วันนี้จะได้นำยางโทนเกียร์ 26 กลับเข้าประจำการอีกครั้งครับ

หลังจากไปทำหน้าที่ ATU อยู่ช่วงหนึ่ง แล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จ

ตอนนี้กลับมาใช้ยางเล็กเหมือนเดิมแล้ว เล็กกว่าเดิมเล็กน้อย

เพราะของเก่าเป็น Kenda blue groove 26x2.5

ตอนเป็น ATU ใช้ยาง Surly larry 26x3.8

อันใหม่เป็น Maxxis high roller II 26x2.4

ขาจานระยะ 137/165mm ใหม่ ก็ได้มาแล้วครับ

ปั่นทั่วไปใช้ 137mm เมื่อต้องการฝ่าด่านโหด ใช้ 165mm

ตอนนี้สมาชิกครบ 4 คันเหมือนเดิมแล้วครับ

ล้อ 26 นิ้ว ก็จะมีขนาดอยู่ระหว่างล้อ 24 กับล้อ 29

ไม่ได้ใหญ่ไปใกล้เคียงกับล้อ 29 นิ้ว เหมือนสมัยเป็น ATU

จากซ้าย ยางโทนใหญ่ ใช้ขาจานระยะ 127/150 mm

ยางโทนเกียร์ 29 ใช้ระยะ 125/150mm

ยางโทนเกียร์ 26 ใช้ระยะ 137/165mm

และยางโทน 24 ใช้ระยะ 137/165mm ติดใจขาจานยาวหน่อย ปีนป่ายได้ดังใจกว่า

ได้เวลาออกทดสอบยางใหม่แล้วครับ

เมื่อกลับมาใช้ยางขนาดเดิม ความคล่องตัวก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วครับ

ออกปั่นยามเย็นแถวบ้านเหมือนเดิมครับ

ลุยออฟโรดเหมือนเคย เพราะชอบแนวนี้อยู่แล้ว

เท่าที่ผมลองใช้ยางมาหลายยี่ห้อ ไม่ว่า Schwalble Kenda หรือ Maxxis

ผมรู้สึกว่าจะประทับใจเนื้อยางของ Maxxis มากที่สุด เพราะเนื้อยางมันนุ่มดี

จับบีบๆ ตรงดอกยางมันดู มันนุ่มนิ่มเหมือนขนมเจลลี่ น่ากินมาก

ส่วนเรื่องของความคุ้มค่า ทนทานต่อการสึกหรอ น่าจะพอๆ กัน เพราะเป็นยี่ห้อคุณภาพทั้งหมด

แต่ Maxxis ได้เปรียบอีกอย่างที่หาซื้อง่ายในบ้านเรา

พื้นที่ใต้ไหล่เฟรมกลับมาโหลงเหลงเหมือนเดิมแล้วครับ

แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มีที่สอดมือหิ้วได้ง่าย

แต่หลายคนอาจจะไม่ชอบ เพราะมันดูตัวถังใหญ่ แต่ล้อเล็ก

ชีวิตแบบชนบท ไม่เร่งรีบ

ลุยกันต่อเลยครับ

ตอนนี้เส้นทางเริ่มยากแล้วครับ

ก็เช่นเคยครับ ปรับขาจานจากระยะ 137mm

เป็นระยะ 165mm ขายานยาวขึ้น เดินทางได้ช้าลง แต่แรงปีนมากขึ้น ลุยได้ดีขึ้น

ด่านดงหญ้ามรณะเริ่มง่ายแล้วครับสำหรับหน้าแล้ง หญ้ามันสั้นลง ร่องเส้นทางมันชัดขึ้น

วันนี้ปั่นไม่ไกลครับ กำลังวกกลับบ้านแล้ว

ขึ้นทางเรียบ ผมก็ไม่ปรับขาจานนกลับไปที่ 137mm นะครับ ปั่น 165mm เลย

เปลี่ยนเกียร์ แล้วออกตัวด้วยเกียร์สูงเลย ทำได้ง่ายเหมือนเดิมแล้วครับ

สำหรับกระบวนการ Shift on the Land

สรุปว่า ความสนุก ความคล่องตัว ในแบบยางโทนเกียร์ 26 กลับคืนมาอีกครั้ง

แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าครับ