะคะ เราเป็นมือใหม่หัดใช้แฟลชค่ะพึ่งซื้อมาได้เกือบเดือนเอง ก่อนนั้นไม่เคยคิดจะซื้อเลยเพราะรู้สึกว่าใช้แฟลชทีไรภาพมันจะดูแข็งๆไม่เป็นธรรมชาติยังไงไม่รู้ค่ะ ชอบถ่ายแบบให้เห็นแสงสีแบบของสถานที่จริงๆมากกว่า

จุดเปลี่ยนก็เพราะงาน Motor Show ที่ไทยที่ผ่านมานี่ล่ะค่ะ เราอยู่ญี่ปุ่นไม่ได้ไปหรอกนะคะแต่ช่วงนั้นได้ดูกระทู้รูปจากงาน MTS ทุกวันๆ แล้วยังไงไม่รู้ภาพที่น้าๆถ่ายมาแล้วสวยเนียน สีผิวดูเด้งกำลังดีไม่มีเงาบนหน้านางแบบนี่ต้องใช้แฟลชทุกทีเลย ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ถ่าย portrait เป็นหลักนะคะเพราะไม่รู้จะถ่ายใครอยู่ญี่ปุ่นคนเดียว ที่ถ่ายบ่อยๆเป็น self-portrait มากกว่า เผอิญโรคจิตชอบถ่ายภาพชุดใหม่ๆเก็บไว้ดูน่ะค่ะ

ณ ตอนนี้ใช้ Canon Kiss X3 ถ่ายก็พอใจอยู่ในระดับนึงแล้ว แต่พอนั่งดูภาพของน้าๆแล้วดูเทียบกับภาพที่ถ่ายเองแล้วก็อยากจะลองถ่ายคนให้ได้สีผิวสวยๆ หน้าดูใสๆไม่มีเงาๆกะเค้าบ้าง (post process นี่ชัวร์ค่ะ แต่ภาพตั้งต้นก็ต้องดีมาระดับนึงด้วยไม่งั้น process ยังไงก็ไม่กิ๊ง) ว่าแล้วก็จัดการเลยค่ะ นั่งอ่านรีวิวต่างๆจนครบทุกเว็บแล้วก็กดสั่งซื้อจาก kakaku.com ทันที Canon SpeedLite 430EX II ราคาของใหม่ถูกสุด ณ ตอนนั้นอยู่ที่ 24258 yen ค่ะ นอกจากนั้นก็ซื้อถ่าน Eneloop 2A 4 ก้อน(พร้อมแท่นชาร์จแบบเช็คปริมาณไฟที่เหลือได้)มาด้วย กะเอามาใช้กับแฟลชโดยเฉพาะราคา 4980 yen จาก Yodobashi camera ค่ะ


ก่อนจะมาเป็นบล็อคนี้ก็มีลองใช้ไปบ้างแล้วล่ะค่ะ ลอง bounce อะไรดูบ้าง พาไปเที่ยวฟูจิซังด้วยกันตอนช่วงสงกรานต์ด้วย แต่ยังปรับไม่เป็นยังกะอะไรไม่ค่อยเป็นใช้แฟลชทีไรก็ยังไม่เนียนซะทีค่ะ ดูไม่เป็นธรรมชาติแปลกๆ ที่พอจะไปวัดไปวาได้ก็คือใช้สะท้อนแสงเปิดหน้านิดหน่อยเวลาถ่ายในร่ม ใช้บัตรสมาชิกร้านเสื้อผ้าที่หมดอายุมาเสียบเอาอย่างในภาพข้างบนนี่ล่ะค่ะ

วันก่อนได้มาลอง self-portrait อีกครั้งและมีเวลามาค่อยๆลองค่อยๆปรับค่าแฟลชค่ะ ทีแรกก็นึกว่าจะเหลวซะแล้วทำยังไงก็ไม่เห็นได้ใสๆเนียนๆอย่างน้าๆสักที แต่สุดท้ายก็ทำได้ค่ะ กลัวตัวเองจะลืมเลยเอามาจดบันทึกไว้สักหน่อยนึง

อุปกรณ์ใช้ Canon Kiss X3 + EF-S 15-85mm (ปิด IS) + wireless remote control + ขาตั้งกล้องมือสอง SLIK ทุกรูปกล้องอยู่นิ่งๆหมดซูมอยู่ที่ระยะ 19mm ตั้ง AF ทุกจุดเหมือนกันค่ะ ภาพทุกภาพย่อและใส่กรอบแบบง่ายๆด้วย photoscape ค่ะไม่ได้ปรับแสงปรับสีหรือใส่ sharp ใดๆ (แต่ขอเบลอหน้าและเบลอความรกของห้องนิดนึงค่ะ) ชุดที่ใส่เป็นสีชมพูอ่อนๆค่อนไปทางสีขาวค่ะ





เริ่มจากภาพชุดแรก สี่ภาพแรกใช้โหมด Av หมดค่ะ

เบอร์ 1 ภาพแรกเป็นแบบปกติที่ถ่ายค่ะ ในห้องมันมืดมากก็ต้องเร่ง ISO สูงๆถึงจะได้แสงสว่างที่กำลังพอดี จริงๆก็โอเคในระดับนึงแต่แสงที่ตัวคนมันยังไม่ค่อยใสเท่าไหร่ บนหน้าก็มีเงาๆทำให้หน้าดูโทรมๆอีกต่างหากค่ะ ถ่ายเองเล่นๆก็ใช้ได้อยู่ แต่เผื่ออีกหน่อยต้องไปถ่ายให้คนอื่นๆก็อยากทำให้มันสวยกว่านี้ค่ะ

เบอร์ 2-4 ลองติดแฟลชเข้าที่กล้องและหันหัวให้ bounce กับเพดานค่ะ (ชดเชยแฟลชไว้ -2 ก่อนเพราะกะแค่ fill in น่ะค่ะ) ISO ลดลงมาที่ 400 แต่ตั้งรูรับแสงที่ f/6.3 เท่าเดิมค่ะ อ่านมาน้าๆบอกว่าโหมด Av ของ Canon ตั้งออโต้เป็น Slow Sync อยู่แล้วเหมาะสำหรับใช้ถ่ายแบบกะเก็บแสงในฉากด้วย ก็ลองปรับชดเชยแสงขึ้นๆลงๆดูแต่ภาพก็ยังมืดๆอยู่ดีค่ะ

เบอร์2 นี่ยังไงไม่รู้ค่ะถึงออกมาสว่างกว่าเบอร์ 3 และ 4 ทั้งที่สปีดมากที่สุด ทั้งฉากหลังทั้งตัวคนดูสว่างกว่าอีกสองภาพอย่างเห็นได้ชัดเลย ไม่รู้เกี่ยวกันไหมนะคะว่ายืนใกล้กล้องมากกว่าอีกสองภาพ แต่ก็ใกล้กว่านิดเดียวเองนะคะ สรุปว่าไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าทำไม

รู้สึกว่าโหมด Av ชักไม่เวิร์คค่ะ แสงในฉากก็ดูมืดๆอ่านมาบอกว่าใน flash photography สปีดชัตเตอร์จะเป็นตัวกำหนดปริมาณแสงของฉากหลังก็เลยเปลี่ยนเป็นโหมด M แทนค่ะ กะว่าจะได้คุมสปีดเองได้ ภาพต่อจากนี้จะเป็นโหมด M หมดแล้วนะคะ

เบอร์ 5 เปลี่ยนเป็น M แต่ยังตั้งค่าทุกอย่างเหมือนเดิม 1/13, f/6.3, ISO400, Flash -2 ภาพก็มืดไปเยอะเหมือนเดิมค่ะ

เบอร์ 6 ลองเพิ่มแฟลชเข้าไปอีกนิดนึงชดเชย -1 แทนค่ะ ภาพก็เหมือนจะสว่างขึ้นอีกนิดนึง(นิดเีดียวจริงๆ) แต่ก็ยังมืดอยู่ดีค่ะ ทั้งคนทั้งฉากยังดูมืดๆมัวๆอยู่เลย ไม่เวิร์คๆ

เบอร์ 7 ภาพนี้จริงๆเหมือนภาพตะกี้เลยค่ะ แต่ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะไปปรับองศาการ bounce ของแฟลชนิดหน่อยและใส่การ์ดสีขาวเล็กๆไว้สะท้อนแฟลชเข้าหาตัวแบบที่หัวแฟลชด้วยค่ะ รวมๆแล้วดูสว่างขึ้นกว่าตะกี้หน่อย แต่ก็ยังดูแสงแข็งๆไปหน่อยยังไม่เนียนตามเคยค่ะ

เบอร์ 8 อันนี้ลองทดลองดูค่ะ เคยอ่านมาน้าๆบอกว่าเวลาถ่ายงานที่ๆแสงน้อย ให้ปรับสปีดให้พอมือถือได้สะดวกแล้วค่อยใช้แฟลชช่วยถ่ายอีกที เลยลองตั้งไปเลยค่ะ 1/30 f/8.0 กะว่าเอาทั้งชัดลึกและภาพไม่สั่นเลย ผลเป็นอย่างในภาพนี่ล่ะค่ะ คมชัดแจ๋วก็จริงอยู่แต่แสงแข็งไม่เป็นธรรมชาติเอามากๆ หน้าก็ดูดำๆคล้ำๆบอกไม่ถูกยังไม่ใช่ลุคที่เราอยากจะให้เป็นค่ะ ถ้าถ่ายแนวพวก low-key หรืออะไรทำนองนั้นสีผิวเข้มๆอย่างนี้ก็อาจโอเคก็ได้

มาถึงชุดสุดท้ายค่ะ ประสบความสำเร็จในที่สุด

เบอร์ 11 (ข้ามเบอร์นิดนึงนะคะ) จากสี่รูปก่อนหน้าดูแล้วแสงยังไม่พอและเหมือนจะใส่แฟลชเยอะไปหน่อย นั่งทบทวนดูน้าๆบอกว่าให้วัดแสงที่ฉากหลังให้พอดีก่อน วิเคราะห์แล้วตอนนี้ฉากหลังก็มืดไปเลยลดสปีดลงมาอีกค่ะ สปีดเหลือ 1/8 พอ ส่วนรูรับแสงและ ISO ยังอยู่ที่ f/8.0 ISO400 เหมือนเบอร์ 8 เทียบกับภาพเบอร์ 8 แล้วเบอร์ 11 ดูแสงเป็นธรรมชาติขึ้นเยอะเลยค่ะ แสดงว่าเริ่มมาถูกทางแล้ว แต่ก็ยังติดว่าตัวคนยังดูมืดไป แสงที่หน้าก็ยังดูไม่พอดี ยังไม่ใสเหมือนน้าๆถ่ายกันเลย ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะว่า เอ จะทำได้จริงๆหรือเปล่าหนอ

เบอร์ 9 ตะกี้เบอร์ 11 ได้แสงที่ฉากพอดีแล้วสุดท้ายเลยลองเพิ่มแสงให้ตัวแบบดูค่ะ จะเพิ่มแฟลชก็กลัวจะดูแสงแข็งไปเลยลองเปิดรูรับแสงให้กว้างขึ้นก่อน เปลี่ยนจาก f/8.0 เป็น f/5.0 ผลปรากฏตามภาพเลยค่ะ ไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าได้เลยอาจเห็นไม่ค่อยชัดนะคะ แต่ภาพนี้ได้แสงพอดีเป๊ะเลยค่ะทั้งฉาก ทั้งคน ที่หน้าก็สีผิวกำลังพอดี แฟลชช่วยลบเงาๆบนหน้าออกไปหมดเลยค่ะ ในที่สุดก็ทำได้แล้วค่า เพิ่งตระหนักก็ตอนถ่ายได้ภาพนี้เองค่ะว่าใช้แฟลชช่วยแล้วได้ภาพสวยเด้งกว่าจริงๆ แต่กว่าจะได้นี่ก็เกือบถอดใจไปแล้วค่ะเนี่ย

มานั่งนึกเทียบๆระหว่างภาพเบอร์ 9 กับ 11 ว่าทำไมมันได้ผลต่างกันหนอ ทำไมเบอร์ 9 คนดูสว่างกว่าล่ะก็อ่านมาว่าแสงที่ตัวแบบจะขึ้นอยู่กับ แฟลช+รูรับแสง นี่นาดังนั้นสองภาพน่าจะได้แสงที่ตัวแบบพอๆกันนี่นา นั่งนึกไปเองแล้วก็สรุปเอาเองเลยค่ะถูกหรือผิดไม่ทราบเหมือนกันนะคะ แต่คิดว่าเบอร์ 11 รูรับแสงแคบไปแฟลชเลยใส่ให้ไปเยอะกว่าทำให้ภาพดูแข็งๆอย่างนี้รึเปล่าหนอ แต่พอปรับรูรับแสงกว้างขึ้นแฟลชเลยคำนวนใส่ให้น้อยลง ประกอบกับแสงผ่านเข้ากล้องได้มากขึ้นรวมๆแล้วเลยได้แสงดูเป็นธรรมชาติมากกว่า(มั้ง)

เบอร์ 10 รูปสุดท้ายของการทดลองเหมือนเบอร์ 9 เปี๊ยบแต่แค่ยืนห่างจากกล้องมากกว่าแค่นิดดดดเดียว แต่ภาพออกมาเห็นปริมาณแสงบนหน้าต่างกันเลยค่ะ ยังนึกอยู่ว่าอะไรจะ sensitive ขนาดนี้ ห่างกันไม่ถึงครึ่งก้าวแต่ออกมาระดับความใสบนใบหน้าดูต่างกันไปเลยค่ะ
.
.
.
.
ร่ายมาซะยาวเชียวค่ะ แบบว่าอยากเขียนไว้กันลืมเผื่อว่าหนหน้าจะทำอีกแล้วทำไม่ได้ บทสรุปเปรียบเทียบได้เป็นสี่ภาพด้านล่างค่ะ เทียบกันเห็นๆเลยว่าระหว่างใช้แฟลชแล้วได้แสงพอดีๆ (เบอร์ 9 ภาพซ้ายสุด) กับแบบไม่ใช้แฟลชแต่ดัน ISO เอา (เบอร์ 1 ภาพสองจากซ้าย) ความใสของตัวแบบที่อยู่ข้างหน้าดูแตกต่างกันเลยจริงๆค่ะ แต่ถ้าเกิดปรับแฟลชออกมาไม่ค่อยจะพอดีนัก (เบอร์ 11 ภาพสามจากซ้าย) ก็จะกลายเป็นว่าไม่ใช้แฟลชตัวแบบยังจะดูสว่างใสกว่าซะอีก และท้ายสุดถ้าใช้แฟลชแบบมั่วๆ แฟลชแรงไปภาพก็ออกมาแสงแข็งโป๊กหน้าเข้มไปเลย(เบอร์ 8 ภาพขวาสุด) ไม่ได้ต่างกับใช้แฟลชในกล้องโหมด auto เลยค่ะ


--- เพิ่มเติมค่ะ ---
อ่านคอมเมนต์ด้านล่างแล้วตัวเองก็เกิดนึกสงสัยเลยลองซะหน่อยนึงว่าตัวแปร ISO มีผลยังไงบ้างใน flash photography ลองตั้งซูมที่ 21mm ค่าอย่างอื่นเท่ากันหมดต่างแค่ ISO ผลออกมาเป็นอย่างที่คิดเลยค่ะ ISO ต่ำกว่าก็มืดกว่าทั้งภาพ(ทั้งตัวคนและฉากหลัง) ตรงกันข้าม ISO สูงก็สว่างขึ้นทั้งภาพเลยเช่นกัน ภาพขวาสุดนี่หน้าส่องแสงได้เลยค่ะ จะว่าหน้าใสดีก็ดีอยู่แต่รายละเอียดอื่นๆในภาพก็พลอยหายเกลี้ยงเลยสว่างโอเว่อร์ไปหน่อยค่ะ (ภาพชุดนี้ถ่ายคนละวัน คนละเวลา และปรับองศาแฟลชไม่เท่ากับชุดด้านบน โทนสีของภาพเลยต่างกันหน่อยนะคะ)



จบบล็อคบันทึก Flash lesson แต่เพียงเท่านี้ค่ะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นก็ไม่เท่าลงมือทำ ตอนนี้เชื่อน้าๆแล้วค่ะว่าถ้าใช้แฟลชเก่งๆเนี่ยช่วยให้ถ่ายภาพ portrait ได้สวยขึ้นมากจริงๆ ช่วยขับผิวให้ดูสว่างใสเด้งจริงๆค่ะ ^_^ แต่กว่าจะกะค่าอะไรได้ถูกคงต้องอาศัยฝึกหัดเอาบ่อยๆ ไม่งั้นคงถ่ายไม่ทันกินเอาแน่ๆเลยค่ะ (แต่ปัญหาคือเราไม่มีใครให้ฝึกนี่สิคะ ท่าจะเก่งยากค่ะ)

ปล. ผลงานถ่ายภาพของเราจะถูกโพสในกลุ่มบล็อค "ชีวิตในญี่ปุ่น..." มากกว่ากลุ่มบล็อคการถ่ายภาพนี้นะคะ เพราะเน้นว่าเขียนบรรยายประกอบภาพด้วยเหมือนไดอารี่แบบมีรูปภาพน่ะค่ะ มีทั้งภาพที่ไปเที่ยวมาที่ต่างๆในญี่ปุ่น ภาพที่มหาลัย ภาพบรรยากาศในเทศกาลต่างๆ และอื่นๆค่ะ ทั้งหมดถ่ายที่ญี่ปุ่นล้วนๆ


ไหนๆแล้วขอรวมลิงค์ที่เคยค้นๆมาและคิดว่ามีประโยชน์และเข้าใจไม่ยากไว้ตรงนี้เลยนะคะ ขอบพระคุณเจ้าของข้อความทุกๆท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะช่วยได้มากเลย
1. หลักการทำงานทั่วไปของแฟลช >> link
2. ภาพการทดลองใช้แฟลชกับการถ่ายภาพคน >> link (อันนี้ชอบมากๆเลยค่ะ มีภาพประกอบชัดเจนไม่ต้องจินตนาการ เยี่ยมมากเลยค่ะ)
3. ถ่ายภาพที่แสงน้อยด้วย Slow sync flash >> link
4. ถ่ายงาน Motor show น้าๆใช้แฟลชกันยังไงนะ >> link
5. อันนี้เขียนละเอียดดีค่ะ ว่าสถานการณ์ไหนควรใช้แฟลชกับโหมดไหนดี >> link
6. DIY ของแฟลช softbox, diffuser, etc. >> link
7. ใช้แฟลชยังไงถึงจะหยุดการเคลื่อนไหวเร็วๆได้ (เพิ่งรู้ตอนอ่านกระทู้นี้ว่ามันยากกว่าที่เราคิด) >> link
8. ตอนไหนควรยิงตรง? ตอนไหนควร bounce กี่องศา? ตอนไหนควรใช้ softbox / bounce card? >> link >> link
9. ต่างกันยังไงระหว่างลดกำลังแฟลชกับใช้ bounce card >> link
10. Sync กับม่านชัตเตอร์ชุดไหนให้ภาพต่างกันยังไง >> link

--------------------------------------------------------------------------------

>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด
>> //willselection.multiply.com




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 22:07:47 น.
Counter : 3598 Pageviews.  

เดินเล่น Ueno park ตัวเบาๆกับ 50mm...มือใหม่หัดถ่ายน้องนกค่ะ (@โตเกียว)



เครดิตภาพลายเส้นจาก //www.google.com

--------------------------------------------------------------------------------

บล็อคน้องนกนี้เกิดอย่างไม่คาดฝันค่ะ จริงๆคือพก EF 50 F1.4 ตัวจิ๋วไปกะไปถ่ายบรรยากาศดอกไม้ในสวนสาธารณะอุเอโนะหลังจากช่วงฮานามิ (ช่วงที่คนญี่ปุ่นไปปูเสื่อกินข้าวกันใต้ต้นซากุระที่ดอกกำลังบานเต็มที่) บรรยากาศดอกไม้หลังฮานามิที่สวนนี้เขียนเป็นบล็อคในอีกหมวด ที่นี่ ค่ะ (หมวดโน้นจะเน้นบรรยายเรื่อยเปื่อยพร้อมด้วยโพสรูป)



จับ DSLR มาได้ครึ่งปีไม่เคยคิดอาจเอื้อมถ่ายน้องนกมาก่อนเลยค่ะ แต่ที่สวนนี้น้องนกบินกันขวักไขว่มากๆเฉียดหัวไปมา แถมน้องนกที่ญี่ปุ่นก็ไม่กลัวคนอยู่แล้วขนาดอยู่ห่างกันนิดเดียวยังเกาะรั้วเฉยไม่ขยับไปไหนเลย ไหนๆโอกาสก็มาวิ่งชนถึงที่เลยขอลองถ่ายน้องนกครั้งแรกด้วยอุปกรณ์ติดตัว Kiss X3 + EF 50 F1.4 นี่ล่ะค่ะ

รูปนี้ถ่ายไกลๆจากในสระ (Shinobazu pond) 50mm คร็อปแล้วก็ได้ประมาณนี้เองค่ะ แต่น้องนกบินกันว่อนจริงๆ


มาที่รูปแบบไม่คร็อปบ้างดีกว่าค่ะ เอาแบบเห็นๆกันเลยว่ายืนห่างน้องนกแค่ไหน (แต่เราใช้กล้องตัวคูณ 1.6 นะคะ) น้องนกค่อยๆบินลงมาเกาะรั้วทีละตัวๆจนยาวเรียงเป็นแถวหน้ากระดานสีขาวจั๊วะเลยค่ะ


เห็นน้องนกบินเฉียดหัวไปมาแล้วอดไม่ได้อยากลองถ่ายให้ได้แอ็คที่น้องนกกำลังกางปีกบินอยู่บ้าง ก็อาศัยแหงนหน้าหมุนรอบตัวมองหาเอาค่ะ รูปนี้คร็อปนิดหน่อยนะคะ น้องนกบินเร็วมากแว่บเดียวบินผ่านหัวเราไปแล้วถ่ายไม่ทันเลยค่ะ


รูปนี้ก็คร๊อปค่ะ ถ่ายน้องนกตอนบินอยู่ให้ได้ภาพนิ่งๆนี่ยากจริงๆ ขนาดว่าใช้สปีดเร็วพอประมาณแล้วเชียวแต่ก็ไม่คมกริ๊บ โฟกัสไม่ค่อยเข้าเป้าสักทีเลยค่ะ


ถ่ายน้องนกที่บินอยู่นี่ถ่ายย๊ากยากกะตำแหน่งไม่ค่อยถูก สรุปเลยย้ายวิกมายืนรอถ่ายตรงที่น้องนกจะบินลงมาเกาะแทนค่ะ ตัวนี้นกอะไรไ่ม่ทราบเหมือนกันค่ะตัวใหญ่ปากสีเหลืองและส้ม ภาพนี้ไม่ได้คร๊อปเลยนะคะ น้องนกตัวใหญ่ถ่ายมาปีกน้องนกกางเลยเฟรมไปเลย


ภาพนี้ก็ไม่ได้คร๊อปค่ะ แต่น้องนกตัวนี้เล็กหน่อยเลยเก็บมาได้พอดีๆเฟรม (นกในสวนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบตัวนี้มากกว่าค่ะ ตัวไม่ใหญ่มาก)


อันนี้ก็คร๊อปนะคะแต่ไม่มาก ที่สวนนี้นี่น่าจะเหมาะสำหรับมือใหม่อยากหัดถ่ายน้องนก เพราะน้องนกเยอะแยะมากมาย ไ่ม่กลัวคน ไ่ม่อายกล้อง และอยู่ในระยะค่อนข้างใกล้ ขนาดเลนส์ 50mm อย่างเรายังสามารถได้ภาพระยะใกล้ๆมาเลยค่ะ


เบื่อถ่ายน้องนกที่เกาะริมรั้วแล้วเลยเปลี่ยนไปถ่ายน้องนกที่เกาะขอนไม้ในน้ำใกล้ๆตลิ่งบ้างค่ะเห็นเป็นคลื่นน้ำสวยดี


น้องนกตัวนี้ขี้อายไม่หันหน้ามาเอาแต่โชว์ก้นให้กล้อง แต่แสงลงพอดีกำลังสวย เลยได้ภาพน้องนกสยายปีกติดริมไลท์มาเลยค่ะ เงาสะท้อนชัดแจ๋วชอบมากเป็นการส่วนตัว



น้องนกภาพสุดท้ายค่ะ งานนี้เรียกว่าฟลุคจริงๆค่ะไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้ถ่ายน้องนกแบบได้ภาพ(พอจะ)เป็นชิ้นเป็นอันได้ ขอยกผลประโยชน์ทั้งหมดให้กับทางสวนและทางประเทศญี่ปุ่นที่ดูแลสวนได้ดีดูแลน้องนกได้อุดมสมบูรณ์กันจริงๆค่ะ (จริงๆถ่ายไปก็อยากจะเปลี่ยนเป็นเลนส์ซูม 15-85mm เหมือนกันค่ะจะได้สะดวกหน่อย แต่เผอิญไม่ได้เตรียมมาเลยได้แค่นี้ล่ะค่ะ)



อ้อ ที่สวนนี้นอกจากน้องนกจะเยอะบินกันว่อนแล้ว น้องเป็ดในสระก็เยอะไม่แพ้กันเลยนะคะเลือกยิง(รูป)กันได้ตามสบายเลยค่ะ (แต่ส่วนตัวเราชอบน้องนกตัวสีขาวๆมากกว่า)


จบบล็อคมือใหม่ถ่ายน้องนกครั้งแรกแล้วค่ะ ฝีมือยังไม่ดี ใครผ่านมามีข้อชี้แนะหรือติใดๆบอกได้เลยนะคะ เผื่อฟลุคมีโอกาสได้ถ่ายน้องนกคราวหน้าจะได้นำไปปรับปรุงค่ะ

ภาพบรรยากาศพวกดอกไม้และดอกซากุระของสวนนี้(ประมาณภาพเปิดของบล็อคนี้)สามารถเลือกดูได้ในบล็อคก่อนๆหน้านี้นะคะ (ภาพส่วนใหญ่จะเขียนและโพสในกลุ่มบล็อค ชีวิตในญี่ปุ่น เรื่องกิน เรื่องเที่ยว เรื่องมีสาระ เรื่องไร้สาระ มากกว่ากลุ่มบล็อคการถ่ายภาพนี้ค่ะ) ลิงค์ของหน้าที่แสดงรายการอัพเดตบล็อคทั้งหมดเรียงตามวันคลิกได้ที่ด้านล่างของหน้านี้เลยค่ะ ส่วน multiply เพิ่งสมัครไปสดๆร้อนๆยังไม่ค่อยมีภาพเท่าไหร่ค่ะ

--------------------------------------------------------------------------------


เครดิตภาพลายเส้นจาก //www.google.com

ภาพในบล็อคนี้มาจาก Canon Kiss X3 กับเลนส์ EF 50mm F1.4 USM นะคะ ยกเว้นภาพสุดท้ายถ่ายจากคนละวันเลยใช้เลนส์ EF-S 15-85mm F3.5-5.6 IS USM ภาพถูกโพรเซสด้วย PS มากน้อยแล้วแต่ภาพ ( หมุนภาพ / คร็อป / ปรับแสง / ปรับ contrast / high pass filter / ย่อUSM / ใส่โลโก้ )


>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด
>> //willselection.multiply.com




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 23 มกราคม 2554 17:05:29 น.
Counter : 3814 Pageviews.  

ขี้เห่อเลนส์ใหม่ EF-S 15-85mm F/3.5-5.6 IS USM + EF 50mm F/1.4 USM


บล็อคนี้ขอขี้เห่อเลนส์ใหม่ค่ะ ปกติเวลาจะเห่อต้องพาเลนส์ไปออกนอกบ้านถ่ายรูปบรรยากาศที่ญี่ปุ่นนี้เก็บไว้ แต่หนนี้งานรุมเร้าออกนอกบ้านไม่ไหวเลยถ่ายรอบๆห้องแทน ผลงานเก่าๆดูได้จาก หน้านี้ นะคะ ทั้งหมดใน Update list เป็นผลงานตั้งแต่จับกล้อง DSLR ทั้งนั้นเลย มีใส่ Tag บอกเลนส์ที่ใช้ในแต่ละบล็อคไว้แล้ว ^_^

ขี้เห่อรอบนี้มาจากเจ้านี่ล่ะค่ะ สดๆแกะกล่อง(ที่ขอเปลี่ยนของมาแล้วหนึ่งรอบ) EF 50mm F/1.4 USM ค่ะ ก่อนนี้ไม่เคยคิดถึงเลนส์ fix มาก่อน แต่เนื่องว่าติดใจในภาพและความคมจากเลนส์ไวแสงจำพวก 17-55 F/2.8, 24-70 F2.8L มาตลอด (ตั้งแต่ 3-4 ปีก่อนสมัยรู้จัก DSLR แรกๆแล้วเห็นไฟล์ดิบจากน้าห้องกล้องที่รู้จักกัน) แต่เลนส์ซูมไวแสงเนี่ย ทั้งใหญ่ทั้งหนัก เท่าที่ไปลองจับมาหลายๆรอบแล้วคิดว่าถือนานๆไม่ไหวชัวร์เลยค่ะ

-- F/3.5 1/100 ISO-800

ถึงแม้จะถอยเลนส์ใหม่ 15-85 มาแล้วและคุณภาพก็ดีถูกใจมากทีเดียว แต่ไอ้กิเลสกับเลนส์คมๆเลนส์ไวแสงนี้ก็ยังดับไม่ได้ค่ะ ครั้นจะซื้อพวก Tamron 17-50 ไวแสงที่ราคาไม่แรงมากมันก็จะกลายเป็นว่าช่วงทับกับเลนส์ซูมที่มี เดี๋ยวต้องมีอันใดอันหนึ่งนอนแอ้งแม้งไม่ได้ใช้แน่ๆ คิดแล้วไม่คุ้ม

มองไปมองมาทางเลือกเลยมาตกที่เลนส์ fix นี่เองค่ะ ตัวเล็กๆเบาๆพกสะดวก ราคาไม่แรงมาก วัตถุประสงค์การใช้แยกกับตัว 15-85 ไปเลย สรุปว่าเอานี่ล่ะค่ะ ยิ่งอ่านรีวิวมาว่าตัว 50 1.4 นี้ความคมและสีสันแทบไม่ห่างจากตัว 24-70 มากเท่าไหร่ ยิ่งไม่มีลังเลเลยค่ะ กดสั่งซื้อจาก kakaku.com ทันที

จริงๆได้เลนส์มาหลายวันแล้วล่ะค่ะ ได้มาปุ๊บก็รีบเทสต์โน่นนี่ แล้วก็มาสะดุดตรง Focus นี่เอง ทีแรกลองเทสต์ Back/Front ด้วยไม้บรรทัดดู ที่ F กว้างสุดก็ดูโฟกัสตรงดี แต่พอปรับ F แคบลงตั้งแต่ 2.8 ไปนี่เริ่มเห็นแล้วค่ะว่ามี Back focus ทั้งๆที่เล็งที่เส้น 8cm แต่ดันไปชัดแจ๋วที่เส้น 7cm เฉยเลย -*- (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดจริง crop100%)

-- F/2.8 1/80 ISO-400

รีบไปค้นในคลังกระทู้ของพันทิป น้าๆบางท่านบอกว่าใช้พวกเทสต์ชาร์ตบางทีก็ไม่แม่น เพราะโฟกัสแค่เส้นๆเดียวมันยากที่จะตรง ก็เลยลองเอาถ่าน 3A สี่ก้อนมาวางเรียงกันให้เหลื่อมกันแล้วเทสต์ใหม่ค่ะ หนนี้วางบนขาตั้งอย่างดี Enable Mirror Lock และกดถ่ายแบบตั้งเวลา 2 วินาทีเรียบร้อย ผลออกมา....................เหมือนเดิมค่ะ.................. คือพอ F เริ่มแคบถึง 2.8 เริ่มเห็นกันชัดๆแล้วว่ามันไปชัดที่ถ่านก้อนที่สามจากซ้าย ทั้งๆที่ใช้โฟกัสจุดกลางที่ก้อนที่สองแท้ๆ (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดจริง crop100%)

-- F/5.6 1/8 ISO-400

เพิ่งเคยใช้เลนส์ EF ครั้งแรกเลยไม่ค่อยแน่ใจค่ะว่าเกี่ยวกันไหมว่าเอา EF มาใช้กับกล้องตัวคูณจะมีปัญหานี้ (เพราะเลนส์ EF-S ตัวอื่นๆที่เคยใช้มาไม่เห็นมีปัญหา) หรือมันเป็นที่ตัวเลนส์เองกันแน่ จริงๆเอาไปลองถ่ายคนดูภาพก็ออกมากริ๊บมากๆเลยค่ะ มองไม่ออกว่ามี back

แต่ก็ยังข้องใจกับเจ้า back 1-2 cm นี่อยู่เลยตัดสินใจเมลไปขอเปลี่ยนของกับทางร้านค่ะ แต่กว่าจะอธิบายกันรู้เรื่องนี่เหนื่อยเลยค่ะ คนตอบเมลเค้าไม่รู้จักว่า back focus คืออะไร ถ้าจะเปลี่ยนของได้ก็ต้องอธิบายได้ว่ามันเป็นปัญหาที่มีมาแต่แรกจริงๆไม่ใช่เราทำพังเอง ก็อธิบายกันอยู่หลายอีเมล(ด้วยภาษาญี่ปุ่นง่อยๆของเรา) จนเค้าเข้าใจและให้เปลี่ยนค่ะ งานนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ของใหม่มาส่งถึงบ้านแล้วเราก็แพ็คคืนของเก่าไปเท่านั้นเองค่ะ

ได้มาปุ๊บรีบทดสอบแบบเดิมอีกหน สรุปว่า........ก็ยังเหมือนเดิมค่ะ -"- ยังติด backfocus ประมาณ 1-2 cm ที่รูรับแสงแคบๆ แต่หนนี้ไม่เปลี่ยนไม่อะไรแล้วค่ะช่างมันแล้วกันถ่ายปกติก็ไม่มีปัญหา เกรงใจทางร้านเค้าด้วยอุตส่าห์ยอมให้เราเปลี่ยนไปหนนึงแล้ว กะว่าไว้ถ้าช่วงไหนว่างๆค่อยหอบไปที่ถามที่ศูนย์แคนนอนตรงๆเลยดีกว่า

ว่าแล้วก็ขอลองเล่นเลนส์ใหม่กันหน่อยค่ะ ห้องแคบๆกลางกรุงโตเกียวขนาด 18 ตร.ม.นี่หาอะไรถ่ายไม่ค่อยได้เลยค่ะ ต้องใช้นายแบบประจำตัว ผิวคล้ำคมเข้ม ^_^ ภาพแรกใช้ 50 1.4 ดูค่ะ ย่อธรรมดาหนเดียวเสร็จ ถ้าดูภาพขนาดเต็มๆจะเห็นใยสีขาวๆเส้นๆเกาะตรงจมูกชัดเลยค่ะ สงสัยต้องอาบน้ำให้ซะหน่อยแล้ว (จริงๆโฟกัสที่ตาขวาของน้องหมีนะคะ แต่เผอิญดำกลืนกันไปหมดเลย)

-- F/2.8 1/60 ISO-800

ลองเปลี่ยนเอา 15-85 มาลองถ่ายเทียบกันมั่ง ต่างกันมั๊ยคะเนี่ย แต่เราซูมดูยังไงก็มองความต่างไม่ค่อยออกเลยค่ะ ทั้งสีทั้งอะไร เห็นแต่ขนสีดำๆเหมือนๆกัน สงสัยเลือกนายแบบที่มีดีเทลบนใบหน้าน้อยเกินไปหน่อยค่ะ ดูยากเกิ๊นนน

-- 50mm F/5 1/30 ISO-1600

ลองเอาสองภาพด้านบนมาย่อด้วย USM action ที่ทำไว้ดูบ้าง รู้สึกจะคมไปนิดนึงหรือเปล่าคะเนี่ย (อันนี้ภาพจาก 50 1.4)

-- F/2.8 1/60 ISO-800 USMresize

(อันนี้ภาพจาก 15-85) ดูๆแล้วสงสัยคงต้องทำ action ใหม่ซะแล้วค่ะ รู้สึกขึ้นขอบมากไปนิด

-- 50mm F/5 1/30 ISO-1600 USMresize

ขอลอง portrait กับ 50 1.4 อีกสักหน แต่เปลี่ยนนายแบบนะคะ คนนี้ผิวขาว ตากลมโตสีน้ำตาล อวบอ้วนน่ารัก กอดนอนทุกคืน ^_^ ยังกะระยะชัดไม่ถูกแต่ถ้ารูปนี้ F/2.2 ก็รู้สึกจะยังชัดโอเคอยู่(มั้ง)นะคะ

-- F/2.2 1/80 ISO-800 USMresize

ไม่มีนายแบบเหลือแล้วล่ะค่ะ จริงๆอยากลองถ่ายคนจริงๆแต่ก็หาใครไม่ได้ จะถ่ายตัวเองก็ตั้งค่าอะไรไม่สะดวก คนรอบข้างที่สนิทๆก็ไม่เล่นกล้องกันเลย อย่างนี้สงสัยเราคงไม่มีรูปสวยๆของตัวเองกะเค้าแน่ๆเลย ว่าแล้วก็แอบเซ็งนิดๆค่ะ ชอบถ่ายรูปนะคะ แต่ก็ชอบถูกถ่ายรูปด้วยเหมือนกันนี่นา >.<

ไม่มีอะไรให้ถ่ายก็เลยมาถ่ายกรุกล้องและเลนส์แทนค่ะ ซื้อกล้องมาเมื่อตุลาที่ผ่านมาพร้อมเลนส์คิต ราคาประมาณ 60,000 yen ในตอนนั้น (ตอนนั้นกล้องรุ่นนี้มี cash back campaign น่ะค่ะได้คืน 5,000 yen) ตามมาติดๆด้วยกระเป๋ากล้องใบเล็กที่ซื้อมาไว้เป็นที่เก็บเลนส์ไม่เคยแบกไปไหนเลย ตอนซื้อ 9,800 เยนแต่เมื่อตอนเซลล์ครั้งใหญ่ช่วงปีใหม่แอบไปเห็นในเว็บลดราคาเหลือครึ่งเดียว ToT และล่าสุดเมื่อไม่กี่อาทิตย์นี้เองกับ EF-S 15-85 ใหม่เอี่ยมแกะกล่องได้มาด้วยราคา 77,418 yen ค่ะ

-- F/2 1/100 ISO-800 USMresize

รวมๆแล้วเนี่ยกล้องและเลนส์ทำให้เราหายจาก shopaholic เกือบสนิทเลยค่ะ ปกติช้อปปิ้งประจำ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ตอนนี้สงบเสงี่ยมเจียมตัว ใช้แต่ของที่มีแต่งตัวแล้วสะพายกล้องเดินถ่ายรูปแทนค่ะ ต่อไปขอลงภาพเดี่ยวตามลำดับใครมาก่อนมาหลังนะคะ

ตัวแรกกับคิตตี้คู่ใจ EF-S 18-55mm F/3.5-5.6 IS เริ่มเล่น DSLR มากันกับตัวนี้ล่ะค่ะ ใช้ครั้งแรกขนาดว่าเลนส์นี้เบาๆยังเล่นเอาปวดข้อมือไปหลายวันเลย(ตอนนี้ชินแล้วค่ะ) พี่ใหญ่แต่ตัวเล็ก พกสะดวก ยกกล้องขึ้นมาทีผู้คนก็ไม่แตกตื่น ช่วงซูมก็ถ่ายวิวพอได้ ถ่ายแคนดิตไกลนิดนึงก็ยังไหว ชัดตื้นชัดลึกถ่ายยังไง ปรับ manual focus ยังไงก็หัดมาจากเลนส์ตัวนี้เอง ในห้องแสงน้อยโฟกัสยากหน่อยแต่เห็นเลนส์ตัวอื่นก็เป็นเหมือนกันๆ จริงๆก็อยากเก็บไว้ต่อนะคะ แต่ช่วงมันทับกันกับเลนส์ใหม่ ไม่อยากให้มันนอนอยู่เฉยๆในกระเป๋านานๆ เดี๋ยวคงหาใครที่เค้าได้ใช้มารับไปเลี้ยงดูต่อค่ะ

-- F/2 1/80 ISO-800 USMresize

คนรอง EF-S 15-85mm F/3.5-5.6 IS USM ตัวใหญ่สุดในบรรดาสามพี่น้อง หนักกว่าเพื่อนแต่ยังพอไหวค่ะ(หนักกว่านี้ไม่ไหวแล้ว) เห็นปุ๊บปิ๊งทันทีว่าช่วงซูมในฝันมากๆ ก่อนนี้มีแต่เลนส์ที่ได้เทเลเพิ่มแต่ไวด์ก็เท่ากับคิต มีตัวนี้เองที่ได้ทั้งไวด์ได้ทั้งเทเลเพิ่มถูกใจ๊ถูกใจ ค่าFก็ไม่แย่ไปกว่าคิตตี้พี่ใหญ่ แถมมี USM เพิ่มมาอีก ผลรีวิวในเว็บก็ดีทีเดียว(ในมาตรฐานของเรานะคะ) คิดอยู่หลายตลบเลยค่ะ ว่าควรรออีกหน่อยให้เก่งกว่านี้ค่อยซื้อตามที่น้าๆแนะนำดีไหมหนอ แต่คิดไปคิดมาโอกาสที่เราจะได้ถ่ายรูปบ่อยๆก็อยู่แค่ช่วงนี้ที่อยู่ญี่ปุ่นนี่เอง อีกไม่นานเรียนจบ กลับไทยแล้วต้องทำงานคงไม่ได้มาซ่าส์สะพายกล้องเดินชิวๆคนเดียวถ่ายรูปเล่นไปทั่วอย่างนี้อีก ก็สรุปว่าซื้อเลยดีกว่าค่ะ

-- F/2 1/100 ISO-800 USMresize

ลองใช้ดูแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ สมเป็นเลนส์ตัวใหม่ล่าสุดโฟกัสได้เร็วและเงียบกริบ IS ที่ติดมาก็ทำงานดีมากๆอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะค่ะสำหรับเรา ที่รีวิวในเว็บว่า IS ของตัวนี้ช่วยได้ถึง 4 stop คงไม่ใช่เรื่องที่โม้เกินจริงเท่าไหร่ ส่วนตัวเพิ่งเคยใช้เลนส์ที่ซูมได้มากกว่า 55 เลยเพิ่งรู้ว่าซูมได้เนี่ยก็สนุกดีเหมือนกันนะคะ ทำหลังเบลอได้สวยงามไปอีกแบบ ^_^ จากนี้ไปกะว่าไปท่องเที่ยวงานไหนพกตัวนี้เป็นพอค่ะ ครบทุกอย่างที่เราต้องการแล้ว

น้องคนรองนี้ค่าตัวแพงกว่ากล้องเสียอีก เลยต้องรีบหาอุปกรณ์ป้องกันใส่ให้หน่อยค่ะ อยู่ญี่ปุ่นไม่รู้แหล่งซื้อฮู้ดราคาถูก เลยเดินเข้า Yodobashi เอาพ๊อยต์แลกซื้อมาเลย EW-78E ราคา 3,600 yen ค่ะ (ได้พ๊อยต์ 10%) แล้วก็เพราะเจ้าฮู้ดนี่เองค่ะ เวลาเราหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายทีผู้คนตกใจกันไปหมด มันทำให้กล้องดูใหญ่ขึ้นอีกไม่เบาเลยล่ะค่ะ (ส่วนตัว เราชอบเล็กๆน่ะค่ะ สะดวกดี)

-- F/2 1/100 ISO-800 USMresize

มาถึงน้องเล็กคนสุดท้องที่ตัวเล็กสมชื่อค่ะ EF 50mm F/1.4 USM ค่าตัว 37,500 yen มาพร้อม Lens hood (ES-71II) & Lens case (LP1014) ถูกใจมากว่าตัวเล็กน้ำหนักเบา กะทัดรัดดีแท้ จุดประสงค์อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าอยากเล่นเลนส์คมกริ๊บๆและไวแสงกะเค้ามั่ง ความตั้งใจคือใช้ 15-85 สำหรับเวลาท่องเที่ยวที่เน้นเก็บภาพบรรยากาศและผู้คนรอบๆ ส่วน 50mm 1.4 กะไว้สำหรับงานที่ไม่ซีเรียสถ่ายรูปมาก เน้นถ่ายรูปเพื่อนๆหรือครอบครัวกันเองมากกว่าถ่ายวิวต่างๆ

-- 67mm F/5.6 1/13 ISO-800 USMresize

เลนส์ตัวนี้รูรับแสงปรับได้กว้างมากๆหลังเบลอกันกระจัดกระจายสะใจกันไปเลยทีเดียวค่ะ เสียก็ตรงว่าไม่มี IS คนมือสั่นอย่างเราถ้าไม่ปรับสปีดให้สูงกว่า 1/80 เข้าไว้นี่ติดเบลอตลอดเลยค่ะ(ญี่ปุ่นตอนนี้หน้าหนาว ไม่ค่อยมีแดดช่วยอีกต่างหาก) อีกอย่างคือ USM แบบเก่านี้เสียงโฟกัสดังแปลกๆดีค่ะบอกไม่ถูก เสียงเหมือนเฟืองเสียดสีกันดัง กืดๆแคร่กๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าเสียงมันดังกว่า 18-55 ซะอีกนะคะ

ตกใจเล็กน้อยว่าเลนส์นี้มีฮู้ดและซองใส่เลนส์แถมมาให้ด้วย ปกติได้ยินว่ามีแต่เลนส์ L นี่นาที่แถมอย่างนี้ ลองครอบดูแล้วเพิ่งเข้าใจว่าทำไมน้าๆชอบพูดกันว่าฮู้ดกลีบดอกไม้ดูดีกว่า เพราะฮู้ดรูปถ้วยนี่ใส่แล้วเหมือนคัพราเม็งเป๊ะเลยค่ะ (ก่อนนี้เราไม่ชอบฮู้ดกลีบดอกไม้เท่าไหร่เลยค่ะ รู้สึกมันทำให้เลนส์ดูใหญ่เกะกะเกินไป)

-- 70mm F/5.6 1/13 ISO-800 USMresize

ขอจับมาเรียงลำดับไหล่กันเล็กน้อยระหว่างพี่ใหญ่และน้องรอง (เพิ่งสังเกตว่าพี่ใหญ่ 18-55 นี่หมุนให้ซูมหดจนสุดไม่ได้เหรอคะเนี่ย)

-- F/2 1/100 ISO-800 USMresize

เพิ่มความสูงให้คนรองอีก(เยอะ)ด้วยฮู้ดกลีบดอกไม้

-- F/2.2 1/100 ISO-800 USMresize

สุดท้ายเทียบพี่ใหญ่กับน้องเล็ก งานนี้น้องเล็กก็เล็กสมชื่อค่ะ

-- 67mm F/5.6 1/13 ISO-800 USMresize

ขนาดเอาถ้วยครอบแล้วก็ยังเล็กอยู่ อย่างนี้เหมาะดีสำหรับเราค่ะ กะทัดรัดดีนักแล เน้นใช้งานที่ไม่ต้องการความยืดหยุ่นมากประเภทที่มีเวลาเล็ง มีเวลาถอย มีเวลาตั้งค่าต่างๆ

-- 70mm F/5.6 1/13 ISO-800 USMresize

เพ้อเจ้อจบแล้วเพียงเท่านี้ค่ะ สองตัวหลังเพิ่งซื้อไม่นานแต่มีแพลนจะเอาไปเที่ยวจริงจังแล้วเร็วๆนี้ค่ะ ณ ตอนนี้เท่าที่ลองกดเล่นๆรอบๆห้องก็ถูกใจทั้งสองตัวนะคะ ตัว 50 1.4 ได้ภาพคมกริ๊บๆและดูใสปิ๊งๆจริงๆค่ะ ถ่ายรูปอะไรในห้องแคบๆฉากหลังรกๆก็ไม่ต้องอะไรมากเปิดรูรับแสงกว้างๆซะด้านหลังรกๆก็หายรกทันตา ^_^ ส่วนตัว 15-85 ก็ไม่ได้น้อยหน้าได้ภาพคมและใสใช้ได้ทีเดียวค่ะ แถมสะดวกว่าช่วงซูมถ่ายได้ทุกอย่าง(สำหรับเรานะคะ) เหมาะไว้เก็บบรรยากาศและถ่ายแคนดิตดีค่ะ ใช้การซูมเยอะๆเพื่อละลายหลังแทนการเปิดรูรับแสงกว้างๆก็ออกมาสวยดีไปอีกแบบ

แต่ในแง่ที่ว่าเลนส์ตัวไหนช่วยเรื่องภาพเบลอ(เพราะมือสั่น)ได้มากกว่า ถ้าเทียบสองตัว 15-85 กับ 50 1.4 นี่เราว่าพอๆกันค่ะ จริงอยู่ว่า 50 1.4 เปิดรูรับแสงได้กว้างมากแต่เนื่องจากมันไม่มี IS ช่วย ส่วนตัวเราไม่สามารถลดสปีดมันลงให้ต่ำกว่า 1/80 ได้มากเท่าไหร่ค่ะ ก็ต้องจัดให้ชัดตื้นมากๆๆเพื่อชดเชยแทน

ในทางตรงกันข้ามตัว 15-85 ที่ซูมสุดได้รูรับแสงแค่ 5.6 แต่เนื่องจากระบบ IS ที่ทำมาดีทำให้เราสามารถใช้สปีดต่ำๆได้ดีนะคะ อย่างบางภาพด้านบนถ่ายด้วยสปีดแค่ 1/13 แต่ก็ไม่ได้เบลอจนน่าเกลียดอะไรเลย

สรุปแล้วเราเลยมองว่าสองตัวนี้พอๆกันค่ะ ตัวนึงใช้รูรับแสงกว้างๆชดเชยสปีด อีกตัวก็ใช้ IS อารมณ์ภาพออกมาต่างกัน แต่รวมๆแล้วคือดีกว่าออกมาเบลอสนิทเพราะมือสั่นเนอะคะ

-----------------------------------------------------------------------

ภาพทั้งหมดถ่ายด้วย Canon EOS Kiss X3 ใช้เลนส์สองตัวสลับกันคือ EF-S 15-85mm F/3.5-5.6 IS USM กับ EF 50mm F1.4 USM (แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวหลังมากกว่าค่ะ)

ยกเว้นภาพที่เขียนใต้ภาพว่า USMresize (ย่อทีละ 500 แล้วใส่ USM ทุกครั้ง) ที่เหลือใช้ PS ย่อหนเดียวเสร็จค่ะ exif ของภาพยังติดอยู่ครบ ตอนนี้กำลังติดใจ Mode M อยู่แต่ยังใช้ไม่คล่องนัก ใครผ่านมามีอะไรชี้แนะบอกได้เลยนะคะ ^_^


>> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 24 มกราคม 2553    
Last Update : 4 มีนาคม 2553 8:28:26 น.
Counter : 13595 Pageviews.  

ซื้อจนได้ Canon EOS Kiss X3 + EF-S 18-55 IS Kit พร้อม Cash-back Campaign

จดๆจ้องๆมานานตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนก่อนที่จะมาญี่ปุ่นซะอีก จากกระทู้ร้อนห้องโภชกับห้องกล้องตอนนั้นเลยได้มีโอกาสรู้จักและได้ไปถ่ายรูปเล่นกับน้าๆห้องกล้องนิดหน่อย แล้วก็ติดใจในประสิทธิภาพของกล้อง DSLR ที่ถ่ายมาได้ภาพงามๆ(จริงๆคือคนถ่ายฝีมือดี)ตั้งแต่นั้นมา เห็นใครใกล้ตัวซื้อกล้อง DSLR ก็ต้องไปขอลองถ่ายเล่นอยู่เรื่อยไป ขนาดแค่กดแบบคนยังไม่ค่อยมีความรู้รูปยังออกมาสวยเลย

มัวแต่ขยึกขยักไม่ซื้อไม่แน่ใจสักที (จริงๆคือเงินไปช้อปปิ้งอย่างอื่นหมดแล้วนั่นเอง) วนเวียนไปอ่านโน่นนี่ที่ห้องกล้องบ้าง นั่งอ่านหนังสือและเว็บสอน Basic DSLR บ้าง เข้าปีที่สี่ที่อยู่ญี่ปุ่นเพิ่งจะตัดสินใจซื้อได้ เหตุผลนึงเพราะคุณแฟนกลับไทยถาวรไปซะแล้ว ต่อไปนี้วันหยุดก็คงว่างๆไม่ค่อยมีอะไรทำเดี๋ยวจะเหงาต้องหางานอดิเรกทำเพิ่มเสียหน่อย

ส่วนตัวติดใจ Nikon กับ Canon เป็นพิเศษก็เลยหาอ่านแต่กระทู้ของสองยี่ห้อนี้จนได้ช้อยส์มาคือ Nikon D90 และ Canon 500D อ่านรีวิวจนปวดหัวก็ยังเลือกไม่ได้ จริงๆออกจะเอนๆไปทางนิคอนเพราะคอมแพคตัวปัจจุบันก็นิคอนแถมส่วนตัวเป็นคนชอบสีสดๆซะด้วย แต่ก็เชื่อโปรว่าให้ลองไปจับดูก่อน ก็เลยถือโอกาสไปลองกล้องและสำรวจราคาที่ Yodobashi ใกล้บ้านเสียเลย

ลองจับกับมือแล้ว พูดถึงปุ่มและ Main dial รู้สึก Nikon จะจับถนัดกว่าแต่พอลองกดลองถ่าย ลองใช้โหมดต่างๆดูกลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับนิคอนเลย เป็นทาง Canon ซะอีกที่ตั้งค่าต่างๆถ่ายได้อย่างใจมากกว่า (ทั้งที่ลองใช้ครั้งแรกเหมือนกัน) ลองแล้วสรุปได้ทันทีเอาแคนนอนนี่ล่ะ ราคาที่สำรวจมาที่โยโดบาชิเป็นดังนี้
Canon EOS Kiss X3 ----> 77800 yen
Canon EOS Kiss X3 + EF-S 18-55 ----> 84800 yen
Canon EOS Kiss X3 + EF-S 55-250 ----> 101800 yen
ทั้งหมดได้พอยต์ 20% และเนื่องด้วยเป็นมือใหม่เลยยังไม่สนใจเลนส์ช่วงเทเลเท่าไหร่(สนใจเลนส์ wide มากกว่า) ช้อยส์กลางเลยเป็นตัวเลือก คำนวนหักพอยต์แบบคร่าวๆแล้วน่าจะเหลือประมาณ 68000 yen

ถ้าเป็นปกติแล้วเป็นพวกชอบอะไรซื้อทันทีไม่คิดเปรียบเทียบราคาให้เสียเวลา แต่วันนั้นนึกไงไม่รู้ยังไม่ซื้อ กลับบ้านเข้าเน็ตดูเว็บ kakaku.com (//kakaku.com/item/K0000027412/) เช็คเทียบราคาก็เลยได้อันถูกสุดมาที่ 三星カメラ ด้วยจำนวนเงิน 64322 yen (มีค่าธรรมเนียมโอนเงินอีก 600 กว่าเยน) จัดการสั่งและรีบไปโอนเงินทันที โชคดีว่าช่วงนี้ทาง Canon มีแคมเปญ cash back สำหรับคนซื้อกล้องรุ่นนี้พอดี (27 สิงหา ถึง 3 พฤศจิ) คืนเงินสูงสุด 10,000 yen แต่เคสซื้อแค่บอดี้และเลนส์คิตน่าจะได้แค่ 5000 yen มั้ง (เดาเอา ดูจากเว็บของ 三星カメラ )

เมื่อเช้า(วันเสาร์)กล้องเพิ่งมาส่งก็รีบเห่อเอามาลองถ่ายทันที เปิดคู่มือดูเฉพาะตรงที่ยังไม่เข้าใจแล้วก็ลองกดไปเรื่อยรวมๆแล้วถือว่าถูกใจเลยทีเดียว (ยกเว้นอย่างนึงที่เดี๋ยวจะพูดถึง ) สองอย่างที่ชอบมากของกล้อง DSLR ที่กล้องคอมแพคไม่สามารถทำได้(หรือทำได้ไม่ดีเท่า)คือ การถ่ายภาพแบบชัดตื้น และ การกำหนดจุดโฟกัสที่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างหลังนี่ที่ยิ่งเล่นยิ่งชอบ ลองถ่ายที่เดิมย้ายจุดโฟกัสไปเรื่อยๆ อีกหน่อยเวลาจะตั้งเวลาถ่ายรูปตัวเองจะได้ manual focus ให้ชัดๆได้เสียที

ลองกดถ่ายโน่นนี่รอบห้องไปเรื่อยเดี๋ยวพรุ่งนี้(วันอาทิตย์)ค่อยไปซื้อกระเป๋าใส่ ต่อไปเสาร์อาทิตย์ไหนว่างๆจะฝึกฝีมือพายกล้องไปเก็บบรรยากาศในญี่ปุ่นมาให้ทั่วๆเลย (เสียดายก็ตรงที่ว่าถ่ายรูปตัวเองไม่ได้นี่ล่ะ จริงๆชอบทั้งเป็นคนถ่ายรูปและเป็นคนถูกถ่ายรูปด้วย แต่รอบตัวไม่มีใครชอบถ่ายรูปกันเลย ว้าาาา)

เล่นจนพอใจแล้วก็มากรอกเอกสารเพื่อให้ได้ Cash back กัน ก็ง่ายๆเลย(แต่ภาษาญี่ปุ่นหมด) แค่มีก๊อปปี้ของใบเสร็จ ก๊อปปี้ใบรับประกัน (ซึ่งสองอย่างนี้ทางร้านที่ซื้อทำมาให้แล้ว เหลือแค่เรากรอกชื่อที่อยู่ตัวเอง) ตัดบาร์โค้ดจากกล่องใส่กล้องไป สามอย่างแปะลงไปใบของทาง Canon ที่เค้าให้มาในกล่อง

จากนั้นก็ทำแบบสอบถามให้ Canon ซะหน่อย (ก็แค่ถามว่าเพศไหน อายุเท่าไหร่ เคยใช้กล้องอะไรมาก่อน จะซื้อกล้องนี้ไปถ่ายรูปแนวไหน และ ทำไมถึงซื้อกล้องรุ่นนี้) สุดท้ายเล่นพับกระดาษอีกนิด(ใบที่ใช้ส่งเค้าออกแบบมาให้พับเป็นซองจดหมายได้)ก็เสร็จพร้อมส่งแล้ว งานนี้ค่าแสตมป์จ่ายเอง(แต่ไม่น่าถึงร้อยเยน)

ตามข้อมูลหลังจากส่งสองอาทิตย์เค้าจะส่งเอกสารบอกรายละเอียดการคืนเงินมาให้ และหลังจากส่งประมาณหนึ่งเดือนเค้าก็จะส่งคล้ายๆเช็คเงินสดชื่อของเราให้ไปเบิกเงินสดได้จาก Post office แค่ตอบคำถามนิดๆหน่อยๆกับรออีกแป๊บๆก็ได้เงินคืนมาตั้งหลายพันเยนใครจะไม่เอาล่ะเนอะ

ส่วนปัญหาเรื่องนึงที่เกริ่นไว้คือเรื่องของจอ LCD ตอนถ่ายรูปมาทุกรูปดูใน LCD ก็โอเคแล้วทั้งสีและแสง(ถ่ายในห้องเปิดไฟขาวธรรมดา) แต่พอเอามาลงคอมมันกลับดูมืดไปแล้วสีจืดกว่าที่ดูใน LCD ซะงั้น ถามน้าอุ้ย(alfajet)มาแล้วเลยลองเอา Adobe Gamma ปรับนิดๆหน่อยๆแต่ก็ไม่ชัวร์ยิ่งดูตายิ่งลาย เลยเอารูปไปอัดซะเลยหนึ่งใบ แล้วเอามาทาบปรับกับหน้าจอคอมเลย คราวนี้ค่อยใกล้เคียงหน่อย (อัดออกมาก็สีนุ่มสวยเชียว >.< )

สรุปแล้วบล็อคนี้ไม่มีอะไรนอกจากเห่อกล้องใหม่เท่านั้นค่า ชีวิตนี้วนเวียนอยู่แต่กับ image technologies จริงๆ ทั้งชอบถ่ายรูป(ถึงจะถ่ายไม่เก่งก็ตามแต่มั่นใจนะว่าชอบจริงๆ) ชอบเล่นโปรแกรมตระกูล Photoshop/Illustrator/Flash งานวิจัยก็ทำทางด้าน Computer Vision / Image processing ซะอีกแน่ะวันๆนั่งทำงานก็อยู่แต่กะกล้อง(ความเร็วสูง) อีกหน่อยคงต้องมาดูกันว่าเรียนจบแล้วจะไปทำงานบริษัทกล้องอีกหรือเปล่านะเนี่ย

ปล จริงๆมีเอากล้องใหม่ถ่ายรูปโบชัวร์ Cash back campaign ทั้งหลายมาด้วยกะว่าเอามาประกอบบล็อคสักหน่อย แต่ดันเบลอๆเผลอลบรูปในเมมทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ก๊อปลงคอม ลอง recovery แล้วแต่รูปที่จะเอาไม่มาสักทีมีแต่รูปอื่นๆเป็นพันๆรูป เลยไม่เอาแล้วขอไม่มีรูปไปบล็อคนึงละกัน

--Updated--
ได้ cash back คืนเรียบร้อยค่ะ 5,000 yen รวมๆเวลาตั้งแต่ส่งไปแล้วก็เกือบเดือนพอดีเลย ทีแรกนึกว่าส่งไม่ถึงปลายทางนะเนี่ย สรุปแล้วซื้อกล้องนี้เสียไปเกือบ 60,000 yen เท่านั้นค่ะ




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2552    
Last Update : 24 มกราคม 2553 13:12:51 น.
Counter : 2210 Pageviews.  

1  2  

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.