Group Blog
 
All Blogs
 

เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก....


       โว้ว....อัพเดทกันอย่างต่อเนื่องเลยแฮะ อ่ะ...เรื่องต่อไปคือ เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก...เรารู้จักเรื่องนี้ครั้งแรกเลยก็ นู่นนนน....สมัยเป็นเด็ก อ่านจากสตรีสาร(ตอนนี้ปิดกิจการไปแล้ว) แต่ตอนนั้นไม่ได้ตามอ่านแบบสนใจมาก คือ ไปอ่านการ์ตูน ในนั้นซะมากกว่า พวกคนพิลึกอะไรเนี่ยแหละ จนกระทั่ง มาอ่านเจอในพันทิป ว่าเค้ามีรวมเล่มด้วย ประกอบกับช่วงนั้นเรากำลังบ้าหนังสือ และมีคนแนะนำไว้ว่า เป็นเรื่องที่ควรจะหาเก็บไว้ การตามหาหนังสือเรื่องนี้ก็เริ่มต้นขึ้น....


       เราลองเสิร์ชในเน็ตก่อน ว่าเว็บขายหนังสืออนไลน์ที่ไหนมีมั่ง ปรากฎว่าไม่มีอ่ะ บางเว็บมีก็บอกว่าหมดแล้ว....ก็เลยไปเสิร์ชในซีเอ็ด เค้าบอกว่าที่สาขาเสรีเซ็นเตอร์(หรือซีคอน แถวๆ นั้นอ่ะแหละ) มี เราก็ไปดู มีแค่2 เล่ม ก็เออ...ไม่เป็นไร แต่ซื้อแล้วก็ไม่อ่านนะ คือเป็นโรคจิตอ่ะ ต้องรอให้ครบทุกเล่มก่อนถึงจะอ่าน...แล้วก็เหมือนกับตอนหาซื้อเรื่องกระบี่ใจพิสุทธิ์ คือ...ที่ศูนย์หนังสือฯ มีครบทุกเล่ม ตั้งแต่เล่ม1-4.....- -'


       หนังสือเรื่องนี้ เป็นหนังสือที่ให้ความรู้สึกต่างจากเล่มอื่น คือ อ่านแล้วมีความสุขอ่ะ ทุกๆ ตอนของเรื่องนี้ อ่านแล้วมันจะได้ความรู้สึกเหมือนเรา อ่านตอนจบของนิยายที่ happy ending อาจจะเป็นเพราะว่า นี่คือเรื่องราวใกล้ตัว บ้านเรา เมืองเรา แต่เป็นสมัยนู้นนนน...แทน ซึ่งก็มีอะไรแปลกๆ ให้เราได้รู้ เช่น สมัยก่อนเค้าเล่นเป่าฟองสบู่จากก้านผักบุ้ง, การปราบจระเข้(สมัยนั้นท่าจะจระเข้ชุม), งานมหรสพต่างๆ ในสมัยนั้น, เรื่องข้าวพอง(อันนี้อ่านแล้วฮาดี)ฯลฯ อ่านแล้วรู้สึกว่า เออ..บ้านเรามันเคยมีอย่างงี้ด้วยเหรอเนี่ย


       ส่วนเรื่องที่ชอบที่สุด เป็นเรื่องเกี่ยวกับมรดกของคนสมัยก่อน ไม่น่าเชื่อเลยว่ามรดกที่เค้าให้ลูกหลาน นั่นคือ.....ต้นไม้....นี่เป็นเครื่องบ่งบอกอย่างนึง ว่าบ้านเราเป็นสังคมเกษตรกรรมมาแต่ไหนแต่ไร ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ซึ่งความจริงข้อนี้ ปรากฎอยู่กับตัวเราเองเช่นกัน นั่นก็คือ คุณป้าของเรา....


       บ้านป้าอยู่แถวฝั่งธนฯ พอมีที่ทางอยู่บ้าง ก็ปลูกโน่นนี่ตามประสาคนชอบต้นไม้ แต่ตอนรับราชการอยู่แกไม่ค่อยสนใจไง พอเกษียณแล้ว แกก็น่ะ...เย็นๆ ไปเก็บฝรั่ง, ชมพู, กล้วย ผักต่างๆ บ้าง ตกดึก แกก็ดูทีวีไป ปอกผลไม้ไป เช้ามาเอาไปขายหน้าบ้าน.....หมด!!! ไม่มีวันไหนแกขายไม่หมด ถุงละ10ละ 10 วันนึงๆ ได้อย่างต่ำก็200 ผักนี่ใครๆ ก็อยากซื้อกับแก เพราะคนแถวนั้นรู้ไง ว่าแกปลูกเอง ไม่มีสารปนเปื้อนแน่นอน ร้านของชำในซอยมาขอเหมาผักแก แกไม่ขายนะ แกกลัวเค้าเอาไปขายแพง แกเลยขายมันซะเอง ^^'    นี่แหละคือเหตุผล ที่คนสมัยนู้นน เค้านิยมให้ต้นไม้เป็นมรดกกับลูกหลาน เพราะถ้าตกงาน มันก็ยังขายผลไม้กินได้... เช้าพอขายหมด แกก็พักแล้ว เย็นค่อยไปรดน้ำพรวนดิน เก็บผัก, ผลไม้อีกรอบนึง...คิดดูถ้าเทียบกับงาน part time อย่างแม็คฯ หรือ7 เนี่ยต้องทำงานกันกี่ชัวโมง ถึงจะได้ซัก200 อย่างว่าอ่ะเนาะ...สังคมมันเปลี่ยนไป -.- เอ๊ะ...ตกลงจะเล่าเรื่องหนังสือ หรือเรื่องป้าตัวเองเนี่ย???


       เอาเป็นว่า หนังสือเรื่องนี้ ทำให้เรารักประเพณี และวัฒนธรรมของเรา เพิ่มขึ้นอีกเป็นกองเลยล่ะ อ้อ...ก่อนจะจบ เพิ่งนึกได้ มีอีกเรื่องนึงที่ชอบก็คือ เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงในสมัยนั้น เราว่าแม่บ้านยุคนนั้นเนี่ย ถ้ายุคนี้ใครได้แต่งด้วย จะเป็นบุญมากๆ เลย อ่านแล้ว โห...ข้าวติดก้นหม้อนะ ยังเอาไปตากแห้ง แล้วทอดทำเป็นขนมขาย เสื้อผ้าไม่ใช้แล้วก็จะต้องเลาะกระดุมเก็บไว้ใช้ ตัดเศษผ้าเก็บไว้เพื่อเอาไปปะชุน เสื้อผ้าที่มีสีคล้ายๆ กันได้ และยังมีอีกหลายเรื่อง ที่อ่านแล้วนับถือ คุณแม่บ้านยุคโน้นจริงๆ....^^








 

Create Date : 15 มกราคม 2548    
Last Update : 15 มกราคม 2548 0:17:28 น.
Counter : 1969 Pageviews.  

ฤทธิ์มีดสั้น..



       ฤทธิ์มีดสั้น เป็นนิยายจีนที่เราเคยได้ยินชื่อมานานแล้ว ก็สนใจจะอ่านเหมือนกัน แต่ไม่มีตังค์อ่ะ เห็นเค้าขายเป็นแพ็คใส่กล่องสวยงามเชียว


       จนวันนึงไปเดินห้าง เค้าจัดงานหนังสือพอดี มีหลายๆ สำนักพิมพ์มาลดราคา ก็ไปเจอ ฤทธิ์มีดสั้นนี่แหละลดเหลือ200 กว่าบาทมั้งตอนนั้น ก็ซื้อเลย กลับมาบ้านก็อ่าน....


       และพอได้อ่านถึงรู้ว่าที่ลดราคาอ่ะ สงสัยจะเป็นเพราะว่ามันเป็นหนังสือที่พิมพ์ผิดรึเปล่า เพราะอ่านๆ ไป บางประโยคควรจะเป็นคนนี้พูด แต่กลับเป็นอีกคนพูดซะนี้ คนเดียวกัน จะถามเองตอบเองได้อย่างไร...


       แต่โดยรวมแล้ว เราเฉยๆ กับเรื่องนี้นะ คงเป็นเพราะไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหา ไม่เข้าใจตัวละคร อ่านแล้วอึดอัดใจว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น และพวกประโยคที่เป็นปรัชญาอย่าง ในมือไม่มีห่วง แต่ในใจมีห่วง...ทำนองนี้อ่ะ ไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวกับ ความว่าง ในศาสนาพุทธรึเปล่า และตัวละครที่ชวนให้เราอึดอัดมากที่สุด ก็เป็นทิท่วงกะ อ่ะ......ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม ก็พูดๆ ไปเหอะ คนมันก็ตายไปแล้ว....


ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
แต่กว่าความจริงจะเปิดเผยได้
ก็ตายกันไปหลายคน....


       ศักดิ์ศรีมันจะมีค่าอะไรกันนักเชียว ถ้าเราไม่มีชีวิตอยู่ ถ้าคนที่มีชีวิตอยู่ต่อไป ต้องรับกรรมจากศักดิ์ศรีของเราเนี่ย....จะช้าจะเร็ว มันก็ต้องเปิดเผยอยู่ดีอ่ะ และเราก็เลือกวิธี ที่จะเปิดเผยมันได้ไม่ใช่เรอะ ถ้าสิ่งที่เราพูดมันเป็นความจริง ใครที่ฟังแล้วรับไม่ได้มันก็เรื่องของเค้า แต่อย่างว่าแหละ ถ้าพูดออกไป มันก็ต้องมีพวกที่รับความจริงไม่ได้ ไม่ยอมรับ ต้องเจอความจริงด้วยจุดจบแบบอนาถๆ ถึงจะยอมรับกัน เหมือนที่เคยได้ยิน(จำชื่อคนเขียนไม่ได้อ่ะ) ประมาณว่า...

ทำไมคนเรา...ไม่เข้าใจอะไรซะตั้งแต่ทีแรก
ต้องรอให้ถึงวาระสุดท้ายก่อน ถึงค่อยเข้าใจ


       โดยรวมสำหรับเรา เรื่องนี้ไม่ได้น่าติดตามถึงขนาดว่า ลุกจากเตียงไปไหนไม่ได้ เหมือนกระบี่ใจพิสุทธิ์หรือเชอร์ล็อก โฮลมส์อ่ะ คือ อ่านได้เรื่อยๆ ค่อยๆ อ่าน เมื่อก็พักไปฟังเพลง ดูทีวีก่อนได้......เอ...หรือว่ามันจะเป็นนิยายแนว ปริศนาธรรม!...








 

Create Date : 13 มกราคม 2548    
Last Update : 13 มกราคม 2548 10:38:42 น.
Counter : 528 Pageviews.  

กระบี่ใจพิสุทธิ์




       ได้ฤกษ์เล่าถึงหนังสือเรื่องต่อไปที่เราได้อ่านซะที เจ้าเล่มนี้เป็นนิยายจีน ชื่อเรื่องว่า กระบี่ใจพิสุทธิ์


       ได้รู้จักหนังสือเรื่องนี้ก็เพราะ น้องสาวอ่ะ คือใช้ให้ไปเช่าเรื่องมังกรหยก แต่ดันไปเช่าเรื่องนี้มา คิดดู มันใส่ใจคำสั่งเราขนาดไหน - -' ทีแรกก็ลังเลอ่ะว่าจะอ่านดีรึเปล่ากลัวไม่สนุก แต่ไหนๆ เสียตังค์เช่ามาแล้วก็อ่านซะหน่อย ว่าแล้วก็ขึ้นเตียงเลย(เราชอบอ่านหนังสือบนเตียงอ่ะ)       เริ่มอ่านตอนช่วงหัวค่ำ ไปจบเอาประมาณตี3 หรือตี4 เนี่ยแหละ อ่านแบบไม่หลับไม่นอนกันเลย จะว่าไปแล้ว เนื้อเรื่องมันไม่สนุกนะ คือ มันรันทดอ่ะ แต่ก็น่าติดตามมากๆ ด้วย อ่านท้ายปก ถึงได้ทราบว่ากิมย้งผู้แต่งเรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่อง the count of monte cristo อ่ะ(แต่ตอนจบไม่เหมือนกันเลย)


       เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่ม ใสซื่อคนนึง มีชีวิตเรียบง่าย ไร้เล่ห์เลี่ยม จนสาวคนรัก ตั้งฉายาให้ว่า คงซิมใช่ ที่แปลว่าผักบุ้ง ก็คงเป็นเพราะ เป็นคนที่ข้างในกลวง ไม่มีอะไร ไม่คิดร้ายกับใครประมาณนั้นอ่ะ คิดไงก็พูดงั้น ไม่มีอะไรซ่อนเร้นในจิตใจ วันนึงต้องไปงานวันเกิดศิษย์ร่วมสำนักของอาจารย์ ซึ่งทั้งตัวอาจารย์และศิษย์ร่วมสำนักล้วนมีเบื้องหลัง และลับลมคมในกันอยู่ ชีวิตหนุ่มน้อย...เลยเปลี่ยนไปนับแต่บัดนั้น....


       อารมณ์รันทดในเรื่องนี้มีหมด ถูกใส่ความ, สาวคนรักเข้าใจผิด, โดนทรมาน ชนิดกะไม่ให้รอดตายกันเลย อ่านไปก็สงสารพระเอกไป....แต่เดี๋ยวก่อน!!!!! ไอ้ที่รันทดกว่าอ่ะ เป็นคู่พระรอง...อะไรมันจะปานนั้น รักฝังแน่นตราตรึง ยอมติดคุก ทนทรมาน ขอแค่เมื่อมองลอดลูกกรงหน้าต่างไปนั้น ได้เห็นดอกไม้ที่เธอวางไว้เป็นเพื่อนเค้าก็พอ(หน้าไม่เห็นไม่เป็นไร).....ฝ่ายนางรองชีวิตก็รันทดไม่เบา ถูกพ่อใช้เป็นเครื่องมือ ตัวเองยอมอัปลักษณ์ เพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่ตนรัก แต่สุดท้ายแล้วก็....(ลองไปหาอ่านกันเองนะ ^^')


       อ่านเรื่องนี้จบแล้วก็ได้รู้ ว่าทำไมเค้าถึงชอบอ่านนิยายจีนกัน เหมือนที่บนปกเขียนไว้อ่ะ คนดีงามประเสิรฐเลิศล้ำ คนชั่วต่ำช้าสุดสามานย์....บางตอนจะเห็นว่าไอ้คนที่ยกย่องกันว่าเป็นคนดีเปี่ยมคุณธรรม แท้จริงก็ดีภายนอก เลวในสันดาน ทำดีหวังผลเพื่อตัวเองกันทั้งนั้น


       อ่านจบภายในคืนเดียว เพราะลุ้นจัด เช้ามาน้องสาวงงเลย ว่าอ่านจบแล้วเหรอ จะให้เอาไปคืนแล้วเหรอ....เก็บไว้นานไม่ได้อ่ะ เดี๋ยวมันเกิดอยากจะหยิบขึ้นมาอ่าน......หลังจากอ่านจบไปเมื่อคืน ก็คิดไว้แล้วว่าจะต้องซื้อมาเก็บไว้แน่นอน แต่ไปเดินหาหลายร้านแล้วไม่มีอ่ะ จนตั้งนานแน่ะ ถึงมาเจอที่ศูนย์หนังสือที่มหาวิทยาลัย(อยู่ใกล้ๆ ไม่รู้จักไปดู) เหลืออยู่2 เล่ม เล่มนึงถูกแกะออกมาอ่านแล้ว เยินเชียว เพราะฉะนั้น จริงๆ มันก็คือเหลือเล่มสุดท้ายอ่ะแหละ ก็รีบหยิบไปจ่ายตังค์ กลับมา...ก็อ่านอีก สรุปว่าเรื่องนี้เราอ่านไปทั้งหมด3 รอบด้วยกัน อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่ออ่ะ....ประทับใจ รันทดใจ มีหมดในนิยายเรื่องนี้.....












 

Create Date : 11 มกราคม 2548    
Last Update : 13 มกราคม 2548 0:50:42 น.
Counter : 2652 Pageviews.  

เชอร์ล็อก โฮลมส์ : หนังสือ ที่ทำให้เรารู้จักหนังสือ






      
      นี่คือเรื่องราว ของหนังสือเรื่องแรก ที่ทำให้เรารู้จัก...." หนังสือ "...


     คงต้องย้อนกลับไปซักเกือบ1 ทศวรรษที่ผ่านมา....ตอนนั้นเพิ่งรู้จักอินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรก(สมัยที่โมเด็มตัวละ3,000 กว่า)

      ตอนนั้นเว็บแรกๆ ที่เข้าก็คือ sanook ก็ click ดูตามบอร์ดต่างๆ จนไปเจอที่บอร์ดหนอนหนังสือ ก็อ่านไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เห็นคนเค้าพูดถึงหนังสือ เชอร์ล็อก โฮลมส์ กัน ก็ไม่ได้สนใจ

       จนกระทั่งวันนึง ใช้ search engine ไปเจอเว็บขายหนังสือมือ2 ในเว็บมีบริการค้นหาหนังสือที่เราต้องการ แล้วก็ไม่รู้อะไรดลใจเรา ถึงได้เมลไปถามเค้าว่า.....มีหนังสือเรื่อง เชอร์ล็อก โฮลมส์มั๊ย????

       เค้าตอบกลับมาว่ามี ครบชุดเลย สภาพดี บอกราคามาเสร็จสรรพ พันกว่าบาท และ....อะไรดลใจอีกไม่ทราบ ให้เราตอบตกลงสั่งซื้อกับเค้า ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นตอนนี้เราคงไม่สั่งแน่ ราคาเป็นพัน แถมยังไม่ได้เห็นตัวสินค้าอีก แต่ก็นับว่าโชคดี ที่ตอนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูก...

       ทันทีที่ได้รับของ เราเปิดออกดูด้วยความรู้สึกที่เฉยๆ นะ แต่พอเห็นของก็ โอ้ว...หนังสืออยู่ในสภาพดีจริงๆ ไม่มีรอยยับอะไรเลย มีแต่สีกระดาษเท่านั้นที่ซีดลงตามกาลเวลา และครบชุดอย่างที่เค้าบอกจริงๆ มา2 ชุด ในกล่องแข็งอย่างดี เป็นชุดเรื่องยาว และเรื่องสั้น และเย็นนั้นเอง ที่เราเริ่มอ่าน โดยอ่าน ตอนแรงพยาบาทก่อนเป็นเรื่องแรก....

       อ่านๆ ไปแรกๆ ก็เรื่อยๆ อ่ะ แต่พออ่านไปๆ เรื่อยๆ เฮ้ย...ชักทึ่งในความเก่งของโฮลมส์ และก็มาอึ้งเอาในตอนจบที่เค้าจับคนร้ายได้......

       มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกจริงๆ เราไม่เคยอ่านหนังสือจริงๆ จังๆ มาก่อน ในตอนนั้นเราเป็นคนประเภทที่เค้าเรียกว่า อ่านหนังสือปีละ6 บรรทัด นั่นแหละ แต่พออ่านเล่มนี้จบมันเป็นความรู้สึกที่แปลกอ่ะ เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าหนังสือที่ไม่มีภาพ มีแต่แค่ตัวหนังสือเนี่ย มันจะสนุกได้ขนาดนี้ เราไม่เคยนั่งนิ่งๆ ได้นานขนาดนี้มาก่อนเลย ตอนนั้นเราเข้าใจทันทีว่าทำไม ถึงมีคนประเภทที่เค้าเรียกว่า หนอนหนังสือ

       และยิ่งอ่านเล่มต่อๆ ไป ทั้งเรื่องสั้น และเรื่องยาว ขอบอกเลยอ่ะ มันวางไม่ลงจริงๆ เรานั่งอยู่บนเตียงได้ทั้งวัน ลุกไปเฉพาะตอนลงไปกินข้าว กินเสร็จก็รีบขึ้นมาอ่านต่อ เป็นอย่างนี้ทุกวัน จนเราอ่านจบครบทุกเล่มน่ะแหละ(อ่านครบแล้ว ก็ยังอยากอ่านอีกรอบ ^^) และยิ่งรู้สึกทึ่งมากขึ้น เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้มันแต่งมาตั้งร้อยกว่าปีแล้ว!!! ร้อยกว่าปี.....เพิ่มความรู้ให้เราใหม่อีกข้อนึงก็คือ หนังสือ มันเป็นอมตะ ได้แฮะ...^^

       หลังจากนั้นเป็นต้นมา ร้านหนังสือคือที่โปรดของเรา(ไปยืนอ่านอ่ะ) เราอ่านมากขึ้น และเริ่มอ่านทุกๆ อย่างที่เป็นตัวหนังสือ เริ่มอ่านคอลัมน์แนะนำหนังสือต่างๆ และหลังจากยืนอ่านมาหลายร้าน ทำให้เรารู้ว่าหนังสือมันเปิดโลกของเราให้กว้างขึ้นได้มากจริงๆ

       ถึงตอนนี้ก็อ่านไปหลายเล่ม หลายแนวมากเลย ต้องขอบคุณเซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์อ่ะ ที่เขียนหนังสือสนุกๆ ให้เราได้อ่าน ที่สำคัญเราอยากรู้จักเจ้าของหนังสือคนเก่ามากเลย เพราะเค้ารักษาหนังสือได้ดีมาก และ...ทำไมเค้าถึงขายหนังสือสนุกๆ ชุดนี้ได้หนอ.....

      และแน่นอน...เล่มอื่นๆ ที่เราได้อ่านแล้ว จะทยอยๆ มาเล่าสู่กันฟังนะ ^^


----------------------------------------







 

Create Date : 25 ธันวาคม 2547    
Last Update : 3 2548 0:39:37 น.
Counter : 353 Pageviews.  

1  2  3  

sleepless.cs
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add sleepless.cs's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.