Group Blog
 
All Blogs
 

Iliade & Odyssee



       ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ หลังจากไปดู the matrix มา...คือ ไปเห็นโฆษณาหนังเรื่อง Troy น่ะ เห็นว่าอีกนานกว่าจะเข้า ซื้อมาอ่านก่อนคงไม่เสียหายอะไร


       เนื้อเรื่องก็คงทราบกันไปบ้างแล้ว สาเหตุจากสตรีเพศ....เป็นเหตุให้เกิดศึกชิงนาง...ผู้หญิงคนเดียวแย่งกันอยู่ด๊ายยย...(ว่าเข้าไปนั่น ^^').....การที่ได้อ่านเรื่องนี้ ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับคำว่า เทพเจ้า ซะใหม่...เมื่อก่อนเราคิดว่า เทพเจ้าเนี่ย จะต้องทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เป็นแบบอย่างอันดีงาม ตามสมควรที่ปุถุชนจะเคารพกราบไหว้....แต่อ่านเรื่องนี้ยังไม่ทันจบ เราคิดว่า ควรจะมีการบัญญัติศัพท์ไว้เรียกเทพเจ้าของกรีกโดยเฉพาะ...ก็อ่ะนะ ผิดประเวณีกันไปหมด แถมรับสินบน(เครื่องบวงสรวง เซ่นไหว้)กันอุตลุด ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องบนบานศาลกล่าว เทพเจ้ากันเสียก่อน ไม่งั้นการงานที่จะทำ รุ่งยาก!!! ถ้าเทพเจ้าไม่โกรธ ก็เท่าทุน แต่ถ้าโกรธขึ้นมาว่าทำไมไม่ยอมบวงสรวงเรา เมื่อนั้นแหละ ขาดทุนยับ


       ในเรื่อง iliade นี้ คนที่ดูดีมีเหตุผล สมเป็นสุภาพบุรุษที่สุดก็คือ เฮคเตอร์ ส่วนอะคลิลิสนี่ไม่ไหว ดุเดือด เลือดพล่าน โหดร้าย ไร้สติ การที่ปราโทกัสเพื่อนรักของตัวเองต้องตายไป จริงๆ แล้ว อะคลิลิส ก็มีส่วนอยู่ไม่น้อย ไปเคียดแค้นโกรธเคืองเฮคเตอร์ มันก็ไม่ถูกนัก......ก็อย่างว่าอ่ะ บาปของคนอื่นล่ะเห็นชัดนัก แต่บาปของตัวเอง ใกล้ตัวนิดเดียว กลับมองไม่เห็น


       สำหรับตอนที่สะเทือนใจที่สุด ก็คงเป็นตอนที่พระเจ้า priam ไปไถ่ศพเจ้าชายเฮคเตอร์คืนมา....ทั้งตอนที่อ่านในหนังสือ กับตอนที่ไปดูหนัง ฉากนี้สะเทือนใจพอๆ กัน....จิตใจแข็งแกร่งมาก....นั่งคุกเข่าแทบเท้า จูบที่มือ กล่าวคำอ้อนวอน เพื่อไถ่ศพลูกชายคืน...โอ้...จิตใจแข็งแกร่งเกินบรรยาย


       ส่วนเรื่อง odyssee กล่าวถึงการผจญภัยหลังสงคราม ของ ulyssee แม่ทัพผู้ชาญฉลาด(เป็นคนคิดอุบายม้าไม้) ซึ่งแม่ทัพคนอื่นๆ กลับถึงบ้านเกิดเมืองนอนเป็นอันเรียร้อย แต่ยูลิสซีส กลับต้องผจญภัยรอนแรม กลางทะเล ติดเกาะอยู่เป็นเวลานานนับ10 ปี ด้วยเหตุจากความไม่พอใจของเทพเจ้า และเมื่อถึงบ้านเกิด ก็ใช่ว่าจะได้รับการต้อนรับสุขสบายซะเลยทีเดียว เนื่องจากขณะนั้น มีผู้ฉวยโอกาสคิดชิงบัลลังก์และคิดจะช่วงชิงภรรยาสุดที่รักของยูลิสซีสอีกด้วย แต่ด้วยความชาญฉลาด บวกกับพละกำลัง และมีเทพเจ้าองค์นึงคอยช่วยเหลือก ยูลิสซีส จึงเอาชนะภัยทั้งหมดโดยไม่ลำบากนัก


       อุบายของ ยูลิสซีส ที่เราชอบก็คือ "ไม่มีใคร" เป็นอุบายที่ใช้ตอนไปเจอกับยักษ์ตาเดียวไซคลอปอ่ะ


       เมื่อก่อนเราเชื่อคำพูดที่ว่า ลิขิตฟ้า ฤาจะสู้มานะคน.....พออ่านเรื่องนี้จบ มันเข้าทำนอง...ความพยายามเป็นของคน...ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้า....แต่...โชคดีที่เรื่องนี้มันเป็นนิยาย...เราจึงไม่ต้องมานั่งกังวลกับพระเจ้าให้เหนื่อยหัวใจ ^^


       อ้อ...iliade เล่มที่เราซื้อ ไม่มีตอนม้าไม้เมืองทรอยอ่ะ จบแค่ตอนที่พระเจ้า priam ไปไถ่ศพเฮคเตอร์(อ่านในคำนำเค้าบอกว่าแปลมาจาก ต้นฉบับของฝรั่งเศส....เอ แล้วต้นฉบับจากฝรั่งเศสเนี่ย แปลมาจากต้นฉบับเดิมครบรึเปล่าหว่า??)





Iliade แปลจาก Iliade ของ Leconte de Lisle
แปลโดย : ส่งศรี ศรีจันทราพันธุ์, ดร.ปราณี ศิรจันทพันธุ์
สำนักพิมพ์ ข้าวฟ่าง
พิมพ์ครั้งที่ 3
ราคา 120 บาท


โอดิสซี แปลจาก Odyssee ของ Leconte de Lisle
แปลโดย : ส่งศรี ศรีจันทราพันธุ์, ดร.ปราณี ศิรจันทพันธุ์
สำนักพิมพ์ ข้าวฟ่าง
พิมพ์ครั้งแรก
ราคา 120 บาท




 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2548 12:52:17 น.
Counter : 346 Pageviews.  

เจ้าหญิงน้อย : A little princess




       เราเห็นหนังสือเล่มนี้ครั้งแรก ก็สนใจขึ้นมาทันทีเพราะที่หน้าปกเค้าลงไว้ว่า ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ต : เรื่อง.....ความประทับใจจากเรื่อง the secret garden ยังไม่จางหายไปจากใจเรา เพราะงั้นจึงตัดสินใจไม่ยากเลยที่จะซื้อเล่มนี้


       เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กหญิง ซาร่า ครูว์ ลูกสาวนายทหารอังกฤษผู้มั่งคั่งในอินเดีย ซาร่าเป็นเด็กรัการอ่าน ช่างจินตนาการ และมีความคิดอ่านมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แม่ของซาร่าเสียชีวิตเมื่อตอนเธอเกิด ทำให้เธอและคุณพ่อรักกันมาก ซาร่าเป็นทั้งลูกและก็เพื่อนตัวน้อยของกัปตันครูว์เลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อต้องเข้าโรงเรียนประจำที่อังกฤษ ในวัย7 ขวบ ทั้งกัปตันครูว์จึงอาลัยอาวรณ์ซาร่ามากเลยทีเดียว


       เมื่อเธอ มาเข้าเรียนในโรงเรียนประจำ ความมั่งคั่งของพ่อเธอ เป็นเหตุให้ มิสมินชิน อ.ใหญ่เจ้าของโรงเรียน ชื่นชมเธอมากกว่าเด็กคนอื่น ถึงแม้ว่าเธอเองจะไม่ค่อยชอบนิสัยฉลาด, รู้ทัน ของซาร่าก็เหอะ ซาร่าจะต่างจากเด็กคนอื่นก็ตรงที่ ความร่ำรวยของพ่อเธอ ทำให้เธอมีเสื้อผ้าที่หรูหราดูดีกว่าของเพื่อน มีห้องนอนส่วนตัว มีรถม้า และหญิงรับใช้ประจำตัว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ซาร่าคิดว่าตัวเองแตกต่างจากเด็กคนอื่น ซาร่าเป็นเด็กมีเมตตากับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เบ็คกี้ เด็กรับใช้ของโรงเรียน


       ความช่างจินตนาการของซาร่า ทำให้เธอเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อนๆ ได้ไม่อยาก เพราะเธอมักจะแต่งเรื่องราวจากจินตนาการ แล้วเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเสมอ........แม้แต่เด็กที่ไม่ชอบเธอ ก็ยังมานั่งฟังเธอเล่าเรื่องราวนั้น และสิ่งหนึ่งที่เธอชอบจินตนาการก็คือ...การจินตนาการว่า ตัวเธอ เป็นเจ้าหญิง....เธอไม่ได้จินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ สวยงาม เพียบพร้อมไปด้วยภาพลักษณ์ทางมายา แต่เธอขอเป็นเจ้าหญิงที่สูงส่งทางจิตใจ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากมากกว่า


       ซาร่าใช้ชีวิตปกติในโรงเรียนมาได้ประมาณ2 ปี จนวันหนึ่งเธอได้รับจดหมายจากคุณพ่อ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มพูนทรัพย์สินของคุณพ่อเธอ ให้มากขึ้นไปอีก แต่ไม่นานนัก ในวันเกิดครบ11 ขวบของซาร่า เธอได้รับข่าวร้าย ที่ทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไป จากเด็กผู้หญิงที่มั่งคั่งที่สุดในโรงเรียน.....กลายเป็นเด็กอนาถา จากเด็กที่มีห้องนอนส่วนตัว มีรถม้า และหญิงรับใช้ประจำตัว.........เธอต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เป็นเด็กรับใช้จิปาถะประจำโรงเรียน เธอต้องไปนอนห้องใต้หลังคา ซึ่งมีเพียงหนู และเบ็คกี้เป็นเพื่อน


       ถึงแม้เธอจะโดนถากถาง โดนใช้งานอย่างหนัก เธอก็ไม่เคยปริปากบ่น ไม่เคยโต้ตอบอย่างไร้เหตุผล เธอยัง(ทน)สุภาพกับทุกคนเสมอ......กำลังใจของเธอก็คือ จินตนาการที่ว่า...เธอเป็นเจ้าหญิง....เจ้าหญิงต้องอดทน..ไม่ตอบโต้คนอื่นด้วยโทสะ...ต้องแบ่งปันผู้ตกทุกข์ได้ยาก แม้เธอจะหิว แต่เธอก็จะแบ่งปันผู้ที่หิวโหยด้วยเสมอ เมื่อเธอเหนื่อยและลำบากเธอจะนึกถึงคุณพ่อเธอซึ่งเป็นทหาร...ทหารเดินทัพได้ไกลๆ ลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น...จนกระทั่งโชคชะตา ได้เปลี่ยนชีวิตเธอขึ้นใหม่อีกครั้ง...


       อ่า....นิยายเรื่องนี้รวมๆ แล้วอาจจะคล้ายละครน้ำเน่านะ แบบนางเอกตกยากไรเงี้ยอ่ะ แต่...พอคิดอีกแง่นึงมันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะนิยายเรื่องนี้ไม่บทตบจูบ, นางเอกไม่ได้เสียน้ำตาฟูมฟายทุกตอน ไม่มีฉากรบราฆ่าฟันเพื่อแย่งสามีในอนาคต


       มีแต่เรื่องของเด็กคนนึง ซึ่งยึดมั่นในความดี เจ้าหญิงในจินตนาการของเธอ ก็คือ...ความดี เธอจินตนาการว่าเป็นเจ้าหญิง นั่นคือการเตือนตัวเองให้กระทำแต่ความดี โดยไม่ย่อท้อ...ไม่นึกน้อยใจในโชคชะตา เธอจินตนาการว่าตัวเองเป็นนักโทษในคุกบาสตีย์ เป็นเจ้าหญิงตกยาก ที่ถึงแม้จะตกยากยังไงก็ยังรักษาความเป็นเจ้าหญิงของตัวเองไว้ ถึงแม้จะเจออุปสรรคเพียงใด เธอก็ยังยึดมั่นที่จะทำแต่ความดี....เธอจินตนาการชีวิตของเธอ...เธอแต่งชีวิตด้วยตัวของเธอเอง


       สรุป...นี่เป็นอีกเรื่องนึง ที่อ่านได้ทั้งครอบครัว เด็กๆ อ่านก็ได้(ก็มันเป็นวรรณกรรมเยาวชนนิ) ถ้าเด็กมากๆ ก็ควรชี้แนะให้เห็นด้วยว่า หนูซาร่ามั่นใจในความดีแค่ไหน เจออุปสรรคอะไรก็ไม่เคยย่อท้อ....ถ้าเธอย่อท้อซะแต่แรก มันก็จะกลายเป็นเหมือนคำที่เค้าว่า...สังคมชั่ว...ก็เพราะคนดีท้อถอย....อึดเข้าไว้ อย่าให้ความชั่วมาครอบงำเราง่ายๆ


       อ่านเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงที่เค้าว่า....มันจะต้องมีซักวันหนึ่ง ที่เป็นวันของเรา...เป็นวันที่เรามีความสุข ประสบความสำเร็จ.....เพียงแต่ว่า..เราจะอดทนรอจนถึงวันนั้นได้รึเปล่า เท่านั้นแหละ





เจ้าหญิงน้อย :   A Little Princess
ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ต :   เรื่อง
เนื่องน้อย ศรัทธา :   แปล
สำนักพิมพ์ :   แพรวเยาวชน
พิมพ์ ครั้งที่3
ราคา 170 บาท





 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2548 17:38:54 น.
Counter : 16120 Pageviews.  

ในสวนศรี : The Secret Garden



       จะขอกล่าวเท้าความซักหน่อยนึง ถึงหนังสือเรื่องนี้ ซึ่งเราซื้อมาจากศูนย์หนังสือจุฬาฯ....แรกเริ่มเดิมที่ตั้งใจจะไปหาซื้อเรื่อง the never ending story แต่ว่ามันไม่มี ตอนเดินๆ หาอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็น the secret garden สวนศรีลี้ลับ เอ...มันคุ้นๆ พอเปิดอ่านหน้าแรกๆ ก็เออ...ใช่จริงๆ ด้วย


       ย้อนกลับไปในอดีตซักเกือบ2 ทศวรรษที่ผ่านมา ตอนนั้นที่บ้านเช่าวิดีโอเรื่อง the secret garden มาดู ตอนนั้นเรายังเด็กๆ ก็ไม่ได้สนใจดูอะไรมาก แต่พอจับใจความได้ว่า เด็กหญิงคนนึง อยู่อินเดีย พ่อแม่ตาย ก็เลยต้องมาอยู่ที่อังกฤษ.......ก็ไม่ได้สนใจอะไร ลืมๆ ไป พอโตขึ้นมาหน่อย วันนั้นดูการ์ตูนช่อง3 ในเรื่องมีเด็กผู้หญิงคนนึง กำลังเดินตามหาเสียงร้องไห้ ในคฤหาสน์ที่เธออาศัยอยู่ เราก็....คุ้นอีกแล้ว วันต่อมาเลยรีบเปลี่ยนมาดูให้ทันไตเติ้ล ซึ่งก็ใช่จริงๆ อ่ะ the secret garden เราก็ เอ้ย...เรื่องนี้สงสัยดัง สร้างเป็นวิดีโอแล้ว ญี่ปุ่นยังเอามาทำเป็นการ์ตูนอีก แต่พอมาเจอหนังสือ ถึงได้รู้ว่า เค้าสร้างมาจากหนังสือนี่เอง


       ไหนๆ ก็ไม่ได้ the never ending story แล้ว ก็หิ้วเจ้านี่กลับบ้านแทนละกัน ตอนนั้นซื้อมาพร้อมกับเรื่อง โอดิสซี


       นี่เป็นนิยายเรื่องแรกเลยก็ว่าได้ ที่เราอ่านแล้วรู้สึกถึงความอุ่นขึ้นมา และเพิ่งรู้ว่า ความรู้สึกแบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้จากการอ่านหนังสือ


       ตัวละครหลักๆ ในเรื่องล้วนมีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น มารี เด็กหญิงวัย9 ขวบ เกิดและโตที่อินเดีย ถูกเลี้ยงแบบตามใจมาตั้งแต่เล็ก จนกระทั่งวันนึง ความสูญเสีย ได้นำเธอมาอยู่ในอุปการะของคุณลุงในอังกฤษ.....อาชิบอลด์ คราเวน คุณลุงของมารี ผู้ซึ่งมีชีวิตจมอยู่กับความสูญเสียในอดีต....ไม่เคยอยู่ติดบ้าน ออกเดินทางตลอดเวลา เพื่อให้ลืมความสูญเสียในอดีตนั้น คอลลิน ญาติผู้พี่วัย10 ขวบของมารี ลูกชายคนเดียวของอาชิบอลด์ เป็นเด็กอ่อนแอ และอยู่กับความคิดของตัวเองที่ว่า ตัวเองจะตาย เป็นโรคร้ายมีปุ่มงอกที่หลัง และจะไม่มีชีวิตอยู่จนเป็นผู้ใหญ่ได้


       มารีต้องปรับตัวใหม่ การอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนเล่น ไม่มีคนคอยเอาใจ ทำให้เธอต้องเล่นคนเดียว แต่การออกไปวิ่งเล่นคนเดียวนั้นนับว่าเกิดประโยชน์กับเธออย่างมาก จนวันนึง เจ้านกรอบบิ้นอกแดงตัวน้อย ได้พอเธอไปพบกับกุญแจทางเข้าประตูสวน ที่ถูกฝังอยู่ในดินนานนับ10 ปี สวนซึ่งเธอเคยได้ยินแม่บ้านพูดถึงว่า...คุณผู้หญิง เกิดอุบัติเหตุขึ้นในสวนนี้ และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา เป็นเหตุในคุณลุงของเธอ สั่งปิดตายสวนนี้


       ไม่นานนัก มารีก็พบกับสวนนี้เข้าในที่สุด เธอตัดสินใจที่จะพลิกฟื้นให้สวนนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง "สวนศรีลี้ลับ " เธอตั้งชื่อมันไว้ว่าอย่างนั้น เธอจึงร่วมมือกับดิคคอน เด็กท้องถิ่นผู้ซึ่งรักธรรมชาติ ช่วยกันพลิกฟื้นสวนนี้


       มารีไม่เพียงแต่คืนชีวิตให้กับสวนเท่านั้น เธอยังได้คืนชีวิตให้กับคอลลินโดยไม่รู้ตัว........การที่ได้พบคอลลิน การตัดสินใจนำคอลลินเข้าร่วมในความลับเรื่องสวนของเธอกับดิคคอน การที่คอลลินได้พูดคุย ได้ไปที่สวน ได้พยายามลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง และพบว่าตัวเอง ก็สามารถทำทุกๆ อย่างดังเช่น มารีและดิคคอนทำได้ ทำให้สุขภาพกายและจิตของคอลลินดีขึ้น ปมในใจค่อยๆ คลาย ออกไป เค้าไม่กังวลอีกแล้วเรื่องปุ่มที่หลัง เรื่องเค้าจะตายก่อนจะได้เป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้คอลลินมุ่งมั่นถึงอนาคตที่เค้าอยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นผู้คนคว้า นำผลงานออกแสดงให้คนทั่วโลกรับรู้


       ส่วนที่ปิดตายมากว่า10 ปี มีชีวิตใหม่ขึ้นมา พร้อมๆ กับชีวิตใหม่ของ มารี และคอลลิล และอีกชีวิตนึงที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่....อาชิบอลด์ คราเวน คุณลุง และคุณพ่อ ผู้ซึ่งยังจมอยู่กับความสูญเสียในอดีต ไม่กล้ามองลูกชายที่เกิดขึ้นมาในขณะที่ต้องสูญเสียภรรยาไป เค้าไม่เคยมองคอลลินเต็มตาเนื่องจากความกลัวในใจ ว่าลูกจะหลังค่อมเหมือนเค้า.....แต่ ณ ขณะนี้ เด็กทั้ง3 คน กำลังรอคอยให้เค้ากลับมา เพื่อมองดูว่า ตอนนี้คอลลิน ลูกชายคนเดียวของเค้า ไม่ได้เป็นเด็ก อ่อนแอ ขี้โรค จนเค้าต้องเบือนหน้าหนีทุกครั้งที่มองอีกแล้ว....


       ถ้าใครชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชน เราคิดว่าคงจะชอบเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ถึงจะไม่ชอบอ่านก็เหอะ แนะนำๆ อยากให้ลองหามาอ่านกันดู แล้วคุณจะรู้ว่า....นี่เราไม่ได้รู้สึกสุขใจแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะเนี่ย...(เว่อร์ซะ ^^)


       อ้อ...สิ่งนึงที่สะกิดใจในหนังสือเรื่องนี้ก็คือ ตอนที่มิสซิสโซเวอร์บี้(แม่ของดิคคอน) สอนลูกๆ ว่า " ไม่มีใครเป็นเจ้าของผลส้ม " มันช่างคล้ายกับหลักธรรมในศาสนาพุทธที่ว่า สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย --- สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมัน ถือมั่น....






ในสวนศรี   :   The Secret Garden
ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ต   :   เรื่อง
เนื่องน้อย ศรัทธา   :   แปล
สำนักพิมพ์   :   แพรวเยาวชน
พิมพ์ ครั้งที่4
ราคา 165 บาท






 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2548 12:17:39 น.
Counter : 1124 Pageviews.  

The Lord of The Ring




       LOTR เรื่องนี้จะว่าไปแล้วเราตัดสินใจอ่านก่อนแฮร์รี่อีก ทีแรกไม่คิดจะอ่าน แต่เห็นเค้าว่าสนุกกันก็เลยเอาวะ ลองๆ อ่านดู ตอนนั้นก็เล่ม1 แบบปกแข็งไม่มีแล้ว เหลือแต่ปกอ่อน ไอ้เราก็โห...เล่มก็หนานะ ทำไมทำปกแข็งออกมาจำนวนจำกัดฟะ เลยรอๆ ก่อน เพราะมั่นใจว่าเค้าจะทำปกแข็งออกมาอีกแน่ๆ แต่ตอนนั้นก็ซื้อเล่ม2 มาแล้วอ่ะ แต่ดองไว้ก่อน ยังไม่อ่านรออ่านเล่ม1........และแล้วฝันก็เป็นจริง ทางอมรินทร์ทำเล่ม1แบบปกแข็งออกมาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เสียงที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่ ไม่พอใจที่ว่า ในตอนแรกทางสำนักพิมพ์บอกว่าจะพิมพ์แบบปกแข็งออกมาจำนวนจำกัด พอมาพิมพ์ใหม่อีกครั้ง ก็เท่ากับว่าหลอกพวกเค้า แต่เสียงที่เห็นด้วย(รวมทั้งเรา) ก็คิดว่าดีแล้ว หนังสือหนาออกอย่างนั้น ใช้ปกอ่อน หนังสือบวมตายเลย


       สำหรับเรื่องลอร์ดฯ ในความเห็นเรานั้น เป็นนิยายที่อ่านได้เพลินๆ เรื่อยๆ เหมาะกับวันว่างๆ สบายๆ เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มแรก เดินกันเกือบจะจบเล่ม เดินกันอยู่นั่นแหละ เดินจนคนอ่านจะหลับอยู่แล้ววว....จนช่วงท้ายๆ ของเล่ม1 และในเล่ม2-3 ก็ตื่นเต้นตามลำดับ โดยรวมแล้วเราว่าการดำเนินเรื่อง การผูกเรื่องดีนะ เคลียร์หมดทุกอย่าง(ถึงจะไม่ชอบใจ ที่ตอนท้ายอารากอร์น ตัดสินใจทิ้งอาร์เวนให้โดดเดี่ยวก็เหอะ)


       ด้วยเนื้อหา คุณภาพการพิมพ์แล้ว คิดว่าเรื่องนี้ ซื้อเก็บไว้ ไม่เสียดายแน่ๆ


       ก็อย่างที่เค้าว่า ความชั่วร้ายบางทีมันเหมือนขนมหวาน ลองได้กินทีแรก แล้วก็ต้องติดใจ อยากกินอีกต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด จนสุดท้าย......เราก็ถูกอวิชชาครอบงำ จนกลายเป็น.......กอลลัม   :D








 

Create Date : 28 มกราคม 2548    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2548 17:24:57 น.
Counter : 519 Pageviews.  

Harry Potter



       คงไม่ต้องแนะนำให้มากความสำหรับหนังสือเรื่องนี้ แต่อยากจะเล่าให้อยู่หน่อยตรงที่ว่า ตัวเราเองนั้นแม้จะเคยได้ยินจากหลายๆ คนว่า มันสนุกมาก รวมทั้งตอนที่ดูจาก vcd ที่เช่ามา ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้สนุกนะ แต่ก็ไม่คิดจะหามาอ่าน เพราะตอนนั้นยึดติดกับความคิดที่ว่า วรรณกรรมเยาวชน ก็คงไม่ต่างจากนิทานอ่ะแหละ และเราก็โตแล้ว จะกลับไปอ่านนิทานอีกทำไมกัน



       จนวันนึง ไปเดิน b2s เพื่อที่จะหาหนังสืออ่านนี่แหละ ก็เดินๆๆ ตูจะอ่านอะไรดีฟะ สายตาก็เหลือบไปเห็น แฮร์รี่ลด 20%..............อืม.........ลดเท่าจตุจักรเลย......เออ...เอาวะ ลองซื้อไปอ่านดู ก็ซื้อเล่ม1 ไป เสร็จแล้วก็กลับไปอ่านที่บ้าน....ยังอ่านไม่ทันจบเล่มเลย สนุกเฟ้ย....วันรุ่งขึ้นเลยไปซื้อมาอีก ให้ครบ กะอ่านรวดเดียว4 เล่มเลย


       จากที่ได้อ่านแล้วก็คิดว่าสมควรแล้ว ที่หนังสือเรื่องนี้ขายดีไปทั่วโลก นอกจากความสนุกสนาน แบบที่เด็กๆ ชอบแล้ว เรื่องนี้ยังกล่าวถึงหลายๆ อย่าง ในแง่ความรักของครอบครัว และเพื่อนๆ ซึ่งเราคิดว่า เด็กๆ จะได้ประโยชน์มาก ถ้าเค้ารับตรงนี้ได้ อย่างในเล่ม5 จะเห็นได้ชัดในแง่ความรักของครอบครัววีสลีย์ ไม่ว่าเพอร์ซี่จะหนีออกจากบ้านไปไหน จะขัดแย้งกับคนในบ้านยังไง คุณนายวีสลีย์ ก็ยังถักเสื้อกันหนาวประจำครอบครัว ส่งไปให้เหมือนทุกปี และก็ในเล่ม5 อีกเช่นกัน ก็จะเห็นว่าตัวแฮร์รี่นั้นเริ่มโตเป็นวัยรุ่น ความใจร้อน ความมีทิฐิของเค้านี่เอง ที่บางที ทำให้เรื่องมันร้ายแรงขึ้น.....เราคิดว่าเหล่านี้แหละ คือข้อดีของหนังสือเรื่องนี้ ที่มีมากกว่าความสนุก


       เราเคยอ่านเจอบางคนบอกว่า เค้าไม่อ่านลอร์ดฯ ไม่อ่านแฮร์รี่ เพราะไม่อยากตามแฟชั่น ไม่ทำอะไรโหลๆ......แต่เรากลับคิดว่าการอ่านเป็นแฟชั่นที่ดีนะ เชื่อเถอะว่าต่อให้อ่านหนังสือเรื่องเดียวกัน แต่คนแต่ละคน จะได้รับอะไรจากหนังสือเรื่องนั้น ไม่เหมือนกันแน่นอน บางคนเห็นแง่มุมนึง แต่บางคนกลับเห็นอีกมุมนึง หรือไม่เห็นเลยก็มี บางคนคิดว่าที่ตัวเอกในเรื่องตัดสินใจอย่างนั้น เพราะว่าเหตุผลนี้ แต่อีกคนอาจจะบอกว่าไม่ใช่ มันเป็นเพราะเหตุผลอีกอย่างนึงมากกว่า....นี้แหละ คนเราได้อะไรจากหนังสือเรื่องเดียวกัน ไม่เหมือนกันหรอก เว้นแต่ว่าคุณจะอ่านเป็นแฟชั่น อ่านให้จบๆ อ่านให้ผ่านตาไปงั้นๆ เพื่อให้ได้ชื่อว่าตัวเองก็อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน อย่างนี้ต่างหาก ที่เรียกว่าอ่านเป็นแฟชั่นอ่ะ


       ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...ขอพูดเรื่องความไม่ชอบใจในตัวสำนักพิมพ์ซักกะหน่อย......ตั้งแต่ตอนที่ซื้อเล่ม1 มาลองอ่านแล้ว เปิดดูก็งงนิดๆ ว่าหนังสือขายดีของโลก ทำไมพิมพ์ด้วยกระดาษขาวธรรมดาๆ หว่า...แถมกระดาษยังดูบางๆ อีกตะหาก ทั้งๆ ที่หนังสือเล่มอื่นๆ ของสำนักพิพม์นี้ กลับพิมพ์ด้วยกระดาษสีเหลืองนวลหมด!!!??....แต่ก็เคยได้ยินทางสนพ.เค้าออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พยายามทำหลายๆ ทางเพื่อให้หนังสือออกมาราคาถูก พอที่เด็กๆ จะซื้อได้...ก็ไม่เป็นไร อ่านๆ ไป แต่....ไอ้ปัญหาพิมพ์ผิดนี่ดิ ในเล่ม3 เราไม่รู้ว่าตกลงเนวิลล์มี ย่า หรือ ยาย กันแน่ๆ ทั้งๆ ที่เล่ม3 ของเราน่ะ เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่2 แล้วนะ แสดงว่าก่อนจะพิมพ์ใหม่แต่ละครั้ง เค้าคงไม่ได้ตรวจเลยล่ะซิท่าเนี่ย.....แต่นั่นก็ไม่เท่ากับเล่ม5 พิมพ์ผิดหลายที่มาก แต่ที่เรายากจะรับก็คือ พิมพ์ชื่อตัวละครผิด มารีเอตต้า หรือ มาเรียตต้ากันแน่?? นี่มันไม่ได้ผิดแบบว่า คุณพิมพ์ไม้เอก ไม้โทตกหล่นนะ แต่ผิดแบบว่า การออกเสียงเปลี่ยนไปเลย ยังกะใช้คนแปลหลายๆ คนแล้วเอามาเย็บเล่มรวมกันซะงั้นแหละ


       ไม่นานนักทางสนพ.ก็ออกมาขอโทษ...แค่นั้น......เราเองก็ไม่ได้หวังจะให้เค้าคืนเงินหรืออะไรหรอก ก็เข้าใจ ว่าคงลงทุนไปเยอะ คิดว่าเราโชคร้ายเองละกัน แต่ที่ไม่ชอบใจคือ เค้าน่าจะเรียกเก็บของเดิม ออกจากตลาดให้หมด แต่นี่อะไร ยังวางขายต่อ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นของมีตำหนิ ถ้ามันผิดคำ2 คำจะไม่ว่าเลย นี่มันผิดหลายที่มาก แล้วยิ่งเล่ม5 เนี่ย ราคาก็ไม่ใช่น้อยๆ แถมสนพ.ยังเล่นแง่ให้ขายราคาเดียวทั่วประเทศอีก แต่คุณกลับเอาของมีตำหนิมาวางขายราคาเต็ม ให้กับเด็กๆ เจริญล่ะพ่อคุณ...เคยคิดถึงเด็กๆ ที่ต้องเก็บตังค์มาซื้อของคุณอ่านมั๊ยเนี่ย เก็บเงินแทบตาย ต้องมานั่งทู้ซี้อ่านผิดๆ ถูกๆ เอาเอง
ขนาดเล่ม3 พิมพ์ครั้งที่2 ก็ยังมีจุดผิด เราก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว กับมาตรฐาน และคุณภาพการพิมพ์ของสำนักพิมพ์นี้


       ไม่เข้าใจอ่ะ คุณเองก็ทำหนังสือมานาน น่าจะเข้าใจมั่งว่า ความถูก-แพงของหนังสือ บางทีมันวัดกันที่ตัวเลขราคาไม่ได้ เวลาเราซื้อหนังสือ เราเลือกจะตาย ก็เราอยากได้เล่มที่ดูดี แข็งแรง ไสกาวแน่นหนา ถ้ามีปกแข็งเราก็จะเลือกปกแข็ง ต่อให้ต้องเก็บตังค์อีกหน่อยก็เหอะ เพราะมันแข็งแรงกว่ากันเยอะ เก็บไว้ให้หลานๆ อ่านได้อีก อย่างลอร์ดฯ เราก็ยอมซื้อปกแข็งเหมือนกัน สำหรับหนังสือ เราจ่ายมากที่สุด เท่าที่เราจะจ่ายได้ และเราก็ไม่เคยรู้สึกว่าซื้อหนังสือเล่มไหนมาแพงซักครั้ง จนกระทั่งได้อ่านแฮร์รี่เล่ม5 นี่แหละ.....ถึงได้รู้ว่าเราซื้อหนังสือเล่มนี้มาแพงจริงๆ



บ่นบ้าไรวะเนี่ย...ยาวเหยียดเลย - -'









 

Create Date : 26 มกราคม 2548    
Last Update : 26 มกราคม 2548 10:09:23 น.
Counter : 330 Pageviews.  

1  2  3  

sleepless.cs
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add sleepless.cs's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.